โอมาน Oman
โอมาน Oman
ท่องแดนอาหรับราตรี ขี่อูฐ...ตะลุยทะเลทราย (เดลินิวส์)
ดินแดนอาหรับราตรีเป็นเมืองในฝันที่อยู่ในจินตนาการของใครหลายคน จึงมักถูกเขียนขึ้นเป็นนิทานกลายเป็นอมตะนิยายที่มีสถานที่และทะเลทรายอัดงดงามเมื่อหลายพันปีก่อนที่เรารู้จักกันดี ได้แก่ อาละดิน ซินแบด และอาลีบาบา จนอยากจะไปสัมผัสด้วย ตนเอง ซึ่ง "โอมาน" เป็นประเทศ ชายฝั่งทะเลอาหรับที่มีความสวยงามดั่งในเทพนิยายอีกประเทศหนึ่งที่น่าค้นหาและไปท่องเที่ยว
หากพูดถึงประเทศโอมาน นักท่องโลกหลายคนอาจยังไม่รู้จัก โดย มร. เบ็นเน็ท สตีเฟ่น ผู้จัดการประจำประเทศไทย สายการบิน โอมาน แอร์ ร่วมกับ อาราเบียน เวิลด์กรุ๊ป (Arabian World Group) และกระทรวงการท่องเที่ยวประเทศโอมาน นำตัวแทนเอเจนซี่ จำนวน 30 คน สำรวจแหล่งท่องเที่ยวและที่พักโรงแรม ในประเทศโอมาน รวมทั้งตรวจความพร้อมการให้บริการใน เส้นทางบินกรุงเทพฯ-โอมาน-ดูไบเพื่อโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศโอมานให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้เดินทางไปสัมผัสกลิ่นไอดินแห่งแดนอาหรับราตรีในช่วงเดือนตุลาคม 2552 ที่จะถึงนี้
โอมาน Oman
นับเป็นครั้งแรกในการเหินเวหาไปกับสายการบินโอมาน แอร์ ที่ให้บริการอย่างประทับใจตลอดเส้นทางร่อนลงสู่ท่าอากาศยานกรุง มัสกัต เมืองหลวงของประเทศโอมานอย่างปลอดภัย โดยกรุงมัสกัต ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของทะเลอาหรับและอ่าวโอมาน ทิศเหนือติดกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทิศตะวันออกติดกับซาอุดีอาระเบียและทิศใต้ติดกับเยเมน ชาวโอมานนับถือศาสนาอิสลาม "สุเหร่าประจำกรุงมัสกัต" (Grand Mosque) จึงเป็นศูนย์รวมแห่งความศรัทธาที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของประเทศ มีกำแพงสีขาวตัดกับขอบประตูวงโค้งและยอดโดมเป็นสง่าอยู่กลางขอบฟ้าสีน้ำเงิน หากเป็นยามราตรีสุเหร่าที่ยิ่งใหญ่นี้จะฉาบไปด้วยลำแสงสีทองตัดกับขอบฟ้าสีดำ สร้างความตระการตาแก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน เมื่อเข้าไปภายในเราจะได้ชม "พรมทอมือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก" ขนาด 70X60 เมตร และมีน้ำหนักถึง 21 ตัน โดยช่างสตรีฝีมือดี 600 คน ใช้เวลาในการถักทอนานถึง 4 ปี
โอมาน Oman
ก่อนเดินทางเข้าสู่เมืองซู แวะถ่ายภาพ "พระราชวัง อัลอาลาม พาเลซ" (Al Alam Palace) เป็นพระราชวังที่ประทับของ สุลต่าน คาบูส ที่เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของกรุงมัสกัตไว้เป็นที่ระลึก โดยระหว่างเดินทางสังเกตเห็นถนนหนทางสะอาดสะอ้าน ไม่มีหลุมบ่อขรุขระเหมือนบ้านเรา มองไปรอบ ๆ บ้านเรือนส่วนใหญ่ถูกทาด้วยสีขาวและสีครีมสบายตา ไม่ใช้สีสันจัดจ้านเพราะจะทำให้ร้อนแรงขึ้นตามสภาพอากาศที่ร้อนระอุกว่า 40 องศาฯ ที่สำคัญเมืองซูแห่งนี้มีชายหาดที่ในฤดูวางไข่ จะมีแม่เต่าขึ้นมาขุดหลุมวางไข่และมีลูกเต่าตัวเล็ก ๆ ขึ้นมาเดินเล่นบนหาดด้วย ซึ่งในโลกนี้มีชายหาดแบบนี้เพียง 5 แห่ง อยู่ในประเทศโอมานถึง 3 แห่ง และที่นี่เป็น 1 ใน 3 ที่อนุรักษ์ไว้และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สำคัญของประเทศ
โอมาน Oman
ทะเลทรายวาฮิบา (Wahiba Sands) ทะเลทรายแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างมากในแถบประเทศอาหรับและยุโรป ด้านความสวยงามของวิวทะเลทรายที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะสีของทรายเป็นสีน้ำตาลเข้มสะท้อนแสงแดดเป็นเงาเหมือนภาพวาด แต่ไฮไลต์สำคัญของเรา อยู่ที่การตะลุยทะเลทรายสร้างความตื่นเต้นหวาดเสียวด้วยการนั่งรถโฟร์วีลสไลด์ขึ้น-ลงจากยอดเนินทราย บางเนินตั้งฉากเกือบ 90 องศา ทำให้หัวใจเราเกือบหยุดเต้นไปชั่วขณะ แอบนึกในใจว่าบรรดาลุง ๆ ป้า ๆ เจ้าของบริษัททัวร์ที่มาร่วมสำรวจเส้นทางในทริปนี้จะช็อกไปตาม ๆ กันหรือเปล่าก็ไม่รู้....?!?
