ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

          "ล่องแก่ง" นับเป็นกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่ท้าทายความสามารถของผู้รักการผจญภัยทางน้ำ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนนับเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการล่องแก่งเป็นอย่างมาก เนื่องจากน้ำมีปริมาณมาก และยิ่งมีกระแสน้ำไหลแรงมากเท่าใดจะสร้างความตื่นเต้น สนุกสนาน และความท้าทายให้แก่ผู้เล่นเป็นอย่างมาก ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ขอแนะนำสำหรับผู้รักการผจญภัยทางน้ำ หรือการล่องแก่งไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งก็คือ "ล่องแก่งลำน้ำเข็ก" อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งจัดเป็นสนามล่องแก่งที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากลำน้ำเข็กแห่งนี้จะมีกระแสน้ำไหลผ่านเกาะแก่งมากมายตามระดับความ ยากง่ายตลอดเส้นทางสลับกันท้าทายความสามารถของนักล่องแก่งมืออาชีพเป็นอย่างยิ่ง

          โดยในปีนี้ทางจังหวัดพิษณุโลก ได้จัดงาน "เทศกาลชิมกาแฟแก่งซอง ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ประจำปี 2552" ณ บริเวณลำน้ำเข็ก บ้านท่าข้าม หมู่ 2 ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงระหว่าง เดือนกรกฎาคม-ตุลาคม เพื่อประชาสัมพันธ์เทศกาลชิมกาแฟแก่งซอง ล่องแก่งลำน้ำเข็ก และเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศด้วย
  
          ทั้งนี้ ลำน้ำเข็กมีแหล่งกำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ในเขตอำเภอเขาค้อไหลผ่านอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง มาเป็นน้ำตกศรีดิษฐ์ และน้ำตกแก่งโสภา อันสวยงามและมีชื่อเสียงของจังหวัดพิษณุโลก โดยลำน้ำเข็กจะไหลเคียงคู่กับเส้นทางหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก จะมีเกาะแก่งมากมาย ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม เป็นช่วงฤดูฝนลำน้ำเข็กจะมีปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับการล่องแก่งที่มีระดับความยากง่ายต่างกันไป

          สำหรับการล่องแก่งลำน้ำเข็กจะมีระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องประมาณ 3 ชั่วโมง ตลอดเส้นทางท่านจะได้สัมผัสถึงความสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจตลอดเวลาที่อยู่บนเรือยาง พร้อมทั้งยังจะได้ชมทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำที่ถูกปกคลุมไปด้วยไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น และผ่านเกาะแก่งมากมายที่มีความรุนแรงแตกต่างกันไปตั้งแต่ระดับ 1-5 ตลอดเส้นทางสลับกันรวมทั้งหมด 18 แก่ง และในปีนี้มีผู้ประกอบการล่องแก่งนำแพยางมาให้บริการในการล่องแก่งกว่า 20 ลำ

  



          จุดเริ่มต้นของการล่องแก่งลำน้ำเข็กคือ "แก่งท่าข้าม" เป็นแก่งน้ำขนาดเล็ก พอให้นักล่องแก่งได้ฝึกหัดบังคับเรือยางสร้างความคุ้นเคยกับการล่องแก่งลำน้ำเข็ก จากนั้นจะล่องต่อไปที่ "แก่งไทร" เป็นแก่งที่มีระดับความยากอยู่ที่ระดับ 2-3 เป็นแก่งที่มีความคดเคี้ยว มีต้นไม้ปกคลุมหนาแน่นจนนักท่องเที่ยวที่ได้มาสัมผัสแล้วต่างก็ตั้งฉายาให้ กับแก่งนี้อีกชื่อคือ "แก่งมรดกป่า" ในการบังคับเรือยางให้ผ่านแก่งนี้ไปได้จะต้องใช้ทักษะในการบังคับเรือยางพอ สมควรกระแสน้ำจะไหลแยกออกเป็นสองทาง ก่อนล่องไปที่ "แก่งปากยาง" มีความยาวประมาณ 100 เมตร ความยากของแก่งนี้อยู่ที่ระดับ 2-3 แล้วแต่ความรุนแรงของกระแสน้ำ แก่งปากยางนี้จะมีน้ำตกเล็กๆ ที่ลดระดับของชั้นหินขวางอยู่ทั้งลำน้ำ เมื่อผ่านแก่งนี้ไปก็จะเข้าสู่ "แก่งหินลาด" แก่งนี้นักท่องเที่ยวจะสนุกกันอย่างสุดเหวี่ยง เนื่องจากเป็นแก่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องยึดตัวให้อยู่บนเรือ ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกกระแสน้ำซัดตกเรือ หรือกระเด็นไปอยู่หัวเรือ-ท้ายเรือได้ เพราะแก่งนี้มีกระแสน้ำที่ค่อนข้างรุนแรง
  
