สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยรัฐ , ข่าวสด
เมื่อวันที่ 24 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีประชาชนใน จ.พิจิตร และจังหวัดใกล้เคียงเดินทางเข้าเที่ยวชม และถ่ายรูป ภายในบึงสีไฟ อ.เมือง จ.พิจิตร หลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่ โดยเฉพาะบริเวณหอชมนก ซึ่งมีการวาดภาพเป็นภาพน้ำตก 3 มิติ และภาพตำนานชาละวันลงบนพื้นถนนจนดูเหมือนเล่นอยู่ในน้ำตก และอาณาจักรพญาชาละวันจริง ๆ
โดยนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงภาพวาด 3 มิติ บริเวณหอดูนกในบึงสีไฟว่า มีการวาดเป็นภาพน้ำตก 3 มิติ หรือการออกแบบทรีดีเพนติ้ง ที่ต้องมองจากมุมสูง ทำมุม 45 องศา โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-11.00 น. แสงอาทิตย์จะทำมุมกับภาพ จนดูเหมือนเล่นอยู่ในน้ำตกจริง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นภาพมหัศจรรย์แห่งแรกของประเทศไทย
ขณะนี้เสร็จแล้วทั้ง 2 รูป ส่วนภาพที่ 2 เป็นรูปตำนานชาละวัน ซึ่งถ้าลงไปนั่งในภาพแล้วถ่ายรูปออกมา จะเหมือนกับนั่งอยู่ในปากพญาชาละวัน มีหญิงสาวจำนวนมากลงทุนลงไปนอนราบกับพื้นเพื่อถ่ายภาพ โดยสมมติตัวเองว่าเป็น "ตะเภาทอง" ให้ชาละวันคาบเข้าถ้ำทอง โดยเชื่อกันว่าใครที่ถ่ายภาพที่จุดดังกล่าวจะได้พบรักกับหนุ่มพิจิตรอีกด้วย
นายสมชัยกล่าวต่อว่า แนวคิดนี้มาจากอาจารย์ของมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก ที่นำเสนอภาพ 3 มิติจากต่างประเทศให้ดู ซึ่งตนเห็นว่าน่าสนใจ จากนั้นตนก็มีแนวคิดในเรื่องของวรรณคดี จึงได้คัดเลือกภาพตำนานชาละวัน แล้วหาพื้นที่โดยเลือกเอาพื้นที่หอดูนกหลังบึงสีไฟ ซึ่งเป็นพื้นที่รกร้างมาวาดภาพ 3 มิติ
"ความแปลกของภาพคือเป็นสีธรรมดาทาที่พื้น แต่เมื่อมองจากมุมสูงแล้ว จะเห็นเป็นภาพ 3 มิติ ยิ่งเป็นภาพถ่ายจะเห็นความลึกความชัด ราวกับว่าอยู่ในเหตุการณ์จริง ๆ ถึงเล่นน้ำไม่เป็นก็ไม่จมน้ำ หรืออย่างถ้ำชาละวันถ้าเราเข้าไปก็เหมือนอยู่ในปากถ้ำชาละวันจริง ๆ นี่คือลักษณะเด่นของภาพ ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะมาชมและถ่ายรูปกันอย่างคับคั่งแล้ว ถือว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่บึงสีไฟเริ่มสัมฤทธิ์ผลแล้ว หากใครอยากจะไปพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของภาพ 3 มิติอย่าลืมนำกล้องถ่ายรูปไปบันทึกภาพได้ดังกล่าว" ผู้ว่าฯ พิจิตรกล่าว
ด้านนายนรเศรษฐ์ ไวศยกุล อาจารย์ภาควิชาศิลปะและการออกแบบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นคนออกแบบและวาดภาพดังกล่าวร่วมกับนักศึกษา เปิดเผยว่า ทางคณะทำงานร่วมกับผู้ว่าฯ พิจิตร ซึ่งประสงค์จะปรับปรุงภูมิทัศน์ของบึงสีไฟ เดิมมีความคิดว่า จ.พิจิตร มีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง อยากปั้นรูปจระเข้ตามที่ต่าง ๆ แต่รูปปั้นจระเข้ อาจทำให้ดูซ้ำ ๆ จึงนำเสนอไปว่าถ้าเป็นงานศิลปะจะเป็นอย่างไร จากนั้นได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับศิลปะตามท้องถนนในต่างประเทศ ซึ่งมีการประดับตกแต่ง หรือการเล่นกับพื้นที่ หลังประชุมกันหลายครั้งจึงตกลงสรุปจะวาดภาพ 3 มิติบนถนนในบึงสีไฟ ขณะที่เดินเข้าไปเหมือนกับลอยอยู่ เวลาวาดต้องมีการคำนวณอย่างดี
นายนรเศรษฐ์กล่าวว่า ใช้เวลาวาดภาพเหล่านี้ 1 เดือนเศษ โดยจังหวัดกำหนดให้เพียง 25 วัน เพราะจะใช้เปิดในงานวันแข่งเรือ แต่จริง ๆ แล้วเป็นไปไม่ได้ โดยตนมีลูกมือมาช่วยทำงานเป็นลูกศิษย์ 5 คน เวลาวาดจริงคนที่วาดจะมองภาพไม่ออก หากวาดตามความรู้สึกจะเป็นมุมลง ต้องให้มองจากมุมอื่นไกลจากภาพ จึงต้องมีการคุมในการวาดทุกขั้นตอน ทุกครั้งจะต้องมีการร่างแบบ และขึ้นไปมองมุมสูงและมุมไกลจนมองเป็นภาพ 3 มิติ จากนั้นเริ่มลงสี เราใช้วิธีคิดแบบเดียวกับการสร้างฉากภาพยนตร์ จะถ่ายให้สมจริงต้องวาดรูปให้ฉากหลังมันหลอก
"ภาพลักษณะนี้ในประเทศไทยยังไม่พบว่ามีที่ไหนที่ใหญ่ขนาดนี้ ใช้เงินเท่ากับปั้นจระเข้ แต่ได้สิ่งที่แปลกใหม่ขึ้นมา ค่าใช้จ่ายในการวาดคิดเป็นตารางเมตรละ 1,000 บาท ทั้งหมดประมาณ 310 ตารางเมตร แต่จริง ๆ วาดไปประมาณ 400 ตารางเมตร ซึ่งทางจังหวัดสนับสนุนเงินมา 310,000 บาท" นายนรเศรษฐ์กล่าว
นายนรเศรษฐ์กล่าวต่อว่า ระหว่างทำงานมีปัญหาพอสมควร เพราะวาดช่วงหน้าฝน ต้องมีเต็นท์กันฝน กลางวันแดดร้อนมาก บางครั้งมีผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่เข้าใจ เดินมาที่จุดวาดทำให้มีรอยเท้า เพราะบริเวณรอบ ๆ กำลังมีการปรับภูมิทัศน์ จึงต้องทำความสะอาดเช็ด และมาลงสีวาดแก้ไข ทำให้งานล่าช้าไปอีก ทางผู้ว่าฯ ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยดูแลในช่วงทำงานตลอดทั้งวันและคืน หลังผลงานออกมาได้รับการตอบรับดีมาก โดยภาพน้ำตกมีเนื้อที่กว่า 300 ตารางเมตร ส่วนถ้ำชาละวันประมาณ 100 ตารางเมตร
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก