
A day in Tsukishima : พาเที่ยวคาเฟ่นกฮูกสุดฮอต และพาชิมร้าน monjayaki แสนอร่อย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ KiRaRi สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม , kirarista.com และ เฟซบุ๊ก Kirarista
นอกจากความน่ารักของน้องหมา น้องแมว หรือกระต่ายตัวน้อยขนนุ่มที่เรามักพบเห็นคาเฟ่สำหรับสัตว์ประเภทนี้กันมาเยอะแล้ว วันนี้เราขอหยิบเอาอีกหนึ่งคาเฟ่สัตว์ที่น่าสนใจมาแนะนำกัน นั่นก็คือ คาเฟ่นกฮูก ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถึงกระแสคนรักนกฮูกจะไม่มากเท่ากับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ แต่เรารับรองว่าหากคุณชมรีวิวนี้จนจบแล้วจะตกหลุมรักนกฮูกกันเลยทีเดียว ^^ เอาล่ะ...ได้เวลาตามบันทึกการเดินทางของ คุณ KiRaRi สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้เดินทางไปเที่ยวชมคาเฟ่นกฮูกที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับเก็บเอาภาพความน่ารัก ๆ มาฝากกันให้เราชมกันค่ะ ^__^
+++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะ วันนี้มี Trip Diary มาแชร์ให้ชมกันค่ะ เป็นหนึ่งวันในย่าน Tsukishima ที่มีไฮไลท์เป็นคาเฟ่นกฮูกที่กำลังฮิตสุด ๆ ในหมู่คนญี่ปุ่น คนจีน และฝรั่ง เรายังไม่ค่อยเห็นคนไทยไปกันเท่าไร เคยลงในเพจไปก็มีหลายคนเพิ่งทราบว่าในโตเกียวก็มีด้วย อยากจะบอกว่าถ้าได้ไปแล้วจะหลงรักน้องฮูกอีกจมเลยค่ะ สองตากลมโต ตัวนุ่มนิ่มสุด ๆ
นอกจากจะพาไปทัวร์ในคาเฟ่นกฮูกแล้ว ไหน ๆ มาย่านนี้ก็ต้องทาน Monjayaki สิคะ เพราะย่านนี้คือย่านแห่งมอนจะยากิเลยล่ะ เราก็ทำการบ้านก่อนไปว่าต้องไปร้านไหน โดยการเสิร์ชจากเว็บที่ชาวญี่ปุ่นเขาโหวตกัน (Tabelog) แล้วก็เลือกไปร้านที่คนโหวตสูงและคะแนนสูงสุดค่ะ กระทู้นี้จึงขอรวบรวมบันทึกทริปในย่าน Tsukishima มาให้ได้ชมกันค่ะ
フクロウのみせ (Fukurou no Mise)
ร้านคาเฟ่นกฮูกที่นี่ชื่อ ฟุคุโร โนะ มิเสะ แปลตรง ๆ ว่า ร้านแห่งนกฮูกค่ะ ร้านคาเฟ่นกฮูกมีอยู่หลายที่ ที่ดัง ๆ ก็คงเป็นที่ฮากาตะ จังหวัดฟุกุโอกะ เพิ่งเปิดไปต้นปี แต่งร้านได้น่ารักมาก ๆ หลายคนยังไม่ทราบว่าจริง ๆแล้วในโตเกียวก็มีนะ เป็นร้านเล็ก ๆ อยู่ในย่าน Tsukishima 月島 แผ่นดินที่เกิดจากการถมทะเล
How to go : นั่งรถไฟใต้ดินสาย Toei Oedo ไปลงที่สถานี Tsukishima ออกทางออก 10 เดินข้ามถนนมา ซ้ายมือจะเห็นร้าน Hotto motto และข้าง ๆ อีกฝั่งจะเป็นซูเปอร์ เดินเข้าซอยมานิดหนึ่งก็จะเจอค่ะ ระยะทางจากทางออกใต้ดินถึงที่ร้านราว ๆ 270 เมตร
(Tips : สถานีนี้ห่างจาก Tsukiji แค่ 2 ป้ายค่ะ หามื้อเที่ยงทานที่ตลาดแล้วก็มาที่นี่ก็ได้ค่ะ)

Open Hours (ปิดวันจันทร์และอังคาร)
Wed-Thu : 14.00-18.00 น.
Fri : 14.00-21.00 น. (มีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้วันศุกร์)
Sat : 12.00-21.00 น.
Sun : 12.00-18.00 น.
Price : ค่าเข้าอยู่ที่คนละ 2,000 เยน จะได้เครื่องดื่มฟรี 1 อย่าง และสามารถถ่ายรูปได้ เล่นกับนกฮูกได้ไม่อั้นตลอด 1 ชั่วโมง

บรรยากาศในร้านเป็นร้านที่เล็ก ๆ ไม่ค่อยมีดีไซน์การตกแต่งอะไรเท่าไร ที่ร้านจะแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนนกฮูกตัวใหญ่กับนกฮูกตัวเล็ก พวกตัวเล็ก ๆ นี้ไม่ใช่ลูกนกค่ะแต่เป็นพันธุ์เล็ก ที่ร้านจะมีกฎห้ามพานกฮูกใหญ่เข้าไปในโซนของนกฮูกเล็ก เพราะมันจะกลัวมาก ๆ ส่วนที่กั้นโซนก็คือสายกระดาษสีลายนกฮูกด้านบนค่ะ

อย่างหนึ่งที่ต้องเตือนไว้ก่อนเลย เพราะ Fukurou no mise นี้ยังใหม่สำหรับคนญี่ปุ่น ในหมู่คนญี่ปุ่นเองก็ฮิตมาก ๆ และก็เริ่มฮิตในหมู่ฝรั่งค่ะ เพราะได้ออกรายการมีคนไปรีวิว ดังนั้นใครที่อยากไปเล่นก็ต้องรีบไปจองคิวค่ะ ที่ร้านจะเปิดให้จองคิววันต่อวัน ไม่รับจองผ่านการโทร เราไปถึงที่หน้าร้านราว ๆ บ่ายโมงครึ่ง อีก 30 นาที จะเป็นรอบแรกคือรอบบ่ายสอง แต่ถูกจองเต็มหมดแล้ว ส่วนรอบบ่าย 3 เหลือสองที่สุดท้ายพอดี ก็เลยลัคกี้ได้เล่นในรอบบ่ายสามค่ะ รอชั่วโมงกว่า ๆ
เมื่อเดินไปจองคิวแล้วเขาก็จะเก็บเงินค่าเข้าเลยค่ะ คนละ 2,000 เยน เมื่อใกล้ถึงรอบที่จองไว้ก็ต้องไปรอที่หน้าร้าน แล้วก็รอเรียกชื่อเพื่อเข้าร้านค่ะ

เมนูน้ำก็มีเท่านี้ ไม่ใช่ประเด็นเท่าไร จากนั้นสตาฟก็จะมาอธิบายกฎต่าง ๆ ในร้านค่ะ




ใครที่ไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นแนะนำให้ไปในวันศุกร์ค่ะ เพราะจะมีสตาฟพูดภาษาอังกฤษได้คอยช่วยเหลือและอธิบายให้ตลอด สตาฟที่นี่ดุนิดหนึ่งนะคะ ทำผิดกฎเขาก็ดุแรงเลยล่ะ เมื่อฟังกฎคร่าว ๆ แล้วก็ปล่อยให้เราเล่นกับนกฮูกได้เลยค่ะ มาดูโซนนกฮูกพันธุ์เล็กก่อน ตัวจิ๋ว ๆ น่ารักมาก ๆ
**นกฮูกพวกนี้มันจะอึตลอดเวลา ทุกที่ ทุกเวลา ดังนั้น Take your own risk นี่คือคำพูดของพนักงานนะจ๊ะ 555


ตัวเล็ก ๆ ช่างน่ารัก


น้องหนวดน่ารักนะคะ จับเล่นง่ายด้วย

แหม...จะแอบถ่ายสักหน่อย โดนจับได้ซะแล้ว ^ ^
ขอ Selfie กับฮูกพันธุ์เล็กกันบ้าง อย่างที่บอกว่านกฮูกมันอึได้ทุกที่ ทุกเวลา มีคนโดยอึใส่ด้วย ตัวเล็กก็เลอะนิดหน่อย เราโชคดีมาก ๆ ที่ไม่โดนค่ะ


น้องหนวดยืนนิ่งมาก ๆ
ถัดจากโซนนกฮูกพันธุ์เล็กแล้วก็ไปที่โซนนกฮูกพันธุ์ใหญ่กันบ้าง โซนนี้ฮอตสุดเพราะตัวใหญ่น่าเล่นมาก ๆ เล็บนกฮูกที่นี่ไม่คมมากค่ะ ไม่ต้องกลัว แต่ตัวใหญ่ ๆ เวลาเขาเกาะก็เจ็บเหมือนกันนะ สตาฟจะให้เกาะที่มือค่ะ ต้องเกร็งตลอดเวลาถ้าจะจับนะคะ

เราชอบน้องตัวนี้มาก ๆ มันน่ารักมากกกกกก ตัวนิ่มสุด ๆ เลยค่ะ รูปซ้ายไม่รู้ว่าสนใจอะไร มองหน้าเราพักใหญ่ จนแอบกลัวว่าจะจิกไหมเนี่ย

ตัวนี้หล่อค่ะ ตัวสูงใหญ่ ถ่ายไม่ง่ายเท่าไร เพราะชอบหันไปมาและก็ชอบบินด้วยล่ะ
ส่วนตัวนี้หน้าโหดสุดในร้านค่ะ แต่เป็นตัวที่ถ่ายรูปด้วยง่ายที่สุดเลยนะ ค่อนข้างนิ่ง แต่ตัวหนักมาก เราเล่นนานไม่ไหวเลยส่งต่อให้คนอื่นต่อไป โชคดีเป็นของเราส่งให้ปุ๊บทิ้งบอมบ์เลย


แต่เวลาบินฮีก็จิกกล้องตลอดเวลานะ ตลกดีจัง

ฝาแฝดค่ะ แต่งตัวเหมือนกัน...ตัวนี้หน้าตาฮาที่สุดในร้าน ไม่รู้ว่างงอะไรตลอดเวลา


ตัวสีเหลืองขาวนี้ขนนุ่มสุดในร้านค่ะ แต่ดุมากนะ อุ้มไม่ได้ จิกและกัด พนักงานจะไม่ให้อุ้มตัวนี้เลย
ส่วนตัวด้านล่างนี้เราขอให้ชื่อว่าน้องแบ๊วค่ะ แบ๊วมาก ๆ วันนี้งดเล่นน้องแบ๊วค่ะ เพราะเป็นวันหยุดของเขา ถ่ายรูปได้อย่างเดียว


เหล่าฮูกตัวใหญ่
รวมภาพหมู่ฮูกใหญ่ค่ะ

เวลาช่างผ่านไปไวมาก ๆ แป๊บ ๆ ก็จะครบชั่วโมงหนึ่งแล้ว ก่อนกลับสตาฟก็จะมีแจกของที่ระลึกค่ะ รางวัลใหญ่สุดคือ Photobook นกฮูกในร้าน เราอยากได้มาก ๆ แน่นอนว่าก็มีคนอยากได้เช่นกัน เลยต้องเป่ายิ้งฉุบงานนี้เลยอด เพราะไม่ได้พกดวงมา แต่ก็เป่าได้แหวนนกฮูกมานะ น่ารัก ๆ

ใครที่อยากเข้าไปชมภาพอัพเดทของบล็อกที่ร้าน Fukurou no Mise ก็เข้าไปดูได้ที่นี่ (ภาษาญี่ปุ่น) http://ameblo.jp/fukurounomise/ เดินออกจากร้านด้วยรอยยิ้มกันทุกคน วันนี้เราโชคดีไม่โดนอึใส่ด้วย (ไม่อยากจะอวด 55) หลังจากออกมาแล้วก็สี่โมง ฟ้าเริ่มมืด หน้าหนาวมืดไวเลยทำให้เวลาเที่ยวลดลง แต่ในย่าน Tsukishima ก็มีจุดถ่ายรูปสวย ๆ หลายจุด เผื่อว่าตอนไปรอคิวจะได้ไปเดินถ่ายรูปเล่นได้
และที่ Tsukishima นี้รู้จักกันในคนญี่ปุ่นว่าเป็นเมืองแห่ง monjyayaki (คล้าย ๆ Okonomiyaki ค่ะ) ในขากลับเราก็ทำการบ้านมาเรียบร้อย ไปทานที่ร้านอร่อยสุดฮอต

Tsukishima สึกิชิม่า ในภาษาญี่ปุ่น 月島 แปลว่าเกาะดวงจันทร์ ชื่อเพราะมาก ๆ ที่นี่เป็นเกาะที่เกิดจากการถมทะเลให้เป็นแผ่นดิน การเดินทางไม่ยากค่ะ นั่งรถไฟสาย Toei Oedo มาก็ถึงเลย (ห่างจาก Tsukiji Fish Market เพียงแค่ 2 ป้ายเท่านั้นเอง) นอกจากคาเฟ่นกฮูกแล้วที่ย่านนี้ก็มีวิวทะเลสวย ๆ ให้ได้ถ่ายรูปเล่นด้วย



เราเดินมาทางฝั่งสะพาน Aioibashi あいおい橋 แถวนี้จะเป็นย่านที่พักอาศัย เป็นคอนโดสูง วิวแม่น้ำ และมีสวนสาธารณะริมน้ำให้ได้เดินเล่น รอบ ๆ อ่าวโตเกียวสวยนะคะ บรรยากาศดีมาก ๆ

ย่านนี้โด่งดังมากในเรื่องเมนู Monjayaki もんじゃ焼き มอนจะยากิ หน้าตาคล้ายพิซซ่าญี่ปุ่นค่ะ (Okonomiyaki) แต่มอนจะยากิจะเป็นของคันโต (ฝั่งโตเกียว) ส่วน โอโคโนะมิยากิ จะเป็นของทางฝั่งคันไซ (โอซาก้า) ส่วนตัวเราแล้วชอบ Okonomiyaki มากกว่า ส่วน Monjayaki มันจะเปียก ๆ นิดหนึ่ง แต่ยิ่งเกรียมยิ่งอร่อยนะขอบอก….
เมื่อเดินออกจากสถานีก็จะเจอถนน Nishinaka 西中 เส้นนี้อัดแน่นด้วยร้าน Monjayaki 75 ร้าน เรียงสองข้างทางให้ได้เลือกค่ะ เราจะพาไปที่ร้านที่ได้รับการโหวตสูงสุดในเว็บ Tabelog 食べロッグเว็บอันดับหนึ่งในด้านการรีวิวอาหารของคนญี่ปุ่นค่ะ เวลาเราจะไปทานร้านไหน ตอนนี้เราตามเว็บนี้ตลอดเลย เพราะได้มาตรฐานจริง ๆ ร้านที่เราไปวันนี้ ก็คือ もんじゃ蔵 มอนจะคุรา ร้านนี้มีคนลงคะแนนให้มากถึง 193 โหวต และได้คะแนน 3.53/5 ถือว่าสูงค่ะ (หากในเว็บนี้คะแนนเกิน 3.3 ก็ถือว่าโอเคเลยนะ อร่อย ทานได้ แต่แนะนำให้ดูจำนวนโหวตประกอบกันด้วยเพื่อความน่าเชื่อถือ) จริง ๆ แล้วใน Ranking มีอีกร้านที่เฉือนคะแนนไปแบบสูสี คือ ร้าน 能登 โนะโตะ ซึ่งได้คะแนนไป 3.54 แต่ว่าคนโหวตเพียงแค่ 70 โหวตเท่านั้นเอง เราเลยเลือกไปที่มอนจะคุรา

(ภาพหน้าร้านจากเว็บ Tabelog)
How to go : เดินออกจากสถานี Tsukishima ทางออก 7 เดินราว ๆ 3 นาทีถึง (320 เมตร)

ร้านนี้เป็นร้านค่อนข้างใหญ่ ในขณะที่ร้านอื่นคนว่างมาก ๆ แต่พอเปิดประตูเดินเข้าร้านนี้ก็ตกใจเล็กน้อย เพราะเต็มแทบทุกที่เลยค่ะ ขนาดช่วงที่เราไปก็เป็นเวลาไม่ใช่มื้ออาหารนะ ราว ๆ สี่โมงหลังจากไปคาเฟ่นกฮูกเสร็จ เมนูยอดฮิตที่ติด Top Ranking นั่นก็คือ Mentaiko (ไข่ปลาคอด) + Mochi + Cheese


ร้านนี้เวลามาเสิร์ฟจะยกมาแบบนี้ให้เราทำเองค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าย่าน Tsukishima ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากนัก ที่ร้านนี้เมนูก็ยังเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน ๆ ค่ะ อาจจะยากนิดหนึ่งสำหรับคนที่พูดไม่ได้ ภายในร้านก็มีแต่คนญี่ปุ่นทั้งหมด แต่เขาก็ใจดีค่ะ คือเราก็ไม่แน่ใจว่ามอนจะมันทำเหมือนโอโคโนะมิยากิไหม แล้วทำเองจะอร่อยหรือเปล่า โต๊ะข้าง ๆ เห็นเรากำลังมึนก็ช่วยเรียกพนักงานมาให้ บอกว่าสาธิตให้เขาดูหน่อยนะ เลยรีบคว้ากล้องถ่ายมาให้ดูค่ะ
วิธีการทำ Monjayaki เมื่อมาเสิร์ฟแล้วก็เทลงบนเตาเลยค่ะ เสร็จแล้วก็ผัด ๆๆๆๆ จากนั้นก็แหวก ๆให้ตรงกลางโหว่ เพื่อ เทพวกน้ำแป้งที่เหลือลงบนเตา จากนั้นก็ค่อยโรยชีสค่ะ รอราว ๆ 5 นาทีก็ทานได้เลย ไม่ต้องพลิกค่ะ การทาน Monjayaki จะทานจากเตาเลยค่ะ เราก็งง เฮ้ย..ไม่ต้องพลิกเหรอ ถามย้ำพนักงานไปเขาก็บอกว่าทานได้เลยไม่ต้องพลิก




เราก็ทานไปคำแรก ๆ อืม..ก็อร่อยดีนะแต่ไม่ว้าว พอสลับไปดื่มเบียร์ ทิ้งมันไว้บนเตาอีกพัก เริ่มเกรียม เริ่มแห้ง ๆ เฮ้ย…มันอร่อยแฮะ ยิ่งกินยิ่งอร่อย...เริ่มว้าวละ 55

สำหรับราคาที่ Monja Kura ถือว่ากลาง ๆ ค่ะ ไม่ถูกไม่แพง เมนูที่เราสั่งก็มี Mentaiko + Mochi + Cheese ราคา 1,320 เยน เบียร์ที่นี่มี Yebisu เป็นเบียร์สด ราคา 570 เยนค่ะ อ้อ…ตอนเช็กบิลต้องเอาบิลที่วางบนโต๊ะเดินไปจ่ายเองที่เคาน์เตอร์ด้านในนะคะ ใครที่แวะไปย่าน Tsukishima ก็ลองแวะไปทานกันได้ค่ะ ร้านนี้อร่อยเลยแหละ
Note : สำหรับคนที่แพ้บุหรี่อาจจะลำบากนิดหนึ่งค่ะ เพราะที่ร้านแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นแบบนี้เขาสูบกันในร้านที่ที่นั่งเลยค่ะ
สำหรับทริปอื่น ๆ เราเขียนไว้ในบล็อกค่ะ ถ้าใครกำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่น อยากแนะนำให้ไปที่ ม.โตเกียว แคมปัสตรงฮงโกะนะคะ ช่วงต้นเดือนธันวาคมต้นอิโจว (แปะก๊วย) เหลืองสวยและกำลังร่วง ถ่ายรูปออกมาสวยค่ะ สัปดาห์ก่อนที่เราไปมันเหลืองอยู่แค่สองต้นเองล่ะ ยังเขียวอยู่เลยค่ะ
อันนี้รูปของปีก่อนค่ะ


ทริปอื่น ๆ ดูได้จากลิงก์นี้ เผื่อเป็นไอเดียเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ค่ะ kirarista.com
ปิดท้ายด้วยความประทับใจแบบคลิปสั้น ๆ
ขอบคุณที่รับชมค่ะ ^__^