มัลดีฟส์...เป็นเกาะที่อยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกด้วยน้ำทะเลใสราวกับคริสตัลและหาดทรายสีขาว นุ่ม ละเอียด น่าสัมผัส อีกทั้งแนวปะการังที่สมบูรณ์รอบ ๆ หมู่เกาะ รวมไปถึงสัตว์ทะเลสุดน่ารักใต้ท้องทะเลที่พร้อมมาเวียนว่ายไปกับนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือน ภายในหมู่เกาะมัลดีฟส์มีสนามบินส่วนตัว การเดินทางจึงสะดวกสบาย มีที่พักหลากหลายสไตล์ไว้รองรับคนที่หลงรักการติดเกาะ หากเหตุผลเท่านี้ยังไม่ดึงดูดใจคุณมากพอ ก็ต้องมาอ่านทั้ง 20 เหตุผลที่ Belinda Jackson ได้บอกไว้ในเว็บไซต์ stuff.co.nz ไปดูกันสิว่าเหตุผลเหล่านี้จะทำให้คุณปฏิเสธการเดินทางไปเยือนหมู่เกาะสวรรค์แห่งนี้กันอยู่อีกไหม
1. เส้นทางโดยสารที่งดงามแห่งหนึ่งของโลก
ปกติในเมืองต่าง ๆ มักจะมีแท็กซี่ไว้รองรับการเดินทางไปตามเส้นทางต่าง ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวได้ใช้บริการหรือเที่ยวชมอาคาร สถาปัตยกรรมในเมือง โดยเฉพาะนักเดินทางที่มักจะใช้บริการแท็กซี่ของสนามบินเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่อื่น ๆ แต่สำหรับหมู่เกาะมัลดีฟส์มันไม่เหมือนที่ไหนในโลกเลยล่ะ แท็กซี่ของที่นี่ก็คือเรือเฟอร์รี่สาธารณะ ที่จะวิ่งระหว่างเกาะ Hulhulé ไปยังเกาะหลัก ซึ่งเส้นทางของมันนั้นงดงามมากกว่าเส้นทางไหน ๆ ในโลกนี้ ด้วยมีน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวเทอร์คอยส์ตัดกับเส้นขอบฟ้าที่สดใส ห่างออกไปเป็นเรือยอร์ชสุดหรูลอยล่องอยู่บนผืนน้ำ แบบนี้จะไม่ร้องว้าวได้อย่างไร !
2. มั่งคั่งไปด้วยอาหารทะเล
ไม่ว่าจะด้านเหนือ ด้านใต้ ด้านตะวันออก หรือด้านตะวันตกของหมู่เกาะมัลดีฟส์ก็คือทะเลอันกว้างใหญ่ เพราะฉะนั้นที่นี่จึงเป็นแหล่งรวบรวมอาหารทะเลสดและราคาถูกอีกแห่งหนึ่งของโลก ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่บนเกาะมาเล (Male Island) ซึ่งตลาดแห่งนี้จะเป็นตลาดเปิด นักท่องเที่ยวสามารถชมการแล่เนื้อปลาทูน่าตัวใหญ่เบิ้มได้อย่างเปิดเผย ชาวประมงท้องถิ่นจะทำงานกันอย่างขะมักเขม้น โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกเหนียมอายต่อสายตาของนักท่องเที่ยวที่จ้องมองอยู่ เสียงของชาวบ้าน ตัวแทนจากรีสอร์ทต่าง ๆ และพ่อค้าแม่ค้า ถามไถ่ราคาปลาและอาหารทะเลกันอย่างคึกคัก เป็นบรรยากาศที่ครั้งหนึ่งคุณควรไปสัมผัส
ภาพจาก conradmaldivesrangali.com
3. ร้านอาหารใต้น้ำแห่งแรกของโลก
