x close

ขี่จักรยานชมทุ่ง ส่องสัตว์ยามค่ำคืน ที่ทุ่งแสลงหลวง

 

ขี่จักรยานชมทุ่ง ส่องสัตว์ยามค่ำคืน ที่ทุ่งแสลงหลวง(เดลินิวส์)

 

          เข้าหน้าฝนมาได้สักพักแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สดชื่นขึ้นกันบ้างหรือเปล่า หลายคนก็อาจจะชอบ เพราะอากาศไม่ร้อนเท่าไหร่ แต่บางคนก็ไม่ชอบ เพราะทำให้เฉอะแฉะ จะออกไปเที่ยวที่ไหนก็ลำบาก 

         

          แต่ใครจะรู้บ้างว่า การไปเที่ยวป่าหน้าฝนนี่ ได้อารมณ์สุด ๆ เพราะฝนจะทำให้ทุ่งหญ้าที่เขียวสดดูมีชีวิตชีวาขึ้น และวันนี้เราก็จะพาเพื่อน ๆ นักเดินทางของเราไปเที่ยวกันที่ “ทุ่งแสลงหลวง” ดินแดนทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย

 

          เมื่อถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ติดต่อจองที่พักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็แยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระก่อนที่ทุกคนก็ออกมาพร้อมกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพราะว่าต่อไป เราก็จะเริ่มกิจกรรมแรกของวันนี้กันเลย นั่นก็คือ การปั่นจักรยานเที่ยวทุ่งสะวันนา ในเขตอุทยานทุ่งแสลวงหลวง

 

          “ใครจะขี่จักรยานบ้าง????...” เสียงเจ้าหน้าที่ตะโกนถาม เพื่อนับจำนวนผู้ที่อยากจะขี่จักรยานชมความงามของธรรมชาติ สรุปแล้วเยอะกว่าจักรยานที่เตรียมไว้ ดังนั้นจึงต้องโทรสั่งจักรยานมาเพิ่ม แหม! ก็ทริปที่ไปนี่มีแต่วัยรุ่นทั้งนั้น อะไรที่มันเหนื่อย ตื่นเต้น ก็ต้องอยากลองเป็นธรรมดา

 

          แม้จะมีเสียงเตือนแล้วว่า ระวังนะ เพราะทางที่เห็นอาจจะดูธรรมดา แต่เคยขี่มาแล้ว เหนื่อยมาก ...แต่เราไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด แค่ขี่จักรยานนิดเดียว จะเหนื่อยสักแค่ไหนกันเชียว

 

           เก๊กท่าถ่ายรูปกับจักรยานคันเก่งของใครของมันแล้ว ทุกคนก็เริ่มออกเดินทางกันเลย โดยจะมีเพื่อนบางส่วนที่เคยขี่จักยานมาแล้ว และรับรู้ความเหนื่อยมาก่อนเรา ก็จะนั่งรถโฟร์วีลดัดแปลง ที่แต่งให้มีที่นั่งด้านหลัง 2 แถว มีราวโหน


           และมีออดไว้กดสำหรับเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน (อ่านะ! ก็รถสองแถวรับจ้างนั่นแหละ) เป็นพาหนะพาเพื่อน ๆ เราเหล่านั้นเก็บภาพบรรยากาศ รวมทั้งภาพการขี่จักรยานด้วยท่าทางสวย ๆ ของพวกเราด้วย

 

           ขี่จักรยานไปก็จอดไป เก็บรูปให้ทั่วทุกมุม มีนางแบบนายแบบมาเข้าฉากบ้าง  เพลินไปเรื่อย...แต่หารู้ไม่ว่า ยิ่งขี่จักรยานไปเรื่อย ๆ ความแรงของจักรยาน บวกกับความฟิตที่มีเหลืออีกเพียงเล็กน้อย เริ่มจะหมดลง หอบลิ้นห้อยกันไปตาม ๆ กัน

 

          มองระยะทางแล้ว เหมือนว่าขี่จักรยานมาไกลมาก แต่ในความเป็นจริงแค่กิโลกว่า ๆ เท่านั้น แต่เพราะเส้นทางที่เราขี่จักรยานนั้น เป็นช่วงขึ้นเขา ซึ่งเราจะต้องออกแรงในการขี่เป็นจำนวนมาก แต่ความแรงของจักรายานกลับมีเพียงแค่เต่าแก่ ๆ คลาน

 

          ถึงตอนนี้เชื่อแล้วว่าเหนื่อยจริง ๆ แต่จะคืนจักรยานก็ไม่ทันแล้ว ต้องทนขี่จักรายาน ด้วยความเหนื่อยมันต่อไปนั่นแหละ

 

          “ฝนตกแล้ว ฝนตกแล้ว ระวังกล้องด้วยนะ” เสียงเพื่อนเราคนหนึ่งในทีมร้องบอก ตกมาได้ทันเวลาจริง ๆ สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ พอให้เกาะหน้า แล้วรู้สึกสดชื่นขึ้น และเหตุนี้เองทำให้เรามีข้ออ้างในการเลิกขี่จักรยาน  


          ยกมันขึ้นเก็บที่ท้ายรถกระบะซะ แล้วเราก็ไปโดยสารรถโฟร์วีลดัดแปลงแทน แต่ก็ยังมีเพื่อนของเราบางคนที่ยังฟิตอยู่ แม้ว่าหน้าจะซีดก็ตาม อาสาที่จะขี่จักรยานกลับไปยังที่พักเอง อันนี้ก็ไม่มีใครบังคับ แต่คนไม่ไหวอย่างเราแอบขอตัวดีกว่า

 

          ระยะทางที่โฟร์วีลดัดแปลงลัดเลาะพาเราไปส่งยังบ้านพักของอุทยานนั้น ก็ไกลพอสมควร แถมถนนก็ยังเป็นดินลูกลังแฉะ ๆ เนื่องจากฤทธิ์ของฝนที่ตกลงมา ทำให้เราโยกไปโยกมา

 

          ตอนนี้หายเหนื่อยแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็นมึนรถแทน สงสารก็แต่คนที่อาสาขี่จักรยานมาต่อ ไม่รู้ว่าจะเหนื่อยเพิ่มอีกแค่ไหน เพราะขนาดนั่งบนรถเฉย ๆ ยังเหนื่อยเลย

          ขี่จักรยานแค่นิดเดียวทำเราเหนื่อยได้ขนาดนี้เชียว ล้าไปหมด ถึงบ้านพักแล้ว ก็ขออาบน้ำ อาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า เพราะว่าคืนนี้เดี๋ยวเรามีโปรแกรมที่จะต้องทำอีก นั่นคือการส่องสัตว์ตอนกลางคืน

 

          หลังจากอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ทานข้าวเย็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดูเวลาก็ 2 ทุ่มกว่าแล้ว ถึงเวลาที่เราจะออกไปส่องสัตว์ตอนกลางคืนกัน (ขอบอกว่าไม่เคยส่องสัตว์ตอนกลางคืนมาก่อน ตื่นเต้นมาก ๆ)

 

          รถโฟร์วีล (อันนี้ของจริง) ของอุทยานฯ เตรียมพร้อมให้บริการ มารับเราตรงเวลาเป๊ะ เพื่อที่จะพาเราไปส่องสัตว์ในเส้นทางส่องสัตว์ของอุทยาน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เห็นหรือเปล่า เพราะเวลาที่เราออกไปส่องสัตว์นั้น เป็นเวลาที่สัตว์ป่ายังไม่ออกมาหาอาหารทานกันมากนัก

 

           โดยเวลาที่สัตว์ป่าเหล่านี้จะออกมาหาอาหารคือ ประมาณ 3 ทุ่ม ในพื้นที่ที่พวกมันเคยชิน อุปกรณ์ที่สำคัญในการส่องสัตว์นั่นคือ ไฟฉาย หรือ สปอร์ไลท์ โดยการสาดไฟฉายไปให้ทั่วบริเวณ แล้วสังเกตว่า ถ้ามีแสงเป็นประกายสะท้อนกลับมา (แสงไฟที่ส่องไปทั่วนั้น เกิดการกระทบกับดวงตาคู่โตของสัตว์ป่า ทำให้เกิดการสะท้อนให้เราเห็น) นั่นแหละ เราต้องเจอตัวใดตัวหนึ่งเข้าแล้ว

 

            และถือว่าโชคยังเข้าข้าง เพราะคืนนี้เราได้เห็นกวางป่า เนื้อทราย แล้วก็สุนัขจิ้งจอก แถมยังได้ดูแบบว่าใกล้ๆ อีกด้วย เราจ้องมัน มันก็จ้องเรา ตามองตากันเลย แต่สัตว์พวกนี้มันก็จะสังเกตเราเหมือนกันนะ เวลาที่เราส่องไฟไปหามัน 

 

          ตอนแรกเราก็แปลกใจว่าทำไมไม่กลัว ไม่ตกใจ หรือไม่วิ่งหนี กลับยืนจ้องเราอีกด้วย แล้วเราก็มาถึงบางอ้อ เมื่อเจ้าหน้าที่บอก ที่พวกมันยืนจ้อง เอาสายตาประสานกับเราก็เพราะว่า มันต้องการที่จะดูท่าทีของเราก่อน ว่าเรามาดีหรือมาร้าย ถ้ามาดี มันก็จะยืนอยู่ตรงนั้นแหละ และพอเราไป มันก็จะหาอาหารทานต่อ

 

          แต่ถ้าสังเกตแล้ว คิดว่าคืนนี้ต้องโดนตัดเขา แล่เนื้อส่งร้านอาหารแน่นอน พวกมันก็จะรีบติดเทอร์โบ หนีไปในทันที คิดแล้วก็น่าสงสารเจ้าสัตว์ป่าพวกนี้อยู่เหมือนกัน อยู่ในป่าไม่ได้รบกวนใครแล้ว ยังจะมีคนตามมารังควาญจ้องจะจับมันส่งภัตตาคารอีก

 

            และค่ำคืนนี้ก็จบลงด้วยโปรแกรมการส่องสัตว์ หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว บางคนก็เลือกที่จะนั่งดูดาวที่มีอยู่อย่างน้อยนิด เม้าท์กับเพื่อนที่เหมือนไม่ได้เจอกันมานาน บางคนก็เลือกที่จะเติมพลังก่อนนอนด้วยข้าวต้นร้อน ๆ ก่อนเข้านอน ส่วนฉันขอ “ราตรีสวัสดิ์” ทุกคน

 

            ติ๊ด ติ๊ด ๆๆๆๆๆ... เสียงนาฬิกาปลุกดังบอกเวลา 6 โมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่เรานัดเจ้าหน้าที่อุทยานไว้ เพื่อให้พาเราขึ้นไปยังจุดชมวิว “ดุสิตา” ที่นั่นเราจะมองเห็นทิวทัศน์ความเขียวขจีของทุ่งหญ้าสะวันนายามเช้า ทะเลหมอก ที่หน้าฝนนี้อาจจะกลายเป็นหย่อมหมอกบาง ๆ ให้เราเห็น (แต่ก็ยังดีที่มีให้เห็นอยู่บ้าง)

 

          มาถึงจุดชมวิวทั้งที ก็ตั้งท่าเก็บรูปกันใหญ่ ท่าโน้นท่านี้ มุมนั้นมุมนี้ เหมือนนางแบบ นายแบบมืออาชีพ แม้หน้าตาจะดูอืด ๆ ตายังมีขี้ตาเกาะอยู่บ้าง เพราะรีบ กลัวออกมาไม่ทันเจ้าหน้าที่ ทำให้ลืมล้างหน้า แต่ไกล ๆ ไม่สังเกต ประเมินแล้วสวยทุกรูป

 

           ชักภาพเป็นที่ระลึกพอหนำใจแล้ว เราก็กลับลงมายังที่พักอีกครั้ง เพื่อทำการเก็บสัมภาระของเรา เพราะว่าวันนี้เราจะขออำลาควางามของทุ่งหญ้าที่เขียวขจี อากาศที่สดชื่น กลับกรุงเทพฯกัน แต่ที่ทุ่งแสลงหลวงนี้ ไม่ได้มีกิจกรรม  และที่เที่ยวให้เราเที่ยวเพียงแค่นี้ 

 

          แต่ใครที่อยากรู้ว่าที่นี่สวยงามยังไง และมีที่เที่ยวอะไรนอกจากที่เราพาไปเที่ยวแล้วล่ะก็ ลองหาเวลามาเที่ยวกันดู รับรองว่า อากาศและความสวยงามของธรรมชาติที่ผืนป่า ทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งนี้ จะทำให้คุณประทับใจ และกลับมาที่นี่อีกครั้งแน่นอน....!!!

 

          แต่ใครที่อยากรู้ว่าที่นี่สวยงามยังไง และมีที่เที่ยวอะไรนอกจากที่เราพาไปเที่ยวแล้วล่ะก็ ลองหาเวลามาเที่ยวกันดู แต่ใครที่อยากรู้ว่าที่นี่สวยงามยังไง และมีที่เที่ยวอะไรนอกจากที่เราพาไปเที่ยวแล้วล่ะก็ ลองหาเวลามาเที่ยวกันดู

 

 

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โทร.0-5526-8019 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคเหนือ เขต 3 โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907

 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ขี่จักรยานชมทุ่ง ส่องสัตว์ยามค่ำคืน ที่ทุ่งแสลงหลวง อัปเดตล่าสุด 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 19:13:16 1,574 อ่าน
TOP