บ้านแม่แมะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางป่าใหญ่ ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ และแฝงไว้ด้วยวิถีชีวิตแสนเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ของชาวบ้าน จนทำเอาคุณต้องหลงใหลอย่างไม่น่าเชื่อ
หากจะเอ่ยชื่อถึง "บ้านแม่แมะ" หลายคนทำหน้างง เพราะนอกจากจะไม่คุ้นชื่อแล้ว ยังนึกไม่ออกอีกด้วยว่าพิกัดอยู่ที่ไหนกันแน่ บ้านแม่แมะ ตั้งอยู่ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่กลางผืนป่าใหญ่ เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติ
วันนี้บ้านแม่แมะได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ ต่างแวะเวียนเข้ามาชมชีวิตในป่าเขา และสัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมที่แตกต่างเหมือนกับ คุณ YOYO Mechanica สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสหมู่บ้านแห่งนี้มาแล้ว และก็เป็นจริงดังคาด ที่นี่มีบ้านพักโฮมสเตย์น่ารัก ๆ และกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งนวดแผนไทย กิจกรรมเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ รวมถึงการเรียนรู้วัฒนธรรมชนเผ่าที่เรียบง่าย แต่กลับมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ชักอยากรู้แล้วล่ะสิว่าที่นี่มีอะไรให้นักท่องเที่ยวต้องติดใจหนักหนา ไม่เสียเวลา ตามไปดูด้วยกันเลย
สวัสดีครับวันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งใน ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีชื่อว่า "บ้านแม่แมะ" ครับ บ้านแม่แมะห่างจากตัวอำเภอเชียงดาวประมาณ 17 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่แฝงตัวอยู่กลางหุบเขาและรายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่เป็นธรรมชาติจริง ๆ ครับ มีลำธารไหลผ่านหมู่บ้านเรียกว่า "แม่น้ำแมะ" ซึ่งเป็นที่มาตั้งเป็นชื่อหมู่บ้านนั่นเองละครับ
บ้านแม่แมะมีวัด มีโรงเรียน มีบ้านคนประมาณ 100 หลังคาเรือน มีชนเผ่าลาหู่อาศัยอยู่ด้วยในเขตของหมู่บ้าน อาชีพหลักของคนที่นี่คือการเก็บใบชาขาย (ยอดใบอ่อนจะเรียกใบชา ส่วนใบแก่จะเรียกใบเมี่ยง) ซึ่งใบชาที่เก็บส่วนใหญ่จะเป็นชาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ก็มีบางส่วนที่ทางภาครัฐนำมาให้ปลูกเพื่อเป็นการส่งเสริมการเกษตร และอีกอาชีพก็คือการเลี้ยงวัวครับ
การเป็นอยู่ของคนที่นี่เรียกได้ว่าเป็นการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติจริง ๆ ครับ และนอกจากอาชีพการเกษตรแล้วชาวบ้านที่นี่ยังเปิดบ้านรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะมาสัมผัสชีวิตแบบใกล้ชิดธรรมชาติจริง ๆ อีกด้วย ที่นี่จะมีบ้านพักแบบโฮมสเตย์เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะชอบมาแบบเป็นทัวร์มากกว่า ส่วนคนไทยจะเอารถส่วนตัวมาเป็นครอบครัว สำหรับบ้านแม่แมะมีคลื่นโทรศัพท์เฉพาะของ AIS เท่านั้นนะครับ ได้ข่าวว่าทางค่ายเพิ่งมาตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 นี่เองครับ
การเดินทางนะครับ สำหรับบ้านแม่แมะไม่มีรถประจำทางวิ่งผ่านหมู่บ้านนะครับ ใครที่จะมาผมมีหลายทางเลือกให้นะครับ สำหรับคนที่ไม่ได้นำรถส่วนตัวมาเองหรือไม่ได้มากับทัวร์นะครับ
1. ทางเลือกแรกเป็นวิธีที่ผมใช้เดินทางมาที่นี่ครับ คือการนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ มาลงที่ บขส.อาเขต เชียงใหม่ แล้วต่อรถแดงมาที่ บขส.ช้างเผือก แล้วต่อรถประจำทางไปที่ตัวอำเภอเชียงดาว อีกประมาณ 60 กิโลเมตรครับ ส่วนรถประจำทางที่ว่านี่ก็มีทั้งรถบัส รถสองแถวสีส้ม รถตู้ เลือกได้เลยแล้วแต่ชอบครับ
2. วิธีนี้ค่อนข้างไฮโซหน่อยนะครับ คือการนั่งเครื่องมาลงที่เชียงใหม่แล้วต่อรถแดงมาที่ บขส.ช้างเผือก แล้วต่อรถประจำทางไปที่ตัวอำเภอเชียงดาวครับ
3. ถ้ามาจากกรุงเทพฯ นะครับ จะมีรถทัวร์ที่วิ่งผ่านอำเภอเชียงดาว คือสายกรุงเทพฯ-บ้านท่าตอน ให้ตีตั๋วลงที่เชียงดาวได้เลยครับ สำหรับคนที่ไม่อยากต่อรถบ่อยก็นั่งรถสายนี้ได้เลยครับ
ทั้ง 3 วิธีนี้น่าจะเป็นข้อมูลสำหรับใครหลายคนไม่มากก็น้อยนะครับ ซึ่งทั้ง 3 ทางเลือกนี้เมื่อเรานั่งรถมาถึงอำเภอเชียงดาว แล้วการเข้าไปที่หมู่บ้านนั้นถ้าไม่ได้มากับทัวร์หรือไม่มีรถส่วนตัวผมมีให้ 2 ทางเลือก
1. เหมารถจากตัวอำเภอเชียงดาวเข้าไปที่หมู่บ้าน ราคา 600 บาท เฉพาะขาไปเที่ยวเดียวนะครับ ทางเลือกนี้ค่อนข้างแพง ไม่แนะนำครับ
2. โทรนัดให้รถที่หมู่บ้านมารับครับ ปกติแล้วคนที่มารับจะเป็นพ่อหลวงวงศ์ (ผู้ใหญ่คำวงศ์ แก้วใจมา โทร. 085-7082648) เป็นผู้ใหญ่บ้านแม่แมะครับ ราคาก็ทั้งรับและส่งรวมแล้วก็ 600 บาท ซึ่งผมก็ใช้วิธีนี้ในการเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านครับ ควรจะโทรนัดล่วงหน้านะครับ เพราะบางทีพ่อหลวงแกติดธุระจะได้ให้คนอื่นมารับแทนได้
ผมนั่งรอพ่อหลวงสักพัก ไม่นานพ่อหลวงก็มาพร้อมกับศรีภรรยาของท่านครับ พ่อหลวงและภรรยาเป็นคนคุยเก่งมากครับ ตั้งแต่ขึ้นรถจนถึงหมู่บ้านแกอธิบายภาพที่เห็น 2 ข้างทางไม่มีหยุดครับ เรียกได้ว่าเป็นไกด์รุ่นเก๋าเลยก็ว่าได้ ทางเข้าไปหมู่บ้านแม่แมะเป็นถนนคอนกรีตไต่ไปตามไหล่เขาครับ กว้าง 4 เมตร รถยนต์และรถกระบะสามารถสวนกันได้ แต่ลำบากหน่อย และจะมีถนนลูกรังคั่นระหว่างทางก่อนจะถึงหมู่บ้านยาวประมาณ 60 เมตร พ่อหลวงเล่าให้ฟังว่างบประมาณหมดพอดีเลยทำได้แค่นี้ รองบครั้งหน้าคงจะเชื่อมถึงกันหมดพอดีครับ
