สั่งปิดถ้ำพระยาปราบ - ถ้ำแม่อุสุ - ถ้ำลอด ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าช่วงหน้าฝน หลังมีข่าวเด็กติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย
พร้อมให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจัดทำป้ายมีข้อความว่า "ฤดูฝนหรือฝนตกหนัก ห้ามเข้าถ้ำเด็ดขาด" มาติดตั้งไว้บริเวณริมถนนทางขึ้นถ้ำพระยาปราบ
ขณะที่
นายรณภพ เวียงสิมมา นายอำเภอเมือง เปิดเผยว่า
ถ้ำลักษณะนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของนักผจญภัย
ซึ่งในฤดูแล้งสามารถเข้าไปในถ้ำได้สะดวกพอสมควร
แต่หากเป็นช่วงหน้าฝนอาจจะเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกับที่ถ้ำหลวง จ.เชียงราย
ได้
ด้าน นายธวิทย์ กุศลอภิบาล อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วน ต.เกาะพลับพลา กล่าวว่า เคยเข้าไปสำรวจภายในถ้ำ เมื่อปี 2543 พบว่ามีห้องโถงขนาดกว้าง 50 คูณ 50 เมตร และมีซอกซอยต่าง ๆ ให้เดินได้อีก ซึ่งในช่วงหน้าฝนจะไม่ค่อยมีคนเข้าไป สำหรับทางออกของถ้ำจะมีปล่องอยู่ด้านบนถ้ำ ทำให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ขณะเดียวกัน ช่อง 3 ได้รายงานเพิ่มเติมว่า นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอท่าสองยาง จ.ตาก ได้ประสานด่วนไปยัง นายวีระ กอแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่เมย ให้ปิดถ้ำแม่อุสุ ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่เมย หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงมาจากดอยเปเปอร์ ทำให้น้ำทะลักท่วมถ้ำแม่อุสุ สูงขึ้นจากหน้าถ้ำกว่า 5 เมตร แต่เคราะห์ดีที่นักท่องเที่ยวหนีออกมาก่อน อีกทั้งเมื่อเข้าสู่หน้าฝนน้ำในถ้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปกติเกือบถึงเพดานถ้ำ
อย่างไรก็ตาม วันนี้สังเกตได้ว่า ที่ปากถ้ำเริ่มมีน้ำไหลเป็นทางยาวจากภายในถ้ำสู่ภายนอกแล้วแต่ยังไม่มาก ส่วนภายในห้องโถงในถ้ำชั้นแรก ทางวัดและเจ้าหน้าที่ ได้ติดตั้งไฟฟ้าให้แสงสว่างแก่นักท่องเที่ยวมองเห็นภายในถ้ำ แต่ไม่อนุญาตให้เดินเข้าไปภายใน
วันที่ 28 มิถุนายน 2561 มีรายงานว่า หลายจังหวัดที่มีถ้ำ
ได้สั่งปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมหวั่นซ้ำรอยกรณีเด็กติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน
จ.เชียงราย โดย สำนักข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานว่า ที่ จ.ราชบุรี พบว่า ถ้ำพระยาปราบ ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง
มีสภาพภูมิประเทศลักษณะคล้ายกับถ้ำหลวง นายชยาวุธ จันทร
ผู้ว่าราชการจังหวัด จึงสั่งการให้นายอำเภอทุกแห่ง
เร่งสำรวจถ้ำที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อย่างเร่งด่วน
พร้อมให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจัดทำป้ายมีข้อความว่า "ฤดูฝนหรือฝนตกหนัก ห้ามเข้าถ้ำเด็ดขาด" มาติดตั้งไว้บริเวณริมถนนทางขึ้นถ้ำพระยาปราบ

ภาพจาก สำนักข่าวเวิร์คพอยท์

ภาพจาก สำนักข่าวเวิร์คพอยท์
ด้าน นายธวิทย์ กุศลอภิบาล อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วน ต.เกาะพลับพลา กล่าวว่า เคยเข้าไปสำรวจภายในถ้ำ เมื่อปี 2543 พบว่ามีห้องโถงขนาดกว้าง 50 คูณ 50 เมตร และมีซอกซอยต่าง ๆ ให้เดินได้อีก ซึ่งในช่วงหน้าฝนจะไม่ค่อยมีคนเข้าไป สำหรับทางออกของถ้ำจะมีปล่องอยู่ด้านบนถ้ำ ทำให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ขณะเดียวกัน ช่อง 3 ได้รายงานเพิ่มเติมว่า นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอท่าสองยาง จ.ตาก ได้ประสานด่วนไปยัง นายวีระ กอแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่เมย ให้ปิดถ้ำแม่อุสุ ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่เมย หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงมาจากดอยเปเปอร์ ทำให้น้ำทะลักท่วมถ้ำแม่อุสุ สูงขึ้นจากหน้าถ้ำกว่า 5 เมตร แต่เคราะห์ดีที่นักท่องเที่ยวหนีออกมาก่อน อีกทั้งเมื่อเข้าสู่หน้าฝนน้ำในถ้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปกติเกือบถึงเพดานถ้ำ
ส่วนที่พิษณุโลก ที่ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีถ้ำเป็นจำนวนมาก
ก็มีรายงานสั่งปิดถ้ำเช่นเดียวกัน โดยให้ปิดถ้ำทุกแห่ง
ห้ามเข้าไปภายในโดยเฉพาะถ้ำลอด ที่ ต.เนินมะปราง
ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล
เพราะช่วงนี้ในพื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกเกือบทั้งวัน
นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมได้เพียงแค่หน้าปากถ้ำ
และกราบไหว้พระวัดถ้ำทองเจริญธรรม (ถ้ำลอด ) เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้สังเกตได้ว่า ที่ปากถ้ำเริ่มมีน้ำไหลเป็นทางยาวจากภายในถ้ำสู่ภายนอกแล้วแต่ยังไม่มาก ส่วนภายในห้องโถงในถ้ำชั้นแรก ทางวัดและเจ้าหน้าที่ ได้ติดตั้งไฟฟ้าให้แสงสว่างแก่นักท่องเที่ยวมองเห็นภายในถ้ำ แต่ไม่อนุญาตให้เดินเข้าไปภายใน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก