แม่ฮ่องสอน จังหวัดที่ซ่อนเร้นอยู่ในหุบเขา มีเทือกเขาน้อยใหญ่หน้าตาสวยหล่อโอบล้อมอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งยังมีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ นั่นจึงทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติยอดนิยม โดยเฉพาะจุดชมวิวสายหมอกที่มีให้เที่ยวชมได้ทั้งจังหวัด และหนึ่งในจุดชมวิวที่กำลังฮอตฮิตอยู่ในตอนนี้ก็คือ "จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่" ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนเล็ก ๆ ที่อยู่บนเนินเขาสูง ในตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า ภาพของสายหมอกสุดอลังการสีขาวละมุนลอยคลอยอดเขาน้อยใหญ่ ทำให้ใครหลายคนหลงรักที่นี่ไปอย่างง่ายดาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ คุณสมาชิกหมายเลข 1273373 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม โดยเธอได้ออกเดินทางเพื่อไปสัมผัสกับวิวหลักล้านแห่งนี้ ซึ่งระหว่างก็ได้แวะเที่ยวชมในเมืองปาย ก่อนไปพิชิตจุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ ทริปนี้จะสวยงามมากมายขนาดไหน...เราไม่ยืนยัน แต่รับรองว่าคุณจะหลงรักแม่ฮ่องสอนมากขึ้นอย่างแน่นอน
กระทู้ที่สองที่ดาวไปเที่ยวแล้วมาเวิ่นเว้อเก็บไว้อ่าน ออกตัวก่อนเลยว่าเป็นกรทู้ที่มีรายละเอียดน้อยนิดมาก มีแต่รูป รูป รูป และการเขียนที่เข้าใจยาก 555
จุดเริ่มต้นของทริปนี้คือร้านก๋วยเตี๋ยวชมวิว บ้านจ่าโบ่ ที่เค้าว่ากันว่าก๋วยเตี๋ยวหลักสิบแต่วิวหลักล้าน ไหน ๆๆ ลองเสิร์ชกูเกิลสิ อู้วววว !!! กินก๋วยเตี๋ยวชมทะเลหมอก รออะไรล่ะคะ...วางแพลน ระหว่างนี้ก็เลยลองหาที่เที่ยวอื่น ๆ เสิร์ชรีวิวในห้องบลูแพลนเน็ต "เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน" อือหือเพียบเลย เลยตัดสินใจโนแพลน แต่ปลายทางที่จ่าโบ่ละกัน ค่ำไหนนอนนั่น ปัง ปัง ปัง เริ่ม !!
START | 11.12.58
ออกเดินทางไปถึงปายตอนบ่าย 3 โมง ไปเก็บรูปที่แรกเลย "สะพานประวัติศาสตร์ปาย"
เดี๋ยวก่อนถ่ายรูปมองซ้ายมองขวา ขอกาแฟสักคนละแก้วนะ ผ่านมาหลายโค้ง ไม่เมา แต่เบลอ ๆ มึน ๆ อ๊ะ..เห็นละร้านกาแฟ ก็พากันตรงเข้าไปด่วนจี๋มณีจ๋า จากเรด้าความเป็นคอกาแฟและดูจากร้านแล้วมั่นใจซะเหลือเกินว่าอร่อยแน่
แต่ครั้งนี้เรด้าคงเสียค่ะ เต็ม 10 เอาไป 6 คะแนน หวานแสบไส้มาก แต่ก็ไม่ทำให้บาริสต้าเสียใจนะ ดาวดูดซะหมดแก้ว...เหลือแต่น้ำแข็ง พร้อมกับกล่าวขอบคุณแล้วโบกมือ บ๊ายบาย มาต่อค่ะ สะพาน ๆๆๆ ถ่ายรูปสิคะรออะไร
โอเคพอ โดยรวมแล้วอากาศดีค่ะ นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมาก
จากนั้นเราก็ขับรถเข้ามาในตัวอำเภอปายเพื่อหาที่พัก เราไม่ได้จองล่วงหน้านะคะ เพราะในแพลนคือค่ำไหนจะนอนนั่น แล้วก็ค่ำนี่เลยนอนนี่ จึงต้องซอกแซก ถามที่นู่น ที่นี่ ปรากฏว่าเต็มค่ะ !! จะมีว่างก็มีแต่ลานกางเต็นท์ อืม...ก็ได้บรรยากาศดี ลุยเลยละกัน เราสองคนตกลงพักที่ เรือนแฝดรีสอร์ท ริมน้ำปาย ลานกางเต็นท์ติดกับแม่น้ำปายค่ะ ว้าว ! ราคาที่กางเต็นท์คนละ 100 บาท นำเต็นท์ไปเองค่ะ มีห้องน้ำ มีน้ำอุ่นให้ใช้
จากนั้นเราก็ปั่น ปั่น ปั่น ซ้ายขวา ปั่น ปั่น ปั่น ปั่นหาข้าวกิน ร้านอาหารที่นี่ถือว่าราคากลาง ๆ ไม่ถูกไม่แพง แต่ไม่ได้เก็บภาพเลย เพราะหิวมาก
ตัดภาพมาที่ถนนคนเดินปาย
และมาถึงปาย ซิกเนเจอร์ของที่นี่ก็น่าจะเป็นโปสการ์ด เขียนสิคะเขียน รออะไร
ถามว่าเขียนให้ใคร ??? เขียนให้คนที่ไปด้วย และแลกกันตรงนั้น 55 เพื่อ ??
เริ่มหิวแล้วหาอะไรกินกัน เราก็เดิน ๆๆ ไม่รู้เดินทำไม เค้าให้เดินก็เดิน ฮ่า ๆๆๆ
จากนั้นก็กลับที่พักค่ะ อากาศตอนนั้นประมาณ 15 องศา น้ำค้างลงเต็นท์ นอนริมแม่น้ำปายคืออากาศโอเคมาก โอ้โห ! หนาวมากกกกกก กลางดึกน่าจะต่ำกว่า 15 องศา เพราะนอนหนาว ดาวนอนหนาว สมมติว่าอุ่นละกันเนาะ โอเคนอนได้ ค่อยมาลุยกันใหม่พรุ่งนี้ค่ะ
DAY 2 | 12.12.58
ตื่นค่ะตื่น ๆๆ 06.30 น. ลานกางเต็นท์ริมน้ำปาย เรือนแฝดรีสอร์ท อู้หู !!! หนาวมาก
หาอะไรร้อน ๆ กินเถอะ
เก็บของๆ เดี๋ยวเตรียมตัวลุยเมืองปายอีกนิด แล้วเดินทางกันต่อเลยค่ะ
สองคนตายายพากันปั่นจักรยานเก็บภาพอำเภอปาย
ก่อนออกจากปายหิวอีกแล้ว โจ๊กมันไม่อยู่ท้อง ลองหาร้านกาแฟชิค ๆ นั่งดู ร้านนี้เลยค่ะ Puripai Cafe สั่งคาปูชิโน่ร้อนกับเย็นอย่างละ 1 แก้ว เต็ม 10 เอาไปเลย 5 คะแนนพอ
จากนั้นเราก็ออกเดินทางค่ะ คืนนี้เราจะไปนอนที่จ่าโบ่ แต่ระหว่างนี้ถามว่าจะไปไหน...??? เดี๋ยว ๆๆ จะไปไหนกัน 555 มองหน้ากัน เอิ่ม...ไปไหน ? !$!หมู่บ้านจีนยูนนาน@%@^บ้านรักไทย!!%@ปางอุ๋งงง!%!@%!@%#%@% อยากไปหลายที่เลย แต่คำนวณเวลาแล้วไม่พอแน่ ๆ โอเคงั้นไปบ้านรักไทยกันดีกว่าาา ไปเลย.. ปาย-บ้านรักไทย ระยะทางรวมแล้ว 119 กิโลเมตร ระหว่างทางแวะดอยกิ่วลม
จะมีน้องหนูใส่ชุดชาวเขามายื่นข้อเสนอ พี่ ๆ ถ่ายรูปกันไหมคะ ให้หนูกี่บาทก็ได้ น่ารักดีค่ะ อ๊ะ...มาลูก 123 ยิ้ม ยิ้มสิ ยิ้มสิคะลูก แต่น้องคนนี้ไม่ยิ้มจ้า ทำไมไม่รู้ กลัวพี่เหรอคะ 5555
ไปกันต่อ ... ข้างทางก็สวย บางทีเก็บภาพด้วยชัตเตอร์ไม่ทันก็เก็บด้วยความรู้สึกเอาละกัน ระหว่างทางก็โค้งไปโค้งมา มีงานก่อสร้างทางเป็นช่วง ๆ แต่โดยรวมแล้วทางดีมาก ๆ เลยค่ะ ตัดภาพมาที่ "หมู่บ้านรักไทย" เลยนะคะ มาถึงหมู่บ้านรักไทยเอาอีกและหิว...หิวอีกแล้ว สองคนตายายก็พากันหาอะไรกิน เลือกนั่งร้านนี้เลยค่ะ ลีไวน์รักไทย สั่งเลย...ปัง !!
ที่ร้านก็จะมีชาอุ่น ๆ ให้เราชิม
เก็บบรรยากาศกันต่อ
จากที่สืบเสาะข้อมูลหมู่บ้านรักไทย ปัจจุบันมีชาวจีนยูนนานอาศัยอยู่ร่วมกันกับพี่น้องชาวไทใหญ่และชาวไทยภูเขาเผ่าอื่น ๆ บรรยากาศภายในจะมีอ่างน้ำขนาดใหญ่ใจกลางหมู่บ้าน มีไร่ชาเป็นขั้นบันได และถูกรายล้อมไปด้วยบ้านดินชั้นเดียวมุงหลังคาด้วยใบตองสไตล์จีน ที่ถูกดัดแปลงนำมาเป็นร้านค้าขายของ ฮู้ววววว....สวยสบายตา
จะเย็นแล้ว คืนนี้เราต้องกลับไปนอนที่ "จ่าโบ่ ปางมะผ้า" ระยะทางจากรักไทยย้อนกลับไปบ้านจ่าโบ่ก็ 70 กว่ากิโลเมตร ไปเลยดีกว่าเดี๋ยวจะค่ำไปกว่านี้
มาถึง "หมู่บ้านจ่าโบ่" จะบอกว่าถนนทางขึ้นหมู่บ้านเป็นทางตรงที่มีหินและชันมาก รถใครน้ำหนักเบา ๆ ก็ลำบากหน่อยนะคะ อาจจะกำลังอยู่ในช่วงดำเนินการสร้างใหม่หรือเพิ่งพังก็ไม่แน่ใจ เราสองคนมาถึงประมาณ 1 ทุ่ม เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ที่ไม่ได้ตั้งตัวไว้ คือเข้าใจอารมณ์ไหม แบบเลี้ยวเข้าหมู่บ้านมองหน้ากัน เย่ !!!! ถึงแล้วจ่าโบ่ (ไม่ถึง 5 วินาที) อ้าวเฮ้ย ! ครึก ครึกกกกกกกกกก รถล้อฟรีจ้า 5555 ตรงนี้พลาดที่เราไม่ได้ศึกษามาก่อน TT^TT (ในภาพถ่ายตอนเช้านะคะ ขากลับ ตอนนั้นมัวมาถ่ายไว้คงไม่ได้จริง ๆ ฮ่า ๆ)
ที่ทำได้ตอนนั้นคือตกใจ ตามด้วยตั้งสติตัวเอง และต่างคนต่างดึงสติคนข้าง ๆ เอานะ ปล่อยรถถอยไหลก่อนแล้วเอาใหม่ ค่อย ๆ เหยียบขึ้นไป เกร็ง จิก รองเท้าจะขาดแล้ว โชคดีที่เป็นทางตรงและถนนที่พังก็แค่ประมาณ 800 เมตร พอขึ้นไปพ้นช่วงที่ถนนพังเจอถนนลาดยางสภาพปกติ เท่านั้นแหละนายจ๋า เหมือนชั้นได้ชีวิตกลับมาอีกครั้ง เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ความแรงของหัวใจเต้นไป 8 ล้านกว่าริกเตอร์ เป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำเสียนี่กะไร ... ถอนหายใจยาวๆ วอแหวนล้านตัว (นี่นั่งพิมพ์ยังตื่นเต้นอยู่เลย 55) ... จากทางเข้าสุดแสนจะโหดก็ถึงแล้ว
