เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ high on dreams สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก high on dreams :}
คนที่กำลังวางแผนอยากไปเยือน "ปีนัง" ดินแดนที่มี Wall Art น่ารัก ๆ ให้ได้แชะภาพความประทับใจในอิริยาบถเก๋ ๆ หรือสัมผัสกับวิถีชีวิตและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่น ๆ อยู่ละก็...ตามมาเลยจ้า เพราะวันนี้เราหยิบเอาบันทึกการเดินทางของ คุณ high on dreams สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้แบ็คแพ็ก คีบแตะ ไปเดินเล่นปีนังแบบชิล ๆ พร้อมกับเล่าเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวสนุก ๆ ให้เราได้ติดตามกันค่ะ
สำหรับ ปีนัง (Penang) อยู่บริเวณช่องแคบมะละกา ทางตอนใต้ของชายฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือประเทศมาเลเซีย หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เนื่องจากมีเมืองจอร์จทาวน์เป็นเมืองหลวงและเป็นศูนย์กลางที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจบนเกาะแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่งก็ว่าได้ แถมจากการที่มันเป็นแหล่งขนส่งติดต่อกับชาวต่างชาติ ยังทำให้ปีนังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลายอีกต่างหาก (ดูเพิ่มเติมได้ที่ thaiembassy.org) เอาเป็นว่าอย่ารอช้าตาม คุณ high on dreams สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปเที่ยวปีนังกันเลยดีกว่าค่ะ
+++++++++++++++++++++++++
ปีนัง มันที่ไหนวะ ? บอกเลยว่าเพิ่งรู้จักปีนังไม่นาน ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเป็นยังไง อยู่ที่ไหน จนกระทั่ง 5 เดือนที่แล้ว พี่ชายเราส่งไลน์กระทู้หนึ่งในพันทิปให้ดู พร้อมกับบอกว่า "ไปไหม ? ปีนัง" ยังไม่ทันได้ตอบมันก็บอกต่อว่า "จองตั๋วให้ละนะ ไป 5 กลับ 7 กันยายน ลางานศุกร์วันเดียว""ห๊ะ !?!?!?!" เดี๋ยว ๆ คือ "ไปไหม" นี่เป็นประโยคคำถามหรือบอกเล่าวะ ! ยังไม่ได้กดดูกระทู้รู้แต่เป็นที่เที่ยวก็เลย..."เออ ๆ ไปก็ไป"
ที่มันชวนเพราะมันเห็นเราเขียนรีวิวตอนไปสังขละบุรีคนเดียวครั้งที่แล้ว แล้วมันอยากไปด้วย ไม่ใช่อะไร โถ่ ๆ ประกอบกับตอนนั้นตั๋วโปรฯ แอร์ลดราคามันเลยซื้อให้ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ 399 บาท ถูกกว่ารถทัวร์อีก กะว่าจะนั่งไปลงหาดใหญ่แล้วต่อรถไฟข้ามประเทศ
ช่วงเวลา 5 เดือน ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเกือบลืมไปแล้วว่าต้องไป เที่ยวเยอะ งานเยอะ วุ่นวาย ไม่มีเวลา ได้มาหาข้อมูลจริง ๆ จัง ๆ 1 อาทิตย์ก่อนไป เพราะพี่ดันบอกว่าไปไม่ได้แล้วติดงาน !! ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะรู้สึกกลัว ๆ นะที่ต้องไปคนเดียว แต่ตอนนี้เริ่มชินละ - -" เลยต้องวางแผนเองและคิดเอาเองว่าไป 3 วัน ไม่น่าจะพอ จึงแอบไปจองตั๋วกลับอีกวันหนึ่ง หาดใหญ่-กรุงเทพฯ ยอมทิ้งของฟรีสักหน่อย ไปต่างประเทศทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม :}
และนี่คือข้อมูลเท่าที่เรารู้ก่อนไปปีนัง (ข้อหลัง ๆ เป็นสาระสำหรับคนกำลังแพลนวิธีเดินทางนะ)
ปีนังอยู่มาเลเซีย - -"
เป็นเกาะ ติดทะเล ติดภูเขา (ชิลแน่ ๆ)
เป็นเมืองศิลปะเมืองหนึ่ง Wall Art ทั่วทั้งเมือง ร้านกาแฟเก๋ ๆ และ Art Gallery ชิค ๆ คูล ๆ (นี่แหละที่ต้องการ)
เป็นเมืองเก่า ตึกเก่า สไตล์ชิโนโปรตุกีส เมืองมรดกโลก (เตรียมตัวเดินขาลากได้เลย)
เมืองรักสงบ เมืองศาสนา ไม่ค่อยกินแอลกอฮอล์ (ทริปนี้ต้องโนแอลกอฮอล์สินะ)
มีสะพานที่ยาวมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้...สวยด้วย
มีเมืองหลวงชื่อจอร์จทาวน์ (เล็งที่พักย่านนี้แหละ)
เมืองบาตู เฟอริงงิ (Batu Ferringhi) ห่างจากจอร์จทาวน์ 1 ชั่วโมง มีทะเลสวย หาดทรายขาว (ว่าจะไปนอนวันหนึ่ง)
เวลาที่มาเลเซีย เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
เงิน 1 RM (ริงกิต) ~ 10 THB (บาท)
จากสนามบินหาดใหญ่ต้องนั่งแท็กซี่ 300 บาท สองแถว 30 บาท เข้าเมืองไปขึ้นรถตู้ แถวโรงแรมอโลฮ่า KST Travel รอบ 09.30 น./12.30 น./14.00 น./17.00 น. ราคา 450 บาท
มีรถไฟ มีเครื่องบิน ตรงจากกรุงเทพฯ ไปปีนัง
สถานีรถไฟ สถานีรถบัส สถานีรถเมล์อยู่ใกล้กัน เดินได้ ป้ายชัด
Jetty (เจ็ตตี้) คือชื่อท่าเรือที่ข้ามมาจากฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธ เป็นจุดเริ่มต้นของรถเมล์ทุกสาย
Komtar (คอมตาร์) เป็นตึกที่สูงสุด ศูนย์กลางเมืองจอร์จทาวน์ เป็นห้าง มีรถเมล์หลายสายผ่าน
มีรถเมล์ฟรี !!! มีแท็กซี่แพงมาก !!!
สาย 204/502 ผ่าน Lebuh Chulia (ใกล้ที่พัก ที่กิน เมืองเก่า) สาย 101 ไปทะเลบาตูได้ 2.7 RM ~ 27 THB (รถเมล์หมด 5 ทุ่ม)
แพลนทริปการไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก เล่นเอาเหนื่อย เอาล่ะ...เตรียมตัวไปได้
#002 คืนก่อนวันเดินทาง...
พี่ชายเราอยู่ดี ๆ ฮีก็เปลี่ยนใจไปด้วย - -" จริง ๆ ฮีหลอกให้เราแพลนแน่ ๆ ชิ แต่ฮีไม่รู้ว่าเราแอบทิ้งตั๋วกลับ แล้วไปซื้อตั๋วใหม่อยู่ต่ออีกวัน 55
5 กันยายน 2557 เวลาเช้า ๆ ต้องแหกขี้ตาตื่นไปขึ้นเครื่อง ก่อนขึ้นเราโทรไปถามรอบรถตู้ที่หาดใหญ่ไว้ มีรอบ 12.00 น. และ 14.00 น. ซึ่งเราจะถึงสนามบินหาดใหญ่ 11 โมง แล้วต้องต่อสองแถวเข้าเมืองอีกประมาณ 1 ชั่วโมง อยากได้รอบเที่ยงแต่ก็ไม่กล้าจองกลัวจะเข้าเมืองไม่ทัน เลยบอกเขาไปว่าเดี๋ยวดูก่อน แต่คุณนางคิวรถตู้ก็โทรมากลับมาจัง
"เนี่ยยยยย น้องจะจองไว้ก่อนไหมคะ เพราะมีคนเยอะ เดี๋ยวเต็มก่อน พี่จะได้ล็อกคิวไว้ให้" ก็บอกแล้วไงว่ากลัวไปไม่ทัน นางก็ย้ำ ๆ ให้ขึ้นแท็กซี่ไป 300 บาทเอง หะ ! 300 บาทเองงงงงงงจ้าาาาาา เพิ่มอีกร้อยหนึ่งคือบินกลับได้เลย แต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นได้ พี่ชายอยู่ทั้งคนกลัวอะไร ให้มันจ่ายค่ะ
ป.ล. หรือจะเรียกทริปนี้เป็น Sponsor Review ดีนะ แต่จะให้เรารีวิวอะไรพี่เราวะ หนุ่มสปอต อายุ 27 ปี รวย ใจดี มีแฟนแล้ว หน้าตาก็...งั้น ๆ สู้น้องก็ไม่ได้ 5555 มันใช่เรื่องไหม ?
นาฬิกาที่สนามบินหาดใหญ่บอกว่าอีก 15 นาที รถตู้ปีนังจะออกละ
เนื่องจากทางพี่รถตู้เตือนมาว่าอย่าบอกแท็กซี่มิเตอร์นะว่าจะไปคิวรถตู้ปีนัง ให้บอกว่าไปโรงแรมอโลฮ่า เดี๋ยวพี่แท็กซี่จะหลอกพาอ้อม พี่ชายเราเลยเลือกไปแท็กซี่ลีมูซีนของสนามบิน 320 บาท เพิ่ม 20 บาท ตัดปัญหาแท็กซี่พาอ้อม เพื่อความรวดเร็ว ซึ่งจริง ๆ แล้วแท็กซี่ธรรมดาคงราคาไม่ถึงเท่านี้หรอก...มั้ง นี่สินะเอาเงินแก้ปัญหา - -"
#003 เรามาถึงเลทประมาณครึ่งชั่วโมง บริษัทรถตู้เราอยู่หน้าโรงแรมอโลฮ่าเลยค่ะ ซึ่งก็คือจุดที่เรายืนถ่ายอยู่นี่แหละ มีรถตู้คันหนึ่งจอดอยู่ มีรอขึ้นคนอยู่สองคน คือฝรั่ง 1 คน และพระสงฆ์อีก 1 รูป ไหนบอกคนเต็มคะ
#004 พี่รถตู้พาเรามาถึงด่านสะเดา จังหวัดสงขลา แอบเสียใจนิดหนึ่งเพราะเราอยากไปด่านปาดังเบซาร์ มันไม่ได้มีอะไรหรอก แค่ชื่อเพราะเฉย ๆ เลยอยากไป ฮ่า ๆๆๆ
ผ่านด่านเรียบร้อยก็ขึ้นรถตู้ นั่งเคลียปัญหาชีวิตก่อนตัดจากโลกไร้โทรศัพท์ แล้วเงยหน้ามาเสพสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้มากที่สุด แต่แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"น้องคะพี่ขอคุยกับคนขับหน่อยค่ะ" (เป็นสำเนียงใต้นะ) พี่ที่ท่ารถตู้โทรมาค่ะ คือพี่คนขับเขาลืมโทรศัพท์ไว้ที่ออฟฟิศ หลังจากนั้นโทรศัพท์เราก็กลายเป็นโทรศัพท์เขาไปเลย โทรมาหลายรอบมาก - -" กลับไปเอาโทรศัพท์ไหมพี่ ?
#005 เรื่องราวของพี่รถตู้ยังไม่จบ ระหว่างนอนหลับอยู่บนรถเข้าเขตมาเลเซียสักพักก็เริ่มร้อน ๆ มาเลเซียมันร้อนกว่าไทยหรืออย่างไร ? แล้วมองไปที่พี่คนขับ พี่จะปิดแอร์ เปิดกระจก...เพื่อ ? สรุปว่าแอร์เสีย ไม่บอกสักคำ อากาศร้อนต้องเปิดกระจกรับลม นอนไม่หลับตลอดทาง 4 ชั่วโมง ตามนั้นค่ะ - -"
#006 เราบอกพี่คนขับว่าจะลงฝั่งจอร์จทาวน์ ในใจนี่กะว่าจะได้นั่งรถข้ามสะพานปีนังแหละ แต่ที่ไหนได้คุณพี่ก็เอารถตู้ขึ้นเรือข้ามเกาะ - -" ความฝันข้ามสะพานที่ยาวที่สุดล่มสลายทันใด คงได้แค่มองอยู่ไกล ๆ T___T เอาน่า...ขึ้นเรือก็ได้เห็นอีกมุมแหละ...เนอะ
#007 ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน หลังจากข้ามฝั่งมาแล้วเราจะเจอกับท่ารถเมล์ และขึ้นรถสาย 204 ไปลงที่พักอย่างสบายใจ แต่อิสองพี่น้องคู่นี้ลืมอะไรไม่ลืมดันลืมแลกเงิน !!!!! ทำให้ไม่สามารถขึ้นรถเมล์ได้ จึงต้องออกเดินทางด้วยสองเท้าหาที่รับแลกเงินไทย
เดินเรื่อย ๆ
เดินเรื่อย ๆ
เดินเรื่อย ๆ
เดินเรื่อย ๆ
เดินเรื่อย ๆ
เดินเรื่อย ๆ
เดินเรื่อย ๆ
เดินเรื่อย ๆ
เดินเรื่อย ๆ
#008 เดินไปเรื่อยจนมืด จนเมื่อย สรุปหลงทาง - -" ได้มาแลกเงินที่ร้านขายทัวร์ 2,000 บาท ได้เกือบ 200 ริงกิต (จำไม่ได้ว่าเท่าไร) แล้วหาทางเดินกลับไป Jetty อีกรอบเพื่อนั่งรถเมล์ จริง ๆ มาเปิดดู Map ทีหลังพบว่าตัวเองได้เดินตามทางไปที่พักได้ครึ่งทางแล้ว และเดินกลับไปขึ้นรถเมล์ในระยะทางอีกเท่าหนึ่ง เพื่อออออออออ
#009 เราพักที่ Red Inn Cabana เป็นโฮสเทลบนถนน Lebuh Leith จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันอ่านว่าถนนอะไร อ่านเอาเองว่าเลบูเล่ - -" Lebuh น่าจะแปลว่าถนน เราจองที่นี่ไว้ก่อนมา 303 บาท ผ่าน www.booking.com ตอนนั้นยังคิดว่าตัวเองเดินทางคนเดียวอยู่ เลยจองโฮสเทลแค่เตียงเดียว ส่วนพี่ชายเราไม่ได้จองให้ มันมาถามเอาข้างหน้ารีเซฟชั่นเลย และมันจะเอาห้องเดี่ยว !! โอ๊ยยยยยย พี่ไม่ฟิลน้องเลย น้องอยากนอนห้อง Dorm Backpacker น่ะ เข้าใจปะ ๆๆๆ สุดท้ายห้องเดี่ยวเต็มเลยได้นอนห้อง Dorm ด้วยกัน ทั้งห้องมี 4 เตียง แต่มีคนนอนแค่เราสองคน - -" เรามาถึงตอนค่ำ ๆ นะ แต่ภาพเซตนี้เป็นของเช้าวันถัดมา
#010 เก็บของเข้าที่พักได้เรียบร้อยก็เตรียมออกเดินสำรวจ (อีกแล้ว) ข้าง ๆ ที่พักเราเป็นฟู้ดคอร์ทใหญ่ ๆ เลย เรียกว่า Red Garden มีอาหารมาเลเซีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่ง รวมถึงอาหารไทยด้วย เราเลยจัดไปอาหารมาเลเซียสุดฮอต ตามป้ายเลยค่ะ Lak sa (Famous Penang Local food) 4 RM
หลักซา เป็นประมาณเส้น ๆ กับน้ำซุปปลา มีน้ำจิ้มใส่ช้อนมาด้วย แหมดูพิถีพิถันในการกิน ตรูจะซดน้ำชิมก็ไม่ได้ ต้องเทน้ำจิ้มก่อน ตอนแรกขอเขาเพิ่มปลาหมึกลงไปด้วยได้ไหม เขาดันไม่ให้ (หรือเราพูดไม่รู้เรื่องก็ไม่แน่ใจ) 5555 ถ้าจะให้อธิบายคำแรกที่ได้ลิ้มรส นี่มันกวยจั๊บ+แกงส้ม+ขนมจีนน้ำยาป่าใส่ปลาร้านี่หว่า !!!!! (ความคิดเห็นส่วนตัวนะ) เรากินคำเดียวแล้วจอดเลยค่ะ
เลยไปแจมเนื้อสะเต๊ะกับปลาหมึกผัดอะไรสักอย่างของพี่ค่ะ เป็นเมนูที่มันก็จิ้มเดา ๆ ของมันอร่อยกว่าของเราหลายเท่าเลย
#010-1 จบของคาวก็ตามด้วยของหวาน เราเดินไปต่อที่ถนนจูเลีย (Lebuh Julia) ไม่ไกลจากที่พักเท่าไร เจอร้านน้ำแข็งใสเรียกว่า ice kacang อร่อยดีนะ 2 RM
ตามด้วยของคาวอีกครั้ง เป็นร้านข้างทางที่น่าลองมากกกกกกกก ป้ายร้านเขียนว่า Lok Lok ขายเป็นไม้ ไม้ละคำ ราคาดูตามสีของไม้ ประมาณลูกชิ้นบ้านเราแหละ 5 บาท 10 บาท แต่ที่นี่มีลูกชิ้นหลายชนิดมาก มีหมูพะโล้ด้วย หอยแครง แมงกะพรุน ปลาหมึกกรอบ หมึกธรรมดา เลือกหยิบได้เลย บางอันต้องเอาไปลวกก่อน มีหม้อให้ลวกเองเดือดปุด ๆ หน้าเราเลย (เอ๊ะหรือ Lok Lok มันแปลว่าลวกลวก ?) เรายืนกินหน้าร้านนั้นแหละ มีน้ำจิ้มให้เลือกด้วยนะ ชิลลี่ซอสกับไทยชิลลี่ซอส สีเหมือนกันเด๊ะ แต่ไทยชิลลี่เผ็ดกว่า
ด้วยความตื่นเต้นกับอาหารตรงหน้า หยิบกินไม่หยุด เผลอกินปลาหมึกดิบแบบไม่ลวกไปคำหนึ่ง หยึ๋ย -x- แต่ก็ประทับใจลวก...ลวกมากค่ะ
#011 จากการรีเสิร์ชข้อมูลก่อนมา เขาบอกว่าปีนังเป็นเมืองรักสงบ เป็นเมืองเคร่งศาสนา ไม่ใช่สถานที่ Night Life ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศไทย ปีนังก็เปรียบเสมือนอยุธยา...แต่เมื่อได้มาเจอกับตัว ไหนบอกสงบ ! ไหนบอกไม่แอลกอฮอล์ ! ร้านเหล้าเบียร์เพียบเลยจ้า Karee ริมถนนก็เพียบเช่นกัน
ดีลีทภาพเมืองเก่าเงียบสงบในหัวแทบไม่ทัน แต่เราไม่ได้แอนตี้อะไรหรอก แค่มันไม่ใช่อย่างที่เรารู้มาแค่นั้นเอง แล้วก็ไม่ปฏิเสธด้วยว่าเราก็อยากนั่งดื่มนั่งชิลเหมือนกัน มันอาจเคยเป็นเมืองที่สงบจริง ๆ ก็ได้ จนกระทั่งมีนักท่องเที่ยวเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ตามกฎของอุปสงค์-อุปทาน มีความต้องการซื้อก็มีความต้องการขาย เราอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความสงบที่เคยมีเปลี่ยนไป แต่เราก็ไม่อยากให้คนพื้นถิ่นเสียรายได้เช่นกัน 555
#013 แพลนวันนี้เราจะไป บาตู เฟอริงกิ (Batu Feringhi) รีเสิร์ชมาว่าเป็นเมืองติดทะเลที่ฮอตที่สุดของเกาะปีนัง สามารถเดินทางไปได้ด้วยรถเมล์สาย 101 ใช้เวลาเดินทางจากจอร์จทาวน์ประมาณ 1 ชั่วโมง เรากับพี่เดินออกไปรอรถเมล์หน้าเซเว่นฯ ถนนจูเลีย ว่าจะไปที่ Jetty เพราะที่นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของรถเมล์ทุกสาย เมื่อไปถึงก็เห็นเลยว่ามีรถ 101 จอดอยู่ โอเค...ขึ้นเลยพี่ เวลาขึ้นรถเมล์ที่นี่จะต้องขึ้นที่ประตูหน้า แล้วต้องบอกกับคนขับว่าจะไปที่ไหน เขาก็จะบอกราคาเรา อีกอย่างคือรถเมล์ไม่มีทอนนะ เตรียมเงินหยอดตู้ให้พอดีด้วย พี่เราขึ้นปุ๊บก็บอกคนขับว่าจะไปบาตู ฮีคนขับบอกว่า "4 ริงกิต" อ้าวเฮ้ย ! ตรูโวยวายเลย ดูในพันทิปมาเขาบอกว่า 2.7 ริงกิต เองนี่ ส่วนพี่เรากำลังควักตังค์เพิ่มละ นางชอบใช้เงินแก้ปัญหา - -" พอกำลังจะหยอดไป 8 ริงกิต สำหรับ 2 คน พี่คนขับปัดมือออก "โน ๆๆๆ" แล้วหยิบตั๋ว 2.7 ริงกิต ยื่นมาให้ Batu Ferringhi 2.7 RM ฟังชัด ๆ อีกที "บาตู เฟอริงกิ" ที่ซึ่งพวกเราได้ยินเป็น "บาตู โฟ (4) ริงกิต !!!!" ฟังผิดเงิบบบบบบบเลยยยยยยยยทั้งพี่ทั้งน้อง 55555
ป.ล. แล้วรถเมล์สาย 101 ที่เราขึ้นก็ขับผ่านจูเลีย ที่ที่เรารอรถเมล์ รู้อย่างนี้แค่ข้ามถนนมารออีกฝั่งก็ได้ละ ไม่ต้องนั่งไปเริ่มถึง Jetty
#014 บาตูโฟริงกิต ! อยู่ทิศเหนือของเกาะปีนัง ระหว่างทางเป็นทางขึ้นเขาจะขี่มอเตอร์ไซค์มาก็ได้ แต่ยากอยู่ เลียบชายฝั่งทะเลส่วนใหญ่เป็นหิน มีคนเล่นน้ำบ้างประปราย และตลอดทางจะมีโรงแรมหรู ๆ คอนโดสูง ๆ แย่งวิวริมทะเลกัน เหมือนมันเป็นเมืองตากอากาศของไฮโซมาเลเซียยังไงไม่รู้ ต่างจากโซนเมืองเก่าลิบลับ (ก็แน่สิ - -") นั่ง ๆ นอน ๆ ไปแป๊บเดียวก็ถึง ถามว่ารู้ได้ยังไงว่าถึงบาตู ตอนนี้คงต้องเปิด Map ดูละ เพิ่งรู้ว่า Map ใน iPhone ใช้งานได้โดยไม่ต้องมีสัญญาณมือถือ ฮ่า ๆๆๆๆ
เดินเล่น กินข้าว นั่งชิลสักพักแล้วก็นั่งรถเมล์กลับไปจอร์จทาวน์เลย อุตส่าห์แบกกระเป๋ามา - -"
เราได้ที่พักใหม่แถว ๆ เดิมนี่แหละ ในย่านเมืองเก่า ชื่อ House of Journey เป็น Dorm ห้องละ 4 เตียง 37 RM ด้านล่างเป็นคาเฟ่ชิค ๆ คูล ๆ
#017 แล้วก็ออกไปขี่มอเตอร์ไซค์เล่นกัน เราไม่ค่อยได้ไปสถานที่ Landmark ของที่นี่สักเท่าไร แค่ได้นั่งรถกินลมชมเมืองเก่า เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นในไทย เห็นวิถีคนเมืองที่ต่างกันออกไป สำหรับเราแค่นี้มันก็เหลือเฟือแล้ว
หลังจากเราเดินออกมาไกลแล้วฮีก็ยังร้องอยู่และก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ร้องเหมือนคนที่ไม่ค่อยปกติอะ คือเราก็รู้สึกผิดนะแต่ไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิด เราเดินมาเล็งถ่ายก่อนที่เขาจะมานั่ง หรือนี่มันพื้นที่ของเขา ? แต่พี่ไม่ได้เข้ามาห้ามแถมมานั่งได้มุมอีก หลังจากนี้เราเลยเริ่มหลอนกับการแอบถ่ายรูปคนไปเลย - -"
#020 เกือบจะมืดแล้ว ได้ยินเสียงละหมาดดังไปทั่วเมือง แต่สำหรับเราได้เวลาอาหารเย็นแล้วแหละ ฮี่ฮี่ ^^ ณ ตลาดหน้าเซเว่นฯ ถนนจูเลียที่เดิม วันนี้เป็นวันลองอาหารพื้นถิ่นข้างทางอีกครั้ง (ยังไม่เข็ด) เราลองสั่ง Curry Mee ดู เพราะแอบเห็นหอยแครงในชามที่เขากำลังจะเอาไปเสิร์ฟ มันจะต้องดีมากแน่ ๆ เราชอบกินหอยเป็นชีวิตจิตใจ จินตนาการไปว่าที่นี่ติดทะเลหอยคงจะสดมาก 555 พอได้ชิมก็ตามนั้นแหละ บะหมี่น้ำซุปแกงกะหรี่ซีฟู้ด แซ่บ ๆ 3 RM เอง
ในส่วนของพี่เราลองร้านข้าง ๆ กัน เป็นบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงขลุกขลิกซุปดำ มันเหมือนบะหมี่แห้งนะ แต่มันไม่แห้ง จะว่าบะหมี่น้ำมันก็ไม่ใช่อีก ก็เลยเป็นน้ำขลุกขลิก ฮ่า ๆๆๆ อันนี้เราว่าพอถูไถ ชายสี่อร่อยกว่า
เวลาเรามากินที่นี่จะมีโต๊ะให้นั่งอยู่ข้างหลัง นั่งปุ๊บจะมีเด็กเสิร์ฟจากร้านน้ำมาขายน้ำทันที ถ้าไม่ซื้อไม่ให้นั่ง ! เวรละ...คิดไม่ออกจะกินน้ำอะไร ถ้าทุกอย่างจะ 2 RM ขนาดนี้ เอาน้ำสับปะรดละกัน แต่แล้วฉันก็ได้น้ำแอปเปิลมา - -"
#021 เคยอ่านมาว่ามาปีนังห้ามพลาด Gurney Drive มันเป็นฟู้ดคอร์ทเอาท์ดอร์ใหญ่ ๆ แห่งหนึ่ง เลียบทะเล หลังห้าง Gurney ชื่อมันเท่เลยอยากลอง อีกอย่างที่นี่ใน Map ก็ไม่มีนะจ๊ะ เราถามพี่ที่โฮสเทลเอา ขับมอเตอร์ไซค์จากเซเว่นฯ จูเลียไปประมาณ 10 นาที ระหว่างทางเป็นถนนเลียบทะเลที่ไม่มีหาด มีติดไฟประดับสวยงาม มีลานเอาไว้ให้คู่หนุ่มสาวมานั่งจีบกันใบบรรยากาศชิล ๆ อร้ายย~~~
พอมาถึงพบว่ามันก็คือตลาดโต้รุ่งใหญ่ ๆ นี่เอง มีอาหารละลานตาแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี เลยลงเอยด้วยแฮมเบอร์เกอร์กับไทเกอร์เบียร์ - -" เป็นเพราะพวกเราเสี้ยนเนื้อกันค่ะ ฮ่า ๆๆ อยากกินเนื้อวัว
โดนไป...ฟินจริงอะไรจริง สำหรับคนชอบกินเนื้อ น้ำซุปร้อน ๆ หอม ๆ กับเนื้อติดกระดูกที่ร้านเลาะออกใส่ซุปให้ตักกินง่าย ๆ มีหลอดไว้ดูดไขกระดูกมากิน ข้น ๆ มัน ๆ แต่เรากินไขเพียว ๆ ไม่ได้ ต้องเอาน้ำซุปหยอดเข้าไปคน ๆ ผสมกันละค่อยกิน ค่ำคืนนี้จบลงด้วยซุปโคตรกระดูกวัวชามนี้เอยยยยย.....
#023 เช้าวันรุ่งขึ้นพี่เราต้องกลับ ส่วนเราจะอยู่ต่อ (แอบโดนด่านิดหนึ่งที่ทิ้งตั๋วเครื่องบิน แต่ทำยังไงได้ไม่อยากกลับ - -") แต่ก็แอบโหวงเหวงอยู่เหมือนกัน บ๊ายบายพี่ชาย...หลังจากนี้เราต้องออกโรงเองซะแล้ว
เราออกไปส่งพี่ที่หน้าโฮสเทล 9 โมงเช้า แล้วกลับมากิน Breakfast ฟรี แล้วเข้าไปนอนต่อ - -"
#024 ตื่นมาอีกที 11 โมง นางจะขี้เกียจไปไหน แล้วนางก็เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้มีแพลนต้องไปคืนมอเตอร์ไซค์ตอนบ่าย 2 ต้องไปดูรอบรถกลับ ต้องออกไปหาที่พักใหม่ ต้องไปปีนังฮิลล์ ต้องไป Hin Bus Depot Gallery ต้องไป Camera Museum เราเช็กเอาท์ออกจาก House of Journey แล้วขับมอเตอร์ไซค์ไปหาที่พักใหม่ ที่พักที่เราเล็งไว้ก็ดันเต็ม ไปอีกที่ก็เจอรูมเมทชายฝรั่งอ้วนนอนถอดเสื้อ (อยู่ดี ๆ ก็กลัวขึ้นมา) ไม่เอา ๆ มาจบที่ Ryokan Chic Hostels เพราะขี้เกียจหาแล้ว ตกลงเอา Dorm เตียงละ 30 RM เราเตรียมบัตรเครดิตจะจ่าย ดันไม่รับบัตรเครดิต แม่จะกรี๊ด ๆๆๆ เลยควักเงินทั้งหมดที่มีจ่ายไป แถมขอค่ามัดจำกุญแจอีก 30 RM
หะ !!! ลืมคิดเรื่องค่ามัดจำไปเลย เหลือแต่เงินไทย 300 บาท แทนได้ไหม ? เรียกว่าหมดตูดอะค่ะตอนนี้
#025 เราฝากของไว้ที่โฮสเทลแล้วออกไปหาที่กดตังค์ บอกเลยว่าที่นี่ไม่ได้กดตังค์ง่าย ๆ นะ ตู้ ATM หน้าเซเว่นฯ ก็ไม่มีเหมือนบ้านเราด้วย ต้องไปกดที่ธนาคาร เราก็ขับวนหาธนาคารอยู่นาน น้ำมันก็จะหมดอะไร...ตอนนี้เนี่ย ในที่สุดก็เจอธนาคาร CIMB ที่ตึกคอมต้า และในที่สุดอีกทีนางก็พบว่าลืมเอาบัตรมาาาาาาา !! โอ๊ยยยยยยยย...อยากจะร้องไห้ ทำไมนางเป๋อได้ขนาดนี้ T___T
เซ็ง ! บอกเลยตอนนั้นเซ็งมาก ไม่กดมันแล้วขับกลับไปกลับมาเดี๋ยวก็หมดเวลาพอดี ปลอบใจตัวเองว่า "เงินมันไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตขนาดนั้นหรอก" (พูดปนน้ำตา 555) แล้วออกเดินทางต่อไป ตามหาที่ที่ฉันจะมีความสุขได้...โดยไม่ต้องใช้เงินนี่แหละ
Hin Bus Depot Gallery เป็นสตูดิโอส่วนตัวของ Ernest Zacharevic ศิลปินที่วาดภาพบนผนังของจอร์จทาวน์ ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ไปแล้ว เสพสุขให้เต็มที่ เดิน นั่ง นอน ตีลังกา หรืออะไรก็ได้ไม่มีคนเห็น รอยยิ้มปรากฏลงบนหน้าฉันอีกครั้ง เพราะ Gallery นี้ "เข้าฟรี" :)
#027 เขาบอกต้องเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนเอามอเตอร์ไซค์มาคืน เราขุดค้นกระเป๋าทุกซอกทุกมุมเจอเหรียญและแบงค์รวมกันได้ 4 RM ปั๊มน้ำมันที่นี่เป็นแบบเติมเองนะ แต่เราเติมไม่เป็นเลยต้องไปเรียกเขามาเติมให้ 4 ริงกิต สุดท้ายยยยยยยย จากน้ำมันเกลี้ยงถังเติม 40 บาท ก็ล้นแล้วจ้า ที่นี่น้ำมันถูกจริง ๆ หลังจากคืนมอเตอร์ไซค์เราจะได้เงินมัดจำมา 100 RM เป็นไทยละ !! เอาไปซื้อตั๋วรถกลับ
#028 บอกเลยว่าวันนี้เป็นวันไร้สาระของเรามาก นั่งรถเมล์ฟรีไปตึกคอมต้าพยายามจะกดเงินอีกครั้งแต่ก็ไม่สามารถ ไม่รู้ทำไมกดไม่ได้หรือกดไม่เป็นก็ไม่รู้ - -" ปลง กินเคเอฟซีมันซะเลย
#029 จริง ๆ เที่ยวคนเดียวบางทีก็รู้สึกดี บางทีมันก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ เราเป็นคนขี้เกียจ เอื่อย เฉื่อย ตื่นก็สาย พอไม่มีคนมาจำกัดเวลาอะไร ๆ มันก็เลยช้าไปซะหมด เรานั่งรถเมล์ไปต่อเรือที่ Jetty เพื่อเข้าฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธ ไปดูรอบรถไฟกับรอบรถบัสขากลับ แล้วเดินเล่นเรื่อยเปื่อย ดูนาฬิกาอีกทีนี่เกือบหมดเวลาไปอีกวันละ - -"
มีรถไฟเข้ากรุงเทพฯ รอบเดียว คือ บ่าย 2 (110 RM) ส่วนรถบัสไปหาดใหญ่มีประมาณ 4 รอบ แต่เราจำไม่ได้ เราเลือกรอบบ่าย 2 (30 RM)
"มาปีนังถ้าไม่ได้ขึ้นปีนังฮิลล์ถือว่ามาไม่ถึง !!!" รู้สึกเสียดายจนถึงทุกวันนี้
ในเมื่อ Bird Eye View ไม่ไหว ก็เป็น Worms Eye View แทนละกัน ว่าแล้วก็ไปเดินเล่นหมู่บ้านชาวประมง แถวนี้มีบริการสปีดโบ๊ทเที่ยวเกาะด้วยนะ
#031 Camera Museum คนรักกล้องคงจะชอบที่นี่นะ มันอยู่ซอยเดียวกับที่พักเราเลย มี 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นแกลลอรี่กับคาเฟ่ ส่วนชั้น 2 เป็นส่วนของ Museum ซึ่งเราไม่ได้ขึ้นไปค่ะ เพราะอะไรน่าจะรู้ ฮ่า ๆๆๆ
#033 พอเริ่มมืดก็กลับมาที่โฮสเทล ทักทายรูมเมท 2 คน เป็นนักศึกษาอยู่กัวลาลัมเปอร์ แล้วทั้งสองฮีก็ชวนเราไปกินข้าวด้วยกัน ฮีเปิดรูป Steamboat ให้ดู ว่าเราจะไปกินไอ้นี่กันนะ เป็นบุฟเฟ่ต์กระทะหม้อไฟอยู่ตรงกลาง มีทุกอย่างที่อยากกิน ซีฟู้ด กุ้ง หอย ปู ปลา หมู เนื้อ ติ่มซำ จัดเต็มเลยเจ๊ สารภาพเลยตอนนั้นเห็นภาพแล้วหิวมาก โดยไม่แคร์เงินในกระเป๋า เดินตามต้อย ๆ เหมือนมีแม่เหล็กดูด พอถึงร้านเราก็ถล่มเลยจ้า เนื้อเกาหลีมาเลเซีย เฮ้ย...สรุปเกาหลีหรือมาเลเซียฮะ
#034 ตื่นสาย ๆ มาเจอกับห้องที่ว่างเปล่า เพื่อนมาเลเซียเรากลับไปแต่เช้าแล้ว เพราะพวกฮีมีเรียน ฮีแอบวางพวงกุญแจปีนังเล็ก ๆ ไว้บนหัวนอนตอนเราหลับด้วย ฮ่า ๆๆ น่ารัก ๆ สักพักมีเสียงกุก ๆ กักอยู่ใต้เตียง (เราอยู่เตียงบน) เลยก้มลงไปดู อุ้ย ! เจแปนนิสกาย นึกว่าอยู่ห้องคนเดียวมาตั้งนาน เราทำความรู้จักกันสักพัก เป็นนักศึกษามาร์เก็ตติ้งปีสุดท้ายที่โตเกียว กำลังตระเวนเที่ยวทั่วตะวันออกเฉียงใต้ และก็กำลังจะไปเที่ยวประเทศไทยต่อ นั่งรถไฟจากที่นี่ไปกรุงเทพฯ เราก็อยากนั่งรถไฟนะ เดินทาง 22 ชั่วโมง ถึงหัวลำโพงเที่ยงวันถัดมา แต่เราไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น
ไปกินข้าวกัน เขาบอกมามาเลเซียห้ามพลาดข้าวมันไก่ แล้วเจอกันที่ไทยแลนด์นะตัวเธออออออออ
#035 มาถึง Bus Station ก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง นั่งรอนานนนนนนจนกลัวว่าตั๋วที่ซื้อมาเป็นตั๋วปลอม เดินไปถามแล้วถามอีก เหมือนนักท่องเที่ยวตื่นตูม จนมีลุงคนหนึ่งเดินมาถาม พูดไทยด้วย เพราะเห็นว่าเราไปหาดใหญ่
"บ้านอยู่หาดใหญ่เหรอ"
"ใช่ค่ะ" (หลอก ๆ)
"เออ ลุงก็เคยอยู่หาดใหญ่มาก่อนนะ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่เดี๋ยวนี้ลุงไปไม่ได้"
"อ้าวทำไมล่ะคะ ?"
"ลุงติดคุกแล้วเขาห้ามเข้า"
"!?!?!?!?!"
ต้องการอะไรจากหนู !?!?!? บอกหนูทำไม เราลุกขึ้นแล้วทำเป็นเดินไปซื้อน้ำ แล้วสิงสถิตที่หน้าร้านน้ำจนเขาเรียกไปขึ้นรถ
ลุงคนนี้แหละค่ะ
#036 ใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมง จากปีนังถึงหาดใหญ่ ถึง 6 โมงเย็นเวลาไทย และต่อสองแถวไปสนามบินอีก 1 ชั่วโมง ถ้าจะนั่งแท็กซี่ หรือรถกระป้อ หรือมอเตอร์ไซค์ เรียกเก็บเรา 300 บาทหมด แพง...แพงเว่อร์ แต่ถ้ารีบก็จัดเลยนะ เราชิล ๆ เลยเดินสุ่มตามหาสองแถวสนามบิน 30 บาท นานพอสมควร จนได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยสบายดี
#037 ทริปครั้งนี้ไม่มีอะไรมาก มีแต่กินกับเดิน ปีนังใหญ่กว่าที่เราคิดไว้มาก หลังจากกลับมาถึงรู้ว่ามีหลายที่มากที่อยากไปแต่ไม่ได้ไป ทำอะไรอยู่ตั้ง 4 วัน - -"
ขอบคุณพี่ชายแท้ ๆ สำหรับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (แต่ขากลับไม่ได้ใช้) ขอบคุณเพื่อนร่วมกิน สองหนุ่มนักศึกษานิติศาสตร์ใจดีจากกัวลาลัมเปอร์ ขอบคุณเพื่อนร่วมทางคนสุดท้าย ฮิโรมุ แล้วเราก็นัดกันไปดูคอนเสิร์ตแทททู คัลเลอร์ ที่ไทย
ลาก่อนนะ...ปีนัง ใกล้ ๆ เองเดี๋ยวกลับมาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ บ๊ายบาย
เงินที่เหลือทั้งหมด (197 THB) และของที่ระลึกจากมาเลเซีย ถามว่าอ่านออกไหม ?
ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมถามเราในนี้ได้นะคะ
https://www.facebook.com/highondreams
หรือทริปที่เราไปเที่ยวมาเมื่อก่อนหน้านี้
ผู้หญิงกะโหลกกะลา หยิบกล้องสะพายเป้ เที่ยวเกาะช้าง \'อะโลน\' แต่ไม่ ‘โลนลี่’ :}
แก ๆๆ BACKPACK นั่งรถไฟฟรี ไปดำน้ำเกาะเต่ากันมั้ย :}
สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยสังขละบุรี แบบชิค ๆ คูล ๆ :}
สำหรับคนที่ถามเรื่องค่าใช่จ่ายปีนังนะคะ อาจมีเลขที่หลงลืมไปบ้าง แต่มันก็ประมานนี้แหละ แหะ ๆ เรากดเงินสดไป 3,000 บาท หมดเกลี้ยงค่ะ !!! (ยังไม่รวมตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมแรกนะ) บางอย่างที่พี่เลี้ยงเราก็คิดราคาหารครึ่ง เช่น ค่าแท็กซี่และเช่ามอเตอร์ไซค์ ลองเอาไปคำนวณค่าใช้จ่ายตัวเองคร่าว ๆ ดูนะคะ
เที่ยวให้สนุกเด้อ ^_^
ป.ล. ในส่วนเครื่องดื่มเราไม่รวมค่าแอลกอฮอล์นะ