เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก chanomworld
ไม่ว่าจะฤดูไหน ๆ ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ ก็งดงามเสมอ ทำให้บ่อยครั้งที่นักเดินทางผู้หลงใหลในบรรยากาศทั้งหมดทั้งมวลของภูทับเบิก มักกลับไปเยือนดินแดนแห่งนี้ครั้งแล้วครั้งเล่ามิเคยเบื่อ เฉกเช่นเดียวกับ คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่กลับไปเยือนภูทับเบิกทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ด้วยเหตุผลที่ว่า...ความงดงามของแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกัน และวันนี้เราก็ได้นำเอาบันทึกการเดินทางของ คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้กลับไปสัมผัสภูทับเบิกอีกครั้งในช่วงฤดูฝนเดือนมิถุนายน 2557 พร้อมกับถ่ายทอดประสบการณ์สุดประทับใจมาให้เราได้ชมกันค่ะ
>>>>>ภูทับเบิกฤดูฝน @ เพชรบูรณ์-มิถุนายน 2557 <<<<<
อีกหนึ่งพื้นที่ของภูเขาและสายหมอก >>> https://www.facebook.com/chanomworld
ชมรมคนรักเขาค้อ-ภูทับเบิก >>> https://www.facebook.com/groups/486496408154333/
เสียงเตือนบอกเวลา 04.30 น. บอกให้ผมตื่นจากที่นอนที่ตัวเมืองเพชรบูรณ์ ยังจำได้เลยว่าเมื่อวานผมขับรถออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมงเย็น ขับรถมาเรื่อย ๆ ราว ๆ 400 กิโลเมตร มาถึงที่นี่ก็ตอน 5 ทุ่ม แล้วก็รีบนอนอย่างรวดเร็ว
ขับรถมาอีกราว ๆ 1 ชั่วโมงเศษ ผ่าน 4 แยกหล่มสัก เลี้ยวเข้าแคมป์สนเขาค้อ และนี่ ก็คือ ภาพวิวริมถนนหลวงหมายเลข 12 กับร้านคืนชีวิตให้แผ่นดิน มันคือภาพล่าสุดที่ผมได้มีโอกาสกลับไปที่นี่ แต่เหมือนว่าปริมาณความชื้นสะสมในเช้าวันนั้นยังไม่มากพอที่จะทำให้เกิดทะเลหมอกในแบบที่ผมอยากเห็น สิ่งที่เปลี่ยนไปของที่นี่มีหลาย ๆ อย่างที่ผมสังเกตเห็น ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภายในที่ดูเหมือนจะปิดให้บริการ เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างขยายถนน และมีการย้ายไปเปิดบริการที่ใหม่ที่มีชื่อว่า โมอายเขาค้อ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดตรงนี้ไปอีกนิดหน่อย ส่วนตรงนี้จะปิดปรับปรุงและจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงปลายปีนะครับ
ผมขับรถไปเรื่อย ๆ มุ่งหน้าไปที่จุดมุมสูงเพื่อดูวิวพระธาตุผาซ่อนแก้วกัน วันนี้บรรยากาศดูเหมือนไม่เป็นใจ ทะเลหมอกแบบที่ผมเคยเห็นมีแววท่าจะไม่ได้เห็นมัน แต่การที่ได้เห็นวิวมุมสูงก็ชดเชยได้ดีเลยทีเดียว
เวลาผมมาเที่ยววัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ผมมักจะต้องมาที่จุดตรงนี้ก่อน ถามว่าตรงนี้คือตรงไหน มันจะอยู่ด้านหลังของผาซ่อนแก้วนะครับ เป็นถนนลาดยางไล่ไปตามเนินเขาที่เราเห็นภูเขาสูงเป็นฉากหลังของวัด เวลามองจากขับรถเข้ามาในซอยเพื่อมายังวัดผาซ่อนแก้วนะครับ รถเก๋งสามารถขับขึ้นมาได้ครับ
วันนี้เป็นวันหยุด เริ่มมีคนขึ้นมาเที่ยวและทำบุญกันตั้งแต่เช้าเลย ด้านหลังโซนนี้มีบริการที่จอดรถ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล โดยคิดค่าบริการก็คันละ 30 บาทครับ
มันเป็นสิ่งก่อสร้างที่งดงามท่ามกลางความสวยงามของขุนเขาที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ผมต้องมาที่นี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะวันที่มีทะเลหมอกล้อมพระธาตุที่นี่ไว้ มันจะต้องเป็นวิวที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน
และตอนนี้ได้เวลาที่ผมจะขับรถต่อเพื่อมุ่งหน้าไปสู่ภูทับเบิก ปลายทางของผมในคืนนี้กันแล้วครับ ผมใช้เวลาขับรถราว ๆ 1.30 ชั่วโมง ก็มาถึงภูทับเบิก มันเป็นวันที่ฟ้าสดใส มีเมฆลอยต่ำตั้งแต่เที่ยงเลย
ยังจำได้เลยว่าไปเที่ยวภูทับเบิกครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2553 มันเป็นการเดินทางครั้งที่ 2 ของผม หลังจากได้เริ่มต้นที่วังน้ำเขียว รู้สึกตื่นเต้นมากแอบหวั่นตอนขับรถขึ้นเขา รู้สึกกลัวแต่ความกล้าเยอะกว่า
รู้สึกทางชันมาก ระหว่างทางที่ขึ้นรู้สึกเหมือนอยู่กับคนละโลกที่เรารู้จักเลย วิวภูเขาสวย อลังการสุด ๆ มีเมฆลอยต่ำ ๆ ผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา อากาศค่อนข้างหนาว เย็นสบายสุด ๆ ๆ
ครั้งนั้นมันเป็นภูทับเบิกครั้งแรกในชีวิตของผม แล้วหลังจากนั้นผมก็ไปที่นี่เรื่อย ๆ นับไม่ถูกเหมือนกันว่ากี่ครั้ง แต่ไปบ่อยมาก ไปตั้งแต่ตอนที่ภูทับเบิกยังไม่มีบ้านพักหรือรีสอร์ทอะไรเลย มีแต่ต้องนอนเต็นท์หรือนอนที่บ้านพักตามโรงเรียน หรือ อบต. วังบาล จนมาถึงวันนี้วันที่ทับเบิกมีอะไรพร้อมทุก ๆ ด้าน
สำหรับมุมมองวันนี้ของผม มันยังคงเป็นที่ที่ผมรู้สึกดีและยังคิดถึงอยู่เสมอ มันยังคงมีมุมสวยมากมาย รวมทั้งทุก ๆ อย่างที่เป็นความทรงจำเก่า ๆ ที่พร้อมจะกลับมามีชีวิตทุก ๆ ครั้ง และที่สำคัญมันหาไม่ได้จากที่ไหน และตอนนี้ผมก็อยู่ที่นี่ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ @ ภูทับเบิก มิถุนายน 2557
มองไปด้านไหนก็มีบ้านพักที่เปิดให้บริการหลายจุด หลายมุมมาก ๆ เลยครับ ถ้ามาวันธรรมดาในช่วงฤดูฝนสามารถเดินเข้ามาสำรวจก่อนตัดสินใจเข้าพักได้เลยครับ แต่ถ้ามาเสาร์-อาทิตย์ก็ควรจะจองกันเนิ่น ๆ นะครับ เพราะคนเริ่มมาเที่ยวกันเยอะแล้ว
ตอนนี้ผมมาอยู่ที่บ้านพักยิ่งเจริญรีสอร์ทภูทับเบิก ที่อยู่ระหว่างทางขึ้นจุดชมวิวตรงที่กางเต็นท์ บ้านพักนี้เห็นวิวได้ในระดับที่ดีเลย มีแปลงกะหล่ำปลีอยู่ข้างรีสอร์ท ถือว่าเป็นมุมที่สวยเลย
แม้ตอนนี้จะเป็นตอนบ่าย 2 โมง แต่ก็ยังเห็นเมฆลอยต่ำ ลอยไปลอยมาให้ตื่นตา จนรู้สึกว่าวันนี้คงได้เห็นทะเลหมอกทั้งวันอย่างแน่นอน
ผมรีบเก็บบรรยากาศทะเลหมอกตอนบ่าย 2 โมง อย่างสนุกสนาน เพราะกลัวว่าพรุ่งนี้ฟ้าจะปิดหรือไม่มีทะเลหมอกในแบบที่ผมอยากเห็น
จากแปลงกะหล่ำปลีมองขึ้นไปมุมด้านบนจะเห็นบ้านพักตึกสีส้มอ่อนที่อยู่ติดกับยิ่งเจริญรีสอร์ท ก็คือ ทับเบิกภูฎาน ที่นี่ผมมาพักถึง 3 รอบแล้ว เพราะชอบความสะดวกสบายของที่นี่ ห้องนอนน่านอนและมองเห็นบรรยากาศจากมุมสูงโดยที่ไม่ต้องไปไหนไกลเลย
จากประสบการณ์ของผมในการเดินทางขึ้นมาท่องเที่ยวที่ภูทับเบิกนับสิบครั้งในช่วงที่สามปีที่ผ่านมา ทำให้ผมได้เห็นอะไรเยอะมากมายของที่นี่ ภูเขาที่ผมเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าภูเขา ทะเลหมอกที่ผมเรียกได้หมดใจว่ามัน คือ ทะเลหมอก และอีกหลาย ๆ อย่างที่บอกได้ไม่หมด หลาย ๆ อย่างที่เข้ามาอยู่ในความทรงจำของผม อาจจะเป็นสิ่งที่ผมได้เห็น อาจจะเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกได้ หรือได้สัมผัส ทุก ๆ อย่างมันเป็นความทรงจำที่บางทีเราอยากได้แต่ไม่ได้ บางอย่างไม่ได้อยากได้แต่ก็ได้มาบ่อย ๆ นี่ละมั้งเหตุผลที่ทำให้ผมขึ้นมาเที่ยวที่ภูทับเบิกอยู่บ่อย ๆ
ภูทับเบิกก็เหมือนกับที่อื่น ๆ ที่มีช่วงเวลาที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของมันได้ดีที่สุด และแน่นอนช่วงเวลา นั่นก็คือ ฤดูฝนนั่นเอง ด้วยบรรยากาศของสีเขียวของภูเขา และสีขาว ๆ ของทะเลหมอกที่เกิดขึ้นได้แทบทุกวัน ส่วนหน้าหนาวนั่นโอกาสเจอทะเลหมอกน้อยมากแทบไม่มีเลย หรือถ้ามีก็แบบจาง ๆ ส่วนใครที่ชอบดูกะหล่ำปลีก็จะมีให้ได้เห็นกันตลอดช่วงหน้าฝนเลยครับ เพราะจะมีการปลูกไล่ ๆ เวลากันทำให้มีแปลงกะหล่ำปลีให้ดูตลอดในช่วงฤดูฝน ช่วงเวลาที่กะหล่ำจะสวยจะอยู่ในช่วงมิถุนายน-ต้นเดือนกรกฎาคม และช่วงกลางเดือนกันยายน-ตุลาคม แต่ปัจจุบันอากาศเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แต่ถ้าให้แน่ใจลองโทรไปสอบถามตรงกันก่อนนะครับ จะได้ไม่ผิดหวังเพราะบางปีฝนมาช้า มาไวแตกต่างกันไป
ทีนี้เราจะมาพูดถึงการท่องเที่ยวเส้นทางบนภูทับเบิกกันต่อนะครับ ผมแนะนำแบบนี้เลย เราควรค้างคืนที่นี่อย่างน้อย 1 คืน เพื่อชมบรรยากาศสวย ๆ ของที่นี่ ส่วนเรื่องที่พักก็ไม่ต้องกังวลเพราะมีที่พักให้เลือกเยอะมากมายในแบบที่ชอบวอร์คอินได้เลย แทบไม่ต้องจองล่วงหน้า มาดูสถานที่จริงแล้วค่อยเลือกตัดสินใจ ช่วงหน้าฝนราคาที่พักจะถูกลงครึ่งต่อครึ่งและนักท่องเที่ยวน้อย ทะเลหมอกมีให้ลุ้นทุก ๆ วัน บางทีฝนตกในตอนกลางวันเราอาจได้เห็นทะเลหมอกหลังฝนตก หรือไม่ก็เจอเมฆลอยต่ำ ๆ เวลาขับรถขึ้นมาก็ต้องมองนิดหน่อยว่ามุมตรงไหนสวย ตรงไหนมีจุดชมวิวใหม่ ๆ ตรงไหน คือ ศาลาชมวิว เพราะบางทีเราอาจจะได้เห็นมุมมองทะเลหมอกใหม่ในจุดต่าง ๆ ที่เราไม่เคยเห็นและคาดไม่ถึงเลย
