ชมความสวยงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตเรียบง่ายของชุมชนบ้านจ่าโบ่ แม่ฮ่องสอน สัมผัสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องตกหลุมรักด้วยกันทุกคน
ชุมชนบ้านจ่าโบ่ ชุมชนเล็ก ๆ ที่หลบตัวซ่อนเร้นบนเนินเขาสูงในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โอบรอบด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่ จากชุมชนหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนว่าน้อยคนนักที่จะรู้จัก มาวันนี้ หมู่บ้านจ่าโบ่ ดูจะกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กท่องเที่ยวในฝันของใครหลายคน ที่อยากจะสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม ภาพของสายหมอกสีขาว ที่ลอยละมุนอ้อยอิ่งเคล้าภูเขาลูกนั้นทีลูกโน้นที ราวกับว่าเป็นดินแดนในฝัน ที่ใครได้มาแล้วจะตกหลุมรักที่นี่อย่างง่ายดาย จะเป็นจริงอย่างที่เขาร่ำลือกันมากน้อยแค่ไหน เห็นทีว่าของแบบนี้ต้องลองไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา
ขอเดาว่าหลายคนน่าจะยังไม่เคยได้ยินชื่อ "ชุมชนบ้านจ่าโบ่" กันมาก่อน จะบอกคร่าว ๆ ให้ได้รู้ว่า ที่นี่เป็นชุมชนของชาวลาหู่แซแล ที่ย้ายถิ่นฐานมาจากห้วยยาว ซึ่งเกิดปัญหาโรคระบาด โดยการนำของนายจ่าโบ่ ไพรเนติธรรม และตั้งเป็นชุมชนจ่าโบ่ขึ้น ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามาจากชื่อผู้นำหมู่บ้านนั่นเอง ทั้งนี้คนในชุมชมล้วนเกี่ยวข้องเป็นญาติด้วยกันทั้งหมด และยังคงใช้ภาษาและเครื่องแต่งกายแบบลาหู่
เสน่ห์ที่น่าหลงใหลของชุมชนบ้านจ่าโบ่ คือ วิถีชีวิตแสนจะเรียบง่ายของชาวบ้าน ที่ยังคงยึดอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์เป็นหลัก น่าแปลกตรงที่ว่า ความเรียบง่ายเหล่านี้นี่แหละ กลับเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวที่ใฝ่หาความสงบได้เดินทางเข้ามาประสบพบเจอกัน ดูเหมือนว่าสิ่งใดก็ตามที่ยังคงตกค้างอยู่ในจิตใจ เมื่อครั้งเจอกับเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ในเมืองหลวง ก็ดูจะพลอยมลายหายไป เหมือนดั่งว่าธรรมชาติที่นี่เป็นยารักษาโรคร้ายทางใจให้หายเป็นปลิดทิ้ง
กิจกรรมท่องเที่ยวที่คุณจะพลาดไม่ได้เลยเมื่อมาที่ชุมชนบ้านจ่าโบ่ เห็นจะเป็นการทอดสายตาทัศนาชมความสวยงามทางธรรมชาติโดยรอบ นอกเหนือจากนี้ นักท่องเที่ยวยังจะได้ตีฝุ่นคลุกวงในเรียนรู้และสัมผัสวัฒนธรรมชุมชน อย่างประเพณีกินวอปีใหม่ พิธีกินข้าวใหม่ เลี้ยงผีบ้าน การเรียกขวัญไก่ เป็นต้น ซึ่งมีความน่าสนใจ ขณะเดียวกันยังมีความหมายในแง่วิถีชีวิตชุมชนอย่างเหนียวแน่น ตลอดจนการเรียนรู้วิถีชีวิตการเกษตร เช่น การเตรียมไร่ข้าว ไร่ข้าวโพด ถางหญ้า ปลูกถั่วแดง การเก็บเกี่ยวเพื่อนำมาบริโภค การดูแลพื้นที่เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะคอยเชื่อมความสัมพันธ์ ที่ถึงแม้ว่าจะมีความต่างในเรื่องวัฒนธรรม แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคของการพยายามเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันระหว่างคุณและชาวบ้านในชุมชน
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวและค้างคืนที่นี่ จะได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเฉกเช่นเดียวกับเจ้าบ้าน ใครที่คิดว่าจะได้นอนฟูกสบาย ๆ มีห้องน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่นในตัว อาจมีอันต้องฝันสลาย เพราะที่นี่มีรูปแบบการพักเพียงอย่างเดียว คือ โฮมสเตย์เท่านั้น (ไม่อนุญาตให้นำเต็นท์มากางนอน) และจัดสรรการเข้าพักตามลำดับบ้านแต่ละหลัง โดยทางชุมชนเป็นผู้กำหนดเอง (เป็นต้นว่าเมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาพักในบ้านที่ 1 และเมื่อมีนักท่องเที่ยวมาอีก ก็จะเข้าพักในหลังที่ 2 ไล่เรียงต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงหลังที่ 12) ซึ่งที่ชุมชมบ้านจ่าโบ่ มีโฮมสเตย์ทั้งหมด 12 หลัง ทุกหลังได้ผ่านการรองรับมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยจากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2559 โฮมสเตย์ที่นี่ได้รับรางวัลเป็น 1 ใน 50 สถานที่ดีที่สุดในด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชน ของทาง Lonely Planet Thailand) แต่ละหลังสามารถนอนพักได้ไม่เกินหลังละ 5 คน แต่ถึงแม้ว่าห้องพักจะไม่สบายเท่ากับห้องในโรงแรม แต่ถ้าลองคิดอีกแง่ ลองถ้าเราได้ก้าวข้ามผ่านความสะดวกสบายต่าง ๆ ออกไปให้หมด ไม่แน่นะว่า คุณอาจจะเจอกับมุมมองชีวิตใหม่ที่เปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้เลยก็ได้
เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับสายหมอกและแสงอาทิตย์แรกอรุณ ณ บริเวณ "จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่" ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่คุณจะได้ดื่มด่ำและสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เราแนะนำว่าให้คุณตักตวงทุกห้วงอารมณ์ ความคิด และความรู้สึกที่เกิดขึ้นไว้ให้มากที่สุด เพราะมีไม่กี่ครั้งในชีวิตหรอกที่คุณจะได้ยืนประจันหน้ากับความสวยงามของธรรมชาติแบบนี้
หากใครอยากสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวในชุมชนจ่าโบ่ให้มากขึ้น ในละแวกชุมชนบ้านจ่าโบ่เอง ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง "ถ้ำผีแมน" ภายในถ้ำได้รวบรวมโลงผีแมนและเสาภาชนะดินเผาของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ รวมถึงหินงอกหินย้อยที่สวยงาม ทั้งยังเป็นถ้ำที่เดินทางสะดวก สามารถเดินเที่ยวได้ ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจ ต้องทำการติดต่อกับทางชุมชนก่อน เพื่อให้คนในชุมชนนำทางเข้าไป
และแน่นอนว่า ใครมาเที่ยวชุมชนบ้านจ่าโบ่ แล้วไม่แวะมาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึง นั่นคือ "ร้านก๋วยเตี๋ยวชมวิวบ้านจ่าโบ่" ว่ากันว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวราคาหลักสิบ แต่วิวระดับหลักล้าน ร้านก๋วยเตี๋ยวที่นี่มีมุมที่นั่งที่จะทำให้คุณได้ฟินแบบสุด ๆ ด้วยการนั่งห้อยขา และชมวิวธรรมชาติได้แบบสุดลูกหูลูกตาไปพร้อม ๆ กัน แต่ใครที่รู้ตัวว่ากลัวความสูง มองลงไปข้างล่างแล้วเกิดอาหารใจสั่นเฉียบพลัน ทางร้านก็มีที่นั่งด้านในเอาไว้คอยบริการ
ที่สุดแล้ว ความเรียบง่ายที่เกิดขึ้นในชุมชนบ้านจ่าโบ่ ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญ แต่เรื่องปกติธรรมดาเรื่องนี้นี่แหละ เป็นสิ่งที่คนเมืองอย่างเรามีความอิจฉามากที่สุด และมัดใจให้เราต้องหลงรักเข้าอย่างจัง หากใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อน ที่คอยชะลอเวลานาฬิกาชีวิตของคุณให้เนิบช้าลง ลองไปสัมผัสวิถีท่องเที่ยวชุมชนที่บ้านจ่าโบ่กันดูนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
รายละเอียดที่พัก อาหารและกิจกรรม
● ค่าที่พัก 200 บาท/ท่าน/คืน
● ค่าอาหาร 100 บาท/ท่าน/คืน
● ค่ากิจกรรม เย็บผ้า+จักสาน+เป่าแคน 200 บาท/ท่าน
● ไปถ้ำผีแมน 150 บาท/ท่าน
● เดินป่า 350 บาท/ท่าน
● เต้นจะคึ (ชุดเล็ก) 1,500 บาท
● เต้นจะคึ (ชุดใหญ่) 2,000 บาท
รายละเอียดค่าใช้จ่ายการเดินทาง
● เชียงใหม่-บ้านจ่าโบ่ 2,000 บาท/เที่ยว/กระบะ
● ปาย-บ้านจ่าโบ่ 1,000 บาท/เที่ยว/กระบะ
● ปางมะผ้า-บ้านจ่าโบ่ 500 บาท/เที่ยว/กระบะ
● ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน-บ้านจ่าโบ่ 1,000 บาท/เที่ยว/กระบะ
รายได้ทั้งหมดจากการท่องเที่ยว 10% หักให้เป็นสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน เช่น กิจกรรมวันเด็ก เป็นต้น ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ ศรชัย ไพรเนติธรรม โทร. 080 677 5794
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
cbt-i.org, เฟซบุ๊ก CBT BAAN JABO การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านจ่าโบ่