x close

ท่องเที่ยว โขงเจียม สัมผัสธรรมชาติงาม

โขงเจียม อุบลราชธานี
โขงเจียม อุบลราชธานี



"โขงเจียม" ตะวันออกสุดเขตไทย สัมผัสธรรมชาติงาม...ชมตะวันขึ้นก่อนใครในสยาม (เดลินิวส์)

โดย : อร่าม สมสวย

          โขงเจียม อำเภอชายแดนเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธานี ไปทางทิศตะวันออก ตามถนนสายเอเซีย 14 และถนนสาย 2222 (วารินชำราบ-พิบูลมังสาหาร-โขงเจียม) ประมาณ 75 กิโลเมตร มีพื้นที่ติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมี "แม่น้ำโขง" เป็นเส้นกั้นพรมแดน
   
          ด้วยเหตุที่อำเภอโขงเจียมนั้น เป็นจุดที่สายแม่น้ำมูลไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ตรงบริเวณดอนด่านกลายเป็นสายน้ำสองสี "โขงสีปูน มูลสีคราม" มีพื้นที่ตั้งอยู่บนเส้นรุ้งที่ 15.3 องศาเหนือ เส้นแวงที่ 105.5 องศาตะวันออก และผืนแผ่นดินยื่นสู่ด้านทิศตะวันออกสุดโต่ง จนกล่าวกันว่า "โขงเจียมตะวันออกสุดเขตประเทศไทย เห็นตะวันก่อนใครในสยาม"
   
          ในอดีตอำเภอโขงเจียมเป็นพื้นที่ชายแดนที่อยู่ห่างไกลความเจริญและมีความทุรกันดาร การคมนาคมขนส่งติดต่อกับตัวจังหวัดหรืออำเภอใกล้เคียง จะใช้ได้เฉพาะทางเรือและต้องเป็นช่วงฤดูน้ำหลากเท่านั้น สถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่มากมายจึงไม่เป็นที่รู้จักของคนต่างถิ่นและนักท่องเที่ยว จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2525 หลังจากมีการสร้างถนนเข้าสู่อำเภอโขงเจียมและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ความงามที่มีอยู่หลากหลาย จึงได้มีโอกาสออกอวดสายตาสู่โลกภายนอก
   
          อุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอโขงเจียม อำเภอศรีเมืองใหม่และอำเภอโพธิ์ไทร มีสภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูงและเนินเขาสูงชัน ลักษณะสูงๆ ต่ำๆ สลับกันไปทั่วพื้นที่ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง เช่น ผาแต้ม ภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ 3-4 พันปี จะปรากฏอยู่บนหน้าผาหินทรายที่สูงชัน ทั้งผาแต้ม ผาหมอน ผาขาม มีความยาวติดต่อกันไปประมาณ 170 เมตร มีภาพทั้งหมดกว่า 300 ภาพ แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ ภาพสัตว์ ภาพลายเรขาคณิต ภาพคน ภาพฝ่ามือ และภาพเครื่องดักจับสัตว์น้ำที่คนอีสานเรียกว่า "ต้ม"
   
          เสาเฉลียง ประติมากรรมธรรมชาติที่เกิดจากการกัดกร่อนของน้ำสายลมและแสงแดดแผดเผา ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายพันปี มีลักษณะคล้ายร่มหรือดอกเห็ด เป็นภาพที่น่าทึ่งเหมือนกับว่ามีคนนำเอาก้อนหินขนาดเขื่องขึ้นไปวางไว้บนเสาหิน
   

โขงเจียม อุบลราชธานี
โขงเจียม อุบลราชธานี


          น้ำตกสร้อยสวรรค์ เกิดจากลำห้วยสร้อยและห้วยสะหนม ไหลจากหน้าผาคนละด้านมาบรรจบกันก่อนตกลงสู่พื้นเบื้องล่างกลางพลาญหิน มองดูคล้ายสายสร้อยที่แขวนคอ และบริเวณน้ำตกนี้จะมีต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณ เช่น สร้อย สุวรรณา ดุสิตตา มณีเทวา สรัสจันทร ทิพเกสร หญ้าเข็ม จอกบ่วาย หยาดน้ำค้าง กระดุมทอง หญ้ารากหอม หญ้าหมู่ดาว หญ้าข้าวก่ำ หญ้าเกล็ดหอย เอื้องเหลืองพิศมร แดงอุบล หงอนนาคา พู่ม่วง แก้มอ้น ดอกดิน เอ็นอ้า ฯลฯ
   
          น้ำตกแสงจันทร์หรือน้ำตกลงรู เป็นน้ำตกที่มีลักษณะพิเศษและแปลกกว่าน้ำตกอื่นๆ เกิดจากลำห้วยสายเล็กๆ ไหลลงสู่หุบเขาที่เป็นรูวงกลมขนาดเขื่อง สายน้ำที่ไหลผ่านตกลงมาคล้ายกับ แสงจันทร์ที่สาดส่องสู่พื้นผิวโลก
   
          น้ำตกทุ่งนาเมือง เป็นน้ำตกขนาดกลางที่มีความสวยงาม ไหลลดหลั่นลงมาตามความลาดชัน พอถึงปลายหน้าผาตัดชัน 90 องศา สายน้ำจะตกสู่เหวลึกเบื้องล่างกว่า 20 เมตร ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขงในที่สุด
   
          เถาวัลย์ยักษ์ ห่างจากน้ำตกทุ่งนาเมือง เพียงเล็กน้อย ตื่นตาตื่นใจกับเถาไม้ขนาดใหญ่ มีความกว้าง .35 เมตร ยาวเกือบ 10 เมตร มีอายุประมาณ 400-500 ปี
   
          ป่าดงนาทาม นอกจากอยู่ในจุดที่ "มองเห็นตะวันก่อนใครในสยาม" และสามารถท่องป่าบนเขาสูงเฉียดฟ้าแล้ว บนผืนป่าแห่งนี้มีจุดที่น่าสนใจมากมาย เช่น เสาเฉลียงคู่ ผาชะนะได ผาหินแตก หินโยก ผากำปั่น พลาญถ้ำไฮ น้ำตกห้วยพอก น้ำตกกวางโดน ภูจ้อมก้อม ฯลฯ   
   
          อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอโขงเจียม และอำเภอสิรินธร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 50,000 ไร่ ภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงและเนินเขาเตี้ยๆ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตมรสุมฤดูร้อน มีแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงไหลผ่าน ทำให้ฤดูร้อนอากาศจะไม่ร้อนจนเกินไป ฤดูหนาวก็ไม่หนาวจัดและมีฝนตกชุกในช่วงฤดูฝน มีแหล่งท่องเที่ยว  ที่น่าสนใจ เช่น แก่งตะนะ หลังจากแม่น้ำมูลไหลอ้อมดอนตะนะทั้ง 2 ด้าน แล้วจะไหลลงไปเบื้องล่างทางแก่งที่มีโขดหินทรายขนาดน้อยใหญ่สีนิลดำ มีลักษณะเป็นโบก-ขุม (หลุม) โขดหิน หลืบ (ซอก) หิน ผ่านเกาะกลางลำน้ำอันเกิดจากแม่น้ำมูลที่ไหลเชี่ยวกรากกัดเซาะลงไปตามร่องหิน เดิมเรียกว่า "แก่งมรณะ" เนื่องจาก ณ จุดนี้มีกระแสน้ำเชี่ยวกรากมักจะมีอุบัติเหตุเกิดเรือล่มอยู่บ่อยครั้ง ต่อมาจึงเรียกชื่อ "ตะนะ" มาจากภาษาเขมร หมายถึงเครื่องดักจับสัตว์ นับเป็นแก่งกลางลำแม่น้ำมูลที่ใหญ่ที่สุดและมีความสวยงาม
   
          สะพานแขวน เป็นจุดชมวิวสองฟากฝั่งแม่น้ำมูลเหนือแก่งตะนะ และใช้เดินข้าม "ดอนตะนะ" เพื่อชมธรรมชาติระหว่างฝั่งอำเภอโขงเจียมและฝั่งอำเภอสิรินธร
   
          ถ้ำภูหมาใน ชะง่อนผาที่ยื่นออกจากฝั่งแม่น้ำมูล ภายในถ้ำที่มีความกว้าง 45 เมตร ลึก 10 เมตร พบศิลาจารึกและแท่นศิวลึงค์ (ฐานโยนี) สมัยเจ้าชายจิตรเสน กษัตริย์ขอมโบราณ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-13


โขงเจียม อุบลราชธานี
โขงเจียม อุบลราชธานี
  

          ถ้ำเหวสินธุไชย ภายในถ้ำเหวสินธุไชย มีพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่า หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก อีกทั้งยังมีน้ำตกไหลจากหน้าผาผ่านลงมาบริเวณด้านหน้าพระนอน ก่อนที่จะตกลงสู่หุบเหวเบื้องล่าง
   
          วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2521 โดย หลวงปู่คำคนิง จุลมณี เกจิอาจารย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมจำพรรษา แม้ว่าหลวงปู่จะถึงแก่มรณภาพไปนานหลายปีแต่อัศจรรย์ศพท่านไม่เน่าเปื่อย บรรดาศิษยานุศิษย์ได้เห็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์จึงสร้างโลงแก้วเพื่อเก็บร่างของท่านไว้บูชา
   
          น้ำตกตาดโตน ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะไปเพียงเล็กน้อย จะมีลำห้วยสายหนึ่งที่ไหลผ่านพลาญหินแล้วตกลงสู่แอ่งเบื้องล่าง ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำลำโดมน้อย ที่ซ่อนความงดงามท่ามกลางสีสันอันบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
   
          เวินบึก หมู่บ้านของชาวเผ่าบรู (ข่า) ชนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้ได้อพยพหลีกหนีการกดขี่ข่มเหงของผู้มีอำนาจเข้ามาพึ่งใต้พระบรมโพธิ สมภารของไทยในปี พ.ศ. 2457 โดยยึดอาชีพจักสาน เช่น กระติบข้าว หวดนึ่งข้าว พัด กระบุง ตะกร้า ฯลฯ และทำอาชีพประมงหาปลาในลำแม่น้ำโขง ซึ่งที่นี้เป็นเวิ้งน้ำมีปลาน้ำจืดชุกชุม
   
          จากความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่หลากหลาย เป็นจุดได้เปรียบที่หยิบยกเอาจุดเด่นนี้ขึ้นมาปรับปรุงและพัฒนาเป็นจุดขาย ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พร้อมกับสร้างความภาคภูมิใจในถิ่นฐานของชาวโขงเจียม





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ท่องเที่ยว โขงเจียม สัมผัสธรรมชาติงาม อัปเดตล่าสุด 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 14:51:11 9,487 อ่าน
TOP