โปรแกรมเที่ยวภูทับเบิก 3 วัน 2 คืน ไปชมความสวยงามของไร่กะหล่ำปลี ภูเขาสลับซับซ้อน และทะเลหมอกสีขาวโพลนลอยละล่องแทรกตัวกลางหุบเขา ภูทับเบิก ที่เที่ยวเพชรบูรณ์ยอดนิยม เพราะสามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล แต่ละช่วงก็งดงามแตกต่างกันออกไป ตั้งอยู่ที่ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ห่างจากอำเภอหล่มเก่า 40 กิโลเมตร ตามเส้นทางจากหล่มเก่าไปภูหินร่องกล้า หรือห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 90 กิโลเมตร ชาวบ้านดั้งเดิมส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่าม้ง ประกอบอาชีพปลูกกะหล่ำปลีเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ในการไปเยือน อีกทั้งภูทับเบิกยังมีที่เที่ยวอื่น ๆ อีกมากมาย นั่นแน่ ! เริ่มสนใจอยากพาตัวเองไปสัมผัสบรรยากาศของภูทับเบิกกันแล้วใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่าลองไปดูโปรแกรมเที่ยวภูทับเบิก 3 วัน 2 คืน ที่เรานำมาแนะนำกันก่อน … จากสามแยกภูทับเบิก ซึ่งเป็นเส้นทางจุดเริ่มต้นในการเดินทางไปยังภูทับเบิก (ฝั่งหล่มสัก) จะมีเส้นทางคดเคี้ยวที่ไต่ระดับความสูงของภูเขาขึ้นไปเรื่อย ๆ ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ โดยจุดแรกที่เราจะแนะนำก็คือ โค้งหมายเลข 3 ที่อยู่บริเวณทางขึ้นไปยังภูทับเบิก เลยจากหมู่บ้านน้ำเพียงดินมาไม่ไกล โดยจะมีศาลาชมวิวเล็ก ๆ อยู่ทางซ้ายมือ มีเวิ้งที่สามารถจอดรถได้ ซึ่งพอมองกลับลงมาจะเห็นถนนเป็นเลข 3 และในฤดูฝนและหนาวบางช่วงเวลาจะมีทะเลหมอกปกคลุมเป็นฉากหลังให้ได้ชมกันด้วย จุดที่ 2 จุดชมวิวธารพายุ จุดชมวิวที่อยู่เลยทางเข้าผาหัวสิงห์มาไม่ไกล ที่นี่สามารถมองเห็นไร่กะหล่ำปลีและขุนเขาได้กว้างไกล จุดที่ 3 หน่วยทับเบิก จุดชมวิวที่มีความสูง 1,667 เมตร จากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ก่อนเลี้ยวเข้าไปยังบ้านทับเบิก สามารถมองเห็นทัศนียภาพของไร่กะหล่ำปลีที่มีขุนเขาและเมฆหมอกเป็นฉากหลัง ที่นี่มีที่จอดรถและร้านจำหน่ายสินค้าให้บริการ จุดที่ 4 ภูแผงม้า จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก ตั้งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ห่างจากจุดตรวจด่านทับเบิกทางเข้าภูหินร่องกล้าไม่ไกลเท่าไร ซึ่งจากจุดจอดรถต้องเดินเข้าไปยังจุดชมวิวประมาณ 300-400 เมตร เป็นจุดที่สูง 1,775 เมตร จากระดับน้ำทะเล สามารถมองเห็นวิวทัศนียภาพของขุนเขาได้ไกลสุดสายตา อีกทั้งยังมองเห็นหมู่บ้านน้ำเพียงดินและถนนทางหลวงหมายเลข 2331 ที่คดเคี้ยวไปมางดงามไปอีกแบบ ปิดท้ายด้วยการชม ไร่กะหล่ำปลี ขนาดใหญ่ลัดเลาะเรียงรายไปตามไหล่เขาตลอดทางเข้าบ้านทับเบิก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของภูทับเบิก โดยปกติแล้วกะหล่ำปลีจะออกผลผลิตในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วงนั้น ๆ ด้วย น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร น้ำตกฝาแฝด 2 แห่ง ที่อยู่ติด ๆ กัน ห่างจากที่ทำการอุทยานบนถนนภูหินร่องกล้าประมาณ 4 กิโลเมตร จะต้องเดินตัดลงไปบนทางเท้าระยะทางประมาณ 800 เมตร โดยจะถึงน้ำตกร่มเกล้าก่อน เมื่อเดินต่อไปตามทางเดินแยกไปทางซ้ายประมาณ 200 เมตร จะเจอน้ำตกภราดร ซึ่งเป็นน้ำตกชั้นล่างนั่นเอง น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีความสวยงาม โดยเฉพาะสายน้ำที่ไหลแรงแยกสายตกต่างแนวกัน มีโขดหินสีเขียวเข้ม ผืนป่าบริสุทธิ์ เป็นฉากประกอบงดงาม ทั้งนี้ น้ำตกหมันแดงและน้ำตกร่มเกล้า-ภราดร จำเป็นที่จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ในการนำทาง ลานหินปุ่ม เส้นทางที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินได้สบาย ๆ ไม่ลำบาก แต่ละที่เที่ยวมีป้ายบอกไว้ชัดเจน ตลอดเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความหลากหลายของธรรมชาติ ทั้งพรรณไม้ ดอกไม้ และก้อนหินใหญ่สวยงามดูแปลกตา ในช่วงหน้าฝนดอกเปราะภูสีขาวจะผลิบานให้ได้ชมกัน ใกล้ ๆ กันเป็นที่ตั้งของ ผาชูธง ซึ่งในอดีตผาแห่งนี้เป็นที่ชูธงแดงรูปค้อนเคียว อันเป็นสัญลักษณ์เมื่อรบชนะฝ่ายรัฐบาล ปัจจุบันใช้เป็นรูปธงชาติเพื่อเอาไว้รำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ลานหินแตก มีลักษณะเป็นลานหินที่กินอาณาเขตพื้นที่เป็นวงกว้างประมาณ 40 ไร่ ด้วยเพราะพื้นที่ค่อนข้างกว้างจึงครอบคลุมที่เที่ยวอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น สุสานนักรบ ลานหินปุ่ม ผาชูธง ลานอเนกประสงค์ สำนักอำนาจรัฐ และที่หลบภัยทางอากาศ เป็นต้น นอกจากธรรมชาติที่งดงามแล้ว หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน ภูหินร่องกล้าคือพื้นที่จุดยุทธภูมิสำคัญของการสู้รบระหว่างแนวคิดทางการเมือง ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ทางภาคเหนือ จึงทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์สำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนการเมืองการทหาร ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ให้การศึกษาของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีทั้งห้องเรียน บ้านพัก สถานพยาบาล ครัว มีลักษณะเป็นบ้านไม้เป็นหลัง ๆ กระจายตัวอยู่ตามแมกไม้สีเขียวประมาณ 30 หลัง กังหันน้ำ ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงเรียน ครั้งหนึ่งสิ่งนี้ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงคนบนภูหินร่องกล้า โดยนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่หนีเข้าป่าภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 สำหรับใครที่มาเที่ยวภูหินร่องกล้าช่วงหน้าหนาว บริเวณโรงเรียนการเมืองการทหาร ต้นเมเปิลจะพร้อมใจกันเปลี่ยนสีให้ได้ชมกันด้วย นอกจากนี้ยังมีที่โซนอื่น ๆ เช่น บริเวณที่พักของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภรก. 7 (หมันแดง) ทั้งนี้ หากไม่อยากพลาดใบเมเปิล ควรโทรศัพท์มาสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่อุทยานก่อนจะดีที่สุด ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า - Phu Hin Rong Kla National Park เพลิดเพลินกับอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ามาทั้งวัน ก็ได้เวลาโบกมือบ๊ายบายและกลับมานอนที่ภูทับเบิกกันแล้ว เช้าวันที่ 3 เริ่มต้นวันสุดท้ายของทริป แนะนำให้ไปเยือน วัดป่าภูทับเบิก สถานปฏิบัติธรรมสายธรรมยุติกนิกาย ที่ตั้งอยู่บ้านทับเบิก ห่างจากจุดชมวิวยอดภูทับเบิก 6 กิโลเมตร ซึ่งชาวบ้านทับเบิกร่วมก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 ภายในวัดมีพระมหาธาตุเจดีย์โพธิปักขิยธรรม เป็นเจดีย์เพชร 37 ยอด มีขนาดความสูง 80.90 ด้านหน้ามีบันไดพญานาคเงิน-พญานาคทอง 9 เศียร ตกแต่งลวดลายงดงาม ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และยังประดิษฐานพระพุทธโคดมปางไสยาสน์ พระศรีอริยเมตไตรย ลงรักปิดทองประดับเพชรพลอยรัตนชาติ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก วัดป่าภูทับเบิก วัดที่สูงที่สุดในประเทศไทย ไม่ไกลจากวัดป่าภูทับเบิกจะมี จุดชมวิวภูทับเบิก จุดชมวิวยอดเขาสูงสุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ ความสูง 1,768 เมตร บริเวณใกล้กันจะมีอาคารหอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิให้ได้ถ่ายรูปเช็กอิน พร้อมชมวิวภูเขาสลับซับซ้อน รวมถึงมีบ้านพักและเต็นท์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวภูทับเบิกให้บริการด้วย นอกจากนี้หากไปในช่วงฤดูหนาว (ปลายเดือนธันวาคม-มกราคม) บริเวณริมถนนทางบ้านภูทับเบิก โรงเรียนบ้านทับเบิกร่วมใจ จะมีดอกนางพญาเสือโคร่งผลิบานให้ได้ยลโฉมความงามกันด้วย ปิดท้ายทริปด้วยการไปช้อปปิ้ง ตลาดม้ง ตั้งอยู่ริมทางใกล้ ๆ กับจุดชมวิวภูทับเบิก มีที่จอดรถ ที่นี่จำหน่ายสินค้าเกษตรอย่างพืชผักและผลไม้ต่าง ๆ รวมถึงของกินเล่น เช่น กะหล่ำปลี เบบี้แครอต ฟักแม้ว บัวหิมะ สตรอว์เบอร์รี อะโวคาโด เมลอน มันญี่ปุ่น เซียนท้อ บ๊วย ถั่ว ชา และสินค้าพื้นเมืองต่าง ๆ เปิดทุกวัน ตั้งแต่ช่วงสาย ๆ ถึงประมาณ 17.00 น. จากจังหวัดเพชรบูรณ์ ขับรถมาตามทางหลวงหมายเลข 21 ตรงไปอำเภอหล่มสักประมาณ 40 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางเลี่ยงเมืองหล่มสัก มุ่งหน้าสู่ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ตรงไปสักพัก จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหมายเลข 2372 ตามป้ายบอกทางไปอุทยานภูหินร่องกล้าและภูทับเบิก จากนั้นเลี้ยวซ้ายอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ถนนหมายเลข 2331 ตลอดเส้นทางนี้จะคดเคี้ยว ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง และผู้ขับขี่ต้องมีความชำนาญในการขับรถมากพอสมควร เพราะมีบางช่วงเป็นโค้งหักศอกและสูงชัน เมื่อไปถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตรงนี้จะมีแยกทางขวามือ ให้เลี้ยวเพื่อไปยังภูทับเบิกอีกประมาณ 6 กิโลเมตร จากอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้ขับรถมาที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ขับผ่านเข้ามาในอุทยาน แล้วตรงมาเรื่อย ๆ เส้นทางนี้มีความคดเคี้ยวเช่นกัน ควรใช้ความระมัดระวังในการขับรถเป็นพิเศษ เมื่อขับผ่านที่ทำการอุทยาน ตรงไปเรื่อย ๆ จะไปบรรจบกับเส้นทางที่จะลงไปที่อำเภอหล่มเก่า และอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ จะมีถนนทางด้านซ้ายมือบอกทางไปภูทับเบิก ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตรเที่ยวภูทับเบิกแบบไม่มีรถส่วนตัวสามารถทำได้ เพราะจะมีรถรับเหมาขึ้นภูทับเบิกบริการอยู่ เช่น - ห้วยไผ่คอมทัวร์ - รถนำเที่ยวเขาค้อ รถรับเหมาขึ้นภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า ภูลมโล Tour Khaokho - รถสองแถวขึ้นเขาค้อ ภูทับเบิก - รถสองแถวรับจ้างขึ้นภูทับเบิก094-061-7345. และนี่คือโปรแกรมเที่ยวภูทับเบิก 3 วัน 2 วัน ที่เรานำมาแนะนำกัน หากวางแพลนไปเที่ยวภูทับเบิกก็ลองนำไปปรับใช้กันดูนะหมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ภูทับเบิก กับเรื่องราวน่ารู้ต่าง ๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่ไปได้ทุกฤดู ภูทับเบิก เพชรบูรณ์ ชมวิวทะเลภูเขาสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปเยือน 10 ที่พักภูทับเบิก วิวผาหัวสิงห์ น่าไปเช็กอิน ฟินกับทะเลหมอกแบบจัดเต็ม อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ชมธรรมชาติ ศึกษาประวัติศาสตร์รอยต่อสามจังหวัด ขอบคุณข้อมูลจาก : thai.tourismthailand.org, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า - Phu Hin Rong Kla National Park, thai.tourismthailand.org, อุทยานแห่งชาติเขาค้อ, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติเขาค้อ -Khao Kho National Park, เฟซบุ๊ก วัดป่าภูทับเบิก วัดที่สูงที่สุดในประเทศไทย, phetchabun.mots.go.th
แสดงความคิดเห็น