เรื่องน่ารู้ ภูเขาทอง กรุงเทพฯ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และจุดชมวิวมุมสูงสวยแห่งพระนคร

ที่ตั้งของภูเขาทอง
ความเป็นมาของภูเขาทอง หรือพระบรมบรรพต
ภูเขาทอง เริ่มสร้างมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์มีพระราชดำริให้สร้างพระปรางค์ย่อมุมไม้สิบสองขนาดใหญ่อยู่ทางทิศตะวันออกของพระนคร แต่ด้วยพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นดินเลนโคลนทำให้รองรับน้ำหนักของโครงสร้างไม่ไหว องค์พระปรางค์จึงพังลงมา แต่ยังไม่ทันสร้างแล้วเสร็จก็สิ้นรัชกาลที่ 3 เสียก่อน
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างใหม่โดยเปลี่ยนรูปแบบให้กลายเป็นภูเขาจำลองสูง แล้วมีเจดีย์อยู่ด้านบนแทน มีบันไดเวียนขึ้น-ลง 2 ทาง พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปวางศิลาฤกษ์ด้วยพระองค์เอง และเปลี่ยนชื่อจากภูเขาทองเป็นพระบรมบรรพต แต่การก่อสร้างก็ยังไม่เสร็จสิ้นเมื่อรัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์ รวมความสูงจากฐานจนถึงยอดพระเจดีย์ได้ 77 เมตร และมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศอินเดียมาไว้ในองค์พระเจดีย์เมื่อ พ.ศ. 2422 และได้เฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน ในช่วงเทศกาลลอยกระทง มีการปฏิบัติสืบกันมาจนกลายเป็นประเพณีนมัสการพระบรมสารีริกธาตุภูเขาทอง หรืองานวัดภูเขาทองนั่นเอง
พระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระเจดีย์ บรรจุไว้ในผอบที่มีอักษรพราหมี หรือเมารยะ จารึกไว้ว่า พระบรมสารีริกธาตุนี้เป็นของพระพุทธเจ้า (สมณโคดม) ตระกูลศากยราช ได้รับแบ่งปันในเวลาถวายพระเพลิงพุทธสรีระ มีการขุดพบเมื่อ พ.ศ. 2441 ณ เมืองกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย และทางรัฐบาลอินเดียก็ได้น้อมเกล้าฯ น้อมถวายแด่รัชกาลที่ 5 และพระองค์ก็โปรดให้บรรจุไว้ที่พระบรมบรรพต เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2442

การเที่ยวชมภูเขาทอง

ภาพจาก Inoprasom / Shutterstock.com
- การจะขึ้นไปนมัสการองค์เจดีย์บนยอดภูเขาทอง จะต้องเดินขึ้นบันไดขั้นเล็ก ๆ ทั้งหมด 344 ขั้น
- ทางขึ้นหลักจะอยู่ติดกับส่วนของวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร แต่จะมีประตูทางเข้าทั้งจากฝั่งถนนจักรพรรดิพงษ์และถนนบริพัตร สามารถเดินวนมายังทางขึ้นหลักได้
- บริเวณทางขึ้นจะมีดอกไม้ธูปเทียนจำหน่าย สามารถซื้อขึ้นไปไหว้พระได้


ภาพจาก Dawid K Photography / Shutterstock.com
- พอขึ้นไปถึงด้านบนจะเป็นส่วนของภายในพระบรมบรรพต มีพระประธาน คือ พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ พระพุทธรูปปางทรงเครื่องจักพรรดิสีทองสว่างประดิษฐานอย่างสง่างามอยู่ด้านหน้า พร้อมด้วยพระพุทธรูปที่สำคัญอีกหลายองค์ ในจุดนี้เป็นบริเวณในอาคาร อากาศจะเย็นสบาย สามารถมองเห็นวิวได้โดยรอบเช่นกัน
- สำหรับพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ได้ประดิษฐานอยู่บนยอดพระเจดีย์สีทองใหญ่ด้านบนสุด จากบริเวณโถงใต้ฐานพระเจดีย์จะมีบันไดเล็ก ๆ ให้เดินขึ้น-ลงคนละฝั่ง
- ด้านบนสุดบริเวณฐานพระเจดีย์สีเหลืองทอง มีจุดให้นั่งไหว้พระขอพร เป็นพื้นที่เปิดโล่งกว้างเช่นกัน ถ้าไปช่วงกลางวันก็ต้องเตรียมเสื้อแขนยาว หมวก ร่ม ให้พร้อม
- โดยรอบของพระฐานเจดีย์จะสามารถชมวิวกรุงเทพฯ ได้แบบ 360 องศา มองเห็นเมืองได้ไกลสุดลูกหูลูกตา วิวสวยตลอดทั้งวัน ยิ่งถ้ามาช่วงแดดร่มลมตกลมก็จะพัดเย็นสบาย ได้เห็นวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้วย

ภาพจาก Ariya J / Shutterstock.com
- ทางลงของภูเขาทองจะอยู่คนละฝั่งกับทางที่ขึ้นมา มองป้ายให้ชัดเจนก่อนที่จะเดินลง เพื่อที่จะไม่ไปสวนทางกับผู้ที่เดินขึ้น อาจจะเป็นอันตรายได้ในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
- ห้องน้ำของภูเขาทองจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางขึ้น แต่เมื่อเดินลงก็จะเจอกับบริเวณห้องน้ำพอดี
งานวัดภูเขาทอง
การแต่งกายไปเที่ยวชมภูเขาทอง
เวลาเปิด-ปิด
ค่าเข้าชม
การเดินทาง
หน้าวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ด้านถนนจักพรรดิ ที่ป้ายรถเมล์ ภูเขาทอง 1 มีรถโดยสารประจำทางวิ่งผ่าน ได้แก่ สาย 8, ปอ.8, 15, 47 และ 49 อีกฝั่งถนนที่ป้ายรถเมล์ ภูเขาทอง 2 มีรถโดยสารประจำทางวิ่งผ่าน ได้แก่ สาย 8, ปอ.8, 15, 37, 47 และ 49
หรืออีกหนึ่งวิธี ก็คือ การนั่งเรือมาตามคลองมหานาค จะไปขึ้นที่ท่าเรือคลองแสนแสบที่ประตูน้ำก็ได้ หรือจะมาขึ้นที่ท่าเรือโบ๊เบ๊ก็ได้เช่นกัน โดยจะมาลงที่ป้ายสุดท้าย คือ ป้านสะพานผ่านฟ้าลีลาศ แล้วเดินต่ออีกประมาณ 200 เมตร ส่วนถ้าใครขับรถยนต์ส่วนตัวมาก็สามารถจอดได้บริเวณลานวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
วันหยุดใครอยากหาที่เที่ยวไหว้พระทำบุญ เสริมดวง เสริมบารมี พร้อมกับชมวิวกรุงเทพฯ มุมสูงสวย ๆ ก็ขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ พอไหว้พระเสร็จแล้วก็ยังสามารถไปเดินเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ บริเวณโดยรอบได้ด้วย :)
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
ททท., onab.go.th, thailandtourismdirectory.go.th