หลังจากสูญเสียพลังงาน จากการส่งเสียงร้องจนคอแห้ง เราขึ้นมานั่งพักอยู่บนจุดชมวิวเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อวางมือลูบคลำพื้นทรายรู้สึกว่าเม็ดทราย ช่างละเอียดนุ่มเหมือนผืนพรม เบื้องหน้ามองเห็นทะเลทรายเป็นลอน ๆ เหมือนเกลียวคลื่นไปจนสุดลูกหูลูกตา แทบไม่น่าเชื่อสายตาตัวเองว่ามันเป็นสถานที่จริงไม่ใช่ภาพวาดในเทพนิยาย คืนนี้เราได้นอนหลับอยู่ในแคมป์สุดหรู (Desert Nights Camp) ล้อมรอบด้วยทะเลทราย จึงแอบฝันไปว่าเป็นเจ้าหญิงจัสมินนั่งพรมวิเศษท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์กับอาละดินรูปงาม ทำให้ไม่อยากตื่นจากฝันแต่แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงส่องเข้ามาทางหน้าต่างปลุกให้เราตื่นขึ้นมาเพื่อเดินทางไปสำรวจเส้นทางกันต่อโดยการเหินฟ้าไปยัง "เมืองดูไบ" ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โอมาน Oman
ดูไบ ถือเป็นเมืองแห่งความมหัศจรรย์ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันและอยู่ในลิสต์ของนักท่องเที่ยวเป็นลำดับต้น ๆ เพราะเป็นเมืองที่ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ มีสิ่งปลูกสร้างยิ่งใหญ่ตระการตาและเป็นศูนย์รวมความสุดยอดต่าง ๆ ของโลกไว้ในเมืองนี้ เราเริ่มย้อนอดีตของเมืองดูไบที่ "พิพิธภัณฑ์ ดูไบ" ก่อน โดยรวบรวมเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่สำคัญก่อนค้นพบบ่อน้ำมัน ภายในแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ด้านบนเป็นแบบจำลองกำแพงหินและกระท่อมแบบชาวพื้นเมืองเก่า ๆ ส่วนด้านล่างหรือชั้นใต้ดินกว้างใหญ่และลึกลับซับซ้อนมีทั้งภาพวาดสีน้ำของดูไบในอดีต การจัดหุ่นนิ่งแสดงวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองในอดีตที่จัดแสดงไว้ได้อย่างเสมือนจริง ระหว่างทางแวะถ่ายภาพ โรงแรมเบิร์จอัลอาหรับ หรือ โรงแรมเรือใบ เป็นโรงแรมหรูหราระดับ 7 ดาว ที่สวยและสูงที่สุดในโลกถึง 321 เมตร ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวเปอร์เซีย
เดอะปาล์ม ไอร์แลนด์ (The Plam Island) เป็นโครงการที่อลังการงานสร้างสุดยอด โปรเจคท์ของยูไนเต็ดอาหรับเอมิเรตส์ที่มี การถมทะเลให้เป็นเกาะเทียมสร้างเป็นรูปต้นปาล์ม 3 เกาะมีที่พัก โรงแรม รีสอร์ท อพาร์ตเมนต์ ร้านค้า ภัตตาคาร รวมทั้งสำนักงานต่าง ๆ นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก ในช่วงเย็นเดินทางไปตะลุยทะเลทรายกันอีกรอบ โดยเล่นสกีทะเลทรายสร้างความหวาดเสียว ต่อด้วยการขี่อูฐชมพระอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติกและพลบค่ำนั่งจิบชา กาแฟหอมกรุ่นสไตล์อาหรับพร้อมทั้งชมโชว์ระบำหน้าท้องจากสาวชาวอาหรับที่เต้นพลิ้วสวยจนนักท่องเที่ยวต้องลุกขึ้นไปร่วมโชว์สเต็ปกันอย่างสนุกสนาน
โอมาน Oman
ก่อนเดินทางกลับแวะ เมืองอาบูดาบี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้รับสมญานามว่าเป็น "Garden of Gul" เพราะความเขียวขจีของตัวเมืองจนยกย่องว่าเป็นสวรรค์แห่งทะเลทราย เราไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ณ จุดชมวิวชิคาโกบีช กับชายทะเลสีเทอร์ควอยซ์ และเข้าเยี่ยมชม โรงแรมเอมิเรตส์ พาเลซ (Emirates Palace) ที่สร้างไว้อย่างสวยหรูดุจพระราชวัง นอกจากนี้ยังมีสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นอันดับ 3 ของโลกอีกคือ "สุเหร่าประจำเมืองของท่านเชค" (Sheikh Zayed bin Sultan al Nahyan Grand Mosque) ผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ท่านสร้างไว้ก่อนสวรรคตใช้เวลาการก่อสร้างเป็นเวลา 10 ปี ภายในมีโคมไฟใหญ่ที่สุดในโลกนำเข้าจากประเทศเยอรมนีทำด้วยทองคำและทองแดงสุดหรู
โดย มร. เบ็นเน็ท บอกวัตถุประสงค์ของการจัดแฟมทริป ครั้งนี้ว่า เพื่อแนะนำประเทศโอมานให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้รู้จักมากขึ้น เพราะปัจจุบันคนไทยจำนวนน้อยมากที่จะรู้จักประเทศโอมาน และส่วนใหญ่คิดว่าเป็นทะเลทรายเพียงอย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยว น่าสนใจอีกมากมาย เช่น สถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ มีธรรมชาติที่สวยงาม มีภูเขา แม่น้ำ ชายหาดและทะเลทราย รวมทั้งสถาปัตย กรรมอย่างสุเหร่าหรือพระราชวังที่งดงาม มีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่ชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความแปลกใหม่และเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างรอให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัส คนไทยจำนวนมากมีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวในแถบยุโรปแล้ว แต่มีจำนวนน้อยที่มีประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศตะวันออกกลาง จึงอยากเชิญชวนมาสัมผัสมนต์เสน่ห์ดินแดนอาหรับ รับรองว่าจะประทับใจและอย่าลืมพิจารณาสายการบินโอมาน แอร์ เป็นหนึ่งในสายการบินผู้ให้บริการและอำนวยความสะดวก พาทุกท่านไปยังประเทศต่าง ๆ ในตะวันออกกลาง
ประเทศโอมานและดูไบยังคงมีสิ่งมหัศจรรย์เป็นที่สุด ๆ ของโลกอีกหลายแห่งที่น่าไปสัมผัสและค้นหา จึงอยากฝากให้นักท่องเที่ยวต่างแดนออกไปช่วยกันค้นหาเพื่อมาแบ่งปันประสบการณ์ความทรงจำอันแสนวิเศษนี้ต่อไป
โอมาน Oman
สีสีนรายทาง
การเดินทาง โดยสารเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงที่ท่าอากาศยานกรุงมัตกัส-ดูไบ ด้วยสายการบินโอมาน แอร์ ใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง
ฤดูกาลมาเยือน นิยมท่องเที่ยวกันในช่วงฤดูหนาว
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจใกล้เคียง ที่ใจกลางกรุงมัสกัตมีตลาดซุกและห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของโอมานที่เก่าแก่ มีร้านอาหาร ร้านค้าแบรนด์เนมและสินค้าพื้นเมืองต่าง ๆ ให้เลือกซื้อของฝากและระหว่างทางไปเมืองซูยังมีหมู่บ้านประมง อู่ต่อเรือ ท่าเรือ และตลาดปลาให้แวะชมวิถีชีวิตชาวเมือง ส่วนที่เมืองดูไบ มีตลาดทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีร้านค้ามากมายหลายร้อยร้านให้ท่านเลือกซื้อหาลวดลายและดีไซน์ที่แปลกตาได้ตามใจชอบ รวมทั้งห้างสรรพสินค้าปลอดภาษีแหล่งชอปปิงของขาช้อปทั้งหลาย
ของฝาก ผลไม้อินทผลัมและของที่ระลึกสไตล์พื้นเมืองต่าง ๆ ของชาวอาหรับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก