x close

เที่ยวซาปา…เมืองแห่งความสงบ ขุนเขาแห่งความงาม

ซาปา

          ดูเหมือนนาทีนี้ต้องยกให้ "เวียดนาม" ประเทศเพื่อนบ้านเรา ที่เป็นน้องใหม่ไฟแรงเรื่องการท่องเที่ยว คนที่เคยไปเวียดนามมาแล้วต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยขุมทรัพย์ทรัพยากรธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวอันซีนมากมาย เหมือนอย่างทริปการเดินทางของ คุณฟ้าทะยานโจน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่พาเราไปรู้จักเมือง "ซาปา" (Sapa) เจ้าของฉายาสวิตเซอร์แลนด์ของเวียดนาม เมืองในฝันของใครหลายคนที่อยากมาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ แวดล้อมด้วยวิถีชีวิตผู้คนที่เรียบง่าย เป็นกันเอง เหล่านี้ทำให้เมือง "ซาปา" เป็นเมืองที่มีสีสันและเสน่ห์ หลายคนฟังแล้วไม่เชื่อ เอาเป็นว่าอย่าเสียเวลา...ลองตามบันทึกการเดินทางนี้ไปพิสูจน์กันดีกว่าค่ะ


          The First Experience with Sapa

          สัมผัสแรกของผมในต่างแดนที่ Sapa Vietnam 

ซาปา

          อาจจะมีคนรีวิวนาขั้นบันไดกันไปเยอะแล้วสำหรับที่นี่  ลองมาดูมุมมองของผมบ้างครับอาจจะแตกต่างไปบ้างแต่ไม่แตกแยกครับ

          ในการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้ง ทุกคนต้องเตรียมตัวในการเดินทางพอสมควรเลยทีเดียว แต่ผม...คงไม่ใช่นักเดินทางที่ดีเป็นแน่ เพราะไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวเตรียมพร้อมดูเหมือนมันจะฉุกละหุกไปหมด ลืมโน่นนี่นั่นตลอด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมจึงต้องอาศัยเพื่อนร่วมทีมเป็นหลัก นี่เป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของผม ทั้งเป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงขอออกตัวล้อฟรีไว้ก่อนเลยนะครับว่าคงไม่เหมือนกับรีวิวที่เพื่อน ๆ เคยอ่าน  สาระการเดินทางที่สมบูรณ์แบบ คงต้องฝากติดตามที่กระทู้ของเพื่อน ๆ แทนตามนี้ครับ นี่ของท่านผู้นำการเที่ยวครั้งนี้  http://pantip.com/topic/34270892 และนี่ของน้องชายสุดที่รักของผมเอง  http://pantip.com/topic/34235450 

ซาปา

ซาปา

          แต่ในแบบของผมจะเกิดมาจากสัมผัสที่แปลกแยกจากเพื่อนร่วมทริปไปอีกที จะว่าผมมโนไปเองก็คงไม่ผิดนะครับ 

          ...ก้าวแรกที่สัมผัสกับ Air Asia ในครั้งนี้ความตื่นเต้นกลับลดน้อยลงไปมากผิดกับครั้งแรก ๆ ที่ขึ้นเครื่อง ต้องกังวลกับอะไรสารพัด เนื่องจากสิ่งที่กังวลกลับเป็นเรื่องอื่นมากกว่า จากประสบการณ์การขึ้นเครื่องที่ทุลักทุเลจากครั้งที่แล้วเมื่อครั้งไปเชียงราย น้องชายสุดที่รักอุตส่าห์บอกเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ด้วยความที่มั่นใจเกินร้อยจึงไม่ได้ใส่ใจว่าขึ้นเครื่องที่ไหนอย่างไร เราก็ก้าวมั่นไปที่ดอนเมืองแบบเผื่อเวลาไว้ 1 ชั่วโมง ที่คิดว่าเหลือ ๆ แต่แม่เจ้า ! ต้องเช็กอินที่สุวรรณภูมิ โห...ต้องนั่งแท็กซี่แบบ Fast 7 กันเลย ทั้งชีวิตนี่มีนั่งแท็กซี่ครั้งนั้นเสียวสุด ๆ แล้ว

