x close

รับลมร้อน ณ อุทยานแห่งชาติทางทะเล

ทะเล

ทะเล

 



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอท

           อากาศก็ร้อน อารมณ์ก็แรง ทำอะไรก็ได้ไม่ได้ดั่งใจ พาลให้หงุดหงิด เฮ้อ! ของขึ้นแบบนี้ต้องเก็บกระเป๋า ไปพักร้อนกันซะหน่อยแล้ว อิอิ แต่วัยรุ่นอย่างเราจะไปเที่ยวไหนที่อินเทรนด์สมตัวดีน๊า อะ ๆ ไม่ต้องคิดเยอะเลยค่ะ เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมหยิบเอา "อุทยานแห่งชาติทางทะเล" สถานที่ท่องเที่ยวสุด Chic ติดอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องไปเยือนมาแนะนำกัน สำหรับใครที่ยังไม่รู้จะไปลัลลาไหนใน summer นี้

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง

           อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 650 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ มากถึง 52 เกาะ เรียงรายตั้งแต่เขตอำเภอแหลมงอบ อำเภอเมือง และอำเภอคลองใหญ่ เกาะที่สำคัญที่สุด คือ เกาะช้าง นอกจากนี้ ยังมีเกาะอื่น ๆ ที่ยังคงสภาพความสวยงามตามธรรมชาติ ได้แก่ เกาะคลุ้ม เกาะเหลายาใน เกาะง่าม เกาะไม้ซี้ใหญ่ เกาะหวาย เกาะรัง ฯลฯ ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะช้าง ใกล้คลองธารมะยม ที่ด้านหน้ามีท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ของอุทยานฯ นอกจากนี้ ยังมีหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ อีก 3 จุด ซึ่งล้วนอยู่บนเกาะช้าง คือ บริเวณอ่าวคลองสน บริเวณทางเข้าน้ำตกคลองพลู และบริเวณหมู่บ้านสลักเพชร

           มีสถานที่น่าสนใจ ได้แก่ ยุทธนาวีเกาะช้าง เกาะง่าม  เกาะหวาย เกาะไม้ซี้  อ่าวสลักเพชร อ่าวสลักคอก น้ำตกธารมะยม น้ำตกคลองพลู อ่าวคลองพร้าว น้ำตกคลองนนทรี บ้านสลักเพชร-บ้านโรงถ่าน น้ำตกคีรีเพชร น้ำตกคลองหนึ่ง หมู่บ้านประมงบางเบ้า อ่าวคลองสน หาดทรายขาว หาดคลองพร้าว-แหลมไชยเชษฐ์ หาดไก่แบ้ อ่าวใบลาน หาดทรายยาว

อุทยานแห่งชาติเขาเเหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด

           อุทยานแห่งชาติเขาเเหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเพ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 81,875 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่บนฝั่งและในทะเล ตลอดจนเกาะต่าง ๆ ในเขตอำเภอเมือง และอำเภอแกลง ประกอบด้วยสถานที่น่าสนใจ คือ หาดแม่รำพึง เขาแหลมหญ้า และหมู่เกาะเสม็ด อันประกอบไปด้วย เกาะเสม็ด เกาะจันทร์ เกาะสันฉลาม เกาะหินขาว เกาะค้างคาว เกาะกุฎี เกาะกรวย และเกาะปลาตีน

           อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ เกาะเสม็ด เกาะกุฎี และเขาแหลมหญ้า ในแต่ละเส้นทางจะพบพันธุ์ไม้นานาชนิด เช่น พันธุ์มะนาวป่า ต้นไข่เต่า ต้นขันทองพยาบาท ต้นเสม็ดแดง และสัตว์ป่า เช่น อีเห็นเครือ พังพอนเล็ก ลิงแสม กระรอกหลากสี นกนางแอ่นบ้าน และนกฮูก เป็นต้น นอกจากนั้นทั้ง 3 ยังเป็นจุดชมวิวอีกด้วย

           อัตรค่าเข้าอุทยานฯ นักท่องเที่ยว ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ส่วนสถานที่พักบริเวณที่ทำการอุทยานฯ บริเวณเขาแหลมหญ้า (บนฝั่ง) มีบริการบ้านพักและเต็นท์ บริเวณแหลมลูกโยน บนเกาะเสม็ดมีบ้านพัก จำนวน 4 หลัง บริเวณอ่าวพร้าวบนเกาะเสม็ดมีบ้านพักจำนวน 4 หลัง รายละเอียดสอบถามได้ที่ โทร. 0 3865 3034, 0 2562 0760

           สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ได้แก่ เกาะเสม็ด ซึ่งบนเกาะมีชายหาดเรียงตามลำดับจากทิศเหนือไปทิศใต้ เช่น หาดทรายแก้ว หาดหินโคร่ง หาดคลองไผ่ อ่าวพุทรา อ่าวทับทิม อ่าวนวล อ่าวช่อหรืออ่าวลุงหวัง อ่าวคอก อ่าวเทียน อ่าวหวาย อ่าวกิ่ว อ่าวปะการัง ทางด้านตะวันตกมีหาดทรายอยู่แห่งเดียว คือ ที่อ่าวพร้าว ส่วนอ่าววงเดือนอยู่ด้านตะวันออกทางตอนกลางของเกาะเป็นอ่าวโค้งคล้ายพระจันทร์ครึ่งดวง จากหาดทรายแก้วและหาดวงเดือนเป็นหาดทรายยาวและสวย บริเวณปลายแหลมด้านใต้มีเกาะเล็ก ๆ อยู่ 3 เกาะ ได้แก่ เกาะจันทร์ เกาะสันฉลาม และเกาะหินขาว ซึ่งเป็นที่อาศัยและวางไข่ของนกนางนวล โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปหาดอื่น ๆ ได้โดยใช้บริการรถรับจ้าง หรือเดินเท้าไปเอง

           เกาะกรวย เกาะขาม และเกาะปลาตีน เป็นเกาะที่อยู่ทางตอนเหนือของเกาะกุฎี ประมาณ 600 เมตร เป็นเกาะที่สวยงาม มีปะการัง และสามารถตกปลาได้ ส่วน เกาะกุฎี หรือ เกาะกุด เป็นเกาะหนึ่งในวรรณกรรมของสุนทรภู่ อยู่ทางทิศตะวันออกของ เกาะเสม็ด ห่างจากฝั่งประมาณ 6 กิโลเมตร ใกล้กับ เกาะกุฎี มีเกาะขนาดเล็กอีก 2 เกาะ คือ เกาะท้ายค้างคาว และ เกาะถ้ำฤาษี มีหาดทรายสวยงามเหมาะแก่การเล่นน้ำ ตั้งแค้มป์ปิ้ง มีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ญส.3 ตั้งอยู่บน เกาะกุฎี โดยรอบเกาะมีแนวปะการัง

           เกาะทะลุ ห่างจากเกาะกุฎี ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 6 กิโลเมตร หรือห่างจากเกาะเสม็ด 12 กิโลเมตร มีพื้นที่ 69 ไร่ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าทึบ ทิศตะวันตกเป็นผาหินสูงชัน ด้านทิศตะวันออกและทิศใต้มีหาดทรายขาวสะอาด เกาะทะลุ มีนกนางนวล ค้างค้าวแม่ไก่ อยู่เป็นจำนวนมาก และมีเต่าทะเลบางชนิดอาศัยอยู่ นอกจากนั้นมีปะการังที่อุดมสมบูรณ์สูงอยู่รอบ ๆ เกาะและเป็นแหล่งเหมาะแก่การดำน้ำลึกอีกแห่งหนึ่ง

           หมายเหตุ: ทางอุทยานฯ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด กำหนดปิดอุทยานฯ ประจำปีทุกปี ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม-30 กันยายน

อุทยานแห่งชาติตะรุเตา

           อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย มีชื่อเสียงทางด้านประวัติศาสตร์และความสวยงามของธรรมชาติ ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ห่างจากตัวเมืองสตูลประมาณ  40  กิโลเมตร ห่างจากฝั่งที่ท่าเรือปากบารา 22 กิโลเมตร มีอาณาเขตทิศเหนือจดอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ทิศใต้จดทะเลที่เป็นแนวพรมแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ประกอบไปด้วยหมู่เกาะใหญ่น้อยจำนวน 51 เกาะ มีเกาะขนาดใหญ่ 7 เกาะ ได้แก่ เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ  เกาะกลาง เกาะบาตวง และเกาะบิสสี  แบ่งออกเป็น 2 หมู่เกาะใหญ่ คือ หมู่เกาะตะรุเตา และ หมู่เกาะอาดัง-ราวี ทั้งนี้ ได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2525 ให้เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Parks and Reserves) โดยช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – เมษายน

           สถานที่ท่องเที่ยวในเขต อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้แก่ เกาะตะรุเตา เกาะที่มีประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ โดยในปี พ.ศ. 2479 รัฐบาลมีนโยบายให้กรมราชทัณฑ์จัดหาสถานที่เพื่อจัดตั้งนิคมฝึกอาชีพ และเป็นสถานที่กักกันนักโทษ เกาะตะรุเตาซึ่งอยู่ห่างไกลจากฝั่ง เต็มไปด้วยปัจจัยทางธรรมชาติที่เป็นอุปสรรคต่อการหลบหนี ก็ได้ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่จัดตั้งนิคมดังกล่าว ต่อมากรมราชทัณฑ์ได้ประกาศยกเลิกนิคมฝึกอาชีพตะรุเตา และหลังจากนั้นเกาะตะรุเตาก็ถูกทิ้งร้างเป็นเวลา 26 ปี จนกระทั่งวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2517 กรมป่าไม้ในขณะนั้น ได้ประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติตะรุเตาขึ้น โดยนับเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย

           สถานที่น่าสนใจบนเกาะตะรุเตา เช่น อ่าวพันเตมะละกา อ่าวจาก อ่าวเมาะและ อ่าวสน อ่าวตะโละวาว อ่าวตะโละอุดัง น้ำตกลูดู ถ้ำจระเข้ จุดชมวิวผาโต๊ะบู สำหรับที่พักนั้น ในเขตอุทยานฯ มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยวบน เกาะตะรุเตา และ เกาะอาดัง สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 2562 0760 หรือ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติตะรุเตา โทร. 0 7478 3485, 0 7478 3597, 0 7478 1285 หรือ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต.1 (อ่าวพันเตมะละกา) บนเกาะตะรุเตา โทร. 0 7472 9002-3

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง

           อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งที่สอง ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 อยู่ห่างจากเกาะสมุยไปทางทิศตะวันตกประมาณ 20 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 63,750 ไร่ เป็นพื้นดินเพียง 50 ตารางกิโลเมตร นอกนั้นเป็นพื้นน้ำ ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ 42 เกาะ ส่วนมากเป็นเกาะหินปูน หมู่เกาะนี้เดิมเป็นเขตหวงห้ามของทหารเรือ แต่ก็ได้มีราษฎรอพยพไปตั้งบ้านเรือน โดยประกอบอาชีพทำสวนมะพร้าว จับปลา และเก็บรังนก (บนเกาะมีสัมปทานรังนกนางแอ่น) โดยขึ้นอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย

           สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ ได้แก่ เกาะวัวตาหลับ ทะเลใน เกาะแม่เกาะ เกาะสามเส้า เกาะท้ายเพลา เกาะวัวกันตัง เกาะหินดับ สำหรับที่พักทางอุทยานฯ มีบริการบ้านพัก จำนวน 5 หลัง และสถานที่กางเต็นท์บริการนักท่องเที่ยวกรณีที่นำเต็นท์มาเอง เก็บค่าสถานที่หลังละ 20 บาท รายละเอียดติดต่อ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง โทร. 0 7728 6025, 0 7728 6588 โทรสาร 0 7728 6588

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

           อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองทะเล ตำบลไสไทย ตำบลอ่าวนาง และตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีพื้นที่ 242,437 ไร่ เป็นพื้นน้ำประมาณ 200,849 ไร่ มีป่าไม้ 3 ประเภท คือ ป่าดงดิบชื้น พบเห็นได้บริเวณเขาสูงชันบริเวณเขาหางนาค เขาอ่าวนาง ป่าชายเลน จะพบบริเวณคลองแห้ง ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ คลองย่านสะบ้า และด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณสุสานหอย 40 ล้านปี และป่าพรุ ที่พบต้นเสม็ดขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ มีสัตว์ต่าง ๆ ที่พบในอุทยานฯ ได้แก่ นกโจรสลัด เหยี่ยวแดง นกออก นกนางแอ่นกินรัง หมูป่า ลิง และค่าง สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวคือเดือนพฤษภาคม - เดือนเมษายน

           อุทยานฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ หาดนพรัตนธารา เดิมชาวบ้านเรียกว่า หาดคลองแห้ง สุสานหอย เกาะปอดะ เกาะหม้อ และเกาะทัพ อ่าวนาง ซึ่งจากอ่าวนางสามารถเช่าเรือไปเที่ยวชายหาดด้านทิศตะวันออกได้แก่ หาดไร่เลย์ หาดถ้ำพระนาง โดยมีค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี คนไทย ผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

           อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามัน ห่างจากฝั่งไปทางทิศตะวันตกประมาณ 70 กิโลเมตร เป็นหมู่เกาะที่อยู่ติดกับเขตชายแดนไทย-พม่า มีพื้นที่ประมาณ 84,375 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่บนบกประมาณ 20,594 ไร่ ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะไข่ (เกาะตอรินลา) เกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) และเกาะรี (เกาะสต๊อก) ประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2524

           อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เป็นหมู่เกาะที่มีแนวปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์สวยงาม มีปลาสีสันต่าง ๆ มากมาย เป็นแหล่งสำหรับเหมาะชมปะการังน้ำตื้น โดยเฉพาะเกาะตอรินลา สำหรับบริเวณที่เหมาะจะดำน้ำลึก คือ กองหินริเชลิว อยู่ห่างจากเกาะสุรินทร์ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 10 กิโลเมตร เป็นแหล่งที่สมบูรณ์ด้วยธรรมชาติใต้ทะเล มีปลาหลายพันธุ์ ปะการังสีสวย และเป็นจุดที่มีโอกาสพบฉลามวาฬ ที่ได้ชื่อว่าเป็นยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลมาว่ายให้เห็นอยู่เสมอ ช่วงเวลาที่เหมาะจะเดินทางท่องเที่ยวคือ เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน ส่วนเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม เป็นช่วงที่มีลมมรสุม ฝนตกชุก คลื่นลมแรง

           สถานที่น่าสนใจภายในเขตอุทยานฯ ได้แก่ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ อ่าวไทรเอน อ่าวลึก อ่าวจาก อ่าวไม้งาม อ่าวบอน อ่าวเต่า อ่าวผักกาด อ่าวสุเทพ เกาะปาจุมบา

อุทยานแห่งชาติเกาะสิมิลัน

            อุทยานแห่งชาติเกาะสิมิลัน อยู่ตำบลเกาะพระทอง ครอบคลุมพื้นที่ 80,000 ไร่ ประกาศเป็นเขตอุทยานฯ เมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2525 คำว่า "สิมิลัน" เป็นภาษายาวี หรือ มลายู แปลว่า เก้า หรือ หมู่เกาะเก้า หมู่เกาะสิมิลันเป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ในทะเลอันดามัน มีทั้งหมด 9 เกาะ เรียงลำดับจากเหนือมาใต้ ได้แก่ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกาะเมี่ยง (มี 2 เกาะติดกัน) เกาะปายู เกาะหัวกระโหลก ( เกาะบอน) เกาะสิมิลัน และเกาะบางู ที่ทำการอุทยานฯ อยู่ที่เกาะเมี่ยง เพราะเป็นเกาะที่มีน้ำจืด

           หมู่เกาะเหล่านี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่เกาะที่มีความงามทั้งบนบกและใต้น้ำ ที่ยังคงความสมบูรณ์ของท้องทะเล สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก มีปะการังที่มีสีสันสวยงามหลากชนิด ปลาหลากสีสันและหายาก เช่น กระเบนราหู ปลาวาฬ ปลาโลมา ปลาไหลมอนเร่ ปลาการ์ตูน ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุด ส่วนเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน เป็นฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มีคลื่นลมแรงเป็นอันตรายต่อการเดินเรือและทางอุทยานฯ กำหนดประกาศปิดอุทยานฯ ในช่วงวันที่ 16 พ.ค.-15 พ.ย. เพื่อเป็นการฟื้นฟูธรรมชาติทุกปี