พอถึงหมู่บ้านพ่อหลวงก็พาเดินเลาะไปตามลำธาร เพื่อพาผมไปที่พักครับ ที่พักที่ผมจะนอนคืนนี้ก็คือ "บ้านพักลองสเตย์" ตั้งอยู่ติดกับลำธารเลยครับ เป็นบ้านพักของชุมชนที่ร่วมมือกันบริหารจัดการเพื่อสร้างรายได้ในชุมชน มีแม่บ้านทั้งหมด 11 คน ค่อยผลัดเปลี่ยนกันจัดเวรมาดูแล ทุกคนอัธยาศัยดีครับ ยิ้มเก่ง คุยเก่ง มาถึงบ้านพักได้สักพักแม่ ๆ ก็ทำอาหารให้ทานครับ เป็นแกงหน่อไม้ป่าใส่เห็ดครับ เรียกว่าเก็บมาสด ๆ กันเลยทีเดียว เพราะเพิ่งบอกแกตอนมาถึงนี่เองว่าอยากทาน และอีกอย่างช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนหน่อไม้ขึ้นเองตามธรรมชาติครับ พ่อหลวงเล่าว่าเขตป่าของหมู่บ้านจะห้ามคนภายนอกหมู่บ้านเข้ามาหาอาหารป่าไปขาย ก็เลยทำให้คนที่นี่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารการกินแบบนี้ไงล่ะครับ
พอกินข้าวเสร็จก็ออกเดินสำรวจรอบ ๆ หมู่บ้านครับ ที่นี่เงียบสงบจริง ๆ ได้ยินแต่เสียงน้ำไหลจากลำธาร ถ้าจะบอกว่าที่นี่คือหมู่บ้านแห่งความเงียบสงบก็คงไม่ผิดครับ
และนี่คือนายแบบสุดหล่อของผม พี่แกยืนให้ถ่ายโดยที่ไม่ยอมหนีไปไหนเลย 55
น้องหมาที่นี่มีหลายตัวมากครับ น่ารักทั้งนั้นเลย
และนี่คือพระเอกของที่นี่ครับ พี่ปีเตอร์ ฉายา ปีเตอร์หน้ากล้อง พี่แกชอบถ่ายรูปครับ
เย็นแล้วอากาศที่นี่เย็นและเงียบจริง ๆ ครับ ความจริงแล้วผมอาบน้ำในลำธารนะวันนี้ น้ำเย็นมาก ๆ อาบน้ำเสร็จแม่ ๆ ก็ทำอาหารเสร็จพอดี เมนูเย็นนี้ทีเด็ดที่ผมชอบเลยก็คือผัดผักกูดน้ำมันหอย ใครมาที่นี่แนะนำเลยนะครับ ผักกูดก็เก็บกันสด ๆ แถวข้างลำธารนั่นแหละครับ อร่อยมาก ๆ รับประทานอาหารเสร็จก็นั่งจิบเบียร์ข้าง ๆ ลำธารสักหน่อย ฟังเสียงน้ำไหล ทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลย
เช้าวันนี้มีฝนตกลงมานิดหน่อยครับ แต่ไม่ถึงกับหนักมาก อากาศกำลังเย็นสบายดี อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มีอาหารเช้าจากแม่ ๆ มาตั้งรอเรียบร้อย เป็นข้าวต้ม ไข่ดาว และมีเมนูทีเด็ดเช้านี้ผมขอแนะนำยำใบชาปลากระป๋องครับ เมื่อคืนนี้ผมบอกแม่ ๆ ว่าผมอยากกิน เช้านี้เลยจัดให้เลยว่างั้น
ทานข้าวเสร็จเดี๋ยวผมจะพาเดินทัวร์รอบ ๆ หมู่บ้านกันครับ ... ปกติแล้วถ้าใครมาเที่ยวที่บ้านแม่แมะ ก็จะมีกิจกรรมที่นอกเหนือจากการเดินเล่นถ่ายรูปในหมู่บ้าน ได้แก่ นวดแผนไทย อาบสมุนไพรโดยเตาอบภูมิปัญญาชาวบ้าน กิจกรรมเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ และในป่าจะมีน้ำตกอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 4 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 2 ชม. และช่วงนี้หน้าฝนทางค่อนข้างลำบากครับ
และนี่คือยอดใบชาที่ชาวบ้านเก็บไปขายหารายได้และยังนำไปปรุงอาหารทานเป็นอาหารท้องถิ่นอีกครับ
ดู ๆ ไปแล้ว ภาพความเขียวขจีของที่นี่ก็สามารถบอกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ได้เป็นอย่างดีเลยนะครับ ขนาดหลังคาบ้านยังมีมอสส์และพืชขึ้นบนหลังคาแบบนี้ให้เห็นหลาย ๆ หลัง
นี่เป็นอีกหนึ่งอาชีพของคนที่นี่ครับ การเลี้ยงวัว และที่เห็นขี่มอเตอร์ไซค์นั่นล่ะครับ "พ่อหลวงวงศ์" กับมอเตอร์ไซค์คู่ใจของพ่อหลวง พ่อหลวงบอกซื้อตั้งแต่ปี 2532 ถ้านับอายุตอนนี้ก็ครบ 27 ปีเต็ม ตอนนี้ยังใช้งานปกติและใช้งานทุกวันครับ
วัดที่นี่ปัจจุบันมีพระจำวัดอยู่รูปเดียวครับ
ส่วนที่พักอีกที่ที่วิวสวยมาก ๆ สำหรับที่นี่คือ "บ้านต้นไม้" เป็นบ้านพักโฮมสเตย์บนต้นไม้ครับ เป็นของลุงสุขกับป้าผง ป้าผงนี่เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของพ่อหลวงวงศ์ บ้านต้นไม้จะสามารถมองวิวมุมสูงได้ครับ ส่วนใหญ่ชาวต่างชาติจะชอบมาพักที่นี่ หรือไม่ก็มากับทัวร์เลยครับ บรรยากาศดีมากครับ อาหารอร่อย ที่พักราคา 350 บาทต่อคนต่อคืนครับ ถ้าใครจะมาพักที่นี่แนะนำให้จองล่วงหน้าได้นานเท่าไรยิ่งดีครับ ถ้าอยากจะได้ที่พักมุมสูงวิวสวย ๆ แบบนี้ เบอร์โทร.ติดต่อลุงสุข-ป้าผง 081-111-5154
บ้านต้นไม้จะมี 2 หลังนะครับ หลังใหญ่จะนอนได้หลายคน มีทั้งแบบห้องแยกและแบบห้องรวม ส่วนนี่เป็นบ้านต้นไม้หลังเล็ก เป็นบ้านต้นไม้จริง ๆ เลยนะครับ สร้างบนต้นไม้ นอนได้แค่ 2 คน ด้านล่างมีที่ให้นั่งรอบกองไฟด้วย สำหรับใครที่คิดว่าจะมาพักบ้านต้นไม้นะครับ แนะนำให้จองล่วงหน้านะครับ ใครที่ได้นอนที่นี่ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
และอีกที่ที่ผมอยากแนะนำคือ "บ้านระเบียงชมจันทร์" อยู่ไม่ไกลจากบ้านต้นไม้ ที่นี่ก็วิวสวยไม่แพ้กันครับ บรรยากาศเงียบ ใกล้ลำธาร เพราะห้องพักไม่เยอะเท่ากับบ้านต้นไม้ครับ
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนที่ไปเที่ยวบ้านแม่แมะ เที่ยวอย่างมีความสุขและอยากให้ทุกคนที่ไปเที่ยวบ้านแม่แมะ ช่วยกันดูแลและรักษาหมู่บ้านแม่แมะ ให้คงธรรมชาติอย่างนี้ตลอดไปครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับ
++++++++++++++++++++++++++
ความสวยงามที่แสนจะเรียบง่ายของบ้านแม่แมะ ดูจะเป็นเอกลักษณ์สำคัญของที่นี่ บ้านแม่แมะจึงเป็นเหมือนพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เป็นที่ปลีกวิเวกหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวง ได้เข้ามาตักตวงความสงบและธรรมชาติที่บ้านแม่แมะ นอกเหนือจากการตักตวงความสุขแล้ว หน้าที่สำคัญอีกอย่างของนักท่องเที่ยวที่ต้องไม่ลืมเด็ดขาด นั่นคือไม่ลืมที่จะร่วมมือรักษาบ้านแม่แมะอย่างดีที่สุด เพื่อสงวนพื้นที่ความสงบและความสวยงามแห่งนี้ให้อยู่กับเราไปนาน ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ YOYO Mechanical สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม