เที่ยว 5 สถานที่มรดกโลกใกล้ไทย ไม่ต้องใช้วีซ่า มีเวลาน้อยนิดก็เที่ยวได้ สะดวกสบายสุด ๆ ด้วยเส้นทางบินตรงจากแอร์เอเชีย ราคาดี มีตลอดปี ไม่ต้องรอโปรโมชั่น
ถ้าอยากหาที่เที่ยวต่างประเทศสวย ๆ อันที่จริงไม่ต้องไปเที่ยวที่ไหนไกล ประเทศเพื่อนบ้านของเราก็มีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ให้ไปเช็กอินเพียบ ที่สำคัญยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก อยู่ในทุกประเทศรอบ ๆ บ้านเราด้วยนะ แต่วันนี้ขอคัด 5 สถานที่เด่น ๆ เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้กับไทย ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางยาวนาน และไม่ต้องใช้วีซ่าแล้ว สายการบินแอร์เอเชียยังให้บริการบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปถึง 5 มรดกโลกนี้ด้วย สะดวกสบายสุด ๆ แถมราคาตั๋วเครื่องบินยังดีต่อใจ ไม่ต้องรอโปรโมชั่นก็ไปเที่ยวได้สบาย ๆ ตลอดทั้งปี .... ดีเว่อร์ ^^ 5 สถานที่ที่ว่านี้จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันค่ะ
1. เมืองฮอยอัน ประเทศเวียดนาม
เมืองฮอยอัน เมืองวัฒนธรรมโบราณแห่งปากแม่น้ำ Thu Bon ในเขตจังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) ทางฝั่งทะเลจีนใต้ช่วงตอนกลางของประเทศเวียดนาม ห่างจากเมืองดานังราว ๆ 30 กิโลเมตร เป็นเมืองท่าเก่าแก่ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมซึ่งผสมผสานกันระหว่างศิลปะแบบเวียดนาม จีน และญี่ปุ่น ในช่วงสมัยศตวรรษที่ 15-19 ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งผู้คนยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายตามแบบฉบับวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวฮอยอันในอดีต เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่สามารถทำให้เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน ซึ่งปัจจุบันหลงเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่แห่งในโลก ด้วยเหตุนี้ฮอยอันจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2542
บ้านเรือนในเมืองฮอยอันส่วนใหญ่ฉาบทาด้วยโทนสีเหลือง มีโครงสร้างเป็นอิฐปูนและไม้ รอบ ๆ เมืองถูกประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากหลายสีสัน ยามค่ำคืนโคมไฟเหล่านี้จะส่องสว่างประชันกับดวงจันทร์และทะเลดาวบนฟากฟ้าอย่างสวยงาม บรรยากาศโรแมนติกไม่เหมือนที่ไหน และต้องไม่พลาดไปชมสะพานญี่ปุ่น สะพานข้ามคลองเล็ก ๆ ในย่านเมืองเก่า ซึ่งสะท้อนศิลปะจีน-ญี่ปุ่นแบบโบราณได้อย่างดีทีเดียว
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังจะได้ลิ้มลองอาหารเวียดนามแบบต้นตำรับ ได้นั่งชิมกาแฟคั่วบดสดใหม่ในร้านกาแฟสุดชิล พร้อมทั้งได้เลือกซื้องานแฮนดิคราฟต์สวยเก๋เท่ชิคไม่เหมือนใคร เป็นประสบการณ์ที่จะหาได้แค่ที่ฮอยอันเท่านั้น
++ ระยะเวลาพำนักในประเทศเวียดนามโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน
++ การเดินทางไปเมืองฮอยอัน : เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ - ดานัง สายการบินแอร์เอเชียมีให้บริการทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน
2. เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว
ย้อนชมความงดงามของอาณาจักรล้านช้าง ณ เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว เมืองเก่าที่ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน อันเป็นบริเวณที่เรียกว่าปากคาน ด้านหลังของเมืองเป็นทิวเขาน้อยใหญ่อุดมสมบูรณ์ ตัวเมืองเก่ายังคงเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมซึ่งผสมผสานระหว่างศิลปะแบบล้านช้างและเฟรนช์โคโลเนียล บ้านบางหลังก็สร้างด้วยไม้ทั้งหมด บางหลังเป็นโครงสร้างครึ่งปูนครึ่งไม้ แต่ก็ยังคงแฝงไว้ด้วยศิลปะแบบดั้งเดิม ซึ่งสะท้อนถึงเมืองเก่าในช่วงยุคศตวรรษที่ 19-20 ได้อย่างดีเยี่ยม
อีกทั้งยังมีวัดวาอารามที่สวยงามตามแบบศิลปะล้านช้างกระจายอยู่รอบ ๆ เมืองเก่า เช่น วัดเชียงทอง ซึ่งมีพระอุโบสถที่สมบูรณ์แบบทั้งทางสถาปัตยกรรมและการตกแต่ง พร้อมทั้งมีภาพต้นโพธิ์ทองที่ประดับด้วยกระจกหลากสีบริเวณด้านหลังของพระอุโบสถ อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกอย่างของเมืองหลวงพระบาง รวมไปถึงพระราชวังหลวงพระบาง สถานที่ประทับของพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของประเทศลาว ก็มีสถาปัตยกรรมและโบราณวัตถุล้ำค่า ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ควรอนุรักษ์อย่างยิ่ง
บรรยากาศภายในเมืองหลวงพระบางยังคงเงียบสงบ ชาวบ้านมีวิถีชีวิตสุดเรียบง่าย เริ่มตั้งแต่ในช่วงเช้า ชาวบ้านจะมารอตักบาตรข้าวเหนียวกับพระสงฆ์ที่เดินเรียงรายฝ่าสายหมอกขาวละมุน และอากาศเย็นสบายมากกว่า 10 รูป ตลาดเช้าใจกลางเมืองก็จะคึกคักไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านและของป่า มีอาหารพื้นเมืองอร่อย ๆ ราคาย่อมเยาให้เลือกซื้อกันสนุกสนาน บางคนก็ใช้เวลายามเช้าไปกับการจิบกาแฟริมลำน้ำโขง นั่งกินบาเก็ตต์ (ขนมปังฝรั่งเศส) คำ จิบกาแฟร้อนคำ ช่วงสายหน่อยก็เดินไปทำบุญที่วัด แล้วทำกิจกรรมประจำวัน และพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะทักทายผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้มและมิตรไมตรี เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาได้แค่ที่หลวงพระบางเท่านั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้เมืองหลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2538
นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังหลวงพระบาง, พระธาตุพูสี, น้ำตกกวางสี, น้ำตกตาดแส้, วัดวิชุนราช หรือวัดหมากโม, วัดใหม่สุวรรณภูมาราม, ถ้ำติ่ง หรือถ้ำปากอู, ตลาดมืด เป็นต้น
++ ระยะเวลาพำนักในประเทศลาวโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน
++ การเดินทางไปเมืองหลวงพระบาง : เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ - หลวงพระบาง สายการบินแอร์เอเชีย มีให้บริการทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน
3. นครวัด ประเทศกัมพูชา
นครวัด เมืองโบราณสุดยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรขอมซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา มีลักษณะเป็นศาสนสถานที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดพื้นที่รวมทั้งหมดราว ๆ 400 เอเคอร์ (ประมาณ 1.6 ล้านตารางเมตร) เลยทีเดียว ที่นี่สร้างขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าสูรยวรรมันที่ 2 แห่งเมืองยโสธรปุระ เพื่อเป็นเทวาลัยประจำรัฐและเป็นสุสานฝังพระศพ
นอกจากความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโบราณแห่งนี้แล้ว สิ่งที่ทำให้นครวัดได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่อันทรงคุณค่ามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2535 ก็คือ สถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง โดยรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นจะเป็นสถาปัตยกรรมขอมแบบดั้งเดิม มีผังการสร้างเสมือนเป็นเขาพระสุเมรุ ด้านนอกมีกำแพงและคูน้ำล้อมรอบ ตรงกลางเป็นปราสาทหินขนาดใหญ่โตโอ่อ่า ซึ่งมีพระปรางค์ 5 ยอด ดูโดดเด่นและสง่างามมาก ๆ
และถ้าลองสังเกตจะเห็นว่าหินแต่ละก้อนที่นำมาสร้างนครวัดเป็นหินทรายสีชมพูก้อนขนาดใหญ่มหึมา ซึ่งสมัยก่อนไม่มีเครื่องมือทันสมัยในการเคลื่อนย้าย ต้องใช้แรงงานคนและสัตว์นับหมื่นนับแสนเพื่อสร้างสถานที่แห่งนี้ ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของนครวัด ที่สามารถสร้างได้อย่างยิ่งใหญ่และอลังการ
นอกจากนี้โดยรอบของปราสาทและกำแพงยังปรากฏภาพสลักนูนสูง และภาพสลักนูนต่ำที่สวยงามมากมาย ซึ่งเป็นงานศิลปะที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบพันปีมาแล้ว หาดูที่ไหนไม่ได้แน่นอน จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงควรค่าแก่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และทำไม Arnold Joseph Toynbee นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีชื่อดังถึงได้กล่าวไว้ว่า "See Angkor Wat and Die"
++ ระยะเวลาพำนักในประเทศกัมพูชาโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 14 วัน
++ การเดินทางไปนครวัด : เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ - เสียมราฐ สายการบินแอร์เอเชียมีให้บริการทุกวัน วันละ 3 เที่ยวบิน
4. ฮาลองเบย์ ประเทศเวียดนาม
ฮาลองเบย์ อ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งจังหวัดกว๋างนิญ (Quang Ninh) ในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ย (Gulf of Tonkin) ห่างจากกรุงฮานอยไปทางตะวันออกราว ๆ 170 กิโลเมตร
สิ่งที่ทำให้ฮาลองเบย์เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศเวียดนาม ก็คือ ทัศนียภาพอันงดงามของเกาะหินปูนน้อยใหญ่นับพันที่โผล่พ้นขึ้นมาจากทะเล แต่ละเกาะก็มีรูปร่างที่สวยงามแปลกตา ซึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นโดยธรรมชาติ ทั้งคลื่นจากทะเล ลม และสายฝน กัดกร่อนจนทำให้เกิดเกาะต่าง ๆ มากกว่า 1,600 เกาะครอบคลุมเนื้อที่มากถึง 43,400 เฮกเตอร์ และยังสร้างสรรค์ถ้ำน้อยใหญ่ และหาดทรายสวยในบางเกาะ พร้อมทั้งยังเผยให้เห็นธรรมชาติในยุคดึกดำบรรพ์ กลายเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่ควรค่าแก่การศึกษาและอนุรักษ์ ถือว่ามีคุณสมบัติพร้อมในการเป็นหนึ่งในมรดกโลกทางธรรมชาติโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2537
นอกจากการชมวิวสวย ๆ บริเวณอ่าวฮาลองย์แล้ว การได้ล่องเรือชมความสวยงามของอ่าวแห่งนี้ ไปพร้อมกับการรับประทานอาหารมื้อกลางวัน หรือมื้อค่ำ ก็เป็นอีกกิจกรรมสุดพิเศษที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว หรือถ้าใครพอมีเวลา แนะนำให้ลองนอนพักบนเรือหรู เพื่อซึมซับกับบรรยากาศอันเงียบสงบและสวยงามยามค่ำคืนในอ่าวฮาลองเบย์ เป็นอีกประสบการณ์การพักผ่อนที่จะทำให้คุณประทับใจไม่มีวันลืมเลยล่ะ
++ ระยะเวลาพำนักในประเทศเวียดนามโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน
++ การเดินทางไปเมืองฮอยอัน : เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ - ฮานอย สายการบินแอร์เอเชียมีให้บริการทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน
5. เมืองเว้ ประเทศเวียดนาม
เมืองโบราณที่น่าเที่ยวอีกแห่งของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอม ห่างจากริมฝั่งทะเลจีนใต้เพียง 2-3 ไมล์ และห่างจากเมืองดานังราว ๆ 93 กิโลเมตร ความงดงามของเมืองเว้อยู่ที่โบราณสถานต่าง ๆ ที่อยู่รายล้อมรอบเมือง ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เหงียนในช่วงศตวรรษที่ 18
โบราณสถานอันสมบูรณ์แบบที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเมืองเว้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสวยงามของเมืองแห่งนี้ในช่วงที่เป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามเมื่อราว ๆ ร้อยกว่าปีที่แล้วได้เป็นอย่างดี อย่างพระราชวังเว้ ก็มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น มีการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในสวยงามหรูหรา และยังมีโบราณวัตถุล้ำค่าเก็บรักษาไว้มากมาย รวมไปถึงสถานที่สำคัญอื่น ๆ รอบ ๆ เมือง ก็มีความเก่าแก่และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานทั้งศิลปะแบบจีน เวียดนาม และตะวันตก เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เมื่อบวกเข้ากับบรรยากาศอันเงียบสงบ วิถีชีวิตสุดเรียบง่าย และความน่ารักของผู้คนในเมืองเว้ ที่นี่จึงควรค่าแก่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2536