          จากการบินเกือบสองชั่งโมงจากดอนเมืองผมก็มาถึงสนามบิน Noi Bai ของฮานอย รถที่ตกลงกันไว้มารับเพื่อไปต่อที่ Sapa แต่ระยะทางที่ไกลมาก (สำหรับที่เวียดนาม) ประมาณ 340 กิโลเมตร เราจึงต้องกินข้าวกันก่อนออกเดินทาง

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          ออกจากสนามบินมานิดเดียวก็เจอร้านอาหารที่คนขับพาเรามากิน "เฝอ" หรือก๋วยเตี๋ยวเขานั่นแหละ เอ่อ.......มีแต่เนื้อวัวทั้งนั้นเลย ด้วยความที่ผมไม่ทานเนื้อ (วัวหรือควาย) ผมจึงได้แต่มองเพื่อน ๆ ทานตาปริบ ๆ แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้ผมเดินห่างจากเพื่อนออกมาอีกนิดหนึ่ง ก็มาเจอกับตลาดเล็ก ๆ ในชุมชนแถวนั้น ที่รวมเอาไว้ซึ่งการพบปะ พูดคุย ละเล่นกีฬา แปลกใจมากกับสิ่งที่เขาเล่นกัน ผมก็อนุมานเอาว่าน่าจะเป็นวอลเลย์บอล แต่ดูท่าแล้วลูกนิ่ม ๆ เหมือนบอลยางเลย ทันใดสายตาก็ไปเจอเข้ากับของกินจนได้  มันคือน้ำเต้าหู้ ราคาแค่ 5,000 ดองเอง (ประมาณเจ็ดบาทกว่า ๆ) หันไปมองอย่างอื่นก็มีแต่ผักสด หมู ไก่ แต่ดิบ ๆ นะครับ เอาวะกินน้ำเต้าหู้อย่างเดียวนี่แล้วกัน ได้อย่างที่หวังแล้วผมก็เดินไปสมทบกับเพื่อน ๆ ร่วมทริปที่ทานเสร็จกันพอดี แต่ให้ตายเถอะโรบิ้น...น้ำเต้าหู้เขานี่มันก็เป็นน้ำเต้าหู้เพียว ๆ จริง ๆ  ไม่มีอย่างอื่นเจือปนเลย รสชาตินี่จืดสนิท มิน่าคนเวียดนามเขาถึงหุ่นสะโอดสะองกันนัก

          ออกจากฮานอยเราเดินทางโดยใช้เส้นทางไฮเวย์ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จใหม่ ๆ หมาด ๆ ในการเดินทางไป Sapa  ผมล่ะทึ่งกับพลขับพลเมืองของเวียดนามมาก ตรงที่เขาซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัดมาก ถึงแม้ว่าที่ตรงนั้นจะไม่มีเจ้าหน้าที่จราจรก็ตาม

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          ที่ไฮเวย์มีป้ายให้ใช้ความเร็วสูงสุดที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พนักงานขับรถเขาก็ตรงเป๊ะยังกะไม้บรรทัด ป้ายเท่าไรเท่านั้น  ไม่วอกแวกด้วย ถนนก็โล่งโล่ง รถที่วิ่งก็วิ่งกันไม่กี่คันหรอก จึงดูเหมือนว่าเราเหมาถนนเวียดนามมาเที่ยวยังไงไม่รู้ นี่ถ้าเป็นพี่ไทยนะ ถนนแบบนี้ เหอ ๆ คงไม่ต่ำกว่าร้อยหกสิบแน่ ๆ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเรามักจะไม่ค่อยได้เจอข่าวอุบัติเหตุร้ายแรงกันเลย ทั้ง ๆ ที่เราเห็นในยูทูบรถวิ่งกันอย่างขวักไขว่กลับไม่ชนกันแฮะ รถวิ่งแค่นี้ ระยะทางยาว ๆ แบบนี้ไม่ง่วงให้มันรู้ไปสิ หันไปมองคนขับทำท่าเหมือนจะหลับจริง ๆ ด้วย เฮ้ย ๆๆ นี่มันยังไงกันละนี่ หันไปหาฟอร์ซ่านุน้องชายสุดที่รักที่นั่งข้างคนขับ "เฮ้ย..ชวนเขาคุยมั่งสิ เดี๋ยวพวกก็หลับหรอก" น้องชายตอบ "จะชวนคุยยังไงละพี่ เขาพูดได้แต่เวียดนาม" และนั่นการนินทาซึ่งหน้าจึงเกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน ยิ่งภาษาไทยเขาไม่รู้แน่ ๆ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คอยป้อนลูกอมพี่แกไปเป็นระยะ ๆ เพื่อความปลอดภัยของเราเองด้วย

          ระหว่างทางมีที่แวะพักเป็นระยะ ๆ แต่เราก็แวะแค่ครั้งเดียว เมื่อได้ที่แวะพักผมจึงได้โอกาสได้ทานข้าวตอนนี้แหละ กับข้าวมีไก่ต้ม มีไข่เจียว มีมะเขือดอง มีน้ำแกงอีกหนึ่งอย่าง พร้อมกับข้าวสวยที่ไม่ค่อยร้อนเท่าไร ราคา 100,000 ดอง หรือ 150 บาทไทย เท่ากับมื้อนี้ผมก็รอดตายไปแบบอิ่มหมีพีมันเลย ไก่ให้มาเยอะมาก ทานไม่หมดจนต้องห่อกลับไปด้วย จากนั้นก็เดินทางต่อ 

ซาปา

          ด้วยความอิ่มกับความง่วงผมจึงหลับไปเมื่อไรไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็เป็นถนนมุ่งสู่ Sapa แล้ว นี่รถวิ่งออกจากไฮเวย์มาแบบไม่รู้ตัวเลย เห็นเขาขับที่ไฮเวย์นึกว่าฝีมือไม่เท่าไร ที่ไหนได้มาเจอการขับขึ้นเขา  โอ้โห....นี่มัน  Takumi แห่งเขา Akina ชัด ๆ นั่งไปเสียวไป เพราะทางแคบด้วยโค้งด้วย แถมมอเตอร์ไซค์ก็วิ่งยังกะแมลงวันเลย และเขาใช้แตรกันเป็นว่าเล่นเลย เอะอะอะไรก็บีบแตรตลอด ถ้าเป็นบ้านเรานี่มีชกกันแน่ ๆ

ซาปา

          ...Sapa เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ตอนเหนือของเวียดนาม อยู่ในเขตจังหวัด Lao Cai อากาศเย็น ภูเขาก็ยิ่งใหญ่อลังการมาก ประชากรมีชนเผ่าม้งซะส่วนใหญ่ ด้วยนักท่องเที่ยวมาที่นี่กันเยอะจึงไม่แปลกใจเลยว่า ม้งนี่แหละที่พูดภาษาอังกฤษในระดับที่รู้เรื่องกว่าชาวพื้นเมืองของเวียดนามเองอีก บ้านเขาจะปลูกอยู่ตามไหล่เขา ซึ่งก็เหมือนกับที่นาขั้นบันไดอยู่นั่นเอง มาถึงแล้วเราก็รีบเช่ามอเตอร์ไซค์เลยทันที เพื่อวิ่งเก็บบรรยากาศภายในเมือง Sapa ทันที

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          จะว่าไปบ้านเมืองเขาก็สงบเงียบดีนะ ไม่มีอะไรหวือหวาเอะอะมะเทิ่งเหมือนบ้านเราเลย หรือเป็นเพราะระบอบการปกครองที่ไม่เหมือนกันก็ได้ เดินไปที่ทะเลสาบของเมืองในช่วงบ่ายแก่ ๆ ก็ยังคงเงียบเชียบ แต่ก็มีบรรดาวัยรุ่นเขาออกมาเดินมาเที่ยวกันบ้างพอสมควร

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          รูปสุดท้ายนี่เป็นชุดนักเรียนเขาเลยนะครับ

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          เก็บแสงเย็นบ้างเล็กน้อยสำหรับวันนี้ เพื่อนอนพักผ่อนเอาแรงเพื่อไปเที่ยวทุ่งนากันในวันพรุ่งนี้ ด้วยความที่เราไม่ได้วางแผนกันไว้ก่อน  คืนนี้เลยต้องเปิดประชุมเพื่อหาจุดเที่ยวต่อไป

