โฮจิมินห์ ฮานอย เว้ (Lisa)
ไม่ว่าใคร ถ้าได้ไปเวียดนาม ก็มักจะต้องไปถึงเมืองสามเมืองนี้คือเมืองฮานอยเมืองโฮจิมินห์ หรือไซ่ง่อน และเมืองเหว หรือเว้ เพราะถ้าใครไปไม่ถึงหรือยังไปไม่ครบก็ยังไปไม่ถึงเวียดนาม
เพราะความเป็นเวียดนามทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม ต่างแสดงออกอย่างชัดเจนที่สามเมืองนี้สุด อตร. บนท้องถนนในโฮจิมินห์
ในทุกๆ เมืองของเวียดนามโดยเฉพาะที่โฮจิมินห์ หรีอไซ่ง่อน อันเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจดีที่สุดในประเทศยากจนอย่างเวียดนาม บนถนนของไซ่ง่อนจะเต็มไปด้วยมอเตอร์ไซค์และจักรยานมากมายนับเป็นแสนเป็นล้านคันรถเล็กๆ เหล่านี้ เป็นรถที่ไม่มีระเบียบ ไม่เคร่งครัดกฏจราจรขับตามใจฉันอย่างเดียว
มอเตอร์ไซค์นึกจะเลี้ยวก็เลี้ยวเลย นึกจะเข้าชอยก็เข้าเลย นึกจะตีโค้งซ้ายโค้งขวาแซงหน้าแซงหลังก็เอาเลยหรืออย่างจักรยานขี่ช้า นึกจะจอดก็จอดเลย มือจับก็ส่ายไปส่ายมาไม่ค่อยมั่นคง ภาพที่เห็นบ่อยๆ ในโฮจิมินห์จนจำเจจึงเป็นภาพรถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ที่เกี่ยวกันล้มคว่ำกลางถนน ดีว่าไม่แรง หรือไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตและดีที่ก็ไม่เคยเห็นใครลงไม้ลงมือกันสักราย มีแต่ยืนด่ากันกลางถนน อันตรายบนถนนอีกอย่างก็คืออันตรายสำหรับคนข้ามถนน เพราะทางม้าลายมีออยู่บางที่เท่านั้น สูตรการข้ามถนนของคนเวียดนามก็คือ ให้เดินตรงข้ามไปข้างหน้าเลยสนใจรถติดหน่อยก็พอ รถวิ่งมาเยอะๆ ก็ไม่เป็นไร ข้ามไปเถอะ แล้วรถจะหลบออกซ้ายขวาไปเอง
ผมเป็นคนไทยไปข้ามถนนในเวียดนาม ข้ามไปได้หน่อยเห็นมอเตอร์ไซค์มาข้างๆ อีกร้อยคัน ถอยหลังกลับดีกว่า ถูกชนโครมเลย เพราะคนขับมอเตอร์ไซค์อ้อมหลบผมมาข้างหลังแล้ว ข้ามถนนในเวียดนาม เดินหน้าแล้วห้ามถอยหลังหรือหยุดเป็นอันขาด เดินแล้วต้องเดินหน้า
อันตรายต่อมา โดยเฉพาะที่ไซ่ง่อนก็คืออันตรายจากแก๊งล้วงกระเป๋าที่มีมากเกลื่อนกลาดเป็นดอกเห็ดทำให้การเดินเที่ยวในตลาดเบนถั่นตลาดช้อปปิ้งชื่อดังที่สุดในไซ่ง่อน หรือการถ่ายรูปคู่กับ อนุสาวรีย์ลุงโฮจิมินห์ที่จตุรัส City Hall กลางเมือง กลายเป็นการท่องเที่ยวแบบผจญภัยที่ไม่เชิงอนุรักษ์ เพราะภัยจะมาจากรอบตัวหลากหลายรูปแบบ
แก๊งล้วงกระเป๋าเมืองไซ่ง่อนนี่มากันเป็นทีม มีทั้งที่ดูเป็นคนธรรมดา เดินไปเดินมา ที่ปั่นจักรยานมา และขี่มอเตอร์ไซค์มา แม้กระทั่งเป็นพ่อค้าเร่เข้ามาขายของการล้วงมักเริ่มจับเหยื่อด้วยคนธรรมดา ตามดูลาดเลาด้วยคนปั่นจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ และลงมือโดยพ่อค้าเร่มาขายของแบบประชิดติดตัวแล้วก็ลงมือล้วง ถ้าคนโดนล้วงไหวทัน
จะต่อสู้หรือทำร้ายก็จะโดนล้อมกรอบทันที ดังนั้นถึงจะรู้ตัวว่าโดนล้วงก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะปล่อยคนชั่วให้หลบหนีลอยนวลไป
ผมไปเวียดนามมาแล้วสี่หน ไปโดนล้วงกระเป๋าที่ไซ่ง่อนมาแล้วสองหน ห้าสิบเปอร์เซ็นต์พอดี แต่ไซ่ง่อนก็มีอย่างอื่น ที่น่าดู อย่างทำเนียบประธานาธิบดีเวียดนามใต้พิพิธภัณฑ์สงครามเวียดนามสองอย่างนี้บอกเล่าถึงเรื่องสงครามเวียดนามที่โด่งดังมากในฐานะสงครามที่ประเทศด้อยพัฒนาอย่างเวียดนามสามารถเอาชนะมหาอำนาจอย่าง
ฝรั่งเศสและอเมริกาได้ ใครเดินทางมาถึงไซ่ง่อนก็ต้องไปเที่ยวที่นี่กันทุกคน
หมวยปนลาวที่ฮานอย
ในวงเม้าท์แตกของหนุ่มๆ เมืองไทย ถ้าเม้าท์กันถึงสาวสวยสุดเซ็กซี่ระดับอินเตอร์กันละก็ อย่างน้อยๆ สาวเวียดนามก็ต้องติดอันดับต้นๆ เข้ามาด้วย แต่ถ้าใครเคยไปเวียดนามแล้วก็จะรู้ว่า สาวเวียดนามก็เหมือนสาวๆ ที่ไหนๆ ในโลก คือมีทั้งสวยและไม่สวย ที่เซ็กซี่และธรรมดาๆ แต่ถ้าจะพูดกันถึงเรื่องสวยละก็ ขอยืนยันว่าโดยรวมสาวที่ฮานอย
สวยกว่าสาวที่โฮจิมินห์ ความสวยนั้นอยู่ที่ผิวพรรณเพราะฮานอยเป็นเมืองอยู่ทางเหนือ อากาศที่นั่นเย็นสบายผิวพรรณของสาวๆ ที่ฮานอยจึงออกมาดูดีกว่าสาวที่โฮจิมินห์ก็เหมือนสาวเหนือกับสาวใต้เมืองไทยนั่นแหละ โดนรวมสาวเหนือย่อมขาวกว่าเป็นธรรมดา
และอีกอย่างหนึ่งที่ชนะกันขาดลอยก็คือ เมื่อไปถึงฮานอย อันตรายต่างๆ บนท้องถนนทั้งมอเตอร์ไซค์และนักล้วงกระเป๋าก็ไม่มี แถวฮานอยยังเป็นเมืองสวยอาคารตึกรวมเก่าๆ สมัยฝรั่งเศสมีอยู่มากมายหลายแห่งล้วนสวยงามจนฮานอยดูจะเป็นปารีสแห่งตะวันออก
ที่กลางเมืองฮานอย ยังมีทะเลสาบหลายแห่งอย่างทะเลสาบฮนเกี่ยม (Hoan Kiem Lake) หรือทะเลสาบคืนกระบี่ใจกลางเมือง ใครๆ ก็ต้องมาแวะชม ริมทะเลสาบยังมีโรงแสดงหุ่นกระบอกในน้ำที่เลื่องชื่อลือชา มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเพราะเป็นที่เดียวในโลกที่นำเอาหุ่นกระบอกลงไปเล่นในน้ำ สิ่งที่แปลกหูแปลกตาสำหรับคนไทยมากก็คือธุรกิจขนาดเล็กๆ มาก ริมบาทวิถี มีมากมาย จริงๆ ผู้หญิงฮานอยหาบของขายหรือถีบจักรยานขายของเยอะมาก และบางทีของที่หาบขายหรือขี่จักยานนั้นก็น่าแปลกใจมาก เช่น มีเป็ดสองตัว หมูสดสามชิ้นไข่สี่ห้าฟอง แตงโมสามใบ หรือเสื้อผ้าสองสามตัว เรียกว่าในบ้านมีอะไรออกเร่ขายได้ สาวเวียดนามจะต้องเอาออกมาเร่ขายทันที ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แม้เพียงมีตู้ใส่บุหรี่เล็กๆ สักตู้หนึ่งก็นำออกมาวางข้างถนน ขายบุหรี่ มีที่สูบลมจักรยาน มีชิ้นส่วนจักรยานกับถังน้ำ ก็ออกมาตั้งเป็นสถานีซ่อมจักรยาน มีปัตตะเลี่ยนตัดผมสักอันมีกระจกแผ่นหนึ่งก็ออกมาตั้งร้านตัดผมข้างทางกันแล้ว
และที่นักท่องเที่ยวไปกันเยอะๆ ก็คือที่ย่านเก่าของฮานอย ที่นี่มีถนนหลายสายเชื่อมกันเป็นใยแมงมุม บนถนนมีร้านค้าเก่าแก่ขายสินค้าคล้ายๆ กันเป็นย่านๆไปคล้ายย่านบำรุงเมือง เยาวราช พาหุรัด สะพานหันบ้านเรา ชาวฮานอยเรียกย่านนั้นว่าเมืองเก่าถนนสามสิบหกสาย ซึ่งในอนาคตโครงการท่องเที่ยวเมืองฮานอยเขาจะปิดถนนเป็นถนนคนเดิน ที่น่าแปลกใจและน่าสนใจมากก็คือร้านที่เป็นร้านงานศิลปะ เป็นแกลลอรี่ภาพวาดมีมากมายแทบทุกถนนทั่วทั้งเมือง แต่ละร้านแสดงงานสวยๆ ของร้านตัวเองไม่ช้ำแบบ แสดงถึงความเป็นเมืองศิลปะที่มีรสนิยมสูงส่งอีกแห่งหนึ่งในโลก
คราวนี้มาพูดกันถึงเรื่องเซ็กซี่บ้าง สาวเวียดนามเซ็กซี่ที่เครื่องแต่งกายประจำชาติครับ ชุดเอ๋าหย่ายของสาวเวียดนามขึ้นชื่อมากในเรื่องนี้ โดยเฉพาะชุดเอ๋าหย่ายของนักเรียนนักศึกษาสาวๆ ที่เป็นสีขาวล้วนบางเบามองทะลุไปได้ถึงไหนๆ หนุ่มไทยคนหนึ่งเคยให้คำจำกัดความของชุดเอ๋าหย่าย เครื่องแต่งกายประจำชาติของสาวเวียดนามชุดนี้ว่า "รัดกุมมิดชิด แต่ปกปิดอะไรไม่ได้เลย"
ตี๋ขี่ช้างและขุนนางนุ่งสั้น
เมืองเหว หรือเว้ เป็นนครหลวงเก่าสมัยราชวงศ์เหงียนของเวียดนาม ด้วยความที่เป็นเมืองหลวงเก่า เหว จึงสะสมคุณค่าของสถาปัตยกรรมต่างๆ ของเวียดนามเอาไว้มากมาย และสถานที่ที่ใครๆ ก็จะต้องไปเยี่ยมชมกันก็คือที่ วัดเทียนมู ริมฝั่งแม่น้ำหอม หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Perfume River นอกจากนั้นก็มี อาณาเขตพระราชวังโบราณ และสุสาน
ราชวงศ์เหงียน เป็นต้น
ไปดูสถาปัตยกรรมการก่อสร้างของเวียดนามแล้วใครๆ ก็ต้องนึกถึงจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะความแตกต่างกันมีน้อยมาก แต่ถ้าใครเคยเข้าไปในอาณาเขตพระราชวังต้องห้ามของจักรพรรดิปักกิ่งแล้ว ก็จะต้องรู้สึกอีกว่า พระราชวังโบราณของเมืองเว้มีขนาดเล็กกว่ากันมาก ศิลปการก่อสร้างของเวียดนามออกจะเป็นจีนแบบชนบท ก็ประวัติศาสตร์ของเวียดนามนั้นเต็มไปด้วยการเข้าครอบครองของจีนนานนับได้หลายร้อยปีเลยนี่น่า จะห้ามไม่ให้วัดวังหรือสถานที่สำคัญของเวียดนามมีหน้าตาเหมือนจีนได้อย่างไร จากจีนที่เข้าครอบครองก็ยังต่อด้วยฝรั่งเศสอีกหลายสิบปี ภาษาเขียนของเวียดนามวันนี้จึงกลายเป็นตัวพยัญชนะฝรั่งเศสเป็นตัว ABC นั่นแหละ แล้วใช้วิธีเขียนของเวียดนามถึงแม้จะดูอะไรๆ เป็นจีนไปหมด แต่ผมก็มาสะดุดตากับสิ่งหนึ่งคือ ภาพถ่ายสมัยโบราณของเวียดนามเป็นภาพถ่ายหน้าประตูโงมอน (Ngo Mon Gate) ที่นำเข้าสู่พระราชวังโบราณถ่ายโดยช่างภาพฝรั่งเห็นเป็นรูปขบวนรอรับเสด็จของจักรพรรดิเวียดนาม ในภาพเห็นควาญช้างกำลังบังคับช้างให้หมอบลงรับเสด็จ ดูในภาพแล้วก็แปลก เพราะควาญช้างนั้นหน้าเป็นตี๋และแต่งตัวเป็นเวียดนาม จึงเห็นความแตกต่างของเวียดนามกับจีนว่า เวียดนามนี่เป็นจีนที่รู้จักบังคับช้างนั่นเองจากรูปนี้ก็ไปอีกรูปหนึ่งที่เป็นรูปขบวนขุนนางเวียดนามมีตัวขุนนางนั่งบนคานหาม และบรรดาทหารรายล้อม ภาพขุนนางเวียดนามในรูปปั้น แต่งตัวเหมือนขุนนางจีน แตกต่างกันตรงที่ชุดเสื้อคลุมขุนนางจีนนั้นที่จะเป็นชุดยาวกรอมเท้า แต่ชุดขุนนางเวียดนามที่เห็นในรูปนั้นสั้นขึ้นมามากจนถึงครึ่งแข้ง จึงได้เข้าใจว่า อ้อ ขุนนางเวียดนามนี่ก็แต่งตัวเหมือนขุนนางจีนแต่นุ่งสั้นกว่านั่นเอง
แนะนำการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร พร้อมคูปองส่วนลดโรงแรมเพียบ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
กระทรวงต่างประเทศ , กรมประชาสัมพันธ์ , ศูนย์ปฎิบัติการร่วมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