สัมผัสไอซ์แลนด์หน้าร้อน ผ่านภาพถ่ายสุดตระการตา




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ 9th สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Ninth Chalermkiat

          ไอซ์แลนด์ (Iceland) เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิกในยุโรปเหนือ ที่มีลักษณะเป็นเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ และด้วยทัศนียภาพที่งดงาม บวกกับความเงียบสงบเป็นส่วนตัว อีกทั้งสภาพอากาศที่หนาวเย็นเสมอ จึงทำให้กลายเป็นประเทศที่นักเดินทางจากทั่วโลกต่างก็อยากไปเยือนสักครั้ง และเพื่อเป็นการการันตีความงามของไอซ์แลนด์ เราจึงหยิบเอาบันทึกการเดินทางของ คุณ 9th สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีโอกาสไปสัมผัสไอซ์แลนด์ในมุมต่าง ๆ พร้อมถ่ายทอดความสวยงามผ่านภาพถ่ายสุดตระการตามาให้เราได้ชมกันค่ะ



          สวัสดีทุก ๆ ท่านครับ ผมเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงจะเคยเห็นภาพจากประเทศนี้กันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาพจากในหน้าหนาวหรือในหน้าร้อน ตัวผมมีโอกาสได้ไปไอซ์แลนด์เมื่อเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา อย่างที่ทราบกันดีว่าในหน้าร้อนนั้นประเทศนี้จะไม่มีกลางคืนเลย

          ยานพาหนะที่ใช้กันตลอด 14 วัน คือ Hyundai Santa Fe ที่พวกเราเลือกรถรุ่นนี้เพราะว่าเป็น 4x4 และจุได้เยอะพอสมควร ซึ่งจะเหมาะกับการลุยไปในที่โหด ๆ ที่พวกเราจะไปกันครับ

          อุปกรณ์ถ่ายภาพทั้งหมด มีดังนี้

          NIKON D4s
          14-24
          24-70
          70-200
          300 F2.8 อุปการคุณจาก Nikon Thailand
          TC 2x
          ชุด Lee Filter
          Big Stopper

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและชมภาพอื่น ๆ ได้ที่ เฟซบุ๊ก Ninth Chalermkiat ยินดีตอบทุกคำถามครับ



          ถ้าท่านไปไอซ์แลนด์ในหน้าร้อน ท่านก็จะพบกับดอกลูปินมากมาย เพียงท่านออกจากสนามบินไปตรงที่รับรถ ท่านก็จะสามารถเห็นลูปินแล้ว



          การมาในหน้าร้อนพวกผมต่างก็อยากได้หนึ่งในไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้ นั่นก็คือ การได้ไปถ่ายนกพัฟฟินที่ West Fjords ของประเทศ ที่พวกเราต้องไปถึงที่นี่เพราะที่นี่เป็น Puffin Colony ที่ใหญ่มาก ๆ ที่หนึ่ง และจะสามารถเข้าใกล้นกพัฟฟินได้มากกว่าที่อื่น ๆ













          การไป West Fjords ในตอนนั้น พวกผมเลือกที่จะใช้บริการของเรือ Ferry ซึ่งจะทุ่นเวลาและทุ่นแรงไปได้มากกว่าการที่จะขับเลาะเกาะขึ้นไปเอง เส้นทางของเรือเฟอร์รี่ คือ วิ่งระหว่าง Stykkisholmur กับ Brjanslaekur ซึ่งท่าเรือจะอยู่ใกล้ ๆ กับ Landmark Kirkjufell อันเลื่องชื่อของประเทศ อีกหนึ่งที่สำคัญที่พวกเราตั้งใจจะไปกัน ก็คือ น้ำตก Dynjandi ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความสูงถึง 100 เมตรเลยทีเดียว







          และนี่คือ KIRKJUFELL อันเลื่องชื่อครับ เรียกได้ว่าใครมาประเทศนี้ก็ต้องได้มาชื่นชมภูเขาลูกนี้ด้วยกันทั้งนั้น และการมาไม่ยากครับ ห่างจากเมืองหลวงเพียงแค่ประมาณ 3 ชั่วโมง











          และแน่นอนว่าระหว่างการเดินทางของท่าน ท่านจะได้พบกับ "ม้า" ตลอดสองข้างทางครับ









         นี่คือภูเขา Vestrahorn อยู่ที่เมือง Höfn ครับ









          ประเทศนี้เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยน้ำตกจริง ๆ ครับ ไม่ว่าจะไปทางไหนท่านก็จะพบเจอกับน้ำตกมากมายไปหมด ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ทั้งกว้าง ทั้งแคบ มีทุกแบบจริง ๆ นี่คือ Svartifoss หรือน้ำตกดำ เป็นน้ำตกที่มีเอกลักษณ์มาก ๆ ครับ โดยน้ำตกจะถูกล้อมรอบด้วยแท่งหินลาวาสีดำตามชื่อเรียกของน้ำตก



          และนี่คือ Skógafoss อันโด่งดังจากหนังเรื่อง Walter Mitty ครับ



          ถัดจาก Skógafoss ไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงท่านก็จะได้พบกับน้ำตก Seljalandfoss



          และอีกหนึ่งชั่วโมงจาก Seljalandfoss ท่านก็จะได้พบกับ Gullfoss





          ทางตะวันออกของประเทศก็จะมีน้ำตกชื่อดังอีกเช่นกัน นั่นก็คือ Hengifoss



          และถ้าวนขึ้นเหนือไปอีกนิดท่านก็จะพบกับ Dettifoss จากหนังเรื่อง “Prometheus” และได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรป



          ถัดมาอีกนิดก็จะเจอกับ Goðafoss อันกว้างใหญ่ ซึ่งท่านจะชมวิวน้ำตกนี้ได้ 2 ฝั่งครับ





          มาไอซ์แลนด์ทั้งทีถ้าไม่ไป Jökulsárlón ก็จะดูเหมือนมาไม่ถึง เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วย Glacier ขนาดใหญ่ที่แตกหักมาจากธารน้ำแข็ง ล่องลอยอยู่ในทะเลสาบเต็มไปหมด







          ข้ามถนนมาอีกฝั่งก็จะเป็นชายหาดทรายดำ หรือ Black Sand Beach







          และไฮไลท์สุดท้ายกว่าสามชั่วโมงจากถนนเส้นหลักของประเทศ เข้าไปสู่ Landmannalaugar และกว่าสิบลำธารที่ต้องขับรถข้ามไป ถ้ารถไม่ใช่ 4WD หมดสิทธิ์นะครับ จริง ๆ มีอีกทางให้เข้าเหมือนกัน ซึ่งจะไม่ผ่านลำธารใด ๆ แต่อ้อมกว่า แต่การขับมาทางเส้นทาง F225 นี้จะผ่านตีนภูเขาไฟชื่อดังที่มีชื่อเสียงและทรงพลังมากในไอซ์แลนด์ นั่นคือ ภูเขาไฟ Hekla ซึ่งเกิดการปะทุครั้งล่าสุดเมื่อปี 2000

          สถานที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยหินลาวาที่มาจากการระเบิดของภูเขาไฟ และที่เด่นที่สุด คือ ภูเขาจะมีสีสันต่าง ๆ มากมาย สถานที่แห่งนี้จึงดูเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งไปเลยจริง ๆ และเหมือนจะได้ชื่อว่าเป็นภูเขาที่สีสวยที่สุดในโลกด้วยที่หนึ่ง

          การมาที่นี่ก็ต้องมีการ Hiking นะครับ สามารถเดินจากที่นี่ไปถึง Thorsmork ได้ ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร หรือ 4 วัน แต่พวกผมมีเวลาแค่ 1 วัน จึงเลือกรูทที่ไม่ไกลมาก จริง ๆ ถ้ามี 4 วัน ก็ไม่เดินหรอกครับ ฮ่า ๆๆๆ พวกผมจึงเลือกเส้นที่มีระยะทางเพียงแค่ 5.7 กิโลเมตร









          ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร และมีงบประมาณมากน้อยแค่ไหน ลองเริ่มวางแผนท่องเที่ยวตั้งแต่วันนี้ ออกจากที่ที่พวกคุณคุ้นเคย เพื่อไปสัมผัสสิ่งใหม่ ๆ ไปเห็นสิ่งที่โลกสร้างไว้ให้กับเราทุกคน มาเริ่มวางแผนท่องเที่ยว หาเงินและเก็บเงินกันตั้งแต่วันนี้ อาจจะเริ่มจากสถานที่ใกล้ ๆ สถานที่ที่ไปง่าย ๆ ไม่ลำบาก แล้วคุณจะพบว่าชีวิตคุณ...มีอะไรมากกว่าการตื่นนอนขึ้นมาแล้วทำแต่เรื่องเดิม ๆ

          ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าตัวเองไม่มีโอกาสได้ท่องเที่ยว ผมคงไม่เห็นคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ ที่โลกได้สร้างเอาไว้ ผมคงยังมองข้ามความงดงามของธรรมชาติที่อยู่รอบตัวพวกเราทุกคนอย่างน่าเสียดาย ดังนั้น...จงมีความสุขกับการหาประสบการณ์ใหม่ของชีวิต จากสิ่งที่โลกสร้างให้คุณตั้งแต่ตอนนี้กันเถอะครับ

          ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
          ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามชมมาจนจบนะครับ
          จนกว่าจะพบกันใหม่...สวัสดีครับ








เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สัมผัสไอซ์แลนด์หน้าร้อน ผ่านภาพถ่ายสุดตระการตา อัปเดตล่าสุด 27 สิงหาคม 2557 เวลา 16:32:57 3,657 อ่าน
TOP
x close