          ...ผลสรุปจากเมื่อคืนคือพวกเราได้ข้อมูลว่าต้องไปเที่ยวหมู่บ้าน Ta Fan ในตอนเช้า แล้วช่วงบ่ายจะไปต่อกันที่หมู่บ้าน Cat Cat

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          5 มนุษย์ไฟฟ้า

ซาปา

          ท่านผู้นำการเดินทางครั้งนี้ครับ

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          ระหว่างทางเจอกับเด็กม้งสองคนนี้พอดี เราจึงเพลิดเพลินกับการเก็บภาพเด็กพอสมควร "รีบ ๆ ถ่ายเร็ว ๆ เดี๋ยวพ่อแม่เขากลับมา" เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้น เพราะตอนที่เราไปเจอคงเป็นพ่อแม่เด็กเอามาทิ้งไว้ชั่วคราวแล้วไปทำธุระที่ไหนสักที่ แต่พวกเราก็ไม่แล้งน้ำใจนะครับ เก็บตังค์กันคนละ 2-3 พันดอง ส่งให้น้อง ๆ เขาเป็นค่าขนม จากนั้นก็สารพัดชัตเตอร์ละ

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          ที่หมู่บ้าน Ta Fan (ตาฟาน) มีลำธารไหลผ่านหมู่บ้าน น้ำใส ๆ มองเห็นไปจนถึงพื้นล่าง ซึ่งก็ไม่ได้ลึกอะไรมากนัก พื้นที่เป็นหินสี หินกรวด มองดูสวยงามยิ่งนัก ที่นี่มีสะพานแขวนด้วยแฮะ ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ก็สวยงาม ใช้ข้ามได้เฉพาะรถมอเตอร์ไซค์กับคนข้ามเท่านั้น มองข้ามไปอีกฟากก็เป็นทิวเขาอยู่เบื้องหลังสวยงามยังกับดินแดนเทพนิยายก็มิปาน เสียดายที่ผมเก็บความงามที่เป็นอยู่มาได้เพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง

ซาปา

          ที่นี่เราได้อาหารเช้ารองท้องนิด ๆ หน่อย ๆ โดยมีกาแฟและชุดขนมปังและไข่เท่านั้นเอง ระหว่างนี้ฝนก็เทกระหน่ำซัมเมอร์เซลขึ้นมาเฉย ๆ ซะอย่างนั้น รอจนฝนหยุดเดินออกมาจากร้านเจอม้งกลุ่มหนึ่งที่ตีนสะพานแขวน เดินปรี่เข้ามาถาม "มาจากไหน เป็นคนไทยรึเปล่าคะ" ผมก็ตอบว่าใช่ พลางนึก เอ...นี่หน้าเรามีธงชาติไทยแลนด์ติดมาด้วยหรืออย่างไร เขาถึงมองออก เธอทำท่าดีใจเป็นอย่างมาก ทำให้เรานึกไปไกล  นี่คนเขาชอบคนไทยขนาดนี้จริง ๆ รึ ! แต่แล้วทุกอย่างก็มาเฉลยเอาตอนท้าย คือเขาจะขอแลกเงินครับ เขามีธนบัตรใบละ 50 บาทไทย ก็ไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหน ก็เลยจะขอแลกกับเรา ปัดโธ่...เราก็หลงดีใจนึกว่าเขาปลื้ม

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          จากนั้นพวกเราก็เดินถ่ายรูปไปตามหมู่บ้าน เจอครอบครัวหนึ่งชวนให้ไปทานน้ำที่บ้านเขา เชิญค่ะ กินน้ำกันก่อน ผมสะดุ้งแปลกใจ เอ๊ะ ! มีคนไทยอยู่ที่นี่หรืออย่างไร จริง ๆ เขาเป็นคนไตครับ พูดภาษาไทยได้บ้างถึงจะไม่เยอะเราก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนได้เจอญาติในต่างแดนยังไงยังงั้นเลย สอบถามความเป็นมาเป็นไป  ครอบครัวเขาอพยพมาตั้งหลักปักฐานในเวียดนามมาหลายสิบปีแล้ว เขาบอกว่าเห็นคนไทยเดินทางมาเที่ยวเขายินดีมาก ๆ ทักทายปราศรัยกันประมาณหนึ่งพวกเราก็ไปกันต่อ

          ระหว่างนี้เองมีพวกเราบางคนที่ยังมาสมทบไม่ครบ ผมจึงเดินลงไปยังหุบเบื้องล่าง ด้วยเห็นว่ามีเด็กกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งทำอะไรกันอยู่

ซาปา

ซาปา

          เข้าไปถึงกลายเป็นเรื่องจริง ๆ เพราะเป็นเด็กเลี้ยงควาย ไม่มีใครพูดอังกฤษได้สักคน ก็ได้แต่ล้อภาษากันไปมา แล้วก็หัวเราะสนุกสนานกันไปเหมือนคุยกันรู้เรื่อง ระหว่างที่คุยเล่น (แบบไม่รู้เรื่อง) ผมก็เก็บภาพไปเรื่อย ๆ เมื่อได้ภาพสมใจแล้วผมก็เดินกลับ 

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          แปลกนะมีน้องผู้หญิงเสื้อเหลือง (ที่มีคนเดียวในกลุ่ม) เดินตามผมมาด้วย จากที่อยู่กับเพื่อนไม่พูดไม่จาสักคำ พออยู่กับผมเธอถามเป็นภาษาอังกฤษแบบผมตอบแทบไม่ทัน ด้วยความที่ผมพูดอังกฤษแบบไม่ประสีประสา เธอจึงเป็นฝ่ายถามผมซะส่วนใหญ่ เช่น มาจากไหน ชื่ออะไร อายุเท่าไร (ถามยังกะจะจีบเรา  อยากบอกว่าห่างจากเธอเป็นสองรอบแล้วนะแต่ก็ไม่ได้พูด) มาที่นี่นานรึยัง จะไปไหนต่อ และอีกเยอะแยะ  ถามเธอบ้างเธอก็บอกว่าอยู่กับพ่อแม่ข้างล่างนั่น พร้อมกับชี้มือลงไปที่บ้านของเธอที่อยู่ติดกับลำธาร เรียนอยู่ชั้น ป.5 ประมาณนี้ ผมมานึก ๆ ดู นี่ถ้าเป็นคนไทยเราเด็กประมาณนี้จะกล้าพูดกับคนแปลกหน้าได้มากขนาดนี้ไหมนะ และจะพูดได้เก่งขนาดนี้หรือเปล่า คุยกันมาพักหนึ่งก็ถึงทางแยก ซึ่งเธอต้องลงไปยังบ้านของเธอ ส่วนผมก็ต้องแยกขึ้นเขาเพื่อไปสมทบกับเพื่อน ๆ เราจึงลากันตรงนั้น ไม่รู้ว่าถ้ามาอีกครั้งจะเจอเธออีกหรือเปล่า ถ้าเจอแล้วเธอยังจะจำเราได้ไหมนะ

          ...สมทบกับเพื่อน ๆ แล้วเราก็ไปกันต่อ คือต้องกลับไป Sapa ก่อนไปเที่ยวที่หมู่บ้าน Cat Cat แต่ไหน ๆ ก็มาแล้วก็เลยไปอีกหมู่บ้านคือหมู่บ้าน Lao Chai ซึ่งสามารถตัดไปที่ Sapa ได้

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          เด็ก ๆ ที่หมู่บ้าน Lao Chai  น่ารักมาก ๆ ที่สำคัญเพียงเราซื้อกำไลผ้าที่เขาขายนิดหน่อย ๆ เขาก็เต็มใจเป็นแบบให้ชนิดที่คุ้มสุดคุ้มเลยทีเดียว

ซาปา

ซาปา

          ระหว่างทางก็ได้เจอกับสาวไทยกลุ่มหนึ่ง น่ารักมาก ทักทายกันตามประสาไทยแลนด์ Only แล้วก็มองดูพวกเธอสนุกสนานถ่ายรูปกัน เราก็พลอยมีความสุขไปด้วย

