เยรูซาเลม Jerusalem
เยรูซาเลม Jerusalem
เยรูซาเลม Jerusalem
เยรูซาเลม Jerusalem
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เยรูซาเลม (Jerusalem) เมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งยังเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวพันกัน 3 ศาสนาหลักของโลก คือ ศาสนายูดาห์ (ยิว) ศาสนาคริสต์ และ ศาสนาอิสลาม เนื่องจากเป็นเมืองที่พระเยซูคริสต์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ที่ภูเขามะกอกเทศ และกลับลงมาบนแผ่นดินโลกที่เมืองแห่งนี้ เป็นเมืองที่พระนบีมูฮัหมัดถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ และเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของชาติยิวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเยรูซาเลม จะเป็นเมืองที่มีความขัดแย้งทางศาสนา แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ของความขลัง ความงดงามไม่เสื่อมคลาย จึงไม่จ้องแปลกใจ หากเหล่านักเดินทางจะแวะเวียนไปสัมผัสกับดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้ และวันนี้กระปุกดอทคอมก็ไม่พลาดที่จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ เยรูซาเลม เช่นกัน...
เยรูซาเลม ตั้งอยู่บนที่ราบสูงทางตอนใต้ของเทือกเขาจูเดียน มีประชากรและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป เมืองโบราณแห่งนี้ชุมชนนับถือศาสนายิว คริสต์ศาสนา ลัทธิอาร์เมเนียน และชาวมุสลิม ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม แต่ถึงแม้จะแตกต่างกันทางศาสนาแต่ชาวเมือง เยรูซาเลม ก็อยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืน เสียงระฆังโบสถ์ที่กังวานและยาวนาน สัญญาณเรียกให้มาสวดมนต์ในสุเหร่ามุสลิม และท่วงทำนองเสียงสวดมนต์ของชาวยิวที่กำแพงตะวันตก หรือ กำแพงร้องไห้ (Western Wal, Wailing Wall) เพิ่มเสน่ห์และชีวิตชีวาแก่เมืองนี้
เยรูซาเลม Jerusalem
เยรูซาเลม Jerusalem
ประวัติศาสตร์ เยรูซาเลม (Jerusalem)
เยรูซาเลม เป็นเมืองที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรรไว้ ให้เป็นป้อมแห่งความเชื่อถึงพระเป็นเจ้าแต่เพียงองค์เดียว จากเนินเขาที่โล่งแจ้งนี้ บรรดาประกาศกและพระคริสตเจ้าเองทรงประกาศคำสั่งสอนของพระเป็นเจ้าและบท บัญญัติแห่งความรัก จากดินแดนนี้ไฟแห่งความเชื่อได้แพร่ไปพร้อมกับมุ่งขจัดความมืดมนแห่งการหลงผิด และการนับถือพระเท็จเทียมต่าง ๆ ให้หมด สิ้นไป
ไม่มีผู้ใดทราบว่ากรุงเยรูซาเลมเริ่มมีตัวตนขึ้นมาเมื่อใด ครั้งแรกที่พระคัมภีร์พูดถึง คือ สมัยของอับราฮัม โดยมีชื่อว่า "ซาเล็ม" แปลว่า “สันติสุข” ส่วนชื่อ เยรูซาเลม แปลว่า “มรดกแห่งสันติภาพ” มาจากภาษาฮิบรู ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ภายใต้การปกครองของกษัตริย์เดวิด กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งอาณาจักรยิว 1 พันปีก่อนคริสตกาล โดยชาวยิวตั้งรกรากในดินแดนแห่งนี้มาเกือบ 2 พันปีก่อนคริสตกาล
แต่สำหรับชาวยิว เยรูซาเลม เป็นสัญลักษณ์แห่งสิริมงคลดั้งเดิม และแห่งความหวังในอนาคต ส่วนชาวคริสต์เป็นเมืองที่พระเยซูเจ้าทรงประกอบภารกิจในช่วงระยะเวลาสุดท้าย แห่งพระชนมชีพของพระองค์ เมืองที่ได้เป็นพยานถึงการสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนชีพของพระองค์ ในขณะที่ชาวมุสลิมเชื่อกันว่า ศาสดามุฮัมมัดได้เสด็จสู่ฟากฟ้าที่เมืองนี้ จึงเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์อันดับสามรองจาก มักกะฮ์ และมาดีนะฮ์
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนเมืองมาสัมผัสดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ คือ โดมแห่งศิลา หรือ โดมสีทอง (Dome of the Rock) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.687 - 691 ผู้สร้างคือ อับดุลอัลมาริค (Abdul Malik ibn Marwan) เป็นคาลิฟาองค์ที่ 8 ของราชวงศ์อุมัยยะ ซึ่ง โดมทองแห่งเยรูซาเลมเป็นศาสนสถานของศาสนาอิสลามที่เป็นที่ตั้งของศิลาฤกษ์ (Foundation Stone) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนายูดาย และเป็นสิ่งก่อสร้างที่เด่นที่สุดบนเท็มเพิลเมานท์ในกรุงเยรูซาเลม และเป็นสิ่งก่อสร้างของอิสลามที่เก่าที่สุดในโลก
กำแพงร้องไห้ (Wailling Wall) ที่กำเนิดของพระเยซูเจ้า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนคริสเตียนและยิว เพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษของตนที่ต้องอพยพไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ทำให้ชาวยิวต่างพากันมาร้องไห้เป็นประจำที่กำแพงนี้ทุกวันศุกร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการระบายความทุกข์ใจของแต่ละคน
โบสถ์อันเป็นจุดฝังศพของพระเยซู (Church Of Holy Sepulchre) สถานที่ที่ชาวคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกอยากมีโอกาสมาสักครั้งในชีวิต โดยบริเวณที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดคือ แท่นหินที่ใช้ในการชำระพระศพของพระเยซู โดยคริสต์ศาสนิกชนที่มีโอกาสมาสักการะก็มักจะเข้าไปลูบไล้ และจูบลงบนแท่นหินแห่งนี้