ร้านอาหารสุดแปลกแต่น่าประทับใจสุด ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ที่โรงแรม Conrad Maldives Rangali Island Resort ซึ่งมีชื่อว่า Ithaa เป็นร้านอาหารที่อยู่ใต้ท้องทะเลประมาณ 5 เมตร สร้างเป็นโดมแก้ว ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนที่มาหย่อนก้นนั่งลงทานอาหารในห้องอาหารแห่งนี้จะได้เห็นปลาตัวเล็ก สีสันสดใสแหวกว่ายไปมาในน้ำทะเลสีฟ้าใสระหว่างที่คุณทานอาหาร มีที่นั่งเพียงแค่ 14 ที่นั่งเท่านั้น พร้อมเสิร์ฟอาหารที่ทำจากปลาสดและไวน์ที่มีการเก็บไว้ในห้องใต้ดินของเกาะลึกไป 2 เมตร มันช่างเป็นมื้ออาหารที่วิเศษที่สุดที่ต้องไปลิ้มลอง
4. ร้านอาหารหรูหรา
บนหมู่เกาะมัลดีฟส์มีร้านอาหารมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของรีสอร์ทชั้นนำในมัลดีฟส์ เมื่อรีสอร์ทมีคุณภาพคับแน่นจอ แล้วร้านอาหารของโรงแรมจะน้อยหน้าได้อย่างไร โดยเฉพาะร้านอาหาร Ufaa บริหารจัดการโดย COMO ซึ่งอยู่บนเกาะ Cocoa เสิร์ฟอาหารระดับพรีเมี่ยมให้กับลูกค้า ใส่ใจในรายละเอียดและรสชาติของทุกจาน ถ้าอยากให้การท่องเที่ยวมัลดีฟส์สมบูรณ์แบบก็ต้องไม่พลาดที่จะไปทานอาหารกันที่นี่
5. อุทยานฉลาม
มันคงตื่นเต้นดีไม่น้อยถ้าจะได้แหวกว่ายในทะเลไปพร้อม ๆ กับสัตว์ตัวใหญ่อย่างฉลาม ซึ่งที่หมู่เกาะมัลดีฟส์กลายเป็นแหล่งอนุรักษ์ฉลามมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 ห้ามล่าปลาฉลามในเขตน่านน้ำนี้เด็ดขาด มันจึงคุ้มค่ามากสำหรับนักท่องเที่ยวที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมายังที่แห่งนี้ นอกจากจะได้ชมความงดงามของท้องทะเลใส หาดทรายขาวแล้ว ยังจะได้ดำน้ำดูปะการังและแหวกว่ายในทะเลอันกว้างใหญ่ไปพร้อม ๆ กับฉลามครีบเทาหรือฉลามวาฬอีกด้วย แต่ก็เช็กกันให้ดีสักหน่อยว่าเจ้าพ่อแห่งท้องทะเลนี้ มีสายพันธุ์ไหนที่เราไม่ควรเยี่ยงกายเข้าไปใกล้บ้าง
6. สถานที่ของภาพทะเลอันงดงามบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
เคยสงสัยกันไหมว่าภาพท้องทะเลอันสวยงามบนหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้น เหล่าช่างภาพเขาไปถ่ายมาจากที่ไหน บอกได้เลยว่า ส่วนใหญ่นั้นก็มาจากที่หมู่เกาะมัลดีฟส์นี่เอง ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ทสุดหรูกลางน้ำทะเลใส นางแบบสาวสวยนอนอาบแดดบนหาดทรายสีขาว เปลญวนที่แกว่งไกวอย่างเบาไหวริมชายหาด หรือแม้กระทั่งแก้วค็อกเทลอันเย็นฉ่ำกับบรรยากาศสุดโรแมนติก แล้วคุณอยากมีภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นรูปทะเลอันงดงามในมุมส่วนตัวบ้างไหม แล้วจะรอช้าอะไรอยู่ ไปหามุมที่ใช่ ภาพที่สวยเด็ดโดนใจที่หมู่เกาะมัลดีฟส์กันได้แล้ว
7. ได้นอนหลับอยู่บนทะเลที่งดงามแห่งหนึ่งของโลก
หมู่เกาะมัลดีฟส์มีมากถึง 1,200 เกาะ แต่มีเพียงไม่ถึง 300 เกาะเท่านั้นที่เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งล้วนเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทสุดหรู ที่ส่วนใหญ่จะสร้างให้ห้องพักของลูกค้ายื่นลงไปสู่ทะเลสีฟ้า นั่นจึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนมัลดีฟส์จะได้นอนหลับสบายอยู่กลางทะเลอย่างรื่นรมย์ ยิ่งไปกว่านั้นจากห้องพักยังสามารถกระโดดหรือหย่อนกายลงไปในท้องทะเลได้ทันที ได้ทักทายเจ้าปะการังและปลาทะเลตัวเล็กน่ารักอย่างฉับไว เมื่อเหนื่อยล้าก็แค่ขึ้นมานั่งพักผ่อน นอนอาบแดดที่ระเบียงหน้าห้องของตัวเอง หรือจะอาบน้ำนอนพักก็ช่างสะดวกสบายไปเสียหมด เป็นการพักผ่อนที่เพอร์เฟคท์สุด ๆ
8. มีสปาสุดหรูหรา
ไม่ว่ารีสอร์ทไหน ๆ ในหมู่เกาะมัลดีฟส์ มักจะมีบริการนวดสปาไว้รองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละสปานั้นต้องบอกว่าเลิศ หรู อลังการมาก ๆ นักเทอราปิสแต่ละคนก็มีความเชี่ยวชาญ ใช้ศาสตร์การนวดที่เป็นเอกลักษณ์ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์อย่างดีเพื่อการนวด พร้อมกับบรรยากาศแห่งท้องทะเลที่สวยงามเพริศพรายอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งมีหลายโรงแรมที่มีรางวัลการันตีถึงการเป็นสปาชั้นนำ ถ้าอยากรู้ว่าสปาดี ๆ ของโลกเป็นแบบไหน ก็บินไปมัลดีฟส์กันได้เลย
9. แหล่งช้อปปิ้งเครื่องเทศ
ด้วยความที่หมู่เกาะมัลดีฟส์ยังมีคนท้องถิ่นอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก นั่นจึงทำให้อาหารการกินแบบดั้งเดิมยังคงอยู่กับมัลดีฟส์ ส่วนประกอบที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ในอาหารพื้นเมือง ก็คือ เครื่องเทศ ที่เกาะมาเลจึงมีตลาดสำหรับซื้อขายเครื่องเทศที่ดีมาก ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดปลา พริกหรือเครื่องเทศต่าง ๆ ตั้งหน้าตั้งรอคอยคุณอยู่ที่นั่นแล้ว แนะนำว่าให้ซื้อเครื่องเทศพื้นเมืองที่ผสมกันเพื่อนำไปปรุงอาหารท้องถิ่น รวมไปถึงมะละกอสุก กล้วยพันธุ์พื้นเมือง มะพร้าว น้ำตาลมะพร้าวที่อยู่ในใบไม้แห้ง ซึ่งตลาดแห่งนี้จะทำคุณรู้สึกเพลิดเพลินจนเวลาผ่านเลยไปแบบไม่รู้ตัว
10. ศูนย์กลางแห่งโรงแรมและรีสอร์ทสุดหรูหรา
ตั้งแต่มีการเปิดให้หมู่เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ก็มีโรงแรมและรีสอร์ทระดับโลกมาทำการปลูกสร้างทำกิจการกันมากมาย จะพูดง่าย ๆ ก็คือรีสอร์ทที่จะสามารถมาตั้งได้ในหมู่เกาะมัลดีฟส์นั้นจะต้องเป็นรีสอร์ทและโรงแรมที่มีคุณภาพ หรูหราติดอันดับโลก เช่น Maalifushi by COMO, Club Med, Atmosphere Kanifushi, Cheval Blanc Randheli, Moet เป็นต้น แค่ได้ยินชื่อของโรงแรมเหล่านี้ก็ต้องมานั่งดีดเครื่องคิดเลขเกี่ยวกับราคากันแบบรัว ๆ แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่เราจะได้รับมันคุ้มค่ามาก ๆ
11. เป็นแหล่งดำน้ำตื้นชั้นเลิศของโลก
หมู่เกาะมัลดีฟส์มีจุดดำน้ำที่งดงามมากกว่าร้อยจุด กระจายตัวอยู่โดยรอบของหมู่เกาะ หรือแม้กระทั่งบริเวณที่ใกล้กับที่พักก็ยังสามารถที่จะดำน้ำชื่นชมความงดงามของโลกใต้ท้องทะเลได้ด้วยเช่นกัน ในใต้ผืนน้ำแห่งท้องทะเลมัลดีฟส์จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจด้วยสีสันของปะการังหลากสีและสัตว์น้ำมากมายหลายชนิด เช่น เต่าทะเล, ปลาไหลทะเล, ปลากระเบน, ฉลาม, วาฬ, ปลานกแก้ว, ปลาสิงโต เป็นต้น ซึ่งไม่ต้องพกอุปกรณ์ดำน้ำไปให้ยุ่งยาก เพราะทุกรีสอร์ทมีบริการให้เช่าอุปกรณ์หรือบางแห่งนั้นมีบริการฟรี ใครที่หลงรักโลกใต้ท้องทะเล ควรจะไปสัมผัสกับทะเลมัลดีฟส์สักครั้ง เชื่อเถอะว่าคุณจะไม่มีวันลืมทะเลแห่งนี้แน่นอน
12. ที่พักสำหรับคนมีเงินน้อย
สำหรับใครที่มีงบน้อยแต่อยากไปเยือนเกาะสวรรค์แห่งนี้ นี่คงจะเป็นข่าวดีที่ภายในปี ค.ศ. 2017 จะมีการสร้างที่พักของคนท้องถิ่นขึ้นมาบนเกาะแห่งหนึ่งในหมู่เกาะมัลดีฟส์ ซึ่งทางรัฐบาลท้องถิ่นเพิ่งได้เปิดตัวโครงการนี้ มีเกสเฮ้าส์มากกว่า 2,100 แห่ง ซึ่งราคานั้นจะต้องถูกกว่าโรงแรมและรีสอร์ทอื่น ๆ อย่างแน่นอน เป็นการสร้างฝันให้กับนักเดินทางที่มีปัจจัยน้อยนิด เริ่มเก็บเงินกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อพิชิตเกาะสวรรค์แห่งนี้ได้เลย
13. เล่นกระดานโต้คลื่นได้มันสุดเหวี่ยง
ในช่วงที่มีกระแสลมแรงจะทำให้คลื่นขึ้นสูง ซึ่งเหมาะแก่การเล่นกระดานโต้คลื่นอย่างมาก ในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการจัดงาน 2014 Asian Surfing Championships ขึ้นที่บริเวณใกล้กับโรงแรมโฟร์ ซีซั่น (Four Seasons) และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน ใกล้กับ Adaaran Hudhuran Fushi Resort ซึ่งช่วงที่เหมาะที่สุดที่จะมาเล่นกระดานโต้คลื่นที่มัลดีฟส์ คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่รีสอร์ทที่ตนเองเข้าพัก
14. จุดดำน้ำลึกที่สวยงาม
ในท้องทะเลแห่งนี้มีปลามากกว่า 1,000 สายพันธุ์ จึงเหมาะมากสำหรับการดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น ซึ่งช่วงที่เหมาะสำหรับการดำน้ำจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคมจนถึงเดือนเมษายน เพราะคลื่นลมสงบ น้ำนิ่งและใส สามารถมองเห็นลงไปในน้ำได้มากถึง 30 เมตร การดำน้ำลึกจะทำให้คุณได้พบกับความมหัศจรรย์ของโลกใต้ทะเลอย่างแท้จริง เพราะมีทั้งปะการังน้ำลึกอันสวยงาม ปลาที่อยู่ในทะเลลึก ถ้ำใต้น้ำ สาหร่ายทะเลหลากหลายสายพันธุ์ ความมหัศจรรย์ของมันจะทำให้คุณแทบไม่อยากขึ้นมาจากน้ำเลยทีเดียว
ไม่ว่าไปท่องเที่ยวที่ไหน นักเดินทางทั้งหลายมักจะชอบลิ้มลองกับอาหารพื้นเมือง ที่หมู่เกาะมัลดีฟส์ก็เช่นกัน คุณไม่ควรพลาดการทานอาหารพื้นเมือง ด้วยปลาทะเลสดปรุงรสอย่างพิถีพิถันเข้ากับเครื่องเทศท้องถิ่น จนกลายเป็นอาหารรสชาติเลิศหรู ที่หาทานได้เพียงที่นี่ที่เดียว อีกทั้งเครื่องดื่มเย็น ๆ อย่างน้ำมะพร้าวหอมหวาน ที่จะทำให้คุณผ่อนคลายได้เช่นกัน
16. ตกปลาได้ ไม่ผิดกฎหมาย
ใช่แล้ว ! ที่หมู่เกาะมัลดีฟส์เราสามารถตกปลาได้ แต่ต้องเป็นการเป็นใช้คันเบ็ดตกปลาเท่านั้น ห้ามทอดแหหรือวางตาข่าย ซึ่งมีบางรีสอร์ทเท่านั้นที่จะมีอุปกรณ์การตกปลาไว้บริการ ไม่ว่าจะพักที่รีสอร์ทไหนหรือโรงแรมใด หากอยากทำกิจกรรมตกปลา ก็ต้องสอบถามทางรีสอร์ทก่อนว่ามีอุปกรณ์เหล่านี้ไว้บริการหรือไม่ หากไม่มีที่มัลดีฟส์ก็มีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ได้เลือกทำอีกมากมาย
17. ชมโลมาแสนน่ารัก
สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของมัลดีฟส์อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ สามารถพบเห็นโลมาได้อย่างง่ายดาย พวกมันมักจะมาว่ายวนและพ่นน้ำให้นักท่องเที่ยวได้อมยิ้มกันอยู่เรื่อย ๆ บางครั้งก็สามารถมองเห็นพวกมันขึ้นไปหมุนตัวอยู่กลางอากาศหน้าบ้านพักของคุณเอง และมันก็ยังชอบว่ายน้ำตามเรือที่คุณโดยสารอีกด้วย ความน่ารักของพวกมันจะทำให้คุณแทบอยากจะกระโดดลงไปว่ายน้ำกับพวกมันเลยทีเดียว
18. มัลดีฟส์มีสไตล์เป็นของตัวเอง
มัลดีฟส์เป็นดินแดนที่สร้างสไตล์การพักผ่อนเขตร้อนเป็นของตัวเองได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่อยู่ในผืนทราย ล็อบบี้ที่เปิดโล่ง บ้านพักหลังคามุงจากกลางทะเลสีฟ้าใส การมีพัดลมอยู่บนเพดานเตียงนอนแบบเสาสี่ด้าน พระอาทิตย์ดวงกลมโตสีแดง ชิ้นมะนาวฝานที่อยู่บนแก้วค็อกเทล ฯลฯ เป็นความโรแมนติกที่จะหาได้ที่มัลดีฟส์เท่านั้น
19. แหล่งสัตว์ทะเลที่อุดมสมบูรณ์
ไม่ว่าคุณจะมองหาสัตว์ทะเลชนิดไหนก็ตามแต่ คุณจะพบเจอมันได้ง่ายๆ ที่นี่ โดยเฉพาะปลากระเบน นกอินทรีย์ทะเล เต่าทะเล โลมา ฉลาม ฉลามวาฬ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้มีการอนุรักษ์ดูแลรักษาด้วยกฎหมายอย่างเข้มงวด จึงทำให้พวกมันมาอาศัยรวมกันอยู่ในท้องทะเลมัลดีฟส์
20. เรียนรู้ภาษาท้องถิ่นได้ง่าย
ภาษาท้องถิ่นในมัลดีฟส์มีการผสมผสานระหว่างอารบิค อักษรอูรดู และศรีลังกา จึงทำให้การออกเสียงนั้นไม่ยากจนเกินไปนัก เช่น คำว่า \'fushi\' หมายถึง เกาะ และ Hingadhaan หมายถึง ไปกันเลย !
ไม่ว่าทั้ง 20 เหตุผลนี้จะดึงดูดใจให้คุณอยากออกไปสัมผัสมัลดีฟส์มากแค่ไหน แต่จงเริ่มก้าวออกเดินทางตั้งแต่วันนี้กันดีกว่า เรื่องงบประมาณอาจจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะปัจจุบัน มีการเดินทาง ที่พักหลากหลายรูปแบบให้ได้เลือก เพียงแค่วางแผนและหาข้อมูลให้มาก ๆ เท่านี้ความฝันที่จะได้ไปแตะขอบฟ้าก็ง่ายและใกล้ขึ้น อย่ารอจนไม่มีแรงเหลือเสียก่อนนะคะ