           สถานที่น่าสนใจภายในเขตอุทยานฯ ได้แก่ เกาะสิมิลัน หรือ เกาะแปด เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะสิมิลัน ลักษณะอ่าวเป็นรูปโค้งเหมือนเกือกม้า มีหาดทรายขาวละเอียดเนียนนุ่มน้ำทะเลใสน่าเล่น ใต้ทะเลมีปะการังสวยงามหลายชนิด เกาะบางู หรือ เกาะเก้า เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีโขดหินรูปลักษณะต่าง ๆ โดยเฉพาะที่จุดดำน้ำ กองหินคริสมาสพอยต์ เป็นกองหินใต้น้ำขนาดใหญ่ที่มีความสวยงาม เกาะหัวกะโหลก-หินปูซา หรือ เกาะเจ็ด เป็นเกาะที่มีลักษณะเหมือนรูปหัวกะโหลก สภาพใต้น้ำสวยงามเหมือนหุบเขาใต้ทะเลที่เต็มไปด้วยปะการังอ่อน กัลปังหารูปพัดหลากสีสัน ฝูงปลานานาพันธุ์ และยังสามารถพบปลากระเบนราหู หรือฉลามวาฬได้มากที่สุดแห่งหนึ่งในหมู่เกาะสิมิลัน

           เกาะหูยง หรือ เกาะหนึ่ง เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีหาดทรายขาวสะอาด และยาวมากที่สุดในเก้าเกาะ มักจะมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้เห็นร่องรอยของเต่าที่ขึ้นมาวางไข่บนชายหาดคล้ายกับรอยตีนตะขาบเล็ก ๆ เกาะเมี่ยง หรือ เกาะสี่ เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ มีแหล่งน้ำจืด ชายหาดที่เกาะสี่จะมีสีขาวละเอียดเนียนสวยงามน่าสัมผัส น้ำทะเลใส บนเกาะสี่จะมีสัตว์ที่หาดูได้ยาก เช่น ปูไก่ ที่มีลำตัวเป็นสีแดงสด มีก้ามสีดำเหลือบน้ำเงิน เวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่ จะเห็นได้ในช่วงหัวค่ำที่มันออกหากิน นกชาปีไหน เป็นนกประจำถิ่นขนาดใหญ่ตระกูลเดียวกับนกพิราบป่า มีสีสันและลวดลายบนตัวที่งดงาม และ ปูเสฉวน ที่มีมากมายหลายขนาดทั้งเล็กและใหญ่

           นอกจากนั้นรอบ ๆ อุทยานฯ ยังมีบริเวณดำน้ำที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอีก ทั้งจุดดำน้ำลึก ได้แก่ เกาะตาชัย อยู่ทางตอนเหนือสุดของอุทยานฯ จะพบปลาสาก ปลาค้างคาว ปลากระเบนราหู ฉลามวาฬ เกาะบอน อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะสิมิลัน จะพบฉลามครีบขาว ปลากระเบนราหู ฉลามกบ กองหินคริสต์มาสพอยต์ จะพบปลาไหลริบบิ้นสีฟ้า กั้งตั๊กแตน กองหินแฟนตาซี อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะแปด เป็นจุดรวมของหินดอกไม้ ปะการัง กัลปังหา สัตว์น้ำหลากชนิด และจุดดำน้ำตื้น ได้แก่ อ่าวลึก อ่าวกวางเอง เป็นต้น นักท่องเที่ยวที่สนใจกิจกรรมดำน้ำสามารถติดต่อบริษัทดำน้ำในจังหวัดภูเก็ต และพังงา

           ทั้งนี้ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา โทร. 0 7659 5045, 0 7642 1365 ระหว่าง 08.00-17.00 น.

           นี่คือ "อุทยานแห่งชาติทางทะเล" ที่เรานำมาฝากกัน ใครพร้อมไปเก็บเกี่ยวความงามของท้องทะเล ก็เตรียมตัวเดินทางเลยค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รับลมร้อน ณ อุทยานแห่งชาติทางทะเล อัปเดตล่าสุด 16 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 14:16:08 1,261 อ่าน
TOP