x close

สวรรค์ฤดูร้อนทางซีกโลกตอนเหนือ






สวรรค์ฤดูร้อนทางซีกโลกตอนเหนือ (Men\'s Health)
เรื่องโดย ปณธาดา

          หิมะกำลังโปรยปรายลงมาเป็นสาย ละอองสีขาวปุยกำลังค่อย ๆ ปกปิดสีสันและความสนุกสนานทีละน้อย...ทีละน้อย...ทีละน้อย...และกำลังฉาบเมืองทั้งเมืองให้เป็นสีขาวโพลน

          แต่ก็ใช่ว่าสีขาวนั้น จะทำให้ความสุขของผู้คนลดลงแต่อย่างใด มันกำลังแปรรูปไปเป็นความสุขอีกรูปแบบในอีกฤดู ทว่าสีขาวโพลนในปีนี้ อาจเต็มไปด้วยความสุขที่เพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษเสียด้วยซ้ำ เพราะมันกำลังจะถูกประทับรอยอย่างสนุกสนาน เบิกบาน และภาคภูมิ จากผู้คนทั่วโลกที่กำลังสุขสันต์อยู่กับโอลิมปิกฤดูหนาว 2010 ที่ในปีนี้เมืองท่าทางตะวันตกของแคนาดาเมืองนี้เป็นเจ้าภาพ

          และเมื่อวันที่หิมะละลาย...สีสันความสนุกของแวนคูเวอร์ก็จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

          SUMMER HEAVEN

          ใครว่าเมืองทางซีกโลกเหนือจะไม่ร้อนตับแลบ คุณคิดผิดแล้วครับ เพราะอุณหภูมิในหน้าร้อนของดินแดนในเขตนี้ สามารถถีบตัวให้สูงขึ้นได้ ไม่แพ้เมืองในแถบเส้นศูนย์สูตรอย่างบ้านเราเลยล่ะครับ ฤดูร้อนของแวนคูเวอร์นั้นจะอยู่ราว ๆ เดือน ก.ค.-ก.ย. ของทุกปี แต่ด้วยความที่เป็นเมืองชายทะเลแถมยังอยู่ในเขตซีกโลกเหนือด้านบน ความร้อนนั้นจึงเป็นแบบสบาย ๆ ให้เดินเล่นได้ชิล ๆ ยกเว้นช่วงกลางของฤดูร้อน (ราวเดือน ส.ค.) ที่อากาศนั้นอบอาวแผดเผาไม่แพ้เมืองไทยเชียวล่ะ

          แต่นี่ก็คือสวรรค์ในช่วงเวลาสั้น ๆ ของปี ซึ่งฤดูที่หิมะละลายนี้ แวนคูเวอร์จะเต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวามากมาย จนทำให้เมืองนี้ดูสนุกสนาน ทั้งสีสันในแบบชีวิตเมืองที่หวือหวา สีสันของธรรมชาติที่สดใสรวมถึงสีสันความมันของกิจกรรมที่หลากหลาย ซึ่งทุกอย่างได้ผสมกลมกลืนอยู่ในเมืองที่ดีเยี่ยมในอันดับต้น ๆ ของโลกเมืองนี้

          RHYTHM OF THE TOWN

          ลุยถนนคนเมือง

          ดาวน์ทาวน์ของแวนคูเวอร์นั้น เป็นศูนย์รวมธุรกิจและชีวิตเมือง จุดนี้จึงเต็มไปด้วยตึกระฟ้ากระจุกตัวกันอยู่อย่างสวยงาม ซึ่งนี่ก็คืออีกหนึ่งลานประลองของโลกสำหรับสถาปนิกหัวกะทิ ที่จะระดมฝีมือออกแบบกันอย่างเต็มที่ นี่เองที่ทำให้แวนคูเวอร์กลายเป็นเมืองในอันดับต้น ๆ ของโลก ที่ขึ้นชื่อว่ามีแลนด์สเคปอันงดงาม และเป็นเมืองที่ถ่ายรูปออกมาได้สวยที่สุดเมืองหนึ่ง



          เส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงหัวใจคือ Robson Street ความจริงแล้วถนนสายนี้ทอดตัวตามแนวยาวของเมืองใหญ่ แต่โซนที่คึกคักหน่อยจะอยู่ช่วงกึ่งกลาง ซึ่งจุดนี้จะเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ตั้งแต่แฟชั่นยี่ห้อท้องถิ่นไปจนถึงแบรนด์เนมดัง รถเข็นฮอตด็อกข้างทางไปจนถึงร้านอาหารหรูหรา ทำให้ผู้คนขวักไขว่ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระจันทร์เวียนมาทำหน้าที่อีกหน ซึ่งนี่ถือว่าเป็น Shopping Street และ Lifestyle District ที่สำคัญของแวนคูเวอร์เลยทีเดียว

          Highlight on Street

          Vancouver Art Gallery ถนน Robson Street เส้นนี้ยังพาดผ่านอีกหนึ่งหัวใจสำคัญคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในตึกเก่าหลังใหญ่สไตล์โรมัน มีงานศิลปะจากศิลปินทั่วโลกหมุนเวียนมาแสดงกันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังเป็นสถานที่แสดงงานศิลปะเก่าล้ำค่าที่สะสมงานไว้กว่า 10,000 ชิ้น แต่หัวใจของหัวใจของหัวใจนั้นก็คือ ผลงานอันทรงคุณค่าของ Emily Carr ศิลปินหญิงชาวแคนาเดียนที่ดังก้องโลกซึ่งเธอผู้นี้ถูกยกย่องว่าเป็น Canadian Icon

          สูดกลิ่นอายเก่าในย่านบุกเบิก



          ถ้าจะบอกว่าใครที่มาเที่ยวกรุงเทพฯ แล้วไม่ไปวัดพระแก้ว ถือว่ามาไม่ถึงกรุงเทพฯ อย่างแท้จริงนั้น สำหรับแวนคูเวอร์ผมคงขอใช้คำพูดคล้าย ๆ กันกับสถานที่แห่งนี้ Gastown คือโซนเมืองเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง

          แต่ความสำคัญ (ยิ่งกว่า) ของย่านนี้คือ การเป็นดาวน์ทาวน์แห่งแรกของแวนคูเวอร์ที่นักบุกเบิกอย่าง Gassy Jack Deighton ล่องเรือมาพบและตั้งชุมชนแรกขึ้นในปี ค.ศ.1867 ความสำคัญนี้เอง ทำให้ปัจจุบันชาวเมืองได้ร่วมกันอนุรักษ์เขตเมืองนี้ไว้ แต่เป็นการอนุรักษ์แบบร่วมสมัย เพราะตึกเก่าแก่คลาสสิกที่เรียงราย คล้ายกลิ่นอายเมืองในยุโรปนั้นยังคงมนต์ขลังไว้เช่นเดิม แต่เพิ่มเสน่ห์ด้วยสีสัน ของร้านรวงสมัยใหม่เข้าไปได้อย่างเก๋ไก๋ลงตัว ซึ่งนี่เองคืออีกหนึ่งความผสมผสานที่เป็นเสน่ห์ของเมืองนี้

          Highlight of Old Town

          The Gastown Steam Clock นาฬิกาไอน้ำชื่อดัง ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คหัวใจสำคัญของแวนคูเวอร์ที่ใคร ๆ ก็ต้องแวะมาชม ตั้งอยู่ช่วงกลางของถนน Water Street และยังคงเดินด้วยพลังงานไอน้ำตามระบบโบราณดั้งเดิม ซึ่งมรดกล้ำค่านี้คือนาฬิกาไอน้ำเรือนแรกของโลกนั่นเอง

          Maple Tree Square บริเวณสี่แยก (ที่ไม่ได้ตัดกันเป็นมุมฉาก) ใจกลาง Gastown นั้นก็คือจัตุรัสแรกที่ผู้บุกเบิกคนสำคัญเริ่มก่อตั้งเมืองนี้ขึ้น ชาวแวนคูเวอร์เลยสร้างอนุสรณ์สถานเป็นรูปปั้นกัปตัน Gassy Jack Deighton ที่กำลังยืนอยู่บนถังไม้โอ๊ค เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้สถาปนาอีกด้วย

          The Old Spaghetti Factory ร้านพาสต้าเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ถนน Water Street ซึ่งเป็นเสมือนอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองไปแล้ว ใครที่แวะมาเยี่ยมเยือน Gastown จึงมักไม่ลืมที่จะลองไปแวะชิมสปาเกตตีอร่อย ๆ สูตรดั้งเดิมที่ร้านนี้

          ขึ้นเกาะมหาสนุก

          ขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะ แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะดูจะเป็นติ่งของชายฝั่งเสียมากกว่า Granville Island ตั้งอยู่ใต้สะพาน Granville ฝั่งตรงข้ามตัวเมือง สามารถนั่งรถเมล์ข้ามฝั่ง ไม่ก็นั่งเรือข้ามฟากมาได้สบาย ๆ นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออันดับต้น ๆ ของแวนคูเวอร์



          ใจกลางเกาะแห่งนี้เป็นตลาดสดขนาดย่อม Granville Public Market ที่ดูมีชีวิตชีวาด้วยผู้คนและของขายสารพัดอย่าง แต่ที่ถูกใจนักท่องเที่ยวมากที่สุด เห็นจะเป็นอาหารอร่อย ๆ ในราคาไม่แพงนักที่เรียงรายอยู่ทั่วไป รวมไปถึงร้านอาหารทะเลสด ๆ ที่มีให้เลือกตั้งแต่ระดับปานกลางไปจนกระทั่งหรูหรามีระดับ

           แต่เสน่ห์ที่จะมัดใจที่สุดนั้นคือ ดินเนอร์มื้อค่ำในร้านอาหารริมอ่าว ซึ่งที่นี่คุณจะได้เห็นท้องทะเลสวย ๆ พร้อมกับสีสันแสงไฟระยิบระยับของตึกรามบ้านช่องในแวนคูเวอร์ และวิวสวย ๆ ของสะพานใหญ่ทั้งสองที่ทอดข้ามอ่าว ซึ่งก็คือสะพาน Granville และพระเอกมาดขรึมคนสำคัญที่สง่างามอย่างสะพาน Burrard นั่นเอง

          Highlight of Island

          Art Community เอกลักษณ์ที่ผสมผสานอยู่บนเกาะแห่งนี้ คือการเป็นเกาะแห่งศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัย เพราะที่นี่มีอาร์ตแกลเลอรี่ดี ๆ กับศิลปะหลายแนว ตั้งแต่ภาพวาด ภาพพิมพ์ ภาพถ่าย และรวมไปถึงการเป็นที่ตั้งของโรงเรียนศิลปะและการออกแบบชื่อดังอย่าง Emily Carr University of Art & Design อีกด้วย

          Plays Community แต่ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยที่รวมตัวกันอย่างโดดเด่น จนเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของเกาะ และถือว่าที่นี่เป็นศูนย์กลางก็คือ ศิลปะการแสดงและการละคร ซึ่งบน Granville Island นั้นเป็นที่ตั้งของโรงละครดี ๆ มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ Arts Club Theatre Company และ Axis Theatre Company นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการ International Fringe Festival อีกด้วย

          Street Performance นี่คือแหล่งที่คุณจะได้เห็นโชว์เด็ด เจ๋ง ๆ ข้างถนนไม่ว่าจะเป็นดนตรี เต้นรำ มายากล ไปจนถึงการแสดงตลก ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วบริเวณเกาะแห่งนี้

          EASY ADVENTURE

          หาดช่างสำราญ



          แน่นอนว่าที่นี่คือพระเอกของช่วงหน้าร้อนในแวนคูเวอร์ English Bay ชายหาดที่ทอดตัวยาวกว่า 3 กม. ในย่าน West End เป็นหาดในตัวเมืองที่เก่าแก่และโด่งดังที่สุด ช่วงฤดูร้อน คุณจะเห็นผู้คนบนหาดตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทั้งเล่นน้ำทะเล กีฬาชายหาด อาบแดด ไปจนถึงดินเนอร์ที่ร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ โดยรอบ เพื่อดูวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของเมือง



          สำหรับผู้ที่หลงรักกีฬาทางน้ำ การพายเรือคายัคดูจะเป็นกิจกรรมยอดนิยมสำหรับที่นี่ คุณจะเห็นเรือสีสันสดใสพายไปพายมาอยู่กลางทะเลเต็มไปทั่วเมือง และแน่นอนว่าที่ English Bay นั้นมีบริการเช่าเรือคายัคให้ได้ออกแรงกันอย่างสนุกสนานด้วย แต่ถ้าชอบออกแรงกันทางบก กิจกรรมยอดฮิตอีกอย่างก็คือจักรยาน ที่มีให้เช่าปั่นทั้งแบบปั่นรับลมชมวิว และปั่นแบบเรียกเหงื่อ ซึ่งเส้นทางในการปั่นก็คือเส้นทางเลียบริมฝั่งรอบเมืองแวนคูเวอร์ที่เรียกกันว่า SeaWall นั่นเอง

          Highlight on the Beach

          Inukshuk on English Bay ต้องบอกไว้ก่อนว่าห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะอนุสาวรีย์หินคล้ายรูปทรงของคนนี้ถือเป็นสัญลักษณ์โบราณอันสำคัญของชนท้องถิ่นแถบขั้วโลกเหนือ และที่ดูเหมือนจะดัง (ที่สุดในโลก) คืออนุสาวรีย์หินบริเวณริมอ่าว English Bay นี้แหละที่เป็นสัญลักษณ์และแลนด์มาร์คสำคัญของแวนคูเวอร์ ซึ่งสัญลักษณ์นี้ยังถูกนำไปเป็นโลโก้ของโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2010 ครั้งล่าสุดนี้อีกด้วย

          ป่ากลางกรุง

          Stanley Park ป่าสนเขากลางเมือง ที่อยู่ถัดตึกระฟ้าเพียงแค่เดินข้ามถนน ธรรมชาติที่คุณแวะเวียนไปสัมผัสได้ง่าย ๆ ซึ่งนอกจากจะเต็มไปด้วยของดีที่ซ่อนอยู่เพียบ ที่นี่ยังซ่อนจุดชมวิวดี ๆ ของตัวเมืองแวนคูเวอร์ไว้อย่างไม่บอกใครอีกด้วย



          Highlight in the Jungle

          Lost Lagoon ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่โอบล้อมด้วยป่าสนนี้ คือระบบนิเวศทางธรรมชาติอันสมบูรณ์ ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ติดตัวเมือง นางเอกของที่นี่คือหงส์ขาวที่สามารถเห็นได้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะยามเย็นที่หงส์ขาวและพื้นน้ำจะฉาบไปด้วยสีส้มสวย ๆ ของพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า



          Vancouver Aquarium นี่คือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ครบวงจรและมีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของโลก ไม่เพียงแต่จัดแสดง แต่ที่นี่ยังเป็นแหล่งศึกษาชีวิตใต้ทะเลที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย สำหรับพระเอกของที่นี่ก็คือเจ้าโลมาเผือกที่ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของแวนคูเวอร์

          บุกป่าฝ่าเขา

          สำหรับผู้ที่รักการผจญภัยคุณสามารถนั่งเรือหรือรถเมล์ข้ามฝั่งไปยัง North Vancouver (ไม่ใช่แวนคูเวอร์ฝั่งเหนือ แต่นี่เป็นอีกเมืองตรงข้ามกันโดยมีอ่าวเบอร์ราดคั่นกลาง) ได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่นาที ซึ่งอุทยานแห่งชาติแถบแม่น้ำ Capilano นั้นคือป่าสนเขาอันอุดมสมบูรณ์ ที่ยังคงเขียวชอุ่มและชื้นอยู่แม้ว่าจะเป็นฤดูร้อน เส้นทางนี้จะเปิดให้เดินป่าบนเส้นทางเลียบแม่น้ำลงไปถึงอ่าวตลอดช่วงฤดูร้อน



          แต่ถ้ายังเหนื่อยไม่สะใจ ขอแนะนำให้เดินย้อนขึ้นไปทางต้นน้ำ ซึ่งที่ปลายทางนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางปีนเขา (แบบไม่ต้องมีอุปกรณ์) อันมีชื่อเสียงของแวนคูเวอร์ที่บริเวณ Grouse Mountain นั่นเอง และเมื่อพิชิตถึงด้านบน สวรรค์เหนือยอดเขาก็คืออีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเลื่องชื่อ ในช่วงฤดูร้อนที่นี่จะเต็มไปด้วยกิจกรรมกลางแจ้งและโชว์ดี ๆ มากมาย แต่สำหรับฤดูหนาวที่นี่คือลานสกีที่ดีที่สุดของเมือง

          Highlight of Hill

          Cable Car คือวิธีการขึ้นเขาโดยไม่ต้องปีน สนนราคาตั๋วแบบไป - กลับราว ๆ 480 บาท แต่ถ้าอยากปีนขึ้นและลงแบบสบาย ๆ โดยรถกระเช้าก็ย่อมได้ แค่เสียค่าตั๋วขาลงเพียง 160 เท่านั้น และรถกระเช้านี่ล่ะคือ วิธีการชมเมืองในมุมสูงอีกวิธีหนึ่ง ที่คุณจะได้เห็นวิวสวยงามและแปลกตาที่สุด

          Lumberjack Show โชว์การแข่งตัดไม้แบบโบราณที่มีชื่อเสียงระดับโลก แน่นอนว่าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะตลอดเวลาของผู้เข้าชม (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)



          Ski Cable สำหรับหน้าหนาวนี่คือที่ลำเลียงนักสกีไปยังยอดบนสุด แต่สำหรับหน้าร้อน นี่คือกระเช้านั่งชมวิวแบบโอเพนแอร์ ที่จะทำให้คุณเห็นทัศนียภาพของภูเขา ป่าไม้ และแวนคูเวอร์ในมุมสูงที่สุดและสวยที่สุด (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)



ขอขอบคุณข้อมูลจาก


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
tourismvancouver.com, vanaqua.org, vancouverlookout.com




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สวรรค์ฤดูร้อนทางซีกโลกตอนเหนือ อัปเดตล่าสุด 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 18:01:52 5,920 อ่าน
TOP