ถ้าใครจะไปถ่ายดาวที่จุดชมวิวก็เหมาะมาก ๆ เลย ฟ้าที่นี่สวยมากก แสงรบกวนน้อย เหมาะสำหรับดูดาวตกจัง
เราจองที่พักสำหรับ 2 คนไว้ ที่หมู่บ้านจะจัดที่พักให้ โดยเป็นโครงการของหมู่บ้าน คือให้ชาวบ้านดูแลนักท่องเที่ยว บ้าน 1 หลัง ต่อนักท่องเที่ยว 1 กรุ๊ป เป็นการหารายได้ไปด้วยค่ะ ดีจัง
ที่นี่ชาวบ้านจะเป็นชาวมูเซอดำ อู้คำเมืองผสมภาษามูเซอนิด ๆ อิชั้นฟังไม่รู้เรื่องสักคำ แต่คนที่ไปกับอิชั้น คุยกับเค้าเป็นเรื่องเป็นราว 55 ที่พักที่นี่คิดราคา คนละ 200 บาท/1 คืน รวมค่าอาหาร 2 มื้อ กับข้าวที่ทำให้กินก็เยอะมาก ๆ ชอบน้ำพริกถั่วเน่า มันอร่อยดี แต่เผ็ดนิดหนึ่ง ชาวบ้านที่นี่น่ารักดีค่ะ
DAY 3 | 13.12.58
05.30 น. เสียงไก่มูเซอก็มา แล้วเช้าวันนี้ก็มาถึง จากเสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใด พี่เอย ส่องเฟซบุ๊ก ส่องไอจีคนที่เช็กอินที่นี่ ที่ได้มากินก๋วยเตี๋ยวแล้วชมวิว ที่เห็นรีวิวตามกระทู้ ถามว่าหวังมากไหมกับที่นี่ หวังมากกกกกกก ลุกสิคะลุก กล้องพร้อม เสื้อกันหนาวพร้อม...ไปดูหมอกกัน
กินมื้อเช้า
เค้าบอกกันว่าร้านก๋วยเตี๋ยวเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึงจนกว่าน้ำก๋วยเตี๋ยวจะหมด ฮั่นแน่...มีสโลแกนด้วย ไม่จริงหรอก ถ้าเส้นหมด ลูกชิ้นหมด หมูหมด จะขายอะไร อิอิ แซว ๆ
อร่อยจัง
ตามด้วยกาแฟ กาแฟซองนี่แหละ ถูก ๆ แต่อร่อยมากกกกกกก
อาหารบ้าน ๆ แต่รวมอากาศเย็น ๆ กับวิวสวย ๆ คือดีงาม
หมดเวลาสนุกแล้วสิ ต้องกลับแล้ว ขากลับแวะชมหมอกที่จุดชมวิวปางมะผ้านิดหนึ่งค่ะ
ฮูวววววววววววววววววววว ฟอกปอด...!!
ต้องกลับแล้วจริง ๆ ขอบคุณการเดินทางครั้งนี้นะคะ ขอบคุณคนข้าง ๆ ด้วย จริง ๆ ถ้าจะดูภาพสวย ๆ ศึกษาข้อมูลเยอะ ๆ หาอ่าน หาดูในเว็บเอาก็ได้ แต่ถ้าจะหาความทรงจำคงต้องมาหาเองแล้วล่ะ ^____^
บ๊ายบายแม่ฮ่องสอน จนกว่าจะพบกันใหม่
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1273373 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก joy.rati.rati