x close

เส้นทางทะเลหมอก เที่ยวทะลุเมฆ ณ เขาค้อ-ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์

          เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ ชมความงดงามของทะเลหมอก พร้อมไกด์ไลน์สถานที่ท่องเที่ยวเขาค้อและภูทับเบิกที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกสวย ๆ ได้สุดสายตา

          เพราะความงามของธรรมชาติช่วยสร้างแรงบันดาลใจและกำลังใจให้กับผู้พบเห็นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นวิวของภูเขา ทะเล น้ำตก หรือทะเลหมอกสวย ๆ เฉกเช่นเดียวกับ คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มักจะเติมแรงบันดาลใจให้ตัวเองด้วยการออกไปดื่มด่ำทัศนียภาพของทะเลหมอกขาวโพลนกว้างไกลสุดสายตา ณ "เขาค้อ" และ "ภูทับเบิก" ที่ที่มีความทรงจำดี ๆ เกิดขึ้นมากมาย และวันนี้เราก็ได้หยิบเอาอีกหนึ่งบันทึกการเดินทางของ คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กับเส้นทางทะเลหมอก...เที่ยวทะลุเมฆ...เขาค้อ-ภูทับเบิก @ เพชรบูรณ์ พร้อมไกด์ไลน์ท่องเที่ยวมาฝากกันเช่นเคยค่ะ ใครชื่นชอบการเล่าเรื่องสนุก ๆ และภาพถ่ายสวย ๆ ก็ตามไปชมกันเลย
 

+++++++++++++++++

 

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ถ้าให้นึกถึงสถานที่ที่มีภูเขาสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ มีวิวทะเลหมอกให้ได้ดู ผมก็มักจะนึกถึงจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นที่แรกเสมอ ภูเขาสวย ๆ หาได้จากที่นี่ บรรยากาศดี ๆ ก็อยู่ที่นั่น แถมมีทะเลหมอกให้ได้ลุ้นในทุก ๆ วัน พอคิดถึงตอนที่ได้ไปเพชรบูรณ์ครั้งแรกในตอนนั้น ผ่านมาถึงตอนนี้ ก็ 4 ปีพอดิบพอดี กับเส้นทางการท่องเที่ยวบนถนนสายนี้กว่า 30 ครั้ง และนั่นก็คือที่มาของความลับและทั้งหมดในรีวิวฉบับนี้

          สำหรับรีวิวฉบับนี้จะทำให้คนที่ได้อ่านเข้าใจว่าทำไมถึงต้องใช้ชื่อรีวิวฉบับนี้ว่า...เส้นทางทะเลหมอก ขับรถทะลุเมฆ...ด้วยมุมมองและบรรยากาศในแบบที่เราคุ้นเคย แต่ก็ไม่เคยได้รู้จักมันจริง ๆ กับความลับของเส้นทางท่องเที่ยวบนถนนสายนี้ ความลับที่ซ่อนอยู่ในทุก ๆ ช่วงเวลาของฤดูกาลที่แตกต่างกัน รวมทั้งเรื่องเล่าภาพ ที่จะมาตอบคำถามว่าทำอย่างไรให้เจอทะเลหมอกเหมือนกับภาพเล่าเรื่องในรีวิวฉบับนี้

          ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดพิษณุโลก ที่ทำให้ภาพเล่าเรื่องและเรื่องเล่าภาพ ซึ่งอยู่ในความทรงจำของผม ได้มามีโอกาสโลดแล่นใหม่อีกครั้งในรีวิวฉบับนี้ และคู่มือฉบับนั้น พร้อม ๆ กับการได้มีโอกาสบอกเล่าถึงความทรงจำ ได้มีโอกาสแบ่งปันเรื่องราวในมุมมองของนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ที่หลงรักเส้นทางท่องเที่ยวสายนี้เสมอมา

          >> อีกหนึ่งพื้นที่ของคนรักภูเขา และรักสายหมอกในแบบฉบับของผม

          >> อัพเดทเขาค้อ + ภูทับเบิกรายวัน >>> ชมรมคนรักเขาค้อ – ภูทับเบิก

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          เขาค้อ เป็นชื่อเรียกรวมของกลุ่มภูเขาน้อยใหญ่ ที่ทอดตัวเรียงรายสลับกันในภาคเหนือตอนล่าง เป็นที่ตั้งของอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่บนภูเขา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เนื่องจากมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แม้แต่ในฤดูร้อนอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีเพียง 18-25 องศาเซลเซียสเท่านั้น จุดเด่นของที่นี่สำหรับผมคงเป็นทะเลหมอก ที่ทำให้การท่องเที่ยวบนถนนสายนี้แตกต่าง และมีความพิเศษในแบบที่หลายคนนึกไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นทะเลหมอกในฤดูฝน ฤดูหนาว หรือแม้กระทั่งในฤดูร้อนก็ตาม

          ภูทับเบิก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสำรวจท่องเที่ยวได้ไม่นานนัก แต่ก็สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่ไปเยือนได้เป็นอย่างมาก จนกลาย 1 ใน UNSEEN THAILAND ที่คุณไม่ควรพลาดการไปเยือน ด้วยระดับความสูง 1,768 จากระดับน้ำทะเลปานกลาง อุณหภูมิที่หนาวเย็นทั้งปีบนยอดภู และไร่กะหล่ำปลีที่กว้างใหญ่สุดลูกตา กับวิวทะเลหมอกที่ดูยิ่งใหญ่ในแบบที่คาดไม่ถึง

          โดยรีวิวฉบับนี้จะเน้นถึงจุดชมวิวทะเลหมอกมากมายที่อยู่บนเส้นทางสายนี้/ภาพรวมของที่พัก/ความลับของทะเลหมอก 3 ฤดู/หลักการตามหาทะเลหมอก และไกด์ไลน์ท่องเที่ยวบนถนนสายนี้ ผ่านประสบการณ์ในการเดินทางของผม Chanomworld*

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          มาเริ่มต้นกันที่จุดชมวิวที่ 1 ก่อนเลย "เขาตะเคียนโง๊ะ"

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          จุดชมวิวทะเลหมอกเขาตะเคียนโง๊ะ ตั้งอยู่ริมถนน 2258 ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ เป็นอีก 1 จุดชมวิวบนเขาค้อ ที่อยู่ห่างจากจุดชมวิวหลักเขาค้อเพียงแค่ 16 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ขับรถไปราว ๆ 20-30 นาทีก็ถึง ถ้าเริ่มต้นจากจุดชมวิวเขาค้อให้ขับรถลงไปทางใต้ หรือเส้นทางที่มุ่งหน้าไปพระตำหนักเขาค้อ ตรงลงมาเรื่อย ๆ ตามถนน 2196 จะเจอสี่แยกใหญ่ที่เรียกว่าสี่แยกรื่นฤดี ถ้าเลี้ยวซ้ายคือไปตัวเมืองเพชรบูรณ์ ถ้าเลี้ยวขวาจะไปทุ่งแสลงหลวงให้เราเลี้ยวขวาตรงไปทางทุ่งแสลงหลวง ราว ๆ 8 กิโลเมตรเท่านั้นเอง

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ในวันที่มีทะเลหมอก เราจะได้เห็นทะเลหมอก 2 ข้างทางบนถนนที่มุ่งหน้าไปยังเขาตะเคียนโง๊ะ มาร์คจุดเขาตะเคียนโง๊ะกันดีกว่า จะมีทางโค้ง เห็นเนินเขาสูง ๆ และตรงนั้นก็จะมีทางกำลังซ่อมแซมอยู่ ไม่อย่างนั้นก็จับไมล์รถนะครับ จะได้ไม่เลยไปไกล

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ในวันที่จุดชมวิวเขาค้อมีทะเลหมอก เขาตะเคียนโง๊ะก็จะมีทะเลหมอกเช่นกัน แต่ในวันที่เขาค้อไร้ทะเลหมอกหรือทะเลหมอกฟุ้ง เขาตะเคียนโง๊ะก็ยังมีลุ้นการเกิดทะเลหมอกได้ 50%  ทริคเบา ๆ เราสามารถไปชมวิวทะเลหมอกที่นี่ เพราะตะวันตอนเช้าขึ้นสวยมาก ๆ คำนวณเวลาชมวิว แล้วรีบขับรถกลับไปชมวิวหลักที่เขาค้อก็ได้ แต่ถ้าให้ดีชมวิวที่นี่ไปเต็มที่เลยครับ เพราะว่า วิวทะเลหมอก 360 องศา สวยและแปลกตาในแบบที่เราต้องคิดว่าทำไมเพิ่งรู้จักที่นี่

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          เรื่องที่พักจุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะตั้งอยู่ตำบลหนองแม่นา มีที่พักอยู่รอบโซนนี้พอสมควร และเป็นที่พักที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกในมุมต่าง ๆ ที่เราได้มองเห็นบนยอดเขาตะเคียนโง๊ะได้เช่นกัน จะบอกว่าวิวจากที่พักสวยไม่แพ้ที่เขาค้อเลย

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          มาต่อกันที่จุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 2 กันเลย "จุดชมวิว ณ วัดกองเนียม"

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          จุดชมวิวทะเลหมอก ณ วัดกองเนียม เป็นทะเลหมอกที่ผมได้เห็นโดยบังเอิญ จะบอกว่าเป็นทะเลหมอกแห่งความรักก็ใช่ เพราะมันเกิดขึ้นในวันที่ผมได้พาคุณแม่ไปเที่ยวเขาค้อในช่วงวันแม่ของปีก่อน

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          และนั่นก็เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในแบบที่ใครมาเที่ยวเขาค้อต้องไม่พลาด กับวิวทะเลหมอกยามเช้าที่มาพร้อมกับแสงสีเหลืองทองของวันใหม่ โดยเฉพาะช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีทะเลหมอกให้ชมได้บ่อย ๆ เป็นทะเลหมอกแบบแน่น ๆ ฟู ๆ 

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          แต่ถ้ามาช่วงหน้าหนาวหรือช่วงหน้าร้อน ก็จะมีทะเลหมอกที่ไม่ฟูเหมือนตอนหน้าฝน

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          จุดชมวิวนี้อยู่ในพื้นที่ของวัดกองเนียม ตั้งอยู่ริมถนนสาย 2196 อยู่ใกล้ ๆ กับหอสมุดนานาชาติเขาค้อ หรืออยู่เยื้อง ๆ กับทางขึ้นอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          มาต่อที่จุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 3 กัน "ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ)"

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ) อยู่เลยกิโลเมตรที่ 28 ทางหลวงหมายเลข 2196 (ไปเล็กน้อย แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2323 ไปประมาณ 3 กิโลเมตร) เป็นจุดหนึ่งที่สามารถมองเห็นวิวทะเลหมอกของเขาค้อได้สวยอีกที่หนึ่ง และนอกจากวิวทะเลหมอกให้ได้เห็นแล้ว ที่นี่ยังเคยเป็นฐานสำคัญทางยุทธศาสตร์ในอดีต ปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธ จัดแสดงปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่ใช้สู้รบกันบนเขาค้อ มีห้องบรรยายสรุปแก่ผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          มาต่อที่จุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 4 กัน "อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ"

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ อยู่บนยอดเขาสูงสุดของเขาค้อ อยู่เลยฐานอิทธิ ไปอีก 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของพลเรือน ทหาร ตำรวจ ทหาร ผู้พลีชีพในการสู้รบเพื่อปกป้องพื้นที่ในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511-2525 จุดนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเขาค้อมุมสูง และในวันที่ทะเลหมอกเดินทางมาถึงเราก็จะได้เห็นมุมใหม่ของทะเลหมอกที่เขาค้อได้เช่นกัน

          มาต่อที่จุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 5 "จุดชมวิวกลางเขาค้อ"

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          จุดชมวิวทะเลหมอก เขาค้อริมถนน 2196 >> เป็นจุดชมวิวหลักของเขาค้อ ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวริมถนนที่อยู่ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอเขาค้อ หรือจะเป็นที่ไปรษณีย์เขาค้อ หรือจะเป็นที่พักรีสอร์ทต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่เหนืออ่างเก็บน้ำรัตนัย เป็นเส้นทางชมทะเลหมอกระยะทาง 3-5 กิโลเมตร ลากยาวไปถึงสามแยกที่เลี้ยวลงไปอ่างเก็บน้ำรัตนัย ที่พักส่วนใหญ่จะออกแบบให้เราสามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ได้จากระเบียงบ้านหรือห้องนอนได้เลย 

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ตรงนี้จะเป็นด้านหลังของไปรษณีย์เขาค้อ

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          มาต่อที่จุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 6 "ทิวสนบ้านเพชรดำ"

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          จากเขาค้อเรามุ่งหน้าไปอีกเส้นทางอันซีน วิวภูเขาที่สวยไม่แพ้ที่ไหน นั่นก็คือจุดชมวิวมุมสูงบ้านเพชรดำ  หากมาจากเขาค้อก็อยู่ก่อนถึงสามแยกทุ่งสมอราว ๆ 2-3 กิโลเมตร แต่ถ้ามาจากแคมป์สนก็เลยสามแยกทุ่งสมอไป 2-3 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางเข้าบ้านเพชรดำตั้งอยู่ ทางขึ้นเป็นเนินเขาไม่ชันมากเป็นถนนลาดยางตลอดสาย วิ่งไปตามถนนคดเคี้ยวก็จะเจอจุดชมวิวทิวสนที่มองเห็นตะวันยามเช้าที่มาพร้อมกับหมอกขาวชวนฝันแบบนี้

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          มาต่อที่จุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 7 "วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว"

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          นอกจากจะเป็นวัดที่มีความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรมท่ามกลางขุนเขาแล้ว มุมสูงที่มองเห็นจากที่นี่ยังสามารถชมวิวทะเลหมอกได้สวยไม่แพ้ที่ไหนของเขาค้อ และเมื่อไหร่ก็ตามที่ทะเลหมอกในยามเช้าผุดขึ้นตามหุบเขารอบบริเวณวัด จะให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนสรวงสวรรค์เลยทีเดียว โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้เห็นทะเลหมอกของที่นี่ คือช่วงเวลาเช้า ๆ ในฤดูฝนนั่นเอง และถ้าวันไหนเราโชคดีมาก ๆ เราอาจจะได้เห็นทะเลหมอกหลังจากฝนตกในช่วงเย็น ๆ ของวันนั้นก็ได้ ส่วนหน้าหนาวโอกาสเจอทะเลหมอกโซนนี้จะน้อยมาก

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          มาต่อที่จุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 8  "จุดชมวิวทะเลหมอกริมทางหลวงหมายเลข 12"

          เป็นอีกหนึ่งเส้นทางชมวิวขุนเขาและทะเลหมอกริมทางหลวงหมายเลข 12 จากจุดเริ่มต้นระหว่างรอยต่อของจังหวัดพิษณุโลก-เพชรบูรณ์ จนมาถึงแคมป์สนแยกเขาค้อ ไล่ไปจนถึงทางลงเขามุ่งหน้าสู่อำเภอหล่มสัก จะเห็นวิวเทือกเขาที่สวยที่สุดอีกสายหนึ่งของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ตลอดทางเส้นนี้สามารถมองเห็นวิวทะเลหมอกแบบสวยงามในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะช่วงปลายฝนที่ฝนตกเยอะ ๆ มักจะมีทะเลหมอกยามเช้าให้ตื่นเต้นได้เสมอ หลาย ๆ คนอาจคิดว่าที่นี่คือทางผ่าน แต่สำหรับผมมันคืออีกหนึ่งปลายทางสำคัญไม่ว่าจะเป็นจุดพักชมวิวระหว่างทาง จุดพักรถ หรือจะเป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมถนนสายนี้  

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกริมทางหลวงหมายเลข 12

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          หรือจะเป็นที่พักริมทาง มุมกาแฟเบา ๆ ที่ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 12

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          มาต่อที่จุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 9  "จุดชมวิวทะเลหมอกจากบ้านพัก/รีสอร์ท"

          ที่พักเขาค้อ  >> มีหลายแบบหลายสไตล์ให้ได้เลือก ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบแบบไหน งบประมาณเท่าไร สำหรับผมการได้มาพักที่เขาค้อ คือการได้มาพักผ่อนและใช้เวลาสบาย ๆ ในสไตล์บ้านพักที่มีระเบียงบ้าน ตื่นเช้ามาก็รอดูทะเลหมอกได้จากห้องนอนแบบไม่ต้องไปไหนไกล แต่ถ้าใครที่ชอบการนอนกางเต็นท์ ก็สามารถกางเต็นท์ได้หลายจุด เช่นด้านหลังของไปรษณีย์เขาค้อหรือตามรีสอร์ทต่าง ๆ ก็ได้ หากมาช่วงหน้าฝนจะสามารถมาเลือกที่พักในวันเข้าพักเลยก็ได้ แต่ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวแนะนำให้จองล่วงหน้า โดยเฉลี่ยราคาในหน้าฝนก็มีตั้งแต่ 1,000-1,500 บาท ส่วนช่วงฤดูหนาวก็เพิ่มขึ้นไปอีก 1 เท่าตัวโดยประมาณ

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          บายเมือง ณ เขาค้อ

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          แทนรักทะเลหมอก

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          เขาค้อทะเลหมอกรีสอร์ท

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ร่มการะเวก

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          เขาค้อสวิส

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ภูชิดหมอกรีสอร์ท

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          เขาค้อฟ้าใสหมอกสวย รีสอร์ท

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ภูอาบหมอกรีสอร์ท

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          สีหมอกรีสอร์ท

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          เขาค้อ @ โฮม และหมอกบุรี รีสอร์ท

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ค้อคีรินรีสอร์ท <โซนแคมป์สน>

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          จุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 10 "ภูทับเบิก"

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          เวลามาเที่ยวเขาค้อแล้วก็ไม่ควรพลาดภูทับเบิก เพราะอยู่ไม่ไกลกัน ห่างกันราว ๆ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางก็ราว ๆ 1.5-2 ชั่วโมง นอกจากทุ่งกะหล่ำปลีสีเขียวที่มองเห็นตลอดทั้งหุบเขาแล้ว อากาศด้านบนนี้ก็เย็นสบายมาก ในฤดูหนาวก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนที่ชอบอากาศที่หนาวเย็นจัด ฟ้าใส ๆ มีทุ่งกะหล่ำปลี มีสวนดอกไม้เมืองหนาวให้ได้ชม บรรยากาศแสนจะโรแมนติก ส่วนหน้าฝนจะเป็นบรรยากาศของเมฆลอยต่ำ ๆ ลอยไปลอยมา เหมือนอยู่ท่ามกลางสายหมอก แถมยังมีทะเลหมอกหน้าฝนให้ได้ลุ้นกันตลอดทั้งวัน

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          มันเป็นเช้าในช่วงฤดูฝนที่รู้สึกได้เลยว่าภูทับเบิกเหมือนสวรรค์ มันสนุกมากตอนที่ได้เห็นทะเลหมอก มันเป็นมุมมองที่อลังการแบบที่ใครหลาย ๆ คนนึกไม่ถึง ผมยังจำได้ดีเลยกับภาพของผมที่วิ่งไปตรงนั้นที วิ่งไปตรงนี้ที เพื่อดูทะเลหมอกหลาย ๆ จุด แล้วก็เก็บภาพบรรยากาศที่สวยที่สุดในตอนนั้นกลับบ้านมา !!!!  

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          และถ้าถามว่าช่วงไหนสวยที่สุด คำตอบของคนที่รักทะเลหมอกแบบผมก็คงเป็นฤดูฝนเท่านั้น คุณจะได้เห็นภูเขาสีเขียว ๆ กะหล่ำปลีเต็มทุ่งไปหมด แล้วก็ลุ้นทะเลหมอกได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นเช้า สาย บ่าย หรือตอนเย็น ๆ จนหลายคนรู้สึกว่าที่นี่คือสวรรค์ของคนที่รักทะเลหมอก 

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          เรื่องอากาศนี่ไม่ต้องพูดถึง เย็นสบาย หนาวแบบไม่ต้องเปิดพัดลม เป็นอีกหนึ่งคืนที่รู้สึกนอนหลับสบาย แล้วเช้าที่ดีที่สุดก็ผ่านมาถึง กับทุก ๆ อย่างที่ไม่มีคำบรรยายไปมากกว่าความทรงจำที่ดีที่สุดในช่วงฤดูฝนของที่นี่ < หากใครต้องการไปดูกะหล่ำปลียักษ์ที่ภูทับเบิกแบบเต็มภูเขา ควรจะไปช่วงเดือนกรกฎาคมและพฤศจิกายน >

เขาค้อ-ภูทับเบิก


          มาถึงจุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 11 "ภูแผงม้า"

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ภูแผงม้าคือจุดชมวิวที่อยู่บนพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ถ้าเดินทางมาจากภูทับเบิกเข้ามาทางภูหินร่องกล้า จะอยู่ห่างจากป้อมตรวจ 300 เมตร และต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 300 เมตร ภูแผงม้าเป็นจุดชมวิวที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,775 เมตร จากจุดนี้จะมองเห็นหมู่บ้านน้ำเพียงดิน มองเห็นมุมกว้างของภูทับเบิก มองเห็นอำเภอหล่มเก่า มองเห็นเส้นทางคดเคี้ยวของถนนที่เราขับรถขึ้นมากัน

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          จุดชมวิวภูแผงม้าแห่งนี้เหมาะที่จะเป็นจุดชมวิว พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก และช่วงเวลาที่สวยที่สุดในการดูทะเลหมอกก็อยู่ในช่วงฤดูฝน เหมือนกับภูทับเบิก แต่จริง ๆ แล้วก็สามารถมาชมวิวได้ตลอดทั้งปี

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          มาถึงจุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 12 "ที่พักภูทับเบิก"

          นอกจากจะมีลานกางเต็นท์ที่ให้บริการโดยวิสาหกิจชุมชนภูทับเบิกแล้ว ยังมีส่วนของพื้นที่เอกชน เป็นที่พักสไตล์โฮมสเตย์ หรือรีสอร์ทมากมาย  ซึ่งแต่ละที่ก็มีทำเลที่ตั้งที่ออกแบบให้มองเห็นวิวทะเลหมอกกันทั้งนั้น  อยู่ที่ว่าจะมองเห็นทะเลหมอกมุมมองไหนเท่านั้นเอง ในช่วงฤดูฝนนักท่องเที่ยวมีน้อย เราสามารถไปดูที่พักแล้วค่อยตัดสินใจเลือกที่พักในวันนั้นได้เลย  แต่ถ้าเป็นช่วงวันหยุดยาว โดยเฉพาะช่วงปลายฝน กับช่วงไฮซีซัน แนะนำให้ทำการจองที่พักไว้ก่อนจะดีที่สุด  ราคาที่พักถ้าช่วงฤดูฝนก็มีตั้งแต่ 500 -1500 บาท แต่ถ้าช่วงฤดูหนาว ราคาจะขยับเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          มาถึงจุดชมวิวทะเลหมอกจุดที่ 13 "อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า"

          มาถึงภูทับเบิกแล้วจะไม่พูดถึงอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าก็เหมือนไม่ครบ ใช้เวลาในการเดินทางไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงแล้ว และจุดที่สามารถชมทะเลหมอกได้สวย คือ ลานหินปุ่มและผาชูธง ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า  โดย “ลานหินปุ่ม” อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมหน้าผา ลักษณะเป็นลานหินซึ่งมีหินผุดขึ้นมาเป็นปุ่ม เป็นปม ขนาดไล่เลี่ยกัน คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหิน ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นคนไข้ของโรงพยาบาล เนื่องจากอยู่บนหน้าผา มีลมพัดเย็นสบาย  ส่วน “ผาชูธง” อยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500 เมตร เป็นหน้าผาสูงชัน สามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล จะสวยงามมากในยามพระอาทิตย์ตกดิน

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          และถ้ามาเที่ยวช่วงหนาวแบบนี้ ระหว่างปลายธันวาคม-มกราคม ต้องไม่พลาดที่นี่ "ภูลมโล"

          ภูลมโล ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า บนรอยต่อของ 3 จังหวัด คือ เลย เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ซึ่งภูลมโลได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งมากที่สุดในเมืองไทย ณ ปัจจุบันเป็นจำนวนกว่าแสนต้น ในพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถนำเที่ยวที่ทางพื้นที่ได้จัดเตรียมไว้ให้

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ถามว่าความลับของเส้นทางทะเลหมอก . . . เที่ยวทะลุเมฆ . . . มีไหม? คำตอบคือมีแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นความลับของฤดูร้อน ความลับของฤดูฝน หรือความลับในฤดูหนาว

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ความลับของฤดูร้อน
         
          >> มันเป็นความเชื่อที่บอกว่าฤดูร้อนไม่น่าจะมีทะเลหมอก อากาศทั้งร้อนทั้งอบอ้าว ฝนไม่ตก หมอกมันจะมาจากไหน ? ผมเลยใช้เวลาของฤดูร้อนในการพักผ่อนอยู่ที่ไหนสักที่บนเส้นทางของขุนเขา ที่ไม่ต้องลุ้นทะเลหมอก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ในปีต่อ ๆ มา ผมได้ลองไปลุ้นทะเลหมอกในช่วงเวลาฤดูร้อนมากขึ้น และผมก็เลือกจุดชมวิวทะเลหมอกที่เขาค้อ และมันก็ไม่พลาดจริง ๆ ปี 2557 ผมได้เห็นทะเลหมอกในเดือนมีนาคม เมษายน และไล่ไปจนถึงพฤษภาคม มันเหลือเชื่อมาก ๆ ที่ผมสามารถเจอทะเลหมอก 3 เดือนติดต่อกันในช่วงฤดูร้อน แม้ว่าจะไม่สวยแบบฤดูอื่น ๆ แต่มันก็เป็นไปได้ และเป็นไปได้เสมอสำหรับเขาค้อ ในขณะที่ฤดูร้อนของภูทับเบิกจะค่อนข้างแห้งแล้ง และรอคอยการกลับมาในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในฤดูฝนต่อไป

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ความลับของฤดูฝน

          >> ความลับของฤดูฝนจะมาตอนหลังฝนหยุดตก แล้วทันใดนั้นเองผมก็เริ่มเห็นหมอกละอองน้ำที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากเทือกเขาทีละนิด จนกลายมาเป็นทะเลหมอก ที่เห็นทีไรก็ตื่นเต้นได้ทุกที จนรู้สึกไปเที่ยวภูเขาหน้าฝนทีไร ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ไม่เจอทะเลหมอก แม้ช่วงที่ไป อาจโชคไม่ดี ฝนไม่ตก แต่ก็มีทะเลหมอกให้ได้เห็นในตอนเช้าทุกที และถ้ามีใครถามผมว่าไปเที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิก ช่วงไหนสวยที่สุด ผมก็ตอบด้วยความมั่นใจว่า ไปหน้าฝนนี่แหละสวยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย และก็ไม่ต้องถามซ้ำ !!!!!

          และความลับอีกอย่างหนึ่งของการเที่ยวหน้าฝน คือ นักท่องเที่ยวน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย ไม่ต้องแย่งกันกิน ไม่ต้องแย่งกันใช้ และไม่ต้องแย่งกันถ่ายรูป แถมที่พักก็พากันลดราคาจากราคาปกติลงมาเท่าตัวเลย อยู่ในหลักร้อยปลาย ๆ หรือพันนิด ๆ สำหรับผมในฤดูฝนทั้งเขาค้อและภูทับเบิกน่าเที่ยวด้วยกันทั้งคู่ โอกาสเจอทะเลหมอกพอ ๆ กัน แต่ถ้าคุณอยากเจอทะเลหมอกที่ภูทับเบิกต้องฤดูฝนเท่านั้น

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ความลับของฤดูหนาว

          >> ช่วงเวลาแบบนี้ ให้ความรู้สึกถึงการเดินทางอย่างแท้จริง อากาศเย็น ๆ ลมพัดแรง ๆ ใส่เสื้อกันหนาวสักตัวสองตัว บวกผ้าพันคอนิดหน่อย กับเช้าวันที่ฟ้าใส ๆ นั่งมองดูทะเลหมอกสีขาวสะท้อนแสง กับสายหมอกที่ลอยไปลอยมาอย่างสบายใจ และเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ละอองน้ำคงตัวได้นานกว่าในฤดูอื่น ๆ ทำให้เราสามารถเห็นทะเลหมอกได้หลายชั่วโมง โดยเฉพาะในวันที่ลมนิ่ง ๆ เราจะสามารถเห็นทะเลหมอกอยู่ได้จนถึง 10 โมงเช้าเลย ถ้าเป็นฤดูนี้ หนาวแบบนี้ เขาค้อน่าจะลุ้นทะเลหมอกได้สนุกที่สุด แต่ถ้าเป็นภูทับเบิก จะค่อนข้างเจอทะเลหมอกยากมาก ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีฝนตกในช่วงนั้น ซึ่งโอกาสที่ฝนจะตกในช่วงนั้น ต้องบอกว่าน้อยมาก

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ทำอย่างไรให้เจอทะเลหมอกที่ภูทับเบิก ?

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ปัจจัยสำคัญที่สุดในการเกิดทะเลหมอกของภูทับเบิก คือ ความชื้น และไม่ใช่ความชื้นจากป่าเขา เนื่องจากจุดชมวิวทะเลหมอกที่นี่ไม่ได้เป็นที่ตั้งของป่าเขาต้นไม้ แต่มันเป็นพื้นที่ราบของเขตเกษตรกรรม และเป็นพื้นที่ราบของเขตที่อยู่อาศัย ดังนั้นต้องใช้ความชื้นสะสมที่มาจากปริมาณน้ำฝน ดังนั้นเราถึงได้เห็นทะเลหมอกในช่วงหน้าฝนเป็นหลัก

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          พอเข้าสู่ฤดูหนาว ความชื้นจะค่อย ๆ ลดลง โอกาสการเจอทะเลหมอกก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย ส่วนฤดูหนาวความชื้นในอากาศต่ำ บวกกับภูมิศาสตร์จุดชมวิวของภูทับเบิกเป็นที่โล่ง เปิดกว้าง ไม่ได้เป็นจุดชมวิวแบบแอ่งเขา แอ่งกระทะ ทำให้ปริมาตรที่ละอองน้ำเหล่านี้จะแปรผันตรงกับกระแสลม ซึ่งพอเข้าหน้าหนาวกระแสลมที่พัดมาจากจีนจะมีอย่างต่อเนื่อง และค่อนข้างแรงด้วยมวลความกดอากาศสูง ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นมวลละอองน้ำที่อัดกันแน่นจนมองเห็นเป็นทะเลหมอกเหมือนแบบที่เห็นในตอนหน้าฝน อาจมองเห็นเป็นแนวฝุ่นละอองน้ำตามเส้นขอบฟ้าเป็นสีจาง ๆ ตัดผ่านกับเส้นแสงของตะวันในยามเช้า เป็นแถบจาง ๆ ยิ่งลมแรงก็ทำให้หมอกฟุ้งกระจายจนมองอะไรไม่เห็นไปเลย

          ดังนั้นถ้าคุณอยากเห็นทะเลหมอกที่สวย ๆ ของภูทับเบิกต้องหน้าฝนเท่านั้น โดยเฉพาะสองเดือนสุดท้าย คือ สิงหาคม-กันยายน จะมีทะเลหมอกที่สวยที่สุด

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ทำอย่างไรให้เจอทะเลหมอกที่เขาค้อ ?

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          >> มาดูเขาค้อกันต่อ เขาค้อมีภูมิศาสตร์ที่ค่อนข้างลงตัวในการเกิดทะเลหมอก นั่นคือเป็นแอ่งกระทะและมีแหล่งกำเนิดความชื้น ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่ทำให้ที่นี่มีทะเลหมอกตลอดปี ไม่ว่าจะเป็นฤดูฝน ฤดูร้อน หรือฤดูหนาว แต่กุญแจสำคัญที่ทำให้ทะเลหมอกหายไปหรือฟุ้งกระจายนั่นคือกระแสลม ไม่ว่าลมมรสุมจากฤดูฝนหรือลมหนาว

          ในภาวะที่สมบูรณ์แบบที่สุด คือ ความชื้นได้ อุณหภูมิต่ำ ฟ้าใส และลมนิ่ง ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่สมบูรณ์แบบที่สุด ในหน้าฝนในช่วงมรสุมเข้าหรือฝนตกชุก ๆ ลมจะมีผลอย่างมาก โอกาสก็จะน้อยไปด้วย ส่วนในช่วงฤดูหนาวมีปัจจัยเดียวที่เราต้องดู คือ ความกดอากาศสูงที่พัดมาจากประเทศจีน ซึ่งเราสามารถตรวจสอบอากาศได้ที่กรมอุตุนิยมวิทยาของไทย www.tmd.go.th/thailand.php แล้วถามต่อไปว่า ความกดอากาศสูง ส่งผลยังไงกับการเกิดทะเลหมอก ? ความกดอากาศสูงทำให้เกิดอากาศเย็นลง แล้วก็ทำให้การเกิดหมอกมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันความกดอากาศสูงก็ทำให้เกิดลมได้เสมอ ซึ่งทำให้เราไม่ได้เห็นทะเลหมอก แต่จะเห็นหมอกฟุ้งกระจาย หรือไม่เห็นหมอกแม้แต่นิดเดียว

เขาค้อ-ภูทับเบิก

จะสรุปให้ดูกันง่าย ๆ นะครับ

          - ถ้าความกดอากาศสูงกำลังแรงกำลังแผ่ลงมา ตอนนี้อากาศจะเริ่มหนาวและมาพร้อมกับลมแรง ๆ โอกาสหมอกฟุ้งกระจายสูงมาก ๆ

          - ถ้าความกดอากาศสูงกำลังปกคลุม ตอนนี้อากาศจะเย็นลงกว่าตอนแรก แต่ลมจะไม่แรงเท่ากับข้อที่ 1 โอกาสเจอทะเลหมอกก็สูงกว่าตอนแรกมาก

          - ถ้าความกดอากาศสูงกำลังอ่อนตัว ตอนนี้อากาศจะยังคงหนาวอยู่ แต่ก็อุ่นขึ้นเล็กน้อย ลมค่อนข้างสงบหรือเบากว่าข้อที่ 1-2 โอกาสเจอทะเลหมอกก็จะสูงมาก ๆ และสามารถเห็นทะเลหมอกได้เยอะและหนาแน่นมาก

เขาค้อ-ภูทับเบิก

ไกด์ไลน์ 5 ข้อ By Chanomworld

          - ธรรมชาติของเส้นทางท่องเที่ยวสายนี้ มีช่วงเวลาที่สวยงามในแบบของมันเสมอ ถ้าเรารู้กฎง่าย ๆ ตามที่ได้กล่าวไป ก็จะทำให้การเดินทางของเราสนุกมากขึ้น โดยเฉพาะการตามหาทะเลหมอกบนถนนสายท่องเที่ยวสายนี้ ยิ่งเราทำความเข้าใจตรงนี้มากเท่าไหร่ ความทรงจำในแบบที่เราอยากได้...ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม

          - สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนมาลุ้นทะเลหมอกบนถนนสายนี้ ควรมีเวลามาค้างคืนอย่างน้อยสัก 2 คืน แบ่งเป็นเขาค้อ 1 คืน และทับเบิก 1 คืน เพื่อที่จะได้เห็นช่วงที่สวยที่สุดในแต่ละเช้าของวันนั้น แต่ถ้ามีเวลาแค่ 1 คืน ก็ลองดูว่าเราอยากจะเห็นทะเลหมอกที่ไหนดี ? อาจใช้ข้อมูลในหนังสือเล่มนี้ประกอบ ว่าที่ไหนจะมีโอกาสเห็นทะเลหมอกได้มากที่สุดก็เลือกที่นั่น

          - สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาน้อย คุณสามารถเลือกเดินทางเพื่อมาให้ทันจุดชมวิวในตอนเช้าของวันเสาร์  แล้วก็เลือกพักอีกคืนหนึ่ง แค่นี้คุณก็จะได้ท่องเที่ยวได้ทั้ง 2 สถานที่ และได้ลุ้นทะเลหมอกทั้ง 2 เช้าอีกด้วย

          - ตัวเลือกบ้านพักก็เช่นกันในช่วงฤดูฝน เราอาจไม่ต้องจองที่พักล่วงหน้า สามารถมาเลือกพักในวันนั้นเลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวหรือวันหยุดยาว การสำรองจองที่พักก่อนก็เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก
 
          - วิธีการท่องเที่ยวเราควรศึกษาเส้นทางของจุดชมวิวแต่ละที่ ว่าจะไปที่ไหนก่อน ยังไง จะได้ช่วยลดเวลา และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่จะไม่ต้องวนไปวนมาให้เสียเวลาและที่สำคัญ เขาค้อหรือภูทับเบิกมีจุดชมวิวทะเลหมอกหลายจุด ถ้าที่ใดที่หนึ่งไม่มี เราก็สามารถไปยังอีกจุดเพื่อเป็นการลุ้นให้ได้เห็นทะเลหมอกได้มากขึ้น

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          ....บทส่งท้าย....

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          สิ่งต่าง ๆ ในโลกใบนี้ มีมุมมองและความรู้สึกในแบบที่เราคาดหวังแตกต่างกันไปตามวัน เวลา หรือโอกาส สิ่งสำคัญที่ผมรู้สึกได้จากการเดินทางมาตลอด 4-5 ปี ที่วนเวียนอยู่บนถนนสายนี้หลายสิบครั้ง มันเติมเต็มอะไรบางอย่างให้ชีวิตผมได้มากจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกดี ๆ ของชีวิตในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสุขของการพักผ่อน ความตื่นเต้นของการเดินทาง และความมหัศจรรย์ต่าง ๆ บนเส้นทางท่องเที่ยวสายนี้

          ภูเขาที่ผมเรียกได้เต็มปากว่าภูเขา ทะเลหมอกที่เรียกได้หมดใจว่าทะเลหมอก และอีกหลายอย่างที่บอกได้ไม่หมด หลายอย่างที่เข้ามาอยู่ในความทรงจำของผม อาจจะเป็นสิ่งที่ผมได้เห็น ได้รู้สึก ได้สัมผัส ทุก ๆ อย่างมันเป็นความทรงจำที่บางทีเราอยากได้แต่ไม่ได้ บางอย่างไม่ได้อยากได้แต่ก็ได้มาบ่อย ๆ บนถนนท่องเที่ยวสายนี้ นี่อาจจะเป็นสิ่งที่พิเศษที่จะยังคงสะท้อนอยู่ในตัวของผม ที่บอกว่าครั้งหนึ่งเราเคยผ่านมาแต่ไม่เคยผ่านไป อีกหนึ่งเส้นทางแห่งขุนเขาและสายหมอกขาว...เส้นทางทะลุเมฆ…ในแบบฉบับของผม

เขาค้อ-ภูทับเบิก

          เส้นทางทะเลหมอก . . . เที่ยวทะลุเมฆ . . . เขาค้อ-ภูทับเบิก @ เพชรบูรณ์

          อีกหนึ่งพื้นที่ในแบบฉบับของผม

          ชมรมคนรักเขาค้อ – ภูทับเบิก

เขาค้อ-ภูทับเบิก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เส้นทางทะเลหมอก เที่ยวทะลุเมฆ ณ เขาค้อ-ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ อัปเดตล่าสุด 6 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 11:11:15 94,054 อ่าน
TOP