เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก chanomworld
สายหมอกและขุนเขายังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่พบเห็นได้เสมอ เฉกเช่นเดียวกับบันทึกการเดินทางของ คุณชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ถ่ายทอดเรื่องราวการเดินทางออกไปค้นหากำลังใจอันยิ่งใหญ่ ในการตามหาทะเลหมอก ณ อช.แม่เมย-ดอยแม่อูคอ-แม่ฮ่องสอน-ปาย-ห้วยน้ำดัง-ดอยอ่างขาง แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะงดงามตระการตาขนาดไหนนั้น ตามไปชมกันเลยค่ะ
>>> เหมือนฝันไป >> แม่เมย-ดอยแม่อูคอ-แม่ฮ่องสอน-ปาย-ห้วยน้ำดัง-ดอยอ่างขาง 22–26 พฤศจิกายน 2556
>>> เหมือนฝันไป >> www.facebook.com/chanomworld
ทันทีที่ผมตัดสินใจจะไปแม่ฮ่องสอน ก็เริ่มวางแผนทริปนี้ให้กับเพื่อน ๆ ร่วมทางให้ช่วยกันดู แล้วบอกว่านี่คือภาพจินตนาการแห่งความฝัน ของแม่ฮ่องสอนที่เราอยากเห็น สุดท้ายทุกคนก็เห็นด้วยว่าเราจะไปแม่ฮ่องสอนกัน ^^ ป.ล. ขอบคุณสำหรับภาพนำทางเหล่านี้
มันนานมาแล้ว นานจนจำไม่ได้ว่าตอนไหนที่แม่ฮ่องสอนเข้ามาอยู่ในความทรงจำของผม...จำได้ว่าจะได้ไปที่นี่อยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เลือกไปที่อื่นทุกที เพราะคิดว่าแม่ฮ่องสอนไม่มีอะไร และบางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมพลาดอะไรไปมากมาย ในตอนที่ได้มีโอกาสมองย้อนกลับไปเสมอ แต่ตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นเดินทางอีกครั้ง และทำทุกอย่างเพื่อเดินหาสิ่งที่ผมคุ้นเคย เดินหาสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดี และรู้สึกถึงความผูกพัน....อีกครั้ง เราเดินทางกันในตอนหัวค่ำหลังเลิกงานในคืนวันศุกร์ คืนนี้เราต้องเดินทางไกล ตามแผน คือ ต้องไปนอนที่แม่สอดก่อนเที่ยงคืนให้ได้ สุดท้ายผมก็มาถึงแม่สอดตอน 5 ทุ่มครึ่ง ถือว่าทำเวลาได้ดีมาก ได้โรงแรมแถวนั้น 450 บาท/คืน นอนไม่กี่ชั่วโมงผมก็ตื่น และเริ่มเดินทางในตอนตี 4 ครึ่ง รู้สึกไม่ได้เพลียหรือง่วงอะไร และผมก็พาตัวเองมายังจุดชมวิวที่สวยที่สุดของ อช.แม่เมย เพื่อมารับโบนัสแห่งความพยายาม...ในเช้าวันนั้น
โบนัส...ที่ต้องแลกมาด้วยความรู้สึกหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่อยากเห็นวิวที่ดีที่สุด เพราะเราคงไม่ได้ไปทุกวัน ไม่ได้ไปทุกเดือน ไม่ได้ไปทุกปี หรือบางทีก็อาจจะไม่ได้ไปอีกเลยก็ได้ มันเลยทำให้ผมอยากเต็มที่กับมัน อยากเห็นวิวที่ดีที่สุด อยากรู้ว่าบรรยากาศที่ดีที่สุดมันเป็นแบบไหน ? อยากรู้ว่าความคิดถึงที่เคยบอกว่าคิดถึงมันจะยังเป็นความรู้สึกแบบนั้นไหม ? แต่เชื่อไหม ผมรู้ ผมรู้มาตลอดว่าผมจะคิดถึงมันไม่ว่าตอนนี้หรือตอนนั้น กับช่วงเวลาแห่งความพยายามที่ไม่เคยลดลง บวกกับความคิดถึงที่สะสมข้ามวัน ข้ามเดือน และข้ามปี จนมาถึงเช้าวันนี้
และเช้านี้ก็ค่อย ๆ เริ่มจบลงตอน 9 โมงเช้า ผมมองแผนที่การเดินทางอีกครั้ง จากจุดที่ผมยืนอยู่ ณ อช.แม่เมย ขึ้น อ.สบเมย ผ่านแม่ลาน้อย เข้าขุนยวมเพื่อมุ่งหน้าไปทุ่งบัวตอง ระยะทางราว ๆ 250 กิโลเมตร ถ้าวิ่งพื้นราบคงใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่นี่คำนวณตามกูเกิล แมพ แล้ว 4 ชั่วโมง น่าจะไปถึงราว ๆ บ่าย 2 โมง โดยประมาณ ขับไปในตอนแรกก็ดีอยู่หรอก แต่สักพักทางก็เริ่มแคบลง มีหลุมเยอะมาก 4 ชั่วโมงบนถนนแบบนี้ รู้สึกว่ามันยาวนานมาก มากพอที่จะทำอะไรที่อยากทำได้ตั้งเยอะ แต่พอคิดถึงปลายทางที่กำลังรอผมอยู่มันก็ตื่นเต้นไม่น้อย ที่ครั้งหนึ่งเรากำลังจะมีความทรงจำกับถนนสายนี้ ถนนสายหนึ่งที่ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบครึ่งวัน และจะเป็นถนนที่จะบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของผมอีกเรื่องหนึ่งในวันข้างหน้า ที่ยังมาไม่ถึงอย่างแน่นอน
การเดินทางอันยาวไกลของผมเหมือนกำลังจะจบลงตอนบ่าย 3 แต่แท้จริงแล้วมันกำลังเริ่มต้นบนที่ใดที่หนึ่งของเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน วิวระหว่างทางที่กำลังดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวแบบผม แบบที่มันกำลังบอกว่ามันก็สวยไม่แพ้ที่ไหนที่เราเคยได้เห็น และไม่ว่าปลายทางที่ผมกำลังจะได้เห็นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า จะสำคัญแค่ไหน ? แต่ผมเชื่อเสมอว่าต้นทางก็สำคัญไม่แพ้กัน ไม่แพ้แม้กระทั่งระหว่างทางที่เรากำลังมองเห็น ที่กำลังทำให้แม่ฮ่องสอนครั้งแรกของชีวิตค่อย ๆ เข้ามาอยู่ในความทรงจำ ที่ทำให้ความแตกต่างของทุกอย่างมีความหมาย ที่ทำให้เรารู้สึกดี หรือจะเป็นความหมายที่ตรงกันข้ามก็ได้
ยังจำความรู้สึกที่ติดมาจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้ได้เลย เพราะอะไรรู้ไหม ? เพราะเราไม่รู้ว่าปลายทางในแบบที่เราจินตนาการไว้ กับแบบที่ตาเรามองเห็นจะเป็นความเหมือนที่แตกต่าง หรือจะเป็นอีกด้านในแบบที่เรานึกไม่ถึง มันเป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ปน ๆ ไปกับความเหนื่อยล้าหลังจากขับรถข้ามคืนมาจนถึงตอนนี้ บ่าย 3 โมงเย็น ขับรถไปก็มองหาตลอดว่าตรงไหน ? ถึงยังทุ่งบัวตองในแบบของผม เผลอคิดตามว่าจะนอยด์ไหม เมื่อได้ไปถึง ?
และในที่สุดผมก็มาถึงแม่ฮ่องสอน อีกหนึ่งปลายทางสำคัญของเย็นวันนี้ คือ พระธาตุดอยกองมู อีกหนึ่งมุมมองที่สวยที่สุดของแม่ฮ่องสอน
นึกถึงห้วยน้ำดังเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มันผ่านมา 2 ปี ในเดือนพฤศจิกายน ปีนั้นผมตัดสินใจมาที่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ผมจำได้ดีเลยว่าผมใช้แรงบันดาลใจไปแค่ไหน ? และไม่เคยลืมสิ่งที่ตามติดตามตัวผมไปทุกครั้ง มันคือความคาดหวังและความคาดหวัง ที่ทำให้ห้วยน้ำดังของผมเมื่อ 2 ปีก่อนหายไปต่อหน้าต่อตาเลย ผมมองไม่เห็นแม้กระทั้งภูเขาที่ผมอยากเห็น มองไม่เห็นทะเลหมอกที่ใครมักได้เห็นกัน ถามว่า 2 ปีนานไหม ? ถ้าเป็น 2 ปี ที่ไม่ได้เฝ้ารออะไร มันก็แค่ผ่านไปแต่ถ้าเป็น 2 ปี ที่อยู่บนเส้นทางเดิมที่ยังคาดหวัง มันจะเป็นความรู้สึกแบบไหน ? แต่ผมรู้ และรู้มาตลอดว่าต้องมีสักวันที่ผมจะกลับไปแก้มืออีกครั้ง เพื่อทำให้สิ่งที่เคยติดค้างในใจ ให้...หายไป
พอได้รู้ว่าห้วยน้ำดังมีทะเลหมอก ผมรีบขับรถจากปาย ลัดโค้งเลาะเขาไปห้วยน้ำดังทันที มาถึงห้วยน้ำดังตอนประมาณ 05.40 น. มันเป็นเช้าที่มีความสุขมาก ๆ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมใช้เวลาอยู่ที่ห้วยน้ำดัง ทั้งที่วิวม่อนกิ่วลมและจุดชมวิวกางเต็นท์โซนต่าง ๆ ที่มองเห็นวิวภูเขา วิวทะเลหมอก และทะเลหมอก
ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ 4 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าดูทะเลหมอก 4 ชั่วโมง ที่ทำให้ผมค่อย ๆ รู้สึกอะไรบางอย่าง 4 ชั่วโมง ที่ทำให้ความผิดหวังและความรู้สึกเมื่อ 2 ปี ค่อย ๆ หายไปแบบที่ไม่มีวันกลับมา ^^
ผมออกมาจาก อช.ห้วยน้ำดังตอน 10 โมงเช้า วนกลับเข้ามาที่ อ.ปาย อีกครั้ง เพราะเมื่อคืนมาถึงปายก็มืดแล้วไม่ได้เที่ยวที่ไหนเลย โปรแกรมวันนี้ คือ ตะลุยปายครับ ^^ 30 กิโลเมตร จากห้วยน้ำดังวนกลับมาปาย ถือว่าเบา ๆ และเบามากสำหรับการวนกลับมาอีกครั้งของผม
เมืองปายในสุดสัปดาห์นี้ต้องบอกว่าคึกคักมาก คนเยอะพอสมควร ทั้งคนไทย คนฝรั่งเต็มถนน เต็มร้านอาหารไปหมด ผมเริ่มไปสำรวจที่ต่าง ๆ ของปาย อย่างน้อยก็บอกได้ว่าเราได้มาถึงที่นี่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นผมวนไปบ้านสันติชล เพื่อสำรวจเส้นทาง เพราะพรุ่งนี้เราต้องไปที่นี่ตั้งแต่ตีห้าครึ่ง หลังจากนั้นผมวนหาที่พัก ได้ที่พักอีกที่หนึ่งอยู่ไม่ห่างจากถนนคนเดินเท่าไหร่ เป็นบ้านพักสไตล์โรงแรม ทุกอย่างดีมาก ๆ มีพร้อม นอนสบาย มีครบทุกอย่างที่ผมต้องการ พอตกเย็นผมก็เดินไปสำรวจเมืองปาย อยากรู้ว่าบรรยากาศในปายเป็นยังไง มีความรู้สึกอยากรู้ ผมเดินผ่านถนนคนเดิน เพื่อหาภาพแห่งจำในอดีตแม่น้ำปาย กับสะพานไม้ไผ่ กับที่พักริมน้ำ เดินซะเมื่อยเลย กว่าจะมาถึงตรงนี้
ถ้าถามว่าปายในความรู้สึกผมเป็นยังไง สิ่งที่ผมเห็น คือ นักท่องเที่ยวเยอะมากในเย็นวันอาทิตย์ เส้นทางที่พักริมแม่น้ำปายเต็มไปด้วยฝรั่ง ฝรั่ง แทบไม่เห็นคนไทยเลย ยิ่งถนนคนเดิน ก็ฝรั่ง ฝรั่ง ฝรั่ง และฝรั่ง ตอนที่ผมเดินหาอะไรทาน ก็มีแต่ฝรั่ง ยังดีที่ปายยังมีอะไรให้ผมได้เห็นอีกมากกว่าสิ่งที่ผมได้เห็นอยู่ในตอนนี้ ยังมีภูเขาที่งดงาม ยังมีสายน้ำที่ทำให้รู้สึกนี่ละมั้งวิถีชีวิตปายแต่ดั้งแต่เดิมที่แท้จริง ๆ ของที่นี่ และแน่นอนที่สุด มีทะเลหมอกที่สวยที่สุดให้ได้ลุ้นกันในวันพรุ่งนี้เช้าด้วย มันเลยทำให้ผมหายตัวไปจากปายตอนนี้ไม่ได้
หลังจากที่ผมกลับมาจากถนนคนเดินที่ปาย จำได้ว่ากินต้มยำทะเล ผัดผักบุ้งไฟแดง และอะไรอีกอย่างจำไม่ได้แล้ว มันอร่อยมาก และอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ถึงเช้าวันใหม่ ผมเช็กเอาท์ออกจากที่พักตั้งแต่ตีห้าครึ่งในเช้านี้ แล้วขับรถไปจอดตรงจุดบริการ และนั่งรถขึ้นไปพร้อมกับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่ง
สายหมอกสีขาว...สัญลักษณ์แห่งความคาดหวังที่ดูเหมือนว่าจะลอยไปลอยมา เหมือนกับความคิดของคนเราเลย ไม่ว่าเราจะหยุดอยู่นิ่ง ๆ หรือจะเดินไปที่ไหน ? มันก็เป็นเงาตามเราไปทุกที่ บางทีมันก็เป็นเรื่องที่ใช่ บางทีมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ และในตอนสุดท้าย มันก็คือผลลัพธ์ของจินตนาการในแบบที่เราคาดหวังไว้เสมอ
ทะเลหมอกที่นี่เกิดขึ้นเพียงแค่ 10 นาที ก่อนที่ทุกอย่างจะเลือนหายไปพร้อม ๆ กับความคิดของผม !!!! มันเป็นทะเลหมอกที่นุ่ม ลื่น และมีชีวิตอย่างที่สุด...มันให้ความรู้สึกที่เหมือนกับเรื่องบางอย่างในแบบที่เราเคยคิด ในแบบที่เราจินตนาการหรือคาดหวังไว้ แม้มันจะมาแล้วหายไป แต่เราก็ได้เห็นมัน สัญลักษณ์แห่งความคาดหวัง และจินตนาการของความคิดที่สามารถลอยไปไกลได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด แม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ แค่ 10 นาที ก็ตาม
และตอนนี้ผมกำลังตัดสินใจว่าจะไปไหนต่อดีจะไปดอยอ่างขาง หรือจะไปดอยแม่ตะมาน หรือจะลงมาที่ภูหินร่องกล้า-ภูทับเบิก ?
ผมขับรถจากปายมุ่งหน้าลง อ.เชียงดาว แต่เส้นทางนี้ก็ต้องผ่านห้วยน้ำดังอีกครั้ง เหมือนขับวนไปวนมา แล้วก็อย่างที่เคยคิด ผมบอกกับเพื่อนว่าไหน ๆ ก็ผ่าน แวะหน่อยนะ ผมเลยแวะเข้าไปที่นี่อีกรอบ ตอนเกือบ 10 โมง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ห้วยน้ำดังวันนี้ก็มีทะเลหมอกให้เห็น แล้วพักใหญ่ ๆ ผมก็ขับรถออกจากห้วยน้ำดัง มุ่งสู่ อ.เชียงดาว สองข้างทางวิวภูเขาสวยมาก และตอนนี้ผมกับเพื่อนตัดสินใจได้แล้วว่าเราจะไปไหน ? มันเป็นดินแดนแห่งขุนเขา และเป็นบรรยากาศ ของสายหมอก เป็นสถานที่ที่มีอากาศหนาวมาก แวดล้อมด้วยดอกไม้ที่ออกดอกเป็นสีชมพูทั้งต้น อีกหนึ่งสถานที่ที่ผมรู้สึกดี และยังคงคิดถึงเสมอ ใช่แล้วครับ เรากำลังมุ่งหน้า...ไปดอยอ่างขางกัน
นึกไปนึกมา เรายังไม่ได้ทานข