ดูเหมือนนาทีนี้ต้องยกให้ "เวียดนาม" ประเทศเพื่อนบ้านเรา ที่เป็นน้องใหม่ไฟแรงเรื่องการท่องเที่ยว คนที่เคยไปเวียดนามมาแล้วต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยขุมทรัพย์ทรัพยากรธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวอันซีนมากมาย เหมือนอย่างทริปการเดินทางของ คุณฟ้าทะยานโจน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่พาเราไปรู้จักเมือง "ซาปา" (Sapa) เจ้าของฉายาสวิตเซอร์แลนด์ของเวียดนาม เมืองในฝันของใครหลายคนที่อยากมาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ แวดล้อมด้วยวิถีชีวิตผู้คนที่เรียบง่าย เป็นกันเอง เหล่านี้ทำให้เมือง "ซาปา" เป็นเมืองที่มีสีสันและเสน่ห์ หลายคนฟังแล้วไม่เชื่อ เอาเป็นว่าอย่าเสียเวลา...ลองตามบันทึกการเดินทางนี้ไปพิสูจน์กันดีกว่าค่ะ
The First Experience with Sapa
สัมผัสแรกของผมในต่างแดนที่ Sapa Vietnam
อาจจะมีคนรีวิวนาขั้นบันไดกันไปเยอะแล้วสำหรับที่นี่ ลองมาดูมุมมองของผมบ้างครับอาจจะแตกต่างไปบ้างแต่ไม่แตกแยกครับ
ในการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้ง ทุกคนต้องเตรียมตัวในการเดินทางพอสมควรเลยทีเดียว แต่ผม...คงไม่ใช่นักเดินทางที่ดีเป็นแน่ เพราะไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวเตรียมพร้อมดูเหมือนมันจะฉุกละหุกไปหมด ลืมโน่นนี่นั่นตลอด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมจึงต้องอาศัยเพื่อนร่วมทีมเป็นหลัก นี่เป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของผม ทั้งเป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงขอออกตัวล้อฟรีไว้ก่อนเลยนะครับว่าคงไม่เหมือนกับรีวิวที่เพื่อน ๆ เคยอ่าน สาระการเดินทางที่สมบูรณ์แบบ คงต้องฝากติดตามที่กระทู้ของเพื่อน ๆ แทนตามนี้ครับ นี่ของท่านผู้นำการเที่ยวครั้งนี้ http://pantip.com/topic/34270892 และนี่ของน้องชายสุดที่รักของผมเอง http://pantip.com/topic/34235450
แต่ในแบบของผมจะเกิดมาจากสัมผัสที่แปลกแยกจากเพื่อนร่วมทริปไปอีกที จะว่าผมมโนไปเองก็คงไม่ผิดนะครับ
...ก้าวแรกที่สัมผัสกับ Air Asia ในครั้งนี้ความตื่นเต้นกลับลดน้อยลงไปมากผิดกับครั้งแรก ๆ ที่ขึ้นเครื่อง ต้องกังวลกับอะไรสารพัด เนื่องจากสิ่งที่กังวลกลับเป็นเรื่องอื่นมากกว่า จากประสบการณ์การขึ้นเครื่องที่ทุลักทุเลจากครั้งที่แล้วเมื่อครั้งไปเชียงราย น้องชายสุดที่รักอุตส่าห์บอกเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ด้วยความที่มั่นใจเกินร้อยจึงไม่ได้ใส่ใจว่าขึ้นเครื่องที่ไหนอย่างไร เราก็ก้าวมั่นไปที่ดอนเมืองแบบเผื่อเวลาไว้ 1 ชั่วโมง ที่คิดว่าเหลือ ๆ แต่แม่เจ้า ! ต้องเช็กอินที่สุวรรณภูมิ โห...ต้องนั่งแท็กซี่แบบ Fast 7 กันเลย ทั้งชีวิตนี่มีนั่งแท็กซี่ครั้งนั้นเสียวสุด ๆ แล้ว
จากการบินเกือบสองชั่งโมงจากดอนเมืองผมก็มาถึงสนามบิน Noi Bai ของฮานอย รถที่ตกลงกันไว้มารับเพื่อไปต่อที่ Sapa แต่ระยะทางที่ไกลมาก (สำหรับที่เวียดนาม) ประมาณ 340 กิโลเมตร เราจึงต้องกินข้าวกันก่อนออกเดินทาง
ออกจากฮานอยเราเดินทางโดยใช้เส้นทางไฮเวย์ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จใหม่ ๆ หมาด ๆ ในการเดินทางไป Sapa ผมล่ะทึ่งกับพลขับพลเมืองของเวียดนามมาก ตรงที่เขาซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัดมาก ถึงแม้ว่าที่ตรงนั้นจะไม่มีเจ้าหน้าที่จราจรก็ตาม
ระหว่างทางมีที่แวะพักเป็นระยะ ๆ แต่เราก็แวะแค่ครั้งเดียว เมื่อได้ที่แวะพักผมจึงได้โอกาสได้ทานข้าวตอนนี้แหละ กับข้าวมีไก่ต้ม มีไข่เจียว มีมะเขือดอง มีน้ำแกงอีกหนึ่งอย่าง พร้อมกับข้าวสวยที่ไม่ค่อยร้อนเท่าไร ราคา 100,000 ดอง หรือ 150 บาทไทย เท่ากับมื้อนี้ผมก็รอดตายไปแบบอิ่มหมีพีมันเลย ไก่ให้มาเยอะมาก ทานไม่หมดจนต้องห่อกลับไปด้วย จากนั้นก็เดินทางต่อ
ด้วยความอิ่มกับความง่วงผมจึงหลับไปเมื่อไรไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็เป็นถนนมุ่งสู่ Sapa แล้ว นี่รถวิ่งออกจากไฮเวย์มาแบบไม่รู้ตัวเลย เห็นเขาขับที่ไฮเวย์นึกว่าฝีมือไม่เท่าไร ที่ไหนได้มาเจอการขับขึ้นเขา โอ้โห....นี่มัน Takumi แห่งเขา Akina ชัด ๆ นั่งไปเสียวไป เพราะทางแคบด้วยโค้งด้วย แถมมอเตอร์ไซค์ก็วิ่งยังกะแมลงวันเลย และเขาใช้แตรกันเป็นว่าเล่นเลย เอะอะอะไรก็บีบแตรตลอด ถ้าเป็นบ้านเรานี่มีชกกันแน่ ๆ
...Sapa เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ตอนเหนือของเวียดนาม อยู่ในเขตจังหวัด Lao Cai อากาศเย็น ภูเขาก็ยิ่งใหญ่อลังการมาก ประชากรมีชนเผ่าม้งซะส่วนใหญ่ ด้วยนักท่องเที่ยวมาที่นี่กันเยอะจึงไม่แปลกใจเลยว่า ม้งนี่แหละที่พูดภาษาอังกฤษในระดับที่รู้เรื่องกว่าชาวพื้นเมืองของเวียดนามเองอีก บ้านเขาจะปลูกอยู่ตามไหล่เขา ซึ่งก็เหมือนกับที่นาขั้นบันไดอยู่นั่นเอง มาถึงแล้วเราก็รีบเช่ามอเตอร์ไซค์เลยทันที เพื่อวิ่งเก็บบรรยากาศภายในเมือง Sapa ทันที
จะว่าไปบ้านเมืองเขาก็สงบเงียบดีนะ ไม่มีอะไรหวือหวาเอะอะมะเทิ่งเหมือนบ้านเราเลย หรือเป็นเพราะระบอบการปกครองที่ไม่เหมือนกันก็ได้ เดินไปที่ทะเลสาบของเมืองในช่วงบ่ายแก่ ๆ ก็ยังคงเงียบเชียบ แต่ก็มีบรรดาวัยรุ่นเขาออกมาเดินมาเที่ยวกันบ้างพอสมควร
...ผลสรุปจากเมื่อคืนคือพวกเราได้ข้อมูลว่าต้องไปเที่ยวหมู่บ้าน Ta Fan ในตอนเช้า แล้วช่วงบ่ายจะไปต่อกันที่หมู่บ้าน Cat Cat
5 มนุษย์ไฟฟ้า
ท่านผู้นำการเดินทางครั้งนี้ครับ
ที่หมู่บ้าน Ta Fan (ตาฟาน) มีลำธารไหลผ่านหมู่บ้าน น้ำใส ๆ มองเห็นไปจนถึงพื้นล่าง ซึ่งก็ไม่ได้ลึกอะไรมากนัก พื้นที่เป็นหินสี หินกรวด มองดูสวยงามยิ่งนัก ที่นี่มีสะพานแขวนด้วยแฮะ ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ก็สวยงาม ใช้ข้ามได้เฉพาะรถมอเตอร์ไซค์กับคนข้ามเท่านั้น มองข้ามไปอีกฟากก็เป็นทิวเขาอยู่เบื้องหลังสวยงามยังกับดินแดนเทพนิยายก็มิปาน เสียดายที่ผมเก็บความงามที่เป็นอยู่มาได้เพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง
ที่นี่เราได้อาหารเช้ารองท้องนิด ๆ หน่อย ๆ โดยมีกาแฟและชุดขนมปังและไข่เท่านั้นเอง ระหว่างนี้ฝนก็เทกระหน่ำซัมเมอร์เซลขึ้นมาเฉย ๆ ซะอย่างนั้น รอจนฝนหยุดเดินออกมาจากร้านเจอม้งกลุ่มหนึ่งที่ตีนสะพานแขวน เดินปรี่เข้ามาถาม "มาจากไหน เป็นคนไทยรึเปล่าคะ" ผมก็ตอบว่าใช่ พลางนึก เอ...นี่หน้าเรามีธงชาติไทยแลนด์ติดมาด้วยหรืออย่างไร เขาถึงมองออก เธอทำท่าดีใจเป็นอย่างมาก ทำให้เรานึกไปไกล นี่คนเขาชอบคนไทยขนาดนี้จริง ๆ รึ ! แต่แล้วทุกอย่างก็มาเฉลยเอาตอนท้าย คือเขาจะขอแลกเงินครับ เขามีธนบัตรใบละ 50 บาทไทย ก็ไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหน ก็เลยจะขอแลกกับเรา ปัดโธ่...เราก็หลงดีใจนึกว่าเขาปลื้ม
จากนั้นพวกเราก็เดินถ่ายรูปไปตามหมู่บ้าน เจอครอบครัวหนึ่งชวนให้ไปทานน้ำที่บ้านเขา เชิญค่ะ กินน้ำกันก่อน ผมสะดุ้งแปลกใจ เอ๊ะ ! มีคนไทยอยู่ที่นี่หรืออย่างไร จริง ๆ เขาเป็นคนไตครับ พูดภาษาไทยได้บ้างถึงจะไม่เยอะเราก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนได้เจอญาติในต่างแดนยังไงยังงั้นเลย สอบถามความเป็นมาเป็นไป ครอบครัวเขาอพยพมาตั้งหลักปักฐานในเวียดนามมาหลายสิบปีแล้ว เขาบอกว่าเห็นคนไทยเดินทางมาเที่ยวเขายินดีมาก ๆ ทักทายปราศรัยกันประมาณหนึ่งพวกเราก็ไปกันต่อ
ระหว่างนี้เองมีพวกเราบางคนที่ยังมาสมทบไม่ครบ ผมจึงเดินลงไปยังหุบเบื้องล่าง ด้วยเห็นว่ามีเด็กกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งทำอะไรกันอยู่
...สมทบกับเพื่อน ๆ แล้วเราก็ไปกันต่อ คือต้องกลับไป Sapa ก่อนไปเที่ยวที่หมู่บ้าน Cat Cat แต่ไหน ๆ ก็มาแล้วก็เลยไปอีกหมู่บ้านคือหมู่บ้าน Lao Chai ซึ่งสามารถตัดไปที่ Sapa ได้
ในทุ่งนาที่นี่มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังทำอะไรกันอยู่สักอย่าง ผมเลยเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นเด็กชาย 3 คน กำลังตกปลาเล็ก ๆ โดยไม่ได้ใช้เบ็ด ห้ะ....ทำได้ด้วยหรือนี่ ว่าแล้วก็เดินเข้าไปดูอย่างสนใจ เขาใช้หญ้าไปล่อให้ปลางับแล้วกระตุกจนปลาติดขึ้นมา แหม...ช่างคิดเนอะ
ระหว่างนี้ฝนก็ตกลงมาอีกครั้ง คราวนี้เราจำเป็นต้องลุยฝนกลับเลย เพราะกลัวไปที่หมู่บ้าน Cat Cat ไม่ทันช่วงบ่าย การเดินทางค่อนข้างทุลักทุเล เนื่องจากรถที่เช่ามาเป็นแบบออโตเมติก สภาพถนนเป็นเขาชัน ดังนั้นมอเตอร์ไซค์ที่เป็นสายพานจึงแบกน้ำหนักสองคนไม่ได้ จึงจำเป็นที่คนซ้อนต้องเดินบ้างเป็นระยะ ๆ กว่าจะมาถึง Sapa อีกครั้งก็ลิ้นห้อยเลย
ภาพหลังฝนตก มุมจากร้าน Coffee View & Bar
...ฝนหยุดเราก็เดินทางต่อ หน้าด่านเก็บตังค์หมู่บ้าน Cat Cat เขาอ่าน กัส กัส นะ ทั้งที่ผมอ่านแคสแคสอยู่ตั้งนาน ร้านค้าที่นี่ถึงกับขึ้นป้ายเป็นภาษาไทยเลยแฮะ เดินเที่ยวไปเรื่อยสำหรับผมแล้วไม่ค่อยประทับใจกับที่นี่สักเท่าไร เนื่องจากหลายสาเหตุ สำคัญสุดเลยนะผมรู้สึกเหมือนโดนบังคับให้เดินไปตามทางที่เขาจัดให้ ซึ่งมันขัดกับการมาเที่ยวในแบบของผมโดยสิ้นเชิง คือเราอยากไปไหนเราก็ไป ไม่ใช่จะมาบังคับกันโน่นนั่นนี่ อีกอย่างกับความเป็นธรรมชาติของน้ำ ของน้ำตก ความรู้สึกเหมือนจะเข้าไปรุกล้ำในพื้นที่ธรรมชาติมากเกินไป ทำให้สถานที่เป็นเหมือนการจัดฉาก นอกจากความน่ารักของเด็กแล้ว ผมยังไม่เห็นมีความประทับใจอื่นที่น่าจดจำมากนัก
เด็ก ๆ น่ารักที่สุดจาก Cat Cat คนนี้น้องชายสุดที่รักผมบอกผูกสัญญาใจกันไว้แล้ว
รูปแบบที่โดนปรุงแต่งธรรมชาติโดยฝีมือมนุษย์ ซึ่งที่ไหน ๆ ก็มี จะน้อยจะมากก็แล้วแต่บ้านใครเมืองใคร
การบังคับเดินตามทางทำให้รู้สึกว่าโดนต้อนให้เราเดินอ้อมเขา เพื่อที่จะให้เราต้องใช้บริการรถรับจ้างเขาอีก อันนี้เคืองสุด ๆ ผมยอมเดินแบบเหนื่อยขาดใจดีกว่าตกเป็นเหยื่อของคนพวกนี้ นี่ถ้ายังมีแบบนี้อยู่อีกผมว่าไม่นานสถานที่แห่งนี้จะไปไม่รอด...ทำนายได้เลย และอีกเรื่องสำหรับ Sapa และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ไปเที่ยวมักจะมีขยะทิ้งเกลื่อนกลาดจนดูสกปรก ถึงแม้ว่าจะยังไม่เยอะแต่ก็มากพอจะทำให้รำคาญตา
กลับมาถึงที่พักก็เย็นมากแล้ว ออกไปกินข้าวเย็นกันที่ร้านใกล้โรงแรม อาหารก็อร่อยพอใช้ได้เลย แถมราคาก็ไม่แพงด้วย แนะนำเลยนะครับ ถ้าใครได้แวะไปแถวนั้นชื่อร้าน Nature view bar มีน้องแว่นหน้าตาน่ารักคอยบริการจนเราแทบจะลืมหิวข้าวกันเลยทีเดียว (จ้องเพลิน) จนมีสมาชิกบางคนในทริปของเราอยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่กันเลยทีเดียว
Sapa ในยามค่ำคืนสำหรับคนที่ไม่ดื่มแล้ว น่าจะไม่มีอะไรพิเศษสักเท่าไร เพราะยิ่งดึกยิ่งสงบเงียบ เป็นช่วงเวลาที่ควรนอนพักผ่อนมากกว่า เพราะยังไม่ดึกมากไฟโบสถ์ก็ปิดแล้ว เราไปถ่ายเกือบไม่ทัน ผมเก็บบรรยากาศยามค่ำคืนมาฝากบ้างตามสมควร เพื่อนอนเอาแรงไปต่อที่ Mu Cang Chai
แล้วพบกันใหม่ที่ Mu Cang Chai ครับ
ข้อมูลค่าใช้จ่ายให้ตามดูที่สองกระทู้นี้ได้เลยนะครับ
[CR]แบกเป้ ไปเท่ที่ ซาปา - มูกางจ๋าย " อยากเห็นสวรรค์นาขั้นบันได ให้ไป Mu Cang Chai เถอะ
http://pantip.com/topic/34270892
[CR]... "ซาปา" ได้มาจึงได้รู้ .. ความงดงามของเมืองในหุบเขา และท้องทุ่งนาแห่งเวียดนามเหนือ (ภาคที่ 1)...
http://pantip.com/topic/34235450
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณฟ้าทะยานโจน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม