เที่ยวยุโรป 2025 สรุปเรื่องระบบเข้า-ออก EES (Entry/Exit System) ปีนี้เริ่มใช้ระบบดิจิทัลแทนการปั๊มพาสปอร์ต นักเดินทางควรรู้ก่อนออกทริป เพื่อเที่ยวได้ราบรื่นไร้กังวล สายเที่ยวยุโรป ต้องฟังไว้ ! เพราะการเดินทางไปยุโรปในปี 2025 จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่นักท่องเที่ยวควรรู้ นั่นคือ การเริ่มใช้ระบบ EES (Entry/Exit System) แทนการปั๊มพาสปอร์ตแบบเดิม ถือเป็นก้าวใหม่ที่จะทำให้ขั้นตอนการเข้า-ออกยุโรปสะดวกและทันสมัยมากขึ้น สำหรับใครที่วางแผนไปเที่ยวต่างประเทศปีนี้ แนะนำให้ติดตามรายละเอียดเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง EES (Entry/Exit System) คือ ระบบดิจิทัลที่สหภาพยุโรปพัฒนาขึ้นเพื่อใช้แทนการปั๊มตราบนพาสปอร์ตทุกครั้งที่นักท่องเที่ยวจากนอก EU/Schengen เดินทางเข้า-ออกยุโรป ระบบจะบันทึกข้อมูลอัตโนมัติ เช่น วันเวลาเข้า-ออก ประเทศที่ใช้ผ่านแดน รวมถึงข้อมูลชีวมิติ (ลายนิ้วมือและรูปถ่ายใบหน้า) โดยมีจุดประสงค์หลักเพิ่มความปลอดภัย ควบคุมคนเข้าออกอย่างแม่นยำ และทำให้ขั้นตอนเดินทางทันสมัยมากขึ้น ล่าสุดจากรายงานของ BBC ผ่านเว็บไซต์ bbc.com เกี่ยวกับการเตรียมเปิดใช้งานระบบ EES (Entry/Exit System) มีประเด็นที่น่าสนใจสำหรับนักเดินทาง นั่นคือ ระบบใหม่จะเริ่มใช้งานในวันที่ 12 ตุลาคม 2025 และจะทยอยเปิดใช้ตามจุดผ่านแดนต่าง ๆ เช่น สนามบิน ท่าเรือ และด่านรถไฟ จนกว่าจะครอบคลุมครบทั้ง 29 ประเทศ ภายในเดือนเมษายน 2026 ระบบนี้จะใช้กับ 29 ประเทศในเขตเชงเก้น (Schengen Area) ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างประเทศได้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจซ้ำ เช่น ฝรั่งเศส, สเปน, อิตาลี, โปรตุเกส, กรีซ รวมถึงจุดหมายปลายทางยอดนิยมอื่น ๆ ในยุโรป เมื่อเดินทางเข้าสู่ยุโรปด้วย EES ครั้งแรก นักท่องเที่ยวจากนอก EU รวมถึงชาวอังกฤษและคนไทย ต้องลงทะเบียนดังนี้ สแกนพาสปอร์ต ที่ตู้ kiosk หรือผ่านเจ้าหน้าที่ เก็บข้อมูลชีวมิติ ได้แก่ ถ่ายรูปใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือ (ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีที่ไม่ต้องสแกนลายนิ้วมือ) ตอบคำถามสั้น ๆ เกี่ยวกับการเดินทาง เช่น พักที่ไหน มีงบประมาณพอหรือไม่ และวัตถุประสงค์ของการมาเยือน *** ข้อมูลนี้จะถูกเก็บไว้ในระบบ มีอายุ 3 ปี และเมื่อต้องเดินทางรอบต่อไปก็เพียงแค่ยืนยันข้อมูล ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ทุกครั้ง ทางอากาศ (สนามบิน) นักท่องเที่ยวจากประเทศนอก EU/Schengen จะทำขั้นตอน EES เมื่อ ถึงสนามบินปลายทางในยุโรป โดยต้องสแกนพาสปอร์ต ลงทะเบียนข้อมูลชีวมิติ (ลายนิ้วมือและรูปถ่ายใบหน้า) และตอบคำถามสั้น ๆ เกี่ยวกับการเดินทาง ทางบกและทางน้ำ (จากสหราชอาณาจักร) เช่น Dover, Eurostar, Eurotunnel จะต้องทำที่ฝั่ง UK ก่อนออกเดินทาง โดยใช้ตู้ kiosk ที่ติดตั้งไว้ ทั้งนี้ มีความกังวลว่าในช่วงเริ่มต้นอาจเกิดคิวยาว เนื่องจากต้องใช้เวลาในการลงทะเบียนและเก็บข้อมูลนักท่องเที่ยวจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระบุว่าจะทยอยเปิดใช้ระบบ (phase in) และสามารถกลับไปใช้การปั๊มตราพาสปอร์ตแบบเดิมชั่วคราว หากคิวเริ่มหนาแน่นเกินไป เชื่อว่าก่อนหน้านี้น่าจะมีหลายคนที่สับสนระหว่างสองระบบนี้ โดยสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ EES คือ ระบบบันทึกเข้า-ออก หลังจากที่ผู้เดินทางมาถึง ของนักท่องเที่ยวจากประเทศนอก EU/Schengen โดยเก็บข้อมูลชีวมิติ เช่น ลายนิ้วมือและรูปถ่ายใบหน้า ETIAS (European Travel Information and Authorisation System) คือ ระบบ “ขออนุญาตเดินทางออนไลน์” สำหรับพลเมืองนอก EU ที่ไม่ต้องขอวีซ่า แต่ต้องลงทะเบียนออนไลน์ล่วงหน้าก่อนเดินทาง คล้ายกับระบบ ESTA ของสหรัฐฯ *** ETIAS จะเริ่มใช้ ปลายปี 2026 ค่าธรรมเนียม 20 ยูโรต่อการสมัคร (อายุใช้งาน 3 ปี) ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 และมากกว่า 70 ปี สมัครได้ฟรี สำหรับนักท่องเที่ยวไทยยังคงต้องยื่นขอวีซ่าเชงเก้นตามขั้นตอนปกติเพื่อเดินทางเข้าเขตเชงเก้น นั่นเป็นเพราะว่า EES เป็นเพียงระบบบันทึกข้อมูลการเดินทางเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจในการอนุญาตการเข้าเมือง และประเทศไทยยังไม่อยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าโดยอัตโนมัติสำหรับระบบ ETIAS ตั้งแต่ตุลาคม 2025 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวจะต้องเจอกับ ระบบ EES แทนการปั๊มตราพาสปอร์ตแบบเดิม เตรียมตัวเผื่อเวลาให้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ผู้คนยังไม่คุ้นกับขั้นตอนใหม่ ลงทะเบียน EES ครั้งแรก ข้อมูลจะใช้ได้ 3 ปี สำหรับทุกทริปต่อไป ปี 2026 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวต้อง สมัคร ETIAS ล่วงหน้าก่อนเดินทางเข้ายุโรปทุกครั้ง เที่ยวยุโรป 2025 ต้องเตรียมตัวกับระบบเข้า-ออก EES ที่จะเริ่มใช้ตุลาคมนี้ เข้าใจระบบล่วงหน้า จะทำให้ทริปยุโรปของคุณราบรื่นและไร้กังวล ^ ^ หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ กับเรื่องน่ารู้ก่อนไปเยือนสวรรค์แห่งยุโรป เที่ยวสแกนดิเนเวีย แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเด่นของยุโรปเหนือ 20 ประเทศที่น้อยคนจะรู้จัก แต่ควรค่าแก่การไปเยือนมาก เที่ยวลิทัวเนีย สัมผัสมนตร์เสน่ห์ทะเลสาบและปราสาทเก่าแก่ ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : เว็บไซต์ bbc.com, เว็บไซต์ travel-europe.europa.eu
แสดงความคิดเห็น