
เพราะไม่ว่าฤดูกาลไหน ๆ ความงามของเชียงใหม่ก็มีมนตร์เสน่ห์น่าไปสัมผัสเสมอ วันนี้เราเลยจะชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ความเขียวขจีมีพละกำลังมหาศาล ไปชื่นชมความชุ่มฉ่ำยามสายฝนโปรยปราย สูดกลิ่นดิน กลิ่นหญ้า พร้อมกับค่อย ๆ ละเลียดความงามผ่านบันทึกการเดินทางของ คุณม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่เก็บเอาเรื่องราวในการเดินทางไปเยือน "บ้านระเบียงดาว" ... "ม่อนแจ่ม" และ "แม่กลางหลวง" มาแชร์ให้เราได้ชมกันค่ะ










ภาพถ่ายและเรื่องราวของสถานที่แห่งหนึ่งบนโลกโซเชียลได้สร้างแรงบันดาลใจ อีกหนึ่งฝันที่ยังคงเฝ้ารอคอยและอยากเข้าไปสัมผัส ระเบียงแห่งความสุขที่เคยฝันว่าสักวันหนึ่งจะขอไปยืนอยู่ตรงนั้นสักครั้ง ......."ระเบียงดาว"

อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
บันทึกการเดินทางฉบับนี้ผมเริ่มต้นการเดินทางที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ในวันที่สายฝนเริ่มต้นทำงานพร้อม ๆ กับการเริ่มต้นออกเดินทาง

"ม่อนแจ่ม" ส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย บนเส้นทางที่ลัดเลาะไต่ระดับความสูงผ่านหมู่บ้านม้งสู่ยอดดอย

นี่คงเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตลำดับต้น ๆ เมื่อมาเยือนเชียงใหม่ ยามนี้ดอกไม้หลากสีสันผลิบานเคล้าไปกับสายหมอก เป็นความสวยงามและความสดชื่นที่เข้ากันได้อย่างลงตัว

กลิ่นไอของสายฝนผสมกับละอองหมอกประหนึ่งเหมือนได้อยู่ในฤดูหนาว คงเพราะก้าวย่างแรกที่ได้สัมผัสม่อนแจ่มที่รับรู้ได้ถึงความหนาวเย็น

วิวทิวทัศน์ในมุมสูง 360 องศา ที่ในเวลานี้อาจมองเห็นได้ไม่ครบทุกองศา สายหมอกเพิ่มความสดชื่นในจิตใจแต่ก็ลดความเด่นชัดในมุมมองขององศา

โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนเชียงใหม่เท่าไรนัก ยิ่งเป็นทางโซนแม่ริมยิ่งไม่เคยมาเลยสักครั้ง การเดินทางครั้งนี้จึงเหมือนการได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ

เส้นทางเชียงใหม่-แม่ริม ระยะทางราว 50 กิโลเมตร สู่ยอดดอยม่อนแจ่ม เส้นทางค่อนข้างดีและไม่ชันมากนัก

นอกจากม่อนแจ่มแล้วโซนนี้ยังมีสถานที่ให้ได้เที่ยวชมอีกมากมาย ทั้งม่อนต่าง ๆ ที่บรรยากาศคล้ายคลึงกับม่อนแจ่ม และโครงการหลวงที่เน้นไปทางด้านเกษตรกรรมและธรรมชาติที่สวยงามบนความสูง

ความรู้สึกสดชื่นปลุกเร้าความมีชีวิตชีวา และยิ่งเพิ่มความตื่นตาตื่นใจเมื่อสายหมอกค่อย ๆ เปิดแลเห็นพืชไร่เป็นทิวแถวอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม

ดอกไม้นานาพรรณผลิบาน มีมุมน่ารัก ๆ ให้ได้ถ่ายภาพ บรรยากาศแบบนี้คงทำให้ใครต่อใครต่างมีความสุข

ความมหัศจรรย์ที่รับรู้ได้ถึงความเพียรพยายามและความมานะอดทน พืชไร่ที่ปลูกกันเป็นทิวแถวไต่ระดับความชันดูงดงามตระการตา แต่กว่าจะได้ผลผลิตมาคงต้องใช้พละกำลังและหยาดเหงื่อไม่ใช่น้อย

ภาพของม่อนแจ่มที่คุ้นตาคงเป็นเพิงไม้ไผ่มุงด้วยใบจากที่เรียงรายตามแนวยาว

เพิงเล็ก ๆ สำหรับรับประทานอาหารในวันที่มองออกไปเห็นแต่ไอหมอกปกคลุม

เวลาของความสุขที่ไหลผ่านไปอย่างช้า ๆ นั่งมองวิวทิวทัศน์ มองไอหมอกที่บางช่วงจังหวะเผยให้เห็นถึงเบื้องล่าง คงเป็นช่วงเวลาแบบนี้นี่เองที่หลายคนต่างหลงใหลและแวะเวียนมาสัมผัสกันอย่างไม่ขาดสาย

จากม่อนแจ่มผมลงมายังโครงการหลวงแม่สาใหม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก กับวิวมุมสูงที่เผยให้เห็นถึงทิวเขาสลับซับซ้อนที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอก

โครงการหลวงแม่สาใหม่จัดตั้งขึ้นเพื่อนำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดีสู่ชุมชนชาวเขา สร้างอาชีพและรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ ลดการบุกรุกทำลายป่าและการปลูกฝิ่น

นี่คือแผนที่การเดินทางที่ผมกำลังมุ่งหน้าสู่เชียงดาวในวันนี้ และวกกลับมาบ้านแม่กลางหลวงในวันถัดไป

จากโครงการหลวงแม่สาใหม่ผมมุ่งหน้าสู่ อ.เชียงดาว โดยใช้เส้นทางหลัก 107 ถึงปากทางเข้าสู่ถ้ำเชียงดาวซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกันกับบ้านระเบียงดาวจุดหมายปลายทางหลักในครั้งนี้

สองข้างทางที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางที่ทอดยาวขนานไปกับดอยหลวงเชียงดาว

จากความฝันส่งต่อสู่อีกหนึ่งความฝัน จากภาพถ่ายของใครคนหนึ่งส่งต่อความรู้สึกและแรงบันดาลใจ จากจินตนาการสู่ความเป็นจริงที่สัมผัสได้และผมกำลังใกล้เข้าสู่สัมผัสนั้น

เส้นทางจากปากทางสู่บ้านระเบียงดาวระยะทางราว 17 กิโลเมตร ไต่ระดับความสูงคดเคี้ยว ทางจะค่อนข้างแคบและปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เบื้องหน้าคือดอยหลวงเชียงดาวความยิ่งใหญ่แห่งขุนเขาในความรู้สึก "บ้านระเบียงดาว" บ้านพักในแบบเรียบง่ายในหุบเขา ก้าวย่างแรกก็รับรู้ได้ถึงความเป็นธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธิ์

บ้านไม้มุงจากที่ปลูกสร้างลดหลั่นไปตามความลาดเอียงของขุนเขา จุดเด่นของแบบบ้านคือมีระเบียงที่ยื่นออกไปจากตัวบ้าน สมกับชื่อ "ระเบียงดาว"

และก็เป็นระเบียงไม้ไผ่เก่า ๆ นี่เองที่สร้างความรู้สึกใหม่ ๆ เป็นความรู้สึกของความสุขที่ยิ่งใหญ่เคียงคู่ดอยหลวงเชียงดาวที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า

เทือกเขาดอยหลวงถูกชโลมโอบกอดด้วยสายหมอก กำแพงภูผาที่ครั้งหนึ่งผมเคยฝันว่าอยากมายืนมองให้เต็มตา จากภาพถ่ายสู่ความเป็นจริง ความยิ่งใหญ่ที่ดูอลังการกว่าในรูปภาพใบนั้น

บ้านพักของผมในคืนนี้ที่วิวทิวทัศน์และระเบียงไม้ ดูสวยงามไม่ต่างจากบ้านหลังอื่น ๆ

ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่น ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณเน็ต ไม่มีแอร์ มีไฟฟ้าที่ได้จากแสงแดด มีมุ้งไว้กันยุง และมีความสุขในแบบเรียบง่าย

ประตูไม้ไผ่ที่ดูเรียบง่ายในแบบธรรมดา สู่ความยิ่งใหญ่ของภูผาเมื่อเปิดแง้มออกมอง

สายฝนเริ่มโหมกระหน่ำในช่วงเย็นวันนั้น หลังจากโปรยปรายมาตลอดเวลา

เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากที่ได้เคยสัมผัส สายฝนที่รุนแรงแต่ไร้สายลม มองไปรอบกายที่ดูอ้างว้าง แต่ผมกลับรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก

หลังสายฝนหยุดตก สายหมอกก็เริ่มทำงานอย่างหนักหน่วง

อาหารที่ดูธรรมดาแต่กลับรู้สึกอร่อยที่สุดเมื่อได้ทานควบคู่ไปกับวิวตรงหน้า ที่มาเสิร์ฟกันถึงห้องพัก รวมไปถึงอาหารเช้าที่มีให้เป็นอย่างดี ในราคาเพียงหัวละ 500 บาท รวมที่พัก

เช้าวันใหม่อากาศยังคงครึ้มฟ้าครึ้มฝนและมีสายหมอกล่องลอยอยู่ตลอดเวลา

เก้าอี้ไม้เก่า ๆ ที่ดูธรรมดาบนระเบียงแห่งความฝัน แต่สิ่งที่พิเศษที่สุดคือ "ดอยหลวงเชียงดาว" ที่ตั้งตระหง่านราวกับปราการยักษ์ตรงเบื้องหน้า และนี่คือขุนเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย

อาหารเช้าที่ไม่ได้โดดเด่นกลับดูมีคุณค่าเมื่อได้อยู่คู่กับวิวตรงหน้า

บางครั้งที่พักที่ดีที่สุดอาจไม่ต้องเริดหรูก็ได้ และบางครั้งความสุขก็ไม่ได้อยู่ที่วัตถุที่มีค่า

บริเวณด้านบนของบ้านระเบียงดาวก็ดูเหมือนว่าจะมีที่พักที่กำลังก่อสร้างใหม่

วิวจากบ้านพักที่กำลังก่อสร้างใหม่ก็งดงามไม่แพ้บ้านระเบียงดาว

ตลอด 24 ชม. ที่ได้อยู่ที่นี่มีสายหมอกยังคงวนเวียนเป็นเพื่อนอยู่ตลอดเวลา หมอกในฤดูฝนอาจแตกต่างจากหมอกในฤดูหนาวที่สงบนิ่ง แต่ก็เชื่อมโยงซึ่งความสุขไม่ต่างกัน

สายหมอกที่ดูจะเพิ่มขึ้นสวนทางกับความสุขที่กำลังจะหมดไป เวลาในความฝันที่เหลือน้อยลง และผมกำลังจะจากลาระเบียงสวรรค์ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป

จากบ้านระเบียงดาวผมวกกลับเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ ข้ามจากอีกฟากไปยังอีกฟากหนึ่งที่ อ.จอมทอง สู่เส้นทางดอยอินทนนท์ "น้ำตกวชิรธาร" หนึ่งในไฮไลท์ของการมาเยือนดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ราว 80 กว่ากิโลเมตร

สายน้ำที่ฟุ้งกระจายไหลลงสู่หน้าผาสูงรู้สึกได้ถึงความเย็นและชุ่มชื้น บริเวณน้ำตกยังมีร้านค้าสวัสดิการ ห้องน้ำสะดวกสบายและมีลานจอดรถที่กว้างขวาง

"บ้านแม่กลางหลวง" อีกจุดหมายหลักของการเดินทางในช่วงฤดูฝน บ้านแม่กลางหลวงอยู่เลยจากน้ำตกวชิรธารราว 7 กิโลเมตร ริมทางหลักสายจอมทอง-อินทนนท์

ยามนี้วันที่ 19 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา ผืนนาขั้นบันไดแลดูเขียวขจี

ผืนนาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในรูปแบบนาขั้นบันไดที่เพิ่งปักดำต้นกล้าได้ไม่นาน และคงเป็นช่วงเวลาต่อจากนี้ที่ดินแดนแห่งทุ่งนาจะพร้อมรอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยี่ยมเยือน

มาที่นี่ผมใช้เวลาไปเรื่อย ๆ ไม่มีแผนอะไรในหัวมากนัก หนึ่งวันทำอะไรที่นี่ได้บ้าง คำตอบสำหรับผมคือไม่ได้ทำอะไร

เดินเล่นเรื่อยเปื่อยไปตามคันนา ดูหอย ดูปู ดูปลา ค่อย ๆ ละเลียดไปกับเวลาที่หมดลงไป ผมว่ามันเป็นความสุขที่สัมผัสได้และเป็นความสบายใจในแบบที่ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวายหัว

บางครั้งเราเลือกที่จะเจอกับสิ่งดีหรือไม่ดี...ไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะเก็บสิ่งดีนั้นไว้และปล่อยให้สิ่งไม่ดีนั้นผ่านไป คงเหมือนกับการเดินทาง ที่เราสามารถเลือกที่จะเก็บเอาความประทับใจในสิ่งที่ดีนั้นไว้...ให้อยู่ในความทรงจำตลอดไป
ขอบคุณทุกท่านที่เป็นส่วนหนึ่งในบันทึกการเดินทางของผม แล้วพบกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไป...สวัสดีครับ
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL