
มอสโคว์ Moscow

มอสโคว์ Moscow
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กรุงเทพธุรกิจ
มอสโคว์ (Moscow) เมืองหลวงของ รัสเซีย เป็นเมืองโบราณที่มีหลักฐานการสร้างบ้านแปลงเมืองมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 เคยถูกพวกมองโกลบุกปล้นและเผาในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ก่อนจะมีการรื้อฟื้อความเป็นนครกลับมาอีกครั้งในอีกคริสต์ศตวรรษถัดมา
นอกจากนี้ ยังเคยถูกชนเผ่าภายนอกรุกราน เคยมีกาฬโรคระบาดร้ายแรงจนเมืองแทบร้าง เช่นเดียวกับเหตุการณ์บุกรัสเซียของ นโปเลียน ในปี ค.ศ.1812 ที่มอสโคว์ต้องประสบชะตากรรมสงคราม จน ไชคอฟสกี นำฉากเหตุการณ์นี้ไปแต่งเป็นเพลงโหมโรง Overture 1812 มาแล้ว
ในประวัติศาสตร์ มีการย้ายเมืองหลวงจากมอสโคว์ไปนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กครั้งหนึ่ง ในปี ค.ศ.1712 ก่อนย้ายกลับมาเป็นศูนย์กลางของการปกครองอีกครั้ง 1 ปีหลังการปฏิวัติของพรรคบอลเชวิค (ค.ศ.1918) ส่งผลให้ระบอบการปกครองโดยกษัตริย์ (ซาร์) ต้องสิ้นสลายลงในพริบตา
ความสำคัญของมอสโคว์ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางอำนาจ และเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมของสถาบันการศึกษา และแวดวงศิลปวัฒนธรรมระดับโลกอีกด้วย

มอสโคว์ Moscow
มอสโคว์ มีชื่อเสียงและความโดดเด่นในสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชวังเครมลิน นอกจากนี้แล้วยังรวมถึงโบสถ์คริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์หลายแห่ง ซึ่งเคยเป็นภูมิทัศน์ของเมือง แต่มาเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากสถาปัตยกรรมใหม่ๆ ในระยะหลัง โดยเฉพาะในยุคของสตาลิน
นอกจากการเที่ยวชมจตุรัสแดง พระราชวังเครมลิน แล้วมอสโคว์ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของพิพิธภัณฑ์ (โดยเฉพาะ พุชกิน สเตทมิวเซียม) , คณะแสดงบอลชอย บัลเลต์ และคอนเสิร์ตฮอลล์ใหญ่น้อยอีกกว่า 20แห่ง ซึ่งสามารถตอบสนองความสนใจของคนรักงานศิลปะ การแสดงและดนตรีคลาสสิกได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงการชมการแสดงละครสัตว์ที่มีชื่อเสียง

มอสโคว์ Moscow
ทุกวันนี้การเดินทางไปมอสโคว์สำหรับคนไทยถือว่าสะดวกสะบายมาก เพราะเพียงแค่ถือพาสปอร์ต ก็สามารถเดินทางเข้าประเทศนี้ได้เลย
ข้อพึงระวังสำหรับมอสโคว์หลังยุคสงครามเย็น ไม่ใช่เรื่องของเมืองที่มีปริมาณรถยนต์หนาแน่นจนการจราจรติดขัด หรือการเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพติดอันดับสูงสุดในโลก แต่เหนืออื่นใดเป็นเรื่องของอาชญากรรมล้วนๆ ไม่เพียงการล้วงกระเป๋า แต่ยังหมายถึงการปล้น โดยเฉพาะในพื้นที่เปลี่ยวบางแห่ง ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งเมื่อมีการใช้ภาษาอังกฤษค่อนข้างจำกัด จึงทำให้ค่อนข้างยากต่อการสื่อสารพอสมควร