ซาปา

          ในทุ่งนาที่นี่มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังทำอะไรกันอยู่สักอย่าง ผมเลยเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นเด็กชาย 3 คน กำลังตกปลาเล็ก ๆ โดยไม่ได้ใช้เบ็ด ห้ะ....ทำได้ด้วยหรือนี่ ว่าแล้วก็เดินเข้าไปดูอย่างสนใจ เขาใช้หญ้าไปล่อให้ปลางับแล้วกระตุกจนปลาติดขึ้นมา แหม...ช่างคิดเนอะ

ซาปา

          ระหว่างนี้ฝนก็ตกลงมาอีกครั้ง คราวนี้เราจำเป็นต้องลุยฝนกลับเลย เพราะกลัวไปที่หมู่บ้าน Cat Cat ไม่ทันช่วงบ่าย การเดินทางค่อนข้างทุลักทุเล เนื่องจากรถที่เช่ามาเป็นแบบออโตเมติก สภาพถนนเป็นเขาชัน ดังนั้นมอเตอร์ไซค์ที่เป็นสายพานจึงแบกน้ำหนักสองคนไม่ได้ จึงจำเป็นที่คนซ้อนต้องเดินบ้างเป็นระยะ ๆ กว่าจะมาถึง Sapa อีกครั้งก็ลิ้นห้อยเลย

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          วิวจากร้าน Coffee View & Bar

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          ที่ร้าน Coffee View & Bar เราได้ใช้เป็นป้อมปราการชั่วคราว ก่อนที่จะลงไปหมู่บ้าน Cat Cat เพราะดูแล้วฝนอีกห่าใหญ่กำลังจะมา และก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ชั่วไม่กี่อึดใจฝนก็เทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาอีกแล้ว  คราวนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ ซะด้วย การฆ่าเวลารอที่นอกจากการถ่ายรูปแล้วก็มีการกินกาแฟนี่แหละ  จากของตัวเอง 1 แก้วแล้ว เพื่อน ๆ บอกกินไม่ไหวยกให้มาอีก ห้ะ...นี่มัน มหกรรมรวมคาเฟอีนไว้ในตัวเราใช่ไหมเนี่ย อย่าว่าแต่ตาค้างเลยครับ คืนนี้มีถึงสว่าง เพราะสักพักเพื่อนร่วมทีมก็ยกที่เหลือมาให้อีก ไม่กินไม่ได้เสียดายตังค์ มีชาวต่างชาติที่เป็นฝรั่งเข้ามาติดฝนด้วยก็เลยพลอยโดนผมสแนปไปด้วย

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          ภาพหลังฝนตก มุมจากร้าน Coffee View & Bar

          ...ฝนหยุดเราก็เดินทางต่อ หน้าด่านเก็บตังค์หมู่บ้าน Cat Cat เขาอ่าน กัส กัส นะ ทั้งที่ผมอ่านแคสแคสอยู่ตั้งนาน ร้านค้าที่นี่ถึงกับขึ้นป้ายเป็นภาษาไทยเลยแฮะ เดินเที่ยวไปเรื่อยสำหรับผมแล้วไม่ค่อยประทับใจกับที่นี่สักเท่าไร เนื่องจากหลายสาเหตุ สำคัญสุดเลยนะผมรู้สึกเหมือนโดนบังคับให้เดินไปตามทางที่เขาจัดให้  ซึ่งมันขัดกับการมาเที่ยวในแบบของผมโดยสิ้นเชิง คือเราอยากไปไหนเราก็ไป ไม่ใช่จะมาบังคับกันโน่นนั่นนี่ อีกอย่างกับความเป็นธรรมชาติของน้ำ ของน้ำตก ความรู้สึกเหมือนจะเข้าไปรุกล้ำในพื้นที่ธรรมชาติมากเกินไป ทำให้สถานที่เป็นเหมือนการจัดฉาก นอกจากความน่ารักของเด็กแล้ว ผมยังไม่เห็นมีความประทับใจอื่นที่น่าจดจำมากนัก

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          หมูไก่ที่นี่เขาก็อยู่ด้วยกันอย่างสามัคคีดีนะ

ซาปา

ซาปา

          เด็ก ๆ น่ารักที่สุดจาก Cat Cat คนนี้น้องชายสุดที่รักผมบอกผูกสัญญาใจกันไว้แล้ว

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          รูปแบบที่โดนปรุงแต่งธรรมชาติโดยฝีมือมนุษย์ ซึ่งที่ไหน ๆ ก็มี จะน้อยจะมากก็แล้วแต่บ้านใครเมืองใคร

