![มัมมี่แห่งกวานาคัวโต](https://s359.kapook.com//pagebuilder/e60f568a-084e-4a42-9256-6700559348ce.jpg)
VG Foto / Shutterstock.com
พิพิธภัณฑ์มัมมี่แห่งกวานาคัวโต
ย้อนกลับไปเมื่อราวปี ค.ศ. 1829 - 1851 ที่เมืองกวานาคัวโต ประเทศเม็กซิโก ได้เกิดเหตุอหิวาตกโรคระบาด ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องเปิดสุสานใหม่หลายแห่งเพื่อฝังศพ โดยคนที่เสียชีวิตจะถูกฝังทันทีเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แต่ความเร่งรีบและสับสนวุ่นวายได้นำไปสู่ความผิดพลาด ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยถูกฝังทั้งเป็นในขณะใกล้ตาย หรือยังไม่ใกล้ตายด้วยซ้ำ จนมีความเชื่อว่านี่คือสาเหตุของใบหน้าชวนหดหู่ของมัมมี่ที่นี่ แม้ในทางวิทยาศาสตร์ สภาพใบหน้าเช่นนี้เกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อยในกระบวนการย่อยสลาย
![มัมมี่แห่งกวานาคัวโต](https://s359.kapook.com//pagebuilder/c6f0429f-535b-483d-8768-fcdf23e58ae6.jpg)
Eduardo Medrano / Shutterstock.com
![มัมมี่แห่งกวานาคัวโต](https://s359.kapook.com//pagebuilder/15a9b223-4436-440c-879f-3f67c28c3687.jpg)
VG Foto / Shutterstock.com
ต่อมาในช่วงปี ค.ศ. 1870 - 1958 เมืองกวานาคัวโตมีการเก็บภาษีฝังศพ และมีการเคลียร์สุสานอยู่ต่อเนื่อง โดยศพไหนที่ครอบครัวไม่ได้จ่ายภาษีจะถูกขุดขึ้นมาจากหลุม และน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ที่ศพจำนวนหนึ่งซึ่งถูกขุดขึ้นมานั้น ได้แปรสภาพกลายเป็นมัมมี่ตามธรรมชาติ ไม่มีการเน่าเปื่อยจนเห็นแต่กระดูกแต่อย่างใด ทั้งนี้ คาดกันว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้งของเมืองกวานาคัวโต ดินที่มีสภาพแตกระแหง และโลงศพเล็ก ๆ ที่ทำมาพอดีตัว ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจน ศพที่ถูกฝังลงไปใต้ดินหยุดการย่อยสลาย และกลายมาเป็นมัมมี่อย่างที่เห็น
หลายปีผ่านไปศพก็ถูกขุดขึ้นมาศพแล้วศพเล่า ทำให้ในที่สุดอาคารที่เก็บศพก็เต็มไปด้วยร่างมัมมี่ซึ่งมีสีหน้าชวนหดหู่ และอาคารแห่งนี้ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม เมื่อร่างมัมมี่ได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างมาก ในช่วง 100 ปีก่อนจึงมีการเก็บเงินค่าเข้าชมนับตั้งแต่นั้น
![มัมมี่แห่งกวานาคัวโต](https://s359.kapook.com//pagebuilder/ac051e86-5a7e-4249-8b77-9434d6c75fc4.jpg)
VG Foto / Shutterstock.com
พิพิธภัณฑ์มัมมี่แห่งกวานาคัวโต ณ ปัจจุบัน
![มัมมี่แห่งกวานาคัวโต](https://s359.kapook.com//pagebuilder/d5810dcb-a917-4956-a2ae-aaeda282cf73.jpg)