ถ้าถามว่าภูทับเบิกตรงไหนสวยที่สุด ผมก็ตอบด้วยความมั่นใจว่าก็ตรงภูทับเบิกเลย ก็ตรงที่มีดงกะหล่ำปลี มีที่พัก และมีจุดชมวิวโซนนั้นทั้งหมด นั่นคือ โซนที่มองเห็นทะเลหมอกได้สวยและมีหลากหลายมุม ดังนั้น เราจะขับรถผ่านเข้ามาตรงป้ายที่ให้เลี้ยวเข้าภูทับเบิกเข้ามา เพื่อขับรถขึ้นไปจอดที่จุดสูงสุดของภูทับเบิก ที่มีลานชมวิวและเสาแสดงอุณหภูมิและเวลาเหมือนเป็นแลนด์มาร์กของที่นี่ ขับรถไปก็มองหาที่พักไปในตัวเหมือนกับที่พักโซนนี้ คือ ไร่ภูทะเลหมอก ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลหมอกแบบไม่มีอะไรบังในเช้าวันนี้ แต่ต้องระบุว่าเป็นบ้านที่สร้างใหม่ 3 หลังล่าสุดที่ก่อสร้างใหม่ เป็นห้องกระจก มองเห็นวิวจากห้องนอนเลยครับ
นั่นคือ ลานชมวิวสูงสุด ณ จุดกางเต็นท์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของภูทับเบิก แต่ช่วงนี้ต้นไม้โตขึ้น มุมอาจถูกบดบัง แต่ผมชอบมาตรงนี้เพราะมองไปทางด้านซ้ายจะเห็นถนนรูปตัวเอส โค้งไปโค้งมาที่สวยไปอีกแบบ
เช้าวันนี้เป็นวันที่โชคดีสุด ๆ เพราะหมอกไม่ฟุ้งแถมยังมีแสงที่ส่องลอดก้อนเมฆ เป็นภูทับเบิกในแบบที่ผมไม่คุ้นเลย ปกติมากี่รอบในช่วงฤดูฝนก็มักจะเจอบรรยากาศแบบฟ้าปิด แต่วันนี้มีทีท่าว่าฟ้าเปิดอย่างแน่นอน
หลังจากชมวิว ณ สูงสุดของภูทับเบิกได้สักพักก็ถึงเวลาที่ผมจะทำในแบบที่ผมชอบ คือ ขับรถไล่ดูทะเลหมอกในจุดที่แตกต่างกันบนเส้นทางของภูทับเบิก และระหว่างทางลงผมก็ได้จอดแวะดูวิวตรง ยิ่งเจริญรีสอร์ท ก่อน ตรงนี้ก็เห็นวิวทะเลหมอกได้สวยเลย
แล้วผมก็ขับรถผ่านมาตามเส้นทางเรื่อยมุ่งหน้ามาตรงภูสวรรค์ ตรงที่เราเห็นเป็นไม้กางเขน ตรงนี้มีรีสอร์ทภูสวรรค์ให้บริการอยู่ทั้งบ้านพักและลานกางเต็นท์ แต่วันนี้ผมไม่ได้แวะ เลยขับรถอ้อมเขาไปอีกไม่กี่ร้อยเมตรก็มาเจอที่พักหลังหนึ่งที่มีวิวสะดุดตามาก ที่นี่คือ วิมานหมอกรีสอร์ทนั่นเอง
วิมานหมอกรีสอร์ท หนึ่งในที่พักที่สามารถมองเห็นวิเห็นทะเลหมอกได้จากห้องนอน
ขึ้นมาดูดาดฟ้าของวิมานหมอกรีสอร์ทกันดีกว่าครับ ที่นี่มีบ้านพัก 3 หลัง เรียงรายกันอยู่หน้าจุดชมวิวที่มองเห็นวิวได้อิสระ และมองเห็นวิวทะเลหมอกได้จากห้องนอนหรือระเบียงบ้าน
มันเป็นวิวทะเลหมอกที่น่าทึ่งและมีชีวิตอย่างที่สุด ทั้งลม ทั้งแสงกำลังจะมา
นอกจากบ้านพักหลังใหญ่ก็จะมีบ้านพักเรือนหลังเล็กสองหลัง ซึ่งก็เห็นวิวได้สวยไม่แพ้กัน
ทีนี้จะพูดเรื่องของกระแสลมนะครับ ยังจำจุดชมวิวสูงสุดของภูทับเบิกตรงลานกางเต็นท์เมื่อกี้ได้นะครับ ตรงลานที่มีป้ายแสดงอุณหภูมิตรงนั้นจะรับลมที่แรงพอสมควร ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนจะมีกระแสลมตะวันตกเฉียงใต้พัดมา ดังนั้น หมอกจะเอียงไปอีกด้าน ดังนั้น จุดชมวิวตรงนี้หน้าฝนหมอกจะลอยตัวไปรวมทางด้านซ้ายมือเวลามองไปทางทิศที่ตะวันขึ้น ยกเว้นวันที่ลมสงบ หมอกก็จะค่อนข้างนิ่ง ๆ แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวจะมีลมจะตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หมอกลอยมาจากทางด้านซ้ายมาทางด้านขวาเยอะ ถ้าตรงจุดชมวิวสูงสุดของภูทับเบิกมีหมอกฟุ้ง ให้มองไปอีกด้านตรงเนินเขาที่มีไม้กางเขน นั่นคือ ภูสวรรค์ที่ได้บอกไปแล้ว บางทีตรงนั่นหมอกจะไม่ฟุ้ง เราก็สามารถขับรถมาชมวิวทะเลหมอกด้านนี้ก่อน แล้วค่อยกลับไปยังโซนจุดสูงสุดก็ได้ครับ
ดังนั้น หลังจากชมวิวตรงลานแสดงอุณหภูมิเรียบร้อยแล้ว เราก็ค่อย ๆ ขับรถไปตรงจุดชมวิวไม้กางเขน ลัดเลาะเขามาเรื่อย ๆ มาชมวิวตรงนี้ หรือถ้าทางจุดชมวิวสูงสุดฟุ้งกระจาย อย่างเพิ่งถอดใจ เพราะตรงไม้กางเขนหรือวิวตรงนี้หมอกอาจจะยังไม่ฟุ้ง
ใกล้จุดชมวิวตรงนี้มองขึ้นมานิดหน่อยจะเห็นบ้านพักใกล้ที่มีวิวสวยไม่แพ้กัน นั่นคือ ภูซากุระ มีบ้านพักและมีลานกางเต็นท์ที่มองเห็นวิวจากมุมสูงที่สวยที่สุดอีกที่หนึ่งเลย
จากภูซากุระขับต่อไปอีกราว ๆ 300 เมตร ก็จะเห็นที่พักอีกโซนหนึ่งชื่อว่า ทับเบิกฮิลล์ ตรงนี้มีวิวที่สวยมาก มีบ้านพักหลายสไตล์ให้เลือก และมองเห็นทะเลหมอกได้อย่างใกล้จากบ้านพักหรือระเบียงบ้านได้เลย
มุมนี้ค่อนข้างเห็นทะเลหมอกได้อย่างแปลกตา เพราะผมไม่ค่อยได้มาโซนนี้ แต่ครั้งนี้จะอยู่ตรงนี้นานหน่อย เพราะรู้สึกถึงความรู้สึกของบรรยากาศเก่า ๆ ของภูทับเบิกที่ซ่อนอยู่ตรงโซนนี้
ทับเบิกฮิลล์มีระเบียงส่วนกลางเป็นจุดชมวิวมุมสูงสุด และวันนี้ทะเลหมอกก็สวยมาก
นอกจากนี้ ยังมีบ้านพักเป็นกระต๊อบ ซึ่งน่าจะเป็นเสน่ห์ของภูทับเบิกอย่างแท้จริง
ภาพภูทับเบิกเมื่อ 4 ปีก่อนที่ไม่มีบ้านพักที่เป็นหลังคาหรือตึกแบบสีสัน มีแต่บ้านสไตล์แบบนี้
เวลาไปเที่ยวภูทับเบิกถ้ามีเวลาพออยากแนะนำให้ลองขับรถสำรวจเล่น ๆ นะครับ เล็ง ๆ ไว้ว่าถ้าพรุ่งนี้เช้าเกิดมีทะเลหมอกขึ้นมาตรงไหนจะสวยที่สุด จะเป็นตรงบ้านพักของเราหรือเปล่า หรือจะเป็นบ้านพักอื่น ๆ ที่เราไม่ได้เข้าพัก หรือจะเป็นจุดชมวิวฮอตฮิต หรือจะเป็นมุมร้านกาแฟตรงไหนสักที่ที่จะช่วยให้เราได้เห็นอะไรอีกเยอะเลย
ลองเดินหรือขับรถไปตามถนนสายหลักของภูทับเบิก ซึ่งจะมองเห็นวิวทะเลหมอกได้ตลอดเส้นทาง ทุก ๆ ครั้งผมจะขับรถและจอดรถขออนุญาตเจ้าของรีสอร์ทเข้าไปเก็บภาพ เก็บบรรยากาศมุมสวย ๆ
ผมรู้สึกสนุกกว่าการที่ได้อยู่แค่ในที่พัก แล้วมองเห็นวิวทะเลหมอกแค่มุมเดียว ผมก็แค่รู้สึกว่ามันไม่คุ้ม อยากเห็นมุมมองเยอะ ๆ เพราะตลอดทั้งวันเราก็แทบจะอยู่นิ่ง ๆ บนที่พัก ส่วนตอนเช้า 2 ชั่วโมง ขอเวลาได้โลดแล่นไปกับเส้นทางภูทับเบิกตลอดระยะทาง 3- 5 กิโลเมตร ดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะเลย
แล้วพบกันใหม่ ณ ภูทับเบิก สิงหาคม 2557
https://www.facebook.com/chanomworld
https://www.facebook.com/groups/486496408154333/
http://pantip.com/profile/569090
Photo by chanomkids/chanomniks