นั่งรถไฟ 2 จังหวัด สู่วิถีตลาดน้ำ เสน่ห์ที่ไม่ต้องปรุงแต่ง

รถไฟ


นั่งรถไฟ 2 จังหวัด สู่วิถีตลาดน้ำ เสน่ห์ที่ไม่ต้องปรุงแต่ง (กรุงเทพธุรกิจ)

          วันหยุดนี้ไปเที่ยวไหน ดีนะ?? ปลายปีแบบนี้หลายคนคงมองหาแหล่งพักผ่อนหย่อนใจระยะใกล้ ที่สะดวกสบาย ครบเครื่องภายในวันหยุดสั้น ๆ เสาร์-อาทิตย์ วันนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และ สมาคมท่องเที่ยว สนท. สธทท. ADT, ATTA และ TEATA มีกิจกรรมท่องเที่ยวน่ารัก ๆ ส่งท้ายปี 2552 สู่ ปี 2553 มาแนะนำกัน กับแคมเปญ "วันหยุดนี้...ไปนั่งรถไฟเที่ยวกันเถอะ" โดยเปิดเส้นทางใหม่ล่าสุด "นั่งรถไฟ 2 จังหวัด สู่วิถีตลาดน้ำ เสน่ห์ที่ไม่ต้องปรุงแต่ง"


นั่งรถไฟเที่ยว


          วันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการด้านการตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า โครงการเที่ยวรถไฟครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก เปิดตัวมาตั้งแต่ต้นปี 2552 ในหลายเส้นทาง เพื่อเป็นการสร้างกระแสการท่องเที่ยวให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและรณรงค์ให้ คนไทยเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ล่าสุดเราได้เปิดเส้นทางนั่งรถไฟท่องเที่ยวเมือง 2 สมุทร คือสมุทรสาครและสมุทรสงคราม ซึ่งถือว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องที่มีสถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย และมีจุดเด่นที่มนต์เสน่ห์ของการคงไว้ซึ่งวิถีค้าขายทางน้ำแบบไทย ๆ อย่างแท้จริง เป็นอีกรูปแบบการท่องเที่ยว และในอนาคตเราเตรียมเปิดเส้นทางเพิ่มให้ครบทุกภาค

          ยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รฟท.ยินดีสนับสนุนทุกภาคส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย รวมถึงการท่องเที่ยวทางรถไฟที่เราดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2514 ครั้งนี้เราได้ร่วมมือกับ ททท.
ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในการเปิดเส้นทางที่หลากหลาย ในส่วนของเส้นทางใหม่ 2 จังหวัด สมุทรสาครและสมุทรสงครามนี้ เราได้มีการปรับแต่ภูมิทัศน์สองข้างทางรถไฟ เพื่อให้นักท่องเที่ยว สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้ชัดขึ้น ได้เต็มอิ่มกับบรรยากาศที่แตกต่างจากเส้นทางอื่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสัมผัส อีกทั้งเราจะมีการปรับปรุงตู้โดยสารรถไฟให้สะอาดสะดวกสบายเหมาะแก่การท่องเที่ยวมากขึ้น พร้อมเตรียมปรับปรุงขนาดรางรถไฟให้ใหญ่ขึ้นด้วย


วัดช่องลม


          การเดินทางรอบพิเศษครั้งนี้เริ่มจากนั่งรถโค้ชจาก กทม. ไปยัง วัดช่องลม ชื่นชมธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำ ระหว่างรอรถไฟขบวนหรรษาที่กำลังเคลื่อนมาจากสถานีวงเวียนใหญ่ มารับพวกเราที่ สถานีท่าฉลอม ไปสู่สถานีปลายทางแม่กลอง ก็เข้าไปกราบนมัสการพระบรมรูป ร.5 ภายในวัดช่องลม และหลวงปู่แก้ว ที่ ร่างกายไม่เน่าเปื่อยที่บรรจุใจโลงทองในอุโบสถวัดช่องลม บนผนังโบสถ์มีประติมากรรมธรรมชาติอันงดงามจากมูลนกตัวน้อย จากนั้นเราข้ามกราบนมัสการพระโพธิสัตว์กวนอิม ที่อยู่อีกฝั่งรางรถไฟ ก่อนขึ้นขบวนรถไฟที่มาถึงในเวลา 10 โมงนิด ๆ เสน่ห์อีกอย่างของขบวนรถสายนี้ที่ชาวท่าฉลอมบอกมาคือ เป็นรถไฟสายเดียวที่ไม่ต้องตีตั๋วจากสถานี แต่ขึ้นไปซื้อตั๋วบนรถได้เหมือนรถเมล์

          ก้าวขาขึ้นขบวนรถไฟปุ๊บก็เห็นใบหน้ายิ้มแย้มจาก คุณอภิชาติ โตดิลกเวชช์ รอง ผวจ.สมุทรสาคร ที่มารอต้อนรับและให้ข้อมูลแบบเป็นกันเอง โดย คุณอภิชาติ เล่าว่า สมุทรสาครเป็นเมืองประวัติศาสตร์กว่า 150 ปี แม่น้ำท่าจีน ซึ่งอยู่ตรงท่าฉลอมในปัจจุบัน เมื่อก่อนเป็นที่จอดเรือสำเภาจีน สมัยอยุธยา ปี 2011 สมเด็จพระมหาจักพรรดิ ได้เปลี่ยนชื่อจากท่าจีน เป็นสาครบุรี ต่อมาสมัย ร.4 เปลี่ยนเป็นสมุทรสาคร ส่วนคลองมหาชัยเกิดในสมัยอยุธยา ยุคพระศรีสรรเพชรที่ 8 หรือ พระเจ้าเสือ ที่มีการประหารพันท้ายนรสิงห์ นายท้ายเรือพระที่นั่ง หลังพันท้านนรสิงห์ตาย ให้ขุดคลองตัดตรงมาจากกรุงเทพฯ มาถึงคลองมหาชัย ระยะทางประมาณเกือบ 70 กิโลเมตร เรียกว่าเป็นอนุสรณ์ที่ประหารพันท้ายนรสิงห์ ก็ว่าได้


ตลาดน้ำ


          "สมุทรสาครเป็นเมืองหนึ่งจังหวัด 4 ประเทศ คือ ไทย เขมร ลาว พม่า อยู่ที่นี่เยอะ เรามีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย มีคลองกว่า 270 คลอง เรือกว่า 1,700 ลำ เสน่ห์ของมหาชัยคือ อาหารทะเล โดยเฉพาะหน้าหนาวจะมีปลาโลมาเข้ามาน่านน้ำนี้ประมาณ 2 ฝูงในทุกปี มีกิจกรรมสนุกสนานทุกเดือนตลอดปี การเดินทางโดยรถไฟมาเที่ยว 2 จังหวัดหวัดครั้งนี้ นอกจากประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากแล้วยังได้เต็มอิ่มทุกรส อีกทั้งมีความสะดวกสบายในการเดินทางและท่องเที่ยว ล่าสุดเราตรียมจัดทำอะควอเลี่ยมขนาดใหญ่ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของการท่องเที่ยวด้วย" คุณอภิชาติ เล่า

          ระหว่างทางที่นั่งบนรถไฟนั้น นอกจากอากาศที่สดชื่นแล้ว มองผ่านหน้าต่างออกไปจะเห็นวิถีชีวิตชาวบ้านที่ทำนาเกลือบนที่ผืนใหญ่ สลับสภาพป่าโกงกางที่สมบูรณ์ มีนกหลากหลายบินอยู่รอบ ๆ และบ้านเรือนผู้คนแถบนั้น ที่อยู่ชิดทางรถไฟมากจนรู้สึกเหมือนหน้าต่างรถไฟเป็นหน้าต่างบ้านของเขาเลยทีเดียว ภาพรอยยิ้มอันอบอุ่นจากชาวชุมชนที่โบกมือทักทายเราจากหน้าต่างบ้านของเขา ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำว่าไม่มีที่ไหนเที่ยวสุขใจเท่าเมืองไทยอีกแล้ว
 
          ก้าวลงจากรถไฟ สถานีปลายทางแม่กลอง ซึ่งอยู่ติดแม่น้ำแม่กลอง (รางรถไฟมาสิ้นสุดลงที่นี่) คุณประภาศ บุญยินดี ผู้ ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ยืนรอให้การต้อนรับ ก่อนพาไปทานอาหารในบรรยากาศสบายริมแม่น้ำ พร้อมเล่าถึงวิถีชีวืตของชาวเมืองว่า ช่วงที่ผ่านมาการท่องเที่ยวที่สมุทรสงครามบูมขึ้นมาก แหล่งท่องเที่ยวของเรามีมากกว่าตลาดอัมพวาที่อยากแนะนำ เรามีตลาดน้ำหลายแห่ง มีคลองกว่า 360 คลองที่น่าสนใจให้ล่องเรือพร้อมบริการนวดสปาบนเรือ แม้ปัญหาของเราคือเป็นเมืองเก่าไม่สามารถขยายเมืองได้ จะเห็นว่าถนนหลายสายยังเป็นถนนเล็ก ๆ ที่จอดรถอาจจะน้อย แต่นั่นคือสีสัน คือเสน่ห์ของเราที่ทุกคนชื่นชอบและอยากมาสัมผัส จังหวัดเล็กที่สุดในประเทศ แต่มีการท่องเที่ยวครบทุกรส ทั้งการล่องเรือ การเดินชมธรรมชาติเหมาะสำหรับการพักผ่อนในทุก ๆ วันหยุด กับการท่องเที่ยงเชิงนิเวศน์ ล่าสุดเราเตรียมเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และแหล่งเพาะพันธ์กุ้งแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วย ซึ่งเราพร้อมรับนักเที่ยวทุกด้าน


ตลาดร่มหุบ


          จากนั้นเดินชมวิถีค้าขายทับเส้นทางรถไฟของชาว ตลาดร่มหุบ ซึ่งเปิดกันตั้งแต่ตี 4 ยัน 6 โมงเย็นทุกวัน เสน่ห์ของที่นี่คือ ทุกครั้งที่ขบวนรถไฟจะวิ่งผ่านพ่อค้า แม่ค้าจะรีบเก็บข้าวของออกจากทางรถไฟ พร้อมหุบร่มไม่ให้กีดขวงขบวนรถอย่างรถเร็ว สร้างสีสันและรอยยิ้มแก่นักท่องเที่ยว ที่พลายลุ้นพลอยสนุกสนานไปด้วยว่าพ่อค้าแม่ค้า จะเก็บของหุบร่มกันทันหรือไม่ ซึ่งพ่อค้า แม่ค้าที่นี่บอกว่าต้องหุบร่มกันวันละ 8 รอบทีเดียว

          จากนั้นเดินทางสู่ ตลาดน้ำบางน้อย ย่านการค้าทางน้ำอันรุ่งเรืองของไทยเมื่อ 40 ปีก่อน ที่ยังคงมนต์เสน่ห์ให้หลงไหลกับหลากร้านค้าที่มีทุกอย่างครบครั้นทั้งร้าน อาหาร สปา เสื้อผ้า ของที่ระลึก ก่อนล่องเรือชมบ้านเรือนไทยและวิถีชีวิตชาวบ้านริม 2 ฝั่งแม่น้ำในบรรยากาศสดชื่น ไปเทียบท่าน้ำยัง วัดบางกุ้ง ค่ายทหารเรือป้อมปราการสำคัญในการปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึกสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ภายในวัดมี โบสถ์ปรกโพธิ์ ที่เก่าแก่กว่า 100 ปี เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand มองข้างนอกเห็นตัวโบสก์เพียงแค่หน้าต่าง จากนั้นเข้ากราบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งอยู่ห่างจากโบสถ์ไปด้านขวาประมาณ 50 เมตร และเยี่ยมชมหุ่นปั้นแสดงศิลปะการต่อสู้ในสมัยโบราณที่ใช้ปกบ้านป้องเมืองมาถึงปัจจุบัน ก่อนเดินทางกลับ


ตลาดร่มหุบ


          การเดินทางที่คุ้มค่าแบบนี้มีขึ้นทุกเสาร์-อาทิตย์ โดยจะเริ่มทริปแรกวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายนนี้ จนถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ 2553 นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเลือกโปรแกรมท่องเที่ยวที่เตรียมไว้ให้ถึง 3 แพคเกจ ทั้งแบบไปเช้า-เย็นกลับและแบบพักค้างคืนเพื่อชื่นชมบรรยากาศได้อย่างเต็ม ที่สนนราคาแพคเกจอยู่ที่ 999-2,499 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สายด่วนท่องเที่ยว 1672 หรือ สายด่วนรถไฟ 1690

          วันหยุดนี้...ไปนั่งรถไฟเที่ยวกันเถอะ





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นั่งรถไฟ 2 จังหวัด สู่วิถีตลาดน้ำ เสน่ห์ที่ไม่ต้องปรุงแต่ง อัปเดตล่าสุด 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 16:29:06
TOP
x close