          จากนั้นล่องต่อไปยัง "แก่งสวนรัชมังคลา" ซึ่งแก่งนี้จะเป็นแก่งที่สนุกสนานอีกแก่ง เพราะนักท่องเที่ยวต้องบังคับเรือยางผ่านโขดหินเล็กที่เรียงรายกันอยู่กลางน้ำ แก่งนี้ถ้าเป็นช่วงที่มีน้ำขึ้นจะมีคลื่นสูงถึง 1 เมตร ผ่านจุดนี้ไปก็เข้าสู่ "แก่งซาง" เป็นอีกแก่งหนึ่งที่เป็นลักษณะของลานหินกว้าง ลดหลั่นกันลงไปตามระดับแต่ละช่วง แก่งนี้จึงมีความยากอยู่ในระดับ 4-5 เลยทีเดียว และมาที่ "แก่งโสภาราม" เป็นแก่งคดเคี้ยวเลี้ยวไปมาคล้ายตัวเอส ความรุนแรงของกระแสน้ำไม่มากนัก แต่นักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะในการพายเรือยางค่อนข้างสูง ก่อนเข้าสู่ "แก่งนางคอย" ซึ่งอยู่ห่างจากแก่งซางระยะทางไม่ไกลกันเท่าใดนัก ลักษณะของแก่งจะค่อยๆ ลดระดับกันลงมาเป็นชั้นๆ ในบางครั้งกระแสน้ำที่ไหลกระทบกับชั้นหิน ของแก่งนางคอยจะมีความสูงเกือบสองเมตรเลยทีเดียว ดังนั้น ในการล่องเรือยางผ่านแก่งนางคอยนั้นนักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะในการพายสูง มิฉะนั้นโขดหินและเกาะแก่งต่างๆ ที่จมอยู่ใต้น้ำอาจจะทำให้เรือยางพลิกคว่ำลงได้ง่ายๆ

          ต่อด้วย "แก่งยาว" แก่งนี้จะมีความยาวถึง 100 เมตร สมกับชื่อของแก่ง โดยกระแสน้ำจะไหลผ่านโขดหินตลอดจนเกาะแก่งที่จมอยู่ใต้น้ำมากมายในช่วงฤดูฝน ในบางช่วงของแก่งกระแสน้ำอาจจะลดระดับลาดเอียงเทลงอย่างน่าใจหาย นักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะในการพายเรือผ่านแก่งนี้ค่อนข้างสูง เมื่อผ่านแก่งยาวไปได้แล้วแก่งต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่นั้นไม่ว่าจะเป็น "แก่งคงสัก" "แก่งวังน้ำเย็น" และอีกหลายๆ แก่งที่มีความยากอยู่ในระดับ 2-3 หรือ 3-4 เท่านั้น โดยแก่งทั้งหมดที่เหลือนั้นนักท่องเที่ยวยังสามารถลงไปลอยคอผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้เย็นสบายใจได้ และมาถึงแก่งสุดท้ายก่อนจะขึ้นฝั่งคือ "แก่งทับขุนไทร" รวมทั้งสิ้น 18 แก่ง ซึ่งตลอดเส้นทางที่ล่องแก่งนั้นนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความสนุกสนาน ตลอดสายน้ำที่มีความเป็นธรรมชาติตลอด 3 ชั่วโมง

  



          อย่างไรก็ตาม นอกจากสนุกสนานการล่องแก่งลำน้ำเข็กแล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้ชิมกาแฟแก่งซอง ซึ่งเป็นกาแฟท้องถิ่นพันธุ์อาราบิก้า ต้นตำรับแท้ๆ ที่มีความเข้มข้น หอมละมุน จึงมีชื่อเรียกติดปากว่า "กาแฟแก่งซอง" ซึ่งเป็นกาแฟที่ปลูกอยู่ทั่วไปบริเวณตำบลแก่งโสภา จนปัจจุบันกาแฟแก่งซองเป็นกาแฟขึ้นชื่อของจังหวัดพิษณุโลก และเป็นที่ยอมรับของคอกาแฟ และผู้จำหน่ายกาแฟทั่วไปอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารขึ้นชื่ออีกมากมายที่เปิดเลียบริมแม่น้ำเข็กรอรับ นักท่องเที่ยวให้แวะมาลองชิม โดยอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารประเภทปลาแม่น้ำที่ชาวบ้านหามาได้จากลำน้ำเข็ก ซึ่งเป็นปลาธรรมชาติที่มีอยู่อย่างชุกชุมเพื่อนำมาปรุงอาหารให้กับนักท่องเที่ยวได้ลองลิ้มชิมรสปลาแม่น้ำสดๆ
  
          ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวผู้รักการผจญภัยทางน้ำท่านใด สนใจจะมาล่องแก่งลำน้ำเข็ก อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท.สำนักงานการท่องเที่ยวภาคเหนือ เขต 3 จ.พิษณุโลก โทรศัพท์ 0-5525-2742-3




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

โดย : มาโนชญ์  บุญยัง


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก อัปเดตล่าสุด 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 18:59:20 5,311 อ่าน
TOP
x close