เมืองเว้เป็นเมืองเล็ก ๆ ซึ่งสามารถเที่ยวได้ในเวลาน้อยนิด นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังเว้, สุสานจักรพรรดิมิงห์หม่าง, สุสานจักรพรรดิไคดิงห์, สุสานจักรพรรดิตือดึ๊ก, เจดีย์เทียนมู่ เจดีย์ทรงเก๋งแปดเหลี่ยม สูง 7 ชั้น, สะพาน Truong Tien สะพานสุดโรแมนติกที่ทอดข้ามแม่น้ำหอม เป็นต้น
กิจกรรมที่แนะนำให้ลองไปสัมผัสเพิ่มเติม ก็คือ การล่องเรือชมวิวสวย ๆ ริมสองฝั่งแม่น้ำหอม การกินอาหารพื้นเมืองสุดอร่อย พร้อมทั้งช้อปปิ้งเลือกซื้อผลิตภัณฑ์พื้นเมืองและแฮนด์เมดที่ขึ้นชื่อของเมืองเว้ เชื่อเถอะว่าถ้าได้ลองมาสัมผัสที่นี่กันสักครั้ง จะหลงรักแบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ
++ ระยะเวลาพำนักในประเทศเวียดนามโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน
++ การเดินทางไปเมืองฮอยอัน : เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ - ดานัง สายการบินแอร์เอเชียมีให้บริการทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน
เห็นความสวยงามของแต่ละสถานที่ บอกเลยว่าสมแล้วที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก บรรยากาศแต่ละแห่งก็สวยงามกินกันไม่ลงเลยจริง ๆ ใครที่อยากเที่ยวแบบชิล ๆ หลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ อย่าลืมพิจารณาที่เที่ยวต่างประเทศใกล้ไทยเหล่านี้ดูนะคะ ...
และถ้าอยากเดินทางในแบบฉบับที่ได้รับความประทับใจตลอดทั้งทริป เพราะไม่ต้องหมดค่าใช้จ่ายไปกับการเดินทางมากมาย มีเงินเหลือกินเหลือเที่ยวแบบเต็มกระเป๋า ก็ต้องนึกถึงสายการบินแอร์เอเชีย เพราะทั้ง 5 สถานที่นี้สายการบินแอร์เอเชียมีเส้นทางบินตรงหมดเลย ไม่ต้องใช้แต้มบุญ ไม่ต้องรอโชคชะตาก็ได้ราคาดีต่อใจตลอดทั้งปี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ airasia.com
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
unesco.org, tourismcambodia.com, vietnamtourism.com, unesco.org, vietnam.travel, vietnamtourism.com, unesco.org และ tourismlaos.org
1. เมืองฮอยอัน ประเทศเวียดนาม
เมืองฮอยอัน เมืองวัฒนธรรมโบราณแห่งปากแม่น้ำ Thu Bon ในเขตจังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) ทางฝั่งทะเลจีนใต้ช่วงตอนกลางของประเทศเวียดนาม ห่างจากเมืองดานังราว ๆ 30 กิโลเมตร เป็นเมืองท่าเก่าแก่ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมซึ่งผสมผสานกันระหว่างศิลปะแบบเวียดนาม จีน และญี่ปุ่น ในช่วงสมัยศตวรรษที่ 15-19 ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งผู้คนยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายตามแบบฉบับวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวฮอยอันในอดีต เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่สามารถทำให้เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน ซึ่งปัจจุบันหลงเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่แห่งในโลก ด้วยเหตุนี้ฮอยอันจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2542
บ้านเรือนในเมืองฮอยอันส่วนใหญ่ฉาบทาด้วยโทนสีเหลือง มีโครงสร้างเป็นอิฐปูนและไม้ รอบ ๆ เมืองถูกประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากหลายสีสัน ยามค่ำคืนโคมไฟเหล่านี้จะส่องสว่างประชันกับดวงจันทร์และทะเลดาวบนฟากฟ้าอย่างสวยงาม บรรยากาศโรแมนติกไม่เหมือนที่ไหน และต้องไม่พลาดไปชมสะพานญี่ปุ่น สะพานข้ามคลองเล็ก ๆ ในย่านเมืองเก่า ซึ่งสะท้อนศิลปะจีน-ญี่ปุ่นแบบโบราณได้อย่างดีทีเดียว
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังจะได้ลิ้มลองอาหารเวียดนามแบบต้นตำรับ ได้นั่งชิมกาแฟคั่วบดสดใหม่ในร้านกาแฟสุดชิล พร้อมทั้งได้เลือกซื้องานแฮนดิคราฟต์สวยเก๋เท่ชิคไม่เหมือนใคร เป็นประสบการณ์ที่จะหาได้แค่ที่ฮอยอันเท่านั้น
++ ระยะเวลาพำนักในประเทศเวียดนามโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน
++ การเดินทางไปเมืองฮอยอัน : เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ - ดานัง สายการบินแอร์เอเชียมีให้บริการทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน
2. เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว
ย้อนชมความงดงามของอาณาจักรล้านช้าง ณ เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว เมืองเก่าที่ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน อันเป็นบริเวณที่เรียกว่าปากคาน ด้านหลังของเมืองเป็นทิวเขาน้อยใหญ่อุดมสมบูรณ์ ตัวเมืองเก่ายังคงเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมซึ่งผสมผสานระหว่างศิลปะแบบล้านช้างและเฟรนช์โคโลเนียล บ้านบางหลังก็สร้างด้วยไม้ทั้งหมด บางหลังเป็นโครงสร้างครึ่งปูนครึ่งไม้ แต่ก็ยังคงแฝงไว้ด้วยศิลปะแบบดั้งเดิม ซึ่งสะท้อนถึงเมืองเก่าในช่วงยุคศตวรรษที่ 19-20 ได้อย่างดีเยี่ยม
อีกทั้งยังมีวัดวาอารามที่สวยงามตามแบบศิลปะล้านช้างกระจายอยู่รอบ ๆ เมืองเก่า เช่น วัดเชียงทอง ซึ่งมีพระอุโบสถที่สมบูรณ์แบบทั้งทางสถาปัตยกรรมและการตกแต่ง พร้อมทั้งมีภาพต้นโพธิ์ทองที่ประดับด้วยกระจกหลากสีบริเวณด้านหลังของพระอุโบสถ อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกอย่างของเมืองหลวงพระบาง รวมไปถึงพระราชวังหลวงพระบาง สถานที่ประทับของพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของประเทศลาว ก็มีสถาปัตยกรรมและโบราณวัตถุล้ำค่า ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ควรอนุรักษ์อย่างยิ่ง
บรรยากาศภายในเมืองหลวงพระบางยังคงเงียบสงบ ชาวบ้านมีวิถีชีวิตสุดเรียบง่าย เริ่มตั้งแต่ในช่วงเช้า ชาวบ้านจะมารอตักบาตรข้าวเหนียวกับพระสงฆ์ที่เดินเรียงรายฝ่าสายหมอกขาวละมุน และอากาศเย็นสบายมากกว่า 10 รูป ตลาดเช้าใจกลางเมืองก็จะคึกคักไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านและของป่า มีอาหารพื้นเมืองอร่อย ๆ ราคาย่อมเยาให้เลือกซื้อกันสนุกสนาน บางคนก็ใช้เวลายามเช้าไปกับการจิบกาแฟริมลำน้ำโขง นั่งกินบาเก็ตต์ (ขนมปังฝรั่งเศส) คำ จิบกาแฟร้อนคำ ช่วงสายหน่อยก็เดินไปทำบุญที่วัด แล้วทำกิจกรรมประจำวัน และพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะทักทายผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้มและมิตรไมตรี เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาได้แค่ที่หลวงพระบางเท่านั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้เมืองหลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2538
นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังหลวงพระบาง, พระธาตุพูสี, น้ำตกกวางสี, น้ำตกตาดแส้, วัดวิชุนราช หรือวัดหมากโม, วัดใหม่สุวรรณภูมาราม, ถ้ำติ่ง หรือถ้ำปากอู, ตลาดมืด เป็นต้น
++ ระยะเวลาพำนักในประเทศลาวโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน
++ การเดินทางไปเมืองหลวงพระบาง : เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ - หลวงพระบาง สายการบินแอร์เอเชีย มีให้บริการทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน
3. นครวัด ประเทศกัมพูชา
นครวัด เมืองโบราณสุดยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรขอมซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา มีลักษณะเป็นศาสนสถานที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดพื้นที่รวมทั้งหมดราว ๆ 400 เอเคอร์ (ประมาณ 1.6 ล้านตารางเมตร) เลยทีเดียว ที่นี่สร้างขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าสูรยวรรมันที่ 2 แห่งเมืองยโสธรปุระ เพื่อเป็นเทวาลัยประจำรัฐและเป็นสุสานฝังพระศพ
นอกจากความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโบราณแห่งนี้แล้ว สิ่งที่ทำให้นครวัดได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่อันทรงคุณค่ามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2535 ก็คือ สถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง โดยรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นจะเป็นสถาปัตยกรรมขอมแบบดั้งเดิม มีผังการสร้างเสมือนเป็นเขาพระสุเมรุ ด้านนอกมีกำแพงและคูน้ำล้อมรอบ ตรงกลางเป็นปราสาทหินขนาดใหญ่โตโอ่อ่า ซึ่งมีพระปรางค์ 5 ยอด ดูโดดเด่นและสง่างามมาก ๆ
และถ้าลองสังเกตจะเห็นว่าหินแต่ละก้อนที่นำมาสร้างนครวัดเป็นหินทรายสีชมพูก้อนขนาดใหญ่มหึมา ซึ่งสมัยก่อนไม่มีเครื่องมือทันสมัยในการเคลื่อนย้าย ต้องใช้แรงงานคนและสัตว์นับหมื่นนับแสนเพื่อสร้างสถานที่แห่งนี้ ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของนครวัด ที่สามารถสร้างได้อย่างยิ่งใหญ่และอลังการ
นอกจากนี้โดยรอบของปราสาทและกำแพงยังปรากฏภาพสลักนูนสูง และภาพสลักนูนต่ำที่สวยงามมากมาย ซึ่งเป็นงานศิลปะที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบพันปีมาแล้ว หาดูที่ไหนไม่ได้แน่นอน จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงควรค่าแก่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และทำไม Arnold Joseph Toynbee นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีชื่อดังถึงได้กล่าวไว้ว่า "See Angkor Wat and Die"
++ ระยะเวลาพำนักในประเทศกัมพูชาโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 14 วัน
++ การเดินทางไปนครวัด : เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ - เสียมราฐ สายการบินแอร์เอเชียมีให้บริการทุกวัน วันละ 3 เที่ยวบิน
4. ฮาลองเบย์ ประเทศเวียดนาม
ฮาลองเบย์ อ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งจังหวัดกว๋างนิญ (Quang Ninh) ในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ย (Gulf of Tonkin) ห่างจากกรุงฮานอยไปทางตะวันออกราว ๆ 170 กิโลเมตร
สิ่งที่ทำให้ฮาลองเบย์เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศเวียดนาม ก็คือ ทัศนียภาพอันงดงามของเกาะหินปูนน้อยใหญ่นับพันที่โผล่พ้นขึ้นมาจากทะเล แต่ละเกาะก็มีรูปร่างที่สวยงามแปลกตา ซึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นโดยธรรมชาติ ทั้งคลื่นจากทะเล ลม และสายฝน กัดกร่อนจนทำให้เกิดเกาะต่าง ๆ มากกว่า 1,600 เกาะครอบคลุมเนื้อที่มากถึง 43,400 เฮกเตอร์ และยังสร้างสรรค์ถ้ำน้อยใหญ่ และหาดทรายสวยในบางเกาะ พร้อมทั้งยังเผยให้เห็นธรรมชาติในยุคดึกดำบรรพ์ กลายเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่ควรค่าแก่การศึกษาและอนุรักษ์ ถือว่ามีคุณสมบัติพร้อมในการเป็นหนึ่งในมรดกโลกทางธรรมชาติโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2537
นอกจากการชมวิวสวย ๆ บริเวณอ่าวฮาลองย์แล้ว การได้ล่องเรือชมความสวยงามของอ่าวแห่งนี้ ไปพร้อมกับการรับประทานอาหารมื้อกลางวัน หรือมื้อค่ำ ก็เป็นอีกกิจกรรมสุดพิเศษที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว หรือถ้าใครพอมีเวลา แนะนำให้ลองนอนพักบนเรือหรู เพื่อซึมซับกับบรรยากาศอันเงียบสงบและสวยงามยามค่ำคืนในอ่าวฮาลองเบย์ เป็นอีกประสบการณ์การพักผ่อนที่จะทำให้คุณประทับใจไม่มีวันลืมเลยล่ะ
++ ระยะเวลาพำนักในประเทศเวียดนามโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน
++ การเดินทางไปเมืองฮอยอัน : เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ - ฮานอย สายการบินแอร์เอเชียมีให้บริการทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน
5. เมืองเว้ ประเทศเวียดนาม
เมืองโบราณที่น่าเที่ยวอีกแห่งของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอม ห่างจากริมฝั่งทะเลจีนใต้เพียง 2-3 ไมล์ และห่างจากเมืองดานังราว ๆ 93 กิโลเมตร ความงดงามของเมืองเว้อยู่ที่โบราณสถานต่าง ๆ ที่อยู่รายล้อมรอบเมือง ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เหงียนในช่วงศตวรรษที่ 18
โบราณสถานอันสมบูรณ์แบบที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเมืองเว้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสวยงามของเมืองแห่งนี้ในช่วงที่เป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามเมื่อราว ๆ ร้อยกว่าปีที่แล้วได้เป็นอย่างดี อย่างพระราชวังเว้ ก็มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น มีการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในสวยงามหรูหรา และยังมีโบราณวัตถุล้ำค่าเก็บรักษาไว้มากมาย รวมไปถึงสถานที่สำคัญอื่น ๆ รอบ ๆ เมือง ก็มีความเก่าแก่และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานทั้งศิลปะแบบจีน เวียดนาม และตะวันตก เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เมื่อบวกเข้ากับบรรยากาศอันเงียบสงบ วิถีชีวิตสุดเรียบง่าย และความน่ารักของผู้คนในเมืองเว้ ที่นี่จึงควรค่าแก่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2536
เมืองเว้เป็นเมืองเล็ก ๆ ซึ่งสามารถเที่ยวได้ในเวลาน้อยนิด นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังเว้, สุสานจักรพรรดิมิงห์หม่าง, สุสานจักรพรรดิไคดิงห์, สุสานจักรพรรดิตือดึ๊ก, เจดีย์เทียนมู่ เจดีย์ทรงเก๋งแปดเหลี่ยม สูง 7 ชั้น, สะพาน Truong Tien สะพานสุดโรแมนติกที่ทอดข้ามแม่น้ำหอม เป็นต้น
กิจกรรมที่แนะนำให้ลองไปสัมผัสเพิ่มเติม ก็คือ การล่องเรือชมวิวสวย ๆ ริมสองฝั่งแม่น้ำหอม การกินอาหารพื้นเมืองสุดอร่อย พร้อมทั้งช้อปปิ้งเลือกซื้อผลิตภัณฑ์พื้นเมืองและแฮนด์เมดที่ขึ้นชื่อของเมืองเว้ เชื่อเถอะว่าถ้าได้ลองมาสัมผัสที่นี่กันสักครั้ง จะหลงรักแบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ
++ ระยะเวลาพำนักในประเทศเวียดนามโดยไม่ต้องใช้วีซ่า : ไม่เกิน 30 วัน
++ การเดินทางไปเมืองฮอยอัน : เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ - ดานัง สายการบินแอร์เอเชียมีให้บริการทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน
เห็นความสวยงามของแต่ละสถานที่ บอกเลยว่าสมแล้วที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก บรรยากาศแต่ละแห่งก็สวยงามกินกันไม่ลงเลยจริง ๆ ใครที่อยากเที่ยวแบบชิล ๆ หลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ อย่าลืมพิจารณาที่เที่ยวต่างประเทศใกล้ไทยเหล่านี้ดูนะคะ ...
และถ้าอยากเดินทางในแบบฉบับที่ได้รับความประทับใจตลอดทั้งทริป เพราะไม่ต้องหมดค่าใช้จ่ายไปกับการเดินทางมากมาย มีเงินเหลือกินเหลือเที่ยวแบบเต็มกระเป๋า ก็ต้องนึกถึงสายการบินแอร์เอเชีย เพราะทั้ง 5 สถานที่นี้สายการบินแอร์เอเชียมีเส้นทางบินตรงหมดเลย ไม่ต้องใช้แต้มบุญ ไม่ต้องรอโชคชะตาก็ได้ราคาดีต่อใจตลอดทั้งปี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ airasia.com
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
unesco.org, tourismcambodia.com, vietnamtourism.com, unesco.org, vietnam.travel, vietnamtourism.com, unesco.org และ tourismlaos.org