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          การบังคับเดินตามทางทำให้รู้สึกว่าโดนต้อนให้เราเดินอ้อมเขา เพื่อที่จะให้เราต้องใช้บริการรถรับจ้างเขาอีก อันนี้เคืองสุด ๆ ผมยอมเดินแบบเหนื่อยขาดใจดีกว่าตกเป็นเหยื่อของคนพวกนี้ นี่ถ้ายังมีแบบนี้อยู่อีกผมว่าไม่นานสถานที่แห่งนี้จะไปไม่รอด...ทำนายได้เลย และอีกเรื่องสำหรับ Sapa และหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ไปเที่ยวมักจะมีขยะทิ้งเกลื่อนกลาดจนดูสกปรก ถึงแม้ว่าจะยังไม่เยอะแต่ก็มากพอจะทำให้รำคาญตา

          กลับมาถึงที่พักก็เย็นมากแล้ว ออกไปกินข้าวเย็นกันที่ร้านใกล้โรงแรม อาหารก็อร่อยพอใช้ได้เลย แถมราคาก็ไม่แพงด้วย แนะนำเลยนะครับ ถ้าใครได้แวะไปแถวนั้นชื่อร้าน Nature view bar  มีน้องแว่นหน้าตาน่ารักคอยบริการจนเราแทบจะลืมหิวข้าวกันเลยทีเดียว (จ้องเพลิน) จนมีสมาชิกบางคนในทริปของเราอยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่กันเลยทีเดียว

ซาปา

ซาปา

ซาปา

          Sapa ในยามค่ำคืนสำหรับคนที่ไม่ดื่มแล้ว น่าจะไม่มีอะไรพิเศษสักเท่าไร เพราะยิ่งดึกยิ่งสงบเงียบ เป็นช่วงเวลาที่ควรนอนพักผ่อนมากกว่า เพราะยังไม่ดึกมากไฟโบสถ์ก็ปิดแล้ว เราไปถ่ายเกือบไม่ทัน ผมเก็บบรรยากาศยามค่ำคืนมาฝากบ้างตามสมควร เพื่อนอนเอาแรงไปต่อที่ Mu Cang  Chai

ซาปา

ซาปา

          แต่ Sapa ก็ยังเป็นเมืองน่าเที่ยวที่ยังมีมนตร์เสน่ห์ให้หวนกลับมาอีกครั้ง เมื่อหน้าหนาวมาเยือนไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้เจอกับหิมะที่นี่ เพราะมีคนเคยให้ข้อมูลว่ามีหิมะตก แม้แต่หน้าฝนหน้าเก็บเกี่ยวอย่างที่ผมไปยังมีความงามของทุ่งนา สายฝน สายหมอก ผู้คน ที่ทำให้เรามีรอยยิ้มกับสิ่งที่พบเจอ ใครที่อยากเช่ารถเที่ยวถ้าไปกัน 2 คน ผมแนะนำว่าให้เช่ารถที่มีเกียร์มีโซ่เถอะ เพราะจะมีกำลังในการไต่เขาได้ดีกว่ารถที่เป็นระบบสายพานที่เป็นออโตเมติก

ซาปา

          แล้วพบกันใหม่ที่ Mu Cang Chai ครับ

          ข้อมูลค่าใช้จ่ายให้ตามดูที่สองกระทู้นี้ได้เลยนะครับ

          [CR]แบกเป้ ไปเท่ที่ ซาปา - มูกางจ๋าย " อยากเห็นสวรรค์นาขั้นบันได ให้ไป Mu Cang Chai เถอะ
          http://pantip.com/topic/34270892

          [CR]... "ซาปา" ได้มาจึงได้รู้ .. ความงดงามของเมืองในหุบเขา และท้องทุ่งนาแห่งเวียดนามเหนือ (ภาคที่ 1)...
          http://pantip.com/topic/34235450

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณฟ้าทะยานโจน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวซาปา…เมืองแห่งความสงบ ขุนเขาแห่งความงาม อัปเดตล่าสุด 16 ตุลาคม 2558 เวลา 11:47:25 18,890 อ่าน
TOP