ชวนไปเที่ยวญี่ปุ่น ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกับอีกจังหวัดริมทะเล อย่างจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ครบรสไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรม สนุกสนานไปกับการเดินเที่ยวชมเมืองเล็ก ๆ สุดเงียบสงบ ชมดอกไม้ในสวนดอกไม้กว้างใหญ่ ใบไม้เปลี่ยนสีสวย ๆ และอิ่มอร่อยกับอาหารทะเลสดใหม่ ราคาไม่แพง
ถ้าถามว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นที่ไหนดีในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านก็อาจจะนึกถึงเพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวเมืองใหญ่ ๆ อย่างโตเกียว เกียวโต โอซาก้า ฟุกุโอกะ หรือไม่ก็ซัปโปโร แต่จริง ๆ แล้วญี่ปุ่นยังมีอีกหลายเมืองที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ หนึ่งในนั้นก็คือ จังหวัดอิบารากิ จังหวัดใกล้เคียงเมืองเกียวโตนี่แหละ เป็นเมืองริมทะเลที่ครบรสไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแบบจริง ๆ ถ้าไม่เชื่อต้องไปส่องที่เที่ยวอิบารากิช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเหล่านี้กันค่ะ รับรองโดนใจสายชิลแน่นอน
1. สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)
สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค เป็นสวนไม้ดอกขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 190 เฮกตาร์ จะมีการจัดแสดงสวนดอกไม้ต่าง ๆ หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกันไปตลอดทั้งปี ที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ก็คือ ทุ่งดอกเนโมฟีลา ทุ่งดอกไม้สีฟ้าสวยงามอร่าม แต่สำหรับในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่ก็น่าสนใจไม่น้อยกว่าที่ไหน เพราะมีทุ่งดอกโคเชียสีแดงสวยตระการตาให้ได้ไปเที่ยวชมกัน โดยจะมีการปลูกต้นโคเชียไปตามเนินเขา และพื้นที่โดยรอบ ดูสวยงามอลังการมาก ๆ เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์หนึ่งของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ และก็ยังมีทุ่งดอกคอสมอสหลากสีสันให้ได้ถ่ายรูปสวย ๆ กันด้วย นอกจากนี้ภายในสวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค ก็ยังมีเส้นทางปั่นจักรยาน พร้อมทั้งกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ en.hitachikaihin.jp
2. สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden)
3. สะพานแขวนริวจิน (Ryujin Great Suspension Bridge)
สะพานแขวนริวจิน ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาในอุทยานโอคุคุจิ (Okukuji Nature Park) เมืองฮิตะชิโอตะ (Hitachiota) มีลักษณะเป็นสะพานแขวนที่ทอดข้ามเหนือเขื่อนริวจิน ยาวถึง 375 เมตร สูงจากทะเลสาบประมาณ 100 เมตร รอบด้านเป็นภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ จึงทำให้ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ทัศนียภาพที่นี่จะสวยงามมาก นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินทอดน่องชมวิวบนสะพานได้แบบชิล ๆ และยังได้ชมหุบเขาซึ่งถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันต่าง ๆ เป็นความสวยงามที่มีให้ชมเพียงแค่ครั้งเดียวในหนึ่งปีเท่านั้น
4. น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls)
น้ำตกฟุคุโรดะ น้ำตกชื่อดังของญี่ปุ่น ติด 1 ใน 3 ของน้ำตกที่สวยงามมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยตั้งอยู่ในเขตไดโงะ เมืองคูจิ มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีชั้นหินไล่เรียงกันลงมาประมาณ 4 ระดับ คนท้องถิ่นจึงเรียกที่นี่ว่า น้ำตก 4 ชั้น ความสูงทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 120 เมตร กว้าง 73 เมตร รอบด้านเป็นป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ความพิเศษของที่นี่อยู่ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เพราะป่าที่อยู่โดยรอบน้ำตกจะพากันเปลี่ยนสีเป็นสีต่าง ๆ ส่งให้น้ำตกสีขาวดูโดดเด่นท่ามกลางป่าหลากสีสัน บริเวณใกล้เคียงน้ำตกจะมีจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวได้ยืนชมความอลังการของน้ำตกแห่งนี้อย่างใกล้ชิดด้วย
5. ภูเขาทสึคุบะ (Tsukuba-san)
ภูเขาทสึคุบะ ตั้งอยู่ในเมืองสึกุบะ เป็นภูเขาที่สวยงามและมีชื่อเสียง เปรียบได้ว่าเป็นภูเขาไฟฟูจิทางฝั่งตะวันออกเลยทีเดียว มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 887 เมตร โดยรอบเป็นป่าเขาซึ่งเต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด นักท่องเที่ยวมักจะขนานนามว่าเป็น ภูเขาสีม่วง ด้วยไม่ว่าจะมองภูเขาลูกนี้เวลาเช้า หรือเย็น ก็จะเห็นเป็นสีม่วงรำไรสวยงามมาก นักท่องเที่ยวจะเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติขึ้นไปชมวิวด้านบนก็ได้ หรือจะเลือกนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปก็ได้เช่นกัน และอย่างที่ทราบกันว่าป่าโดยรอบของภูเขาลูกนี้นั้นมีมากกว่า 1,000 ชนิด ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชมความสวยงามของใบไม้หลากสีสัน
6. หุบเขาฮานะนุกิ (Hananuki Valley)
หุบเขาฮานะนุกิ ตั้งอยู่ภายในเมืองทาคาฮากิ (Takahagi) เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ห้ามพลาดอีกแห่งของจังหวัดอิบารากิ รอบ ๆ พื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ บรรยากาศร่มรื่น อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี จุดเด่นของที่นี่อยู่ตรงที่สะพานแขวนข้ามน้ำตกชิโอมิ มีลักษณะเป็นสะพานไม้โบราณ ทั้งสองฟากของสะพานมีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนักท่องเที่ยวจึงจะได้สัมผัสกับบรรยากาศสุดโรแมนติกอย่างใกล้ชิด ได้เดินชมสีสันสวย ๆ ของใบไม้กันแบบใกล้ ๆ ไม่ว่าใครได้มาที่นี่ ต่างก็ต้องตกหลุมรัก
7. เทศกาลประกวดดอกไม้ไฟแห่งชาติซึจิอุระ (Tsuchiura All Japan Fireworks Competition)
เทศกาลประกวดดอกไม้ไฟแห่งชาติซึจิอุระ เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการทำดอกไม้ไฟจำนวนมากเข้าร่วมในการแข่งขัน ซึ่งจะทำการแสดงและประกวดบริเวณริมทะเลสาบคาซึมิกาอุระ (Lake Kasumigaura) นักท่องเที่ยวจะได้ชมดอกไม้ไฟจำนวนหลายพันลูก เปล่งแสงสีสันต่าง ๆ บนฟากฟ้ายามค่ำคืน ท่ามกลางอากาศหนาวนิด ๆ เป็นบรรยากาศที่ดูอบอุ่น และสร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือนได้อย่างมากทีเดียว และสำหรับปีนี้จะมีการจัดงานในวันที่ 6 ตุลาคม 2561 ใครไปเที่ยวโตเกียว ก็แวะไปเที่ยวชมงานนี้กันได้นะคะ
เห็นที่เที่ยวอิบารากิแบบนี้แล้ว อยากจะไปเที่ยวกันวันนี้พรุ่งนี้เลยใช่ไหมคะ เอาเป็นว่าพร้อมเมื่อไร ก็ไปกันได้เลยค่ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของแหล่งท่องเที่ยวญี่ปุ่นสวย ๆ ที่ไม่ควรพลาด ปีนี้ใครยังตัดสินใจไม่ได้ ก็ยังพอมีเวลานะคะ แต่อย่าช้าล่ะ มิเช่นนั้นต้องรอไปอีก 1 ปีเลยนะคะ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
thai.ibarakiguide.jp, pref.ibaraki.jp, en.hitachikaihin.jp, jnto.or.th, koen.pref.ibaraki.jp, nihon-kankou.or.jp, okyocheapo.com
1. สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)
2. สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden)
สวนไคราคุเอน ได้ชื่อว่าเป็นสวนที่สวยที่สุดอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่น เพราะมีต้นพลัม และต้นซากุระมากมาย พอถึงฤดูที่ออกดอกก็จะพากันบานสะพรั่งสวยงามสุด ๆ ส่วนในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ป่าโดยรอบก็จะพากันเปลี่ยนสีจากสีเขียว ไล่เรียงไปเป็นสีเหลือง สีส้ม จนถึงสีแดง อากาศเย็นสบาย บรรยากาศโรแมนติกและน่ามาเที่ยวชมมาก ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ koen.pref.ibaraki.jp
4. น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls)
6. หุบเขาฮานะนุกิ (Hananuki Valley)
7. เทศกาลประกวดดอกไม้ไฟแห่งชาติซึจิอุระ (Tsuchiura All Japan Fireworks Competition)
เห็นที่เที่ยวอิบารากิแบบนี้แล้ว อยากจะไปเที่ยวกันวันนี้พรุ่งนี้เลยใช่ไหมคะ เอาเป็นว่าพร้อมเมื่อไร ก็ไปกันได้เลยค่ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของแหล่งท่องเที่ยวญี่ปุ่นสวย ๆ ที่ไม่ควรพลาด ปีนี้ใครยังตัดสินใจไม่ได้ ก็ยังพอมีเวลานะคะ แต่อย่าช้าล่ะ มิเช่นนั้นต้องรอไปอีก 1 ปีเลยนะคะ :)
thai.ibarakiguide.jp, pref.ibaraki.jp, en.hitachikaihin.jp, jnto.or.th, koen.pref.ibaraki.jp, nihon-kankou.or.jp, okyocheapo.com