นั่งรถไฟไปลาว เดินทางไปเที่ยวลาวด้วยรถไฟกรุงเทพ-เวียงจันทน์ มีขั้นตอนอะไร ซื้อตั๋วยังไง สายเที่ยวสายลุยบอกเลยไม่น่าพลาด การเดินทางเที่ยวด้วยรถไฟเป็นอีกหนึ่งวิธีเที่ยวที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างการนั่งรถไฟไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านใกล้ ๆ ที่ลาว นาน ๆ ทีลองเปลี่ยนบรรยากาศวิธีการเดินทาง วิธีเที่ยวดูบ้าง ก็น่าสนใจใช่เล่น วันนี้เราเลยว่าจะมาแนะนำการนั่งรถไฟไปลาว ลองมาดูคร่าว ๆ หน่อยสิว่า ต้องเตรียมอะไร เส้นทางยังไง เอาไว้พอเป็นไกด์ แล้วไว้มีวันหยุดมาเที่ยวกัน ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับใครที่จะเดินทางไปลาวได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะมีการขยายเส้นทางรถไฟจากท่านาแล้ง ไปสิ้นสุดที่สถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) โดยข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมเปิดให้บริการ ขบวนรถโดยสารระหว่างประเทศ ไทย-สปป.ลาว เส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) เที่ยวแรก 19 กรกฎาคม 2567 เชื่อมต่อการเดินทางทั้งสองประเทศ และเริ่มจำหน่ายตั๋วแล้วตั้งแต่วันนี้ สำหรับขบวนรถไฟสายกรุงเทพ-เวียงจันทน์ ที่จะใช้เดินรถ เบื้องต้นจะใช้ขบวนรถไฟเส้นทางที่ให้บริการในปัจจุบัน โดยขยายเส้นทางจากเดิม กรุงเทพ-หนองคาย เป็นกรุงเทพ-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) วันละ 2 ขบวน (ไป-กลับ) ระยะทาง 614 กิโลเมตร เป็นรถพัดลม รถเร็ว ประเภทนั่ง ชั้น 2 และชั้น 3 - ขบวนที่ 133 เส้นทาง กรุงเทพ-หนองคาย ออกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เวลา 21.25 น. ถึงหนองคาย เวลา 07.55 น. - ขบวนที่ 134 หนองคาย-กรุงเทพ ออกจากหนองคาย 18.50 น. ถึงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ 05.20 น. แนะนำว่า ผู้โดยสารที่เดินทางมากับขบวน 133 และ 147 ควรใช้พาสปอร์ตเท่านั้น ไม่ควรใช้บัตรผ่านแดน (Border Pass) เนื่องจากผู้ไม่มีพาสปอร์ตต้องไปทำบัตรที่สำนักงานออกหนังสือผ่านแดนหนองคาย ซึ่งคิวอาจจะยาว และทำให้ไม่ทันกลับมาที่สถานีเพื่อขึ้นรถไฟต่อได้ รวมถึงใครที่จะจองตั๋วรถไฟลาว-จีน (LCR) สามารถจองที่สถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ได้เลย สำหรับใครที่สนใจอยากนั่งรถไฟสายกรุงเทพ-เวียงจันทน์ สำหรับราคาตั๋วค่าโดยสารนั้น ประกอบด้วย - นั่งชั้น 3 ราคา 281 บาท - นั่งชั้น 2 แอร์ ราคา 574 บาท - รถไฟตู้นอนแอร์ : นอนบน ราคา 784 บาท, นอนล่าง ราคา 874 บาท) ลาวเป็นอีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้านที่น่าเที่ยว ไปได้ไม่ยาก ใช้งบไม่เยอะ และยิ่งมีสายรถไฟกรุงเทพ-เวียงจันทน์ให้บริการแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งสะดวกมากเข้าไปใหญ่ สำหรับวิธีการซื้อตั๋วรถไฟ สามารถทำได้โดย 1. สถานีรถไฟทั่วประเทศไทย (สำหรับสถานีเวียงจันทน์ เริ่มขาย 20 กรกฎาคม 2567) 2. Call Center การรถไฟฯ 1690 3. เว็บไซต์ dticket.railway 4. แอปพลิเคชั่น D-Ticket สำหรับการเดินทางจากหนองคาย-ลาว สามารถเลือกเดินทางได้ทั้งรถบัสและรถไฟ คือสำหรับการเดินทางด้วยรถบัส จากหน้าสถานีรถไฟหนองคาย สามารถนั่งรถรับจ้างไปทำเรื่องผ่านด่านโดยการยื่น ตม. ฝั่งไทยที่ด่านพรมแดน จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ขายในส่วนของตั๋วรถบัสสำหรับเดินทางข้ามไปยังฝั่งลาวต่อไป โดยรถจะออกทุก 10-15 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที มาถึง บ้านท่านาแล้ง เวียงจันทน์ หลังจากผ่าน ตม. ฝั่งลาว ก็สามารถนั่งรถต่อไปยังตัวเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งมีรถรับจ้างคอยให้บริการอยู่เยอะมาก ๆสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟ นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟเส้นทางหนองคาย-ท่านาแล้ง (จะมีเจ้าหน้าที่ ตม. ประจำที่สถานีรถไฟ และทำเรื่อง) โดยมีรถไฟระหว่างประเทศให้บริการ 4 ขบวน ไป 2 ขบวนกลับ 2 ขบวน (ราคาตั๋ว 20 บาท) เมื่อไปถึงสถานีท่านาแล้งก็จะมีรถเหมาเข้าตัวเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งสถานีท่านาแล้งอยู่ห่างจากเวียงจันทน์ไปประมาณ 12 กิโลเมตร ตารางเวลาเดินรถไฟ หนองคาย-ท่านาแล้ง - ออกหนองคาย 07.30 น. ถึง ท่านาแล้ง 07.45 น. - ออกท่านาแล้ง 10.00 น. ถึง หนองคาย 10.15 น. - ออกหนองคาย 14.45 น. ถึง ท่านาแล้ง 15.00 น. - ออกท่านาแล้ง 17.30 น. ถึง หนองคาย 17.45 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก สถานีรถไฟหนองคาย หรือโทรศัพท์ 0-4241-1592 เมืองเวียงจันทน์ เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวของประเทศลาวที่น่าสนใจ สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน อีกทั้งคนลาวสามารถพูดภาษาไทยได้ จึงไม่ต้องกังวลเวลาหลงทาง อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ เช่น ประตูชัย พระธาตุหลวง หอพระแก้ว วัดสีสะเกด เป็นต้น บางคนที่อยากเน้นความสะดวกมักนิยมเหมารถพร้อมคนขับ ซึ่งคนขับรถชนิดต่าง ๆ มักมาเสนอตัวกันหลายคน บางคนก็ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์เหมือนเป็นไกด์ไปในตัว หรือใครที่ถนัดเที่ยวเองก็ทำได้ง่าย ๆ เช่นกัน หลากหลายกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะได้ทำในเวียงจันทน์ ทั้งไหว้พระ หาของกินอร่อย ๆ ถ่ายรูปศาสนสถานต่าง ๆ เรียกได้ว่าเวียงจันทน์เป็นอีกหนึ่งเมืองเล็ก ๆ ที่พร้อมรอต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยไมตรีจิตเสมอ ช่วงหลังมานี้เรามักจะได้ยินเกี่ยวกับรีวิวนั่งรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน อยู่บ่อย ๆ ซึ่งจากสถานีรถไฟเวียงจันทน์เรายังสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงต่อไปยังหลวงพระบางได้อีกด้วย โดยรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน มีจำนวน 32 สถานี แต่ในปัจจุบันเปิดให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารในฝั่งลาวแล้ว 9 สถานี ได้แก่ สถานีเวียงจันทร์, สถานีโพนโฮง, สถานีวังเวียง, สถานีกาสี, สถานีหลวงพระบาง, สถานีเมืองงา, สถานีเมืองไซ, สถานนีนาเตย และสถานีบ่อเต็น เฟซบุ๊ก Laos - China Railway Company Limited บริษัท รถไฟลาว-จีน เปิดให้ดาวน์โหลดแอปฯ LCR Ticket สำหรับแอปพลิเคชันดังกล่าว ผู้ใช้งานจะต้องลงทะเบียนก่อนการซื้อตั๋ว โดยจะต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือของ สปป.ลาวเท่านั้น เพื่อที่ระบบจะจัดส่งรหัสยืนยันตัวตน (Verification Code) ผ่าน SMS ทั้งนี้ สำหรับชาวต่างชาติที่มีหมายเลขโทรศัพท์มือถือของ สปป.ลาว สามารถลงทะเบียนได้ โดยเลือกประเทศ และกรอกเลขที่หนังสือเดินทาง ซึ่งระบบกำหนดให้สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้สูงสุด 5 วันก่อนเดินทาง เนื่องจากระบบยังไม่เสถียร บางคนก็เลือกที่จะใช้บริการรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน ผ่านเอเจนซี่ทัวร์ เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว รถไฟความเร็วสูงลาว-จีน มีที่นั่งให้เลือก 3 แบบ คือ ชั้นธุรกิจ (Business Class), ชั้น 1 (First Class) และชั้น 2 (Second Class) ซึ่งราคาก็แตกต่างกันไป ผู้โดยสาร 1 คน สามารถซื้อตั๋วได้สูงสุด 3 ใบเท่านั้น หากต้องการเดินทาง 4 คน จะต้องมีคนซื้อตั๋ว 2 คน เอกสารที่ต้องเตรียมในการไปซื้อตั๋วรถไฟ คือ พาสปอร์ต โดยพาสปอร์ต 1 เล่ม จะซื้อตั๋วได้ไม่เกิน 3 ใบ สำหรับสิ่งของต้องห้ามในการขึ้นรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน มีเหมือนการเดินทางด้วยเครื่องบิน เช่น ไม่พกของเหลวเกิน 100 มิลลิลิตร, ห้ามพกอาวุธ ของมีคม หรือขวดน้ำเปล่า (อนุญาตให้เปิดขวดแล้วเท่านั้น ที่ไม่ยังไม่เปิดไม่อนุญาตให้นำขึ้น) เป็นต้น ควรไปก่อนเวลาที่รถไฟจะออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง และประตูรถไฟปิดก่อนเวลาเดินทาง 7 นาที แนะนำว่าให้เผื่อเวลาดี ๆ ดูข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Laos - China Railway Company Limited หมายเหตุ 3 สถานียอดฮิต คือ เวียงจันทน์ วังเวียง และหลวงพระบาง การจองตั๋วนั้นสามารถจองได้ที่สถานีรถไฟ แต่สถานีรถไฟค่อนข้างอยู่ไกลจากตัวเมืองมาก ๆ ดังนั้นนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องวางแผนการเดินทาง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นรถเพื่อไปยังสถานี ถ้ามาเยอะคน อย่างน้อยก็แชร์ค่าใช้จ่ายร่วมกันได้ แต่ถ้ามาสองคนหรือคนเดียว ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อาจเป็นสองเท่า ยังไงลองชั่งน้ำหนักให้ดี ๆ จะว่าไปการเดินทางนั่งรถไฟไปเที่ยวลาว ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลายคนน่าจะอยากสัมผัส ใครที่มีวันหยุดยาว ๆ แล้วอยากจัดทริปเที่ยวลาวในมุมนี้ดู เห็นทีว่าน่าจะเรียกสีสันความสนุกได้ไม่น้อยเลย ^ ^ หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง แนะนำ 20 ที่เที่ยวลาว แลนด์มาร์กเด็ดที่ควรไปเช็กอิน 10 ที่เที่ยวเวียงจันทน์ แหล่งท่องเที่ยวใกล้ไทย เที่ยวเองได้ ไม่ยุ่งยาก 10 กิจกรรมเด็ดที่วังเวียง มือใหม่ตะลุยเที่ยวลาวห้ามพลาด เที่ยวหลวงพระบาง 3 วัน 2 คืน นอนสบาย เที่ยวฟิน บินสะดวก เก็บครบทุกจุดเช็กอินเด่น ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : เว็บไซต์ railway.co.th, เฟซบุ๊ก Laos - China Railway Company Limited, เฟซบุ๊ก ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
แสดงความคิดเห็น