เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ แวะหมู่เกาะตะรุเตา-อาดัง-ราวี












เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบโดย คุณ OaddybeinG

          ในวันพักผ่อนอันแสนสบาย หากว่าใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อหวังพักผ่อนกายาให้สบายอุราเพลิดเพลินใจ วันนี้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวเจ๋งๆ มาแนะนำเพื่อนๆ กันอีกเช่นเคย นั่นก็คือ... เกาะหลีเป๊ะ ในจังหวัดสตูลนั่นเอง 

          สตูล... แม้เป็นเพียงจังหวัดชายแดนเล็กๆ บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันทางภาคใต้ของประเทศไทย แต่ก็มีเกาะแก่งที่งดงามเป็นที่กล่าวขาน ทั้งยังอุดมด้วยธรรมชาติป่าเขาที่สมบูรณ์ สำหรับ "เกาะหลีเป๊ะ" เป็นเกาะเล็กๆ ของจังหวัดสตูล มีลักษณะแบนๆ คล้ายบูมเมอแรง ชื่อ "เกาะหลีเป๊ะ" หมายถึง เกาะที่ราบเรียบคล้ายกระดาษ ซี่งมีที่มาจากภาษาท้องถิ่นชาวน้ำหรือชาวเล  

          จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ คือ ความเป็นธรรมชาติของปะการังรอบเกาะ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายละเอียดนิ่มเหมือนแป้ง มีชายหาดหลักๆ อยู่ 3 หาด คือ หาดซันเซ็ท หาดซันไรส์ และหาดพัทยา (บันดาหยา) 


หาดพัทยา - หาดบันหยา

หาดพัทยา - หาดบันหยา



          สำหรับหาดซันเซ็ทนั้น เป็นชายหาดที่เหมาะกับคนที่ต้องการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง เพราะเป็นหาดที่ค่อนข้างเงียบสงบ บรรยากาศดี ขณะที่หาดซันไรส์ก็น่าเที่ยวไม่แพ้กัน เพราะที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยสุดในเกาะหลีเป๊ะ แถมยังมีที่พักมากมายไว้รองรับนักท่องเที่ยวได้อีกเพียบ และหาดพัทยา (บันดาหยา) หาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความหลากหลายทั้งที่พัก อาหาร และเครื่องดื่ม จนได้รับการขนานนามว่า "พัทยา 2" เนื่องจากคึกคักเหมือนเมืองพัทยาจริงๆ 

          ส่วนกิจกรรมที่เป็นที่นิยมบนเกาะหลีเป๊ะ คือ การดำผิวน้ำ และการดำน้ำลึก เพราะเพียงแค่ออกจากชายหาดไปนิดเดียว คุณก็สามารถสนุกกับการดำผิวน้ำได้ทันที แต่จุดดำน้ำที่ดีที่สุด จะถูกรวมอยู่ในทริปดำน้ำแบบวันเดียวที่ถือเป็นทริปยอดนิยม มีการนำชมเกาะต่างๆ ใกล้เคียง รวมถึงการรับประทานอาหารเที่ยงบนชายหาดที่สวยงาม ร้านดำน้ำ และรีสอร์ทต่างๆ มักจะมีอุปกรณ์ดำน้ำให้เช่า และสามารถจัดเรือให้บริการสำหรับทริปดำน้ำต่างๆ อย่างไรก็ตาม การเล่นน้ำชมปะการังและฝูงปลาที่เกาะหลีเป๊ะ สามารถทำได้ทั่วทั้งเกาะ เพียงแต่บางพื้นที่อาจต้องคอยระวังจุดที่น้ำตื้นมากๆ เพราะอาจพลาดไปเหยียบพวกตัวปะการังและหอยเม่นเข้า (ขืนเป็นอย่างนั้นล่ะ หมดสนุกแน่ๆ) 

          นอกจากนี้ หากคุณอยากนอนกินลมชมวิวชิลๆ หรือจะเลือกเล่นน้ำเพลินๆ เดินเล่นชายหาด ก็สามารถทำได้ไม่มีใครว่า แถมที่นี่ (ก็เกาะหลีเป๊ะนั่นแหละ) ยังมีบริการบ้านพักไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย และนักท่องเที่ยวยังสามารถเช่าเรือไปยังเกาะต่างๆ ได้ในราคาลำละ 1,500 - 1,800 บาท นั่งได้ 8 - 9 คน โดยติดต่อกับทางรีสอร์ทที่มีบริการทัวร์บนเกาะนั่นล่ะค่ะ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวที่เกาะหลีเป๊ะได้ทุกฤดูกาล ส่วนฤดูกาลท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุด อยู่ระหว่างเดือนธันวาคม ถึงเดือนมกราคม 

การเดินทาง 





          เรือออกจากท่าเรือปากบารา เวลา 10.30 น. และ 13.30 น. โดยจะแวะที่เกาะตะรุเตาก่อน จากนั้นจะเดินทางไปยังเกาะอาดัง และหลีเป๊ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ค่าโดยสารไป - กลับ 800 บาท สามารถสอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจังหวัด โทร.0-7471-1055 และ ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร.0-7472-1375  

          เอาล่ะ!! หลังจากทำความรู้จักกับ "เกาะหลีเป๊ะ" กันไปแล้ว เราก็ขอแนะนำให้รู้จักกับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปอีก 2 แห่ง ซึ่งเป็นทางผ่านระหว่างนั่งเรือไปที่เกาะหลีเป๊ะพอดี นั่นก็คือ "เกาะตะรุเตา" และ "หมู่เกาะอาดัง – ราวี" นักท่องเที่ยวหลายท่านนิยมจัดโปรแกรมท่องเที่ยว 3 เกาะดังกล่าวให้อยู่ใน 1 ทริปเดียวกัน เพราะมาเที่ยวทั้งทีก็ต้องเที่ยวให้คุ้มกันหน่อยจริงไหม (อิอิ)  

อุทยานแห่งชาติตะรุเตา 


 










          เริ่มกันที่ "เกาะตะรุเตา" ก่อนแล้วกัน เพราะเป็นเกาะแรกที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะไปเที่ยวก่อน หลังออกเดินทางจากท่าเรือปากบารา... "เกาะตะรุเตา" นับเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา มีพื้นที่ 152 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีอ่าวน้อยใหญ่ที่มีชายหาดสวยงามอยู่หลายแห่ง และในท้องทะเลของเกาะตะรุเตายังมีพันธุ์ปลามากมายหลายชนิด รวมทั้งเต่าทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ 4 ชนิด คำว่า "ตะรุเตา" นี้ เพี้ยนมาจาก คำว่า "ตะโละเตรา" ในภาษามลายูแปลว่า "มีอ่าวมาก" ว่าแล้วเรามาดูกันดีกว่าว่าที่เกาะตะโละเตรา เอ้ย! เกาะตะรุเตาเนี่ยมีตรงไหนน่าเที่ยวบ้าง 

          ... "อ่าวพันเตมะละกา" อ่าวที่มีชายหาดยาวขาวสะอาด น้ำทะเลสีใส เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนหนึ่งจัดเป็นนิทรรศการแสดงเรื่องของธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของเกาะตะรุเตา ทั้งนี้ อ่าวพันเตมะละกา ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม และจากอ่าวพันเตมะละกา ยังสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวผาโต๊ะบูได้อีกด้วย หรือจะเลือกไปเดินชิลๆ ที่ "อ่าวจาก" อ่าวเล็กๆ ติดต่อกับอ่าวพันเตมะละกา "อ่าวเมาะและ" มีหาดทรายขาวสะอาด และดงมะพร้าวสวยงาม "อ่าวสน" ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 8 กิโลเมตร เป็นอ่าวรูปโค้งที่มีหาดทรายสลับกับหาดหิน และเป็นที่วางไข่ของเต่าทะเล 

          ต่อกันที่ "อ่าวตะโละวาว" อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ ตต.1 (ตะโละวาว) พื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งนิคมฝึกอาชีพสำหรับนักโทษกักกันและนักโทษอุกฉกรรจ์ ปัจจุบัน ทางอุทยานฯได้จำลองอาคารสถานที่ที่เคยอยู่ในนิคมฝึกอาชีพ เช่น บ้านพักของผู้คุม เรือนนอนของนักโทษ โรงฝึกอาชีพ ไว้ในบริเวณดังกล่าว "อ่าวตะโละอุดัง" อยู่ทางทิศใต้ของเกาะ ห่างจากเกาะลังกาวี 8 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯที่ ตต.2 (ตะโละอุดัง) อดีตเป็นที่กักกันนักโทษการเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มนักโทษจากเหตุการณ์กบฏบวรเดช และกบฏนายสิบ

          สำหรับคนที่ชอบเล่นน้ำตกพลาดไม่ได้ ต้องไปที่นี่เลย "น้ำตกลูดู" น้ำตกขนาดเล็กที่มีความสวยงามมาก อยู่ห่างจากอ่าวสนประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งจากบริเวณอ่าวสนมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติไปยังน้ำตกลูดูด้วย หรือจะเลือกไปเดินสำรวจธรรมชาติที่ "ถ้ำจระเข้" ถ้ำที่มีความลึกประมาณ 300 เมตร ภายในมีหินงอกหินย้อยสวยงามและมีลักษณะแตกต่างกันไป การเดินทางไปถ้ำจระเข้ต้องนั่งเรือหางยาวไปตามคลองพันเตมะละกา ซึ่งอุดมไปด้วยป่าชายเลนที่มีไม้โกงกางจำนวนมากตลอดสองฝั่งคลอง โดยใช้เวลาล่องเรือประมาณ 15 นาที และใช้เวลาชมถ้ำประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ ผู้ที่จะเที่ยวชมภายในตัวถ้ำควรนำไฟฉายไปด้วย 



- ถ้ำจระเข้ -



          จุดชมวิว "ผาโต๊ะบู" สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 60 เมตร อยู่ด้านหลังที่ทำการอุทยานฯ เป็นจุดชมทิวทัศน์ของเกาะบริเวณชายหาดอ่าวพันเตมะละกา จะเห็นเกาะบุโหลน เกาะกลาง เกาะอาดัง เกาะราวี หมู่เกาะเภตรา และเกาะไข่ ใช้เวลาเดินขึ้นจุดชมวิวประมาณ 20 นาที  

การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา

          ท่าเรือปากบารา อยู่ห่างจากอำเภอละงูประมาณ 8 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ปากคลองละงู ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู เป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้เกาะตะรุเตามากที่สุด ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร และใกล้ท่าเรือเป็น ที่ตั้งของศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติตะรุเตา บริเวณท่าเรือปากบารา

         สตูล - ท่าเรือปากบารา จากอำเภอเมือง จังหวัดสตูล สามารถเดินทางไปยังท่าเรือปากบาราได้ดังนี้ 

          รถยนต์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 406 ถึงบ้านฉลุง แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 416(สตูล-ละงู) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 4052 ซึ่งแยกจาก อ.ละงู ตรงไปสู่ท่าเรือปากบารา 

          รถโดยสาร มีรถแท็กซี่โดยสารสายสตูล - ปากบารา ออกจากตัวเมืองสตูล บริเวณข้างธนาคารกรุงเทพ สาขาสตูล วิ่งบริการวันละหลายเที่ยว นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวและรถตู้ วิ่งบริการจากบริเวณ ตัวเมืองด้วย 

          อำเภอหาดใหญ่ - ท่าเรือปากบารา จากอ.หาดใหญ่ สามารถเดินทางไปยังท่าเรือปากบาราได้ ดังนี้ 

          รถยนต์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 406 ถึงบ้านฉลุง จังหวัดสตูล แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 416 (สตูล - ละงู) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 4052 ซึ่งแยกจาก อำเภอละงู ตรงไปสู่ท่าเรือปากบารา 

          รถโดยสารประจำทาง รถออกจากสถานีขนส่งหาดใหญ่ตั้งแต่เวลา 06.20 - 16.20 น. รถจอดบริเวณตรงข้ามหอนาฬิกา ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงครึ่ง สอบถามรายละเอียดที่ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด โทร. 0-7424-3797 

          รถตู้โดยสาร จอดที่ข้างคลีนิคหมอสมโภชน์(ใกล้สถานีรถไฟ) รถจะออกทุกหนึ่งชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 07.00 – 18.00 น. สอบถามรายละเอียดที่ บริษัท สตูลขนส่ง จำกัด โทร. 0-7424-5655

          ท่าเรือปากบารา - อุทยานแห่งชาติตะรุเตา 

          ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวตะรุเตาราวเดือนพฤศจิกายน - เมษายน มีบริการเรือโดยสารสู่เกาะต่างๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ท่าเรือปากบารา - ตะรุเตา บริการทุกวัน ค่าเรือโดยสารไป-กลับ คนละ 300 บาท

          เที่ยวไป 10.30 และ 15.00 น. 
          เที่ยวกลับ 09.00 และ 13.00 น.


ระยะทางจากท่าเรือ – เกาะต่างๆ 

          ท่าเรือปากบารา 

          - อ่าวพันเตมะละกา (เกาะตะรุเตา) 22 กิโลเมตร 
          - เกาะอาดัง 80 กิโลเมตร 
          - เกาะหลีเป๊ะ 82 กิโลเมตร

          เกาะตะรุเตา 
          - หมู่เกาะอาดัง-ราวี 40 กิโลเมตร 
          - เกาะหลีเป๊ะ 40 กิโลเมตร 
          - เกาะไข่ 14.5 กิโลเมตร

         เกาะอาดัง 

          - เกาะหลีเป๊ะ 2 กิโลเมตร 
          - เกาะหินงาม 2.5 กิโลเมตร 
          - เกาะไข่ 17 กิโลเมตร

เกาะไข่





          อ๊ะๆ ไหนๆ ก็พูดถึงชื่อ "เกาะไข่" ขึ้นมาแล้ว งั้นวันนี้เราขอแนะนำให้รู้จักกับ "เกาะไข่" สักหน่อยแล้วกัน เพราะเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อ แต่อาจจะยังไม่รู้จักกับที่นี่กันสักเท่าไร... "เกาะไข่" อยู่ห่างจากเกาะตะรุเตาไปทางทิศตะวันตก ใช้เวลาเดินทางจากเกาะตะรุเตาประมาณ 40 นาที สิ่งที่มีชื่อเสียงบนเกาะไข่ ได้แก่ ซุ้มประตูหินธรรมชาติ ที่เป็นสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ทะเลรอบๆ เกาะไข่มีแนวปะการังอยู่โดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้ค้างแรมบนเกาะ นักท่องเที่ยวจะได้ชมความงามของเกาะระหว่างที่เรือโดยสารวิ่งผ่านเกาะไข่ ซึ่งอยู่ระหว่างทางจากเกาะตะรุเตาไปยังเกาะหลีเป๊ะ ขอบอกว่าระหว่างทางผ่านนี่ตากล้องมือดีกดชัตเตอร์แชะภาพกันมันส์เลย (ก็วิวสวยมากๆ เลยนี่นา จะพลาดได้ไงล่ะ จริงไหม) 

หมู่เกาะอาดัง – ราวี"

          และแล้วก็ได้เวลาไปทำความรู้จักกับ "หมู่เกาะอาดัง – ราวี" ที่อยู่ห่างจากเกาะตะรุเตาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 40 กิโลเมตร หรือห่างจากตัวเมืองสตูล 60 กิโลเมตร เกาะอาดัง คำว่า "อาดัง" มาจากคำเดิมในภาษามลายูว่า "อุดัง" มีความหมายว่า "กุ้ง" เนื่องจากว่าบริเวณนี้เคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยกุ้งทะเล เกาะอาดังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต.5 (แหลมสน - เกาะอาดัง) เกาะอาดัง มีเนื้อที่เกาะประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายละเอียดสวยงาม รอบเกาะมีเกาะเล็กๆ หลายเกาะ เช่น เกาะดง เกาะหินงาม และเกาะยาง ซึ่งเป็นเกาะที่เหมาะสำหรับการดำน้ำตื้น แถมยังมีน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดปี คือ น้ำตกโจรสลัดบนเกาะอาดัง พร้อมชมวิวที่ "ผาชะโด" ซึ่งในอดีตเคยเป็นจุดสังเกตการณ์ของโจรสลัดเพื่อเข้าโจมตีเรือสินค้า ปัจจุบันเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ใช้เวลาเดินขึ้น 40 นาที บนผาชะโดเป็นลานโล่งมองลงไปจะเห็นทิวสนและแหลมทรายสีขาวของเกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกอีกด้วย

          อย่างไรก็ตาม ที่เกาะอาดังนั้นมีบริการบ้านพักของอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมป่าไม้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2561 2918-21 หรือ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา โทร. 0-7478-3485 หรือ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต.5 (แหลมสน - เกาะอาดัง) โทร. 0-7471-2409, 0-7472-8028-9 

เกาะราวี


 





          สำหรับ "เกาะราวี" เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต. 6 (หาดทรายขาว) อยู่ห่างจากเกาะอาดังเพียง 1 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 29 ตารางกิโลเมตร มีหาดทรายที่ขาว สวย สะอาด น้ำทะเลใส เงียบสงบ นักท่องเที่ยวนิยมแวะที่เกาะราวีเพื่อเล่นน้ำ ชมปะการังแต่เพียงอย่างเดียว เนื่องจากบนเกาะยังไม่มีบริการบ้านพัก

เกาะหินงาม

          หรือจะเลือกไปเที่ยวเกาะที่บริเวณชายหาดมีหินกรวดสีดำลวดลายสวยงามรูปร่างต่างๆ มากมาย อย่าง "เกาะหินงาม" อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอาดัง เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่ไม่มีหาดทรายเลยทั้งเกาะ มีเพียงหินก้อนกลมมนสีดำมากมายทับถมกันไปทั่ว นับเป็นลักษณะเด่นเฉพาะ ซึ่งมีอยู่เกาะเดียวในประเทศไทย ทั้งนี้ บนเกาะมีป้ายเตือนเกี่ยวกับคำสาปเจ้าพ่อตะรุเตาว่า "ผู้ใดบังอาจเก็บหินงามจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะถึงซึ่งความหายนะนานานับประการ" 





เกาะยาง 

          "เกาะยาง" หรือ "เกาะกาต๊ะ" เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากเกาะอาดัง หาดทรายละเอียด น้ำทะเลใส มีแหล่งปะการังแข็งที่สวยงาม เช่น ปะการังผักกาด ปะการังสมอง (ชักอยากจะเห็นแล้วสิ) ส่วนที่ "เกาะจาบัง" เป็นเกาะขนาดเล็กอยู่ห่างจากเกาะอาดังราว 20 นาที บริเวณก้อนหินใต้น้ำรอบๆ เกาะ เป็นแหล่งปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และฝูงปลาที่มีสีสันสวยงาม ระดับน้ำลึกราว 15  - 20 ฟุต เหมาะแก่การดำน้ำตื้น และสามารถดำน้ำลึกได้ด้วย (ถูกใจไหมคะ) ปิดท้ายกันที่ "หมู่เกาะดง" ห่างจากเกาะอาดังราว 1 ชั่วโมง เป็นเกาะที่อยู่นอกสุดของหมู่เกาะอาดัง - ราวี เป็นแหล่งชมปะการังน้ำตื้นและปะการังน้ำลึก มีเกาะหินซ้อนที่มีลักษณะโดดเด่นเหมือนก้อนหินที่วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ และยังมีเกาะบริวารอยู่โดยรอบราว 4 - 5 เกาะอีกด้วย

การเดินทางสู่หมู่เกาะอาดัง - ราวี

          จากท่าเรือปากบารา-อาดัง-หลีเป๊ะ เรือจะออกจากท่าเรือปากบารา เวลา 10.30 น. และจะแวะที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตาก่อน หลังจากนั้นจะเดินทางต่อไปยังเกาะอาดังและเกาะหลีเป๊ะ เรือจะกลับจากเกาะหลีเป๊ะ เวลา 09.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ค่าเรือไป - กลับ คนละ 800 บาท

          จากเกาะตะรุเตา - ไปเกาะอาดัง 

          เที่ยวไป เวลา 13.00 น. 
          เที่ยวกลับ เวลา 09.00 น. 
          ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง อัตราค่าโดยสารไป - กลับ 500 บาท 
          
          สำหรับการท่องเที่ยวไปตามเกาะต่าง ๆ ในหมู่เกาะอาดัง - ราวีนั้น สามารถเช่าเรือหางยาวได้ที่เกาะหลีเป๊ะ

 


ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก
 
-  สำนักงาน ททท.จังหวัดตรัง
dnp.go.th
- kohlipethailand.com

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ แวะหมู่เกาะตะรุเตา-อาดัง-ราวี อัปเดตล่าสุด 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 18:39:46 117,012 อ่าน
TOP
x close