1. ซื้อตั๋วก่อนขึ้นขบวนรถไฟ ไม่เช่นนั้นจะเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม
อย่าขึ้นขบวนรถโดยไม่มีตั๋วโดยสาร เมื่อจะเดินทางด้วยรถไฟ ผู้โดยสารจำเป็นจะต้องซื้อตั๋วก่อนขึ้นขบวนรถไฟ และเมื่อตรวจพบผู้โดยสารไปกับขบวนรถโดยไม่มีตั๋วโดยสาร พนักงานบนขบวนรถจะเรียกเก็บค่าโดยสารในอัตราที่การรถไฟกำหนดตามระยะทางที่เดินทาง และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมซื้อตั๋วบนขบวนรถเพิ่ม
-
ขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถเร็ว คนละ 250 บาท
-
ขบวนรถอื่น ๆ นอกเหนือขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถเร็ว คนละ 100 บาท
ข้อยกเว้น กรณีเรียกเก็บค่าโดยสารเพียงอย่างเดียวไม่ต้องเรียกเก็บค่าธรรมเนียมซื้อตั๋วบนขบวนรถ
1. ผู้โดยสารที่อยู่ในเกณฑ์ เด็ก
2. นักเรียนในเครื่องแบบไม่เกินชั้นมัธยมศึกษา
3. ผู้โดยสารที่ขึ้นโดยสารจากที่หยุดรถ/ป้ายหยุดรถ ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ หรือตัวแทนเปิดจำหน่ายตั๋ว
4. สถานีซึ่งมีการแจ้งเหตุขัดข้องเกี่ยวกับการจำหน่ายตั๋ว
ทั้งนี้ สามารถซื้อตั๋วโดยสารที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ หรือตัวแทนที่เปิดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าทุกแห่ง หรือจองทางโทรศัพท์ 1690 ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 5 วัน (โดยผู้ที่โทร. สำรองที่แล้วต้องไปรับตั๋วไม่เกินเวลา 22.00 น. ของวันรุ่งขึ้น หากไม่ไปรับตั๋วตามเวลาที่กำหนดจะยกเลิกการสำรองที่นั้น ๆ โดยอัตโนมัติ การโทรศัพท์สำรองที่ได้ครั้งละไม่เกิน 10 ที่)
2. โดยสารตามหมายเลขที่นั่ง และขบวนรถไฟที่กำหนดเท่านั้น
เมื่อได้ตั๋วรถไฟแล้ว สิ่งที่ผู้โดยสารควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด นอกเหนือจากการตรวจสอบเลขขบวนรถ ชั้น-ประเภทตู้ รวมถึงเวลาต้นทางและปลายทางแล้ว นั่นคือ คันที่นั่ง-เลขที่นั่ง โปรดจำไว้เสมอว่าอย่านั่งผิดที่ เพราะทุกคนจะระบุที่นั่งไว้เหมือนกันหมด (ยกเว้นตั๋วไม่มีที่นั่ง และรถบริการเชิงสังคมจะไม่ระบุที่นั่ง)
3. ห้ามขึ้น/ลง ในขณะที่ขบวนรถไฟกำลังเคลื่อนที่
เมื่อรถไฟกำลังเคลื่อนที่ ไม่ควรขึ้นหรือลงจากขบวนรถไฟโดยเด็ดขาด เพราะความเร็วของรถไฟอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย ทางที่ดีขณะที่รถไฟกำลังเคลื่อนที่ ควรนั่งกับที่นั่งของตัวเองจะดีที่สุด หรือถ้าจะขึ้น/ลง ก็ควรให้ขบวนรถไฟจอดสนิทเสียก่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้โดยสาร
4. ห้ามโดยสารบริเวณหัวต่อรถโดยสาร บันไดรถ และหลังคาขบวนรถไฟโดยเด็ดขาด
ห้ามยืนระหว่างหัวต่อรถโดยสาร และห้ามใช้บันไดเป็นที่โดยสาร เพราะอาจพลัดตกจากขบวนรถรถไฟได้ จำไว้ว่าความคึกคะนองส่วนตัวหรือชั่วครั้งชั่วคราว นั่นอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุอย่างไม่ทันตั้งตัว ดังนั้น เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ควรเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าพนักงานบนรถไฟจะดีที่สุด
5. ห้ามนำอาหารกลิ่นรุนแรงและสัตว์เลี้ยง ขึ้นมาบนขบวนรถไฟแบบปรับอากาศ
เพราะการเดินทางรถไฟเป็นการเดินทางขนส่งสาธารณะ การนึกถึงใจเขาใจเราจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรคำนึง โดยเฉพาะการไม่นำอาหารกลิ่นรุนแรง และสัตว์เลี้ยงขึ้นมาบนขบวนรถไฟแบบปรับอากาศ เพราะนอกจากจะเป็นการรบกวนผู้คนแล้ว ยังเป็นการแสดงถึงการไม่เคารพสิทธิส่วนบุคคลอีกด้วย
6. ห้ามยื่นหน้าหรือส่วนใด ๆ ของร่างกายออกนอกขบวนรถไฟ
หนึ่งในเรื่องของความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้บริการที่ไม่อาจมองข้าม นั่นคือ การระวังไม่ยื่นหน้า หรือส่วนใด ๆ ของร่างกายออกนอกขบวนรถไฟ ด้วยเพราะระหว่างทางอาจเกิดการเฉี่ยวชนเข้ากับสิ่งกีดขวางต่าง ๆ โดยรอบบริเวณรางรถไฟ เป็นต้นว่าสิ่งปลูกสร้าง อาคารบ้านเรือนต่าง ๆ กิ่งก้านของต้นไม้ ถ้าไม่ระวัง ก็อาจจะบาดเจ็บได้โดยง่าย
7. ตรวจสอบสัมภาระทุกครั้ง ทั้งก่อนขึ้น/ลงจากขบวนรถไฟ
เพื่อป้องกันการสูญหายของทรัพย์สิน ผู้โดยสารทุกคนจำเป็นต้องตรวจสอบสัมภาระทุกครั้ง ทั้งก่อนขึ้น/ลงจากขบวนรถไฟ รวมถึงไม่ฝากทรัพย์สินส่วนตัวกับบุคคลแปลกหน้า ทั้งนี้ หากผู้โดยสารลืมสัมภาระไว้บนขบวนรถไฟ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สถานี เพื่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ขบวนรถให้ส่งกลับมากับขบวนรถอื่น หรือติดต่อที่เบอร์ 1690 เพื่อทำการประสานงานต่อไป
ทั้งหมดนี้เป็นข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนใช้บริการรถไฟด้วยความปลอดภัย พร้อมรอยยิ้มและความสุข ตลอดจนการเดินทางที่ถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก
การรถไฟแห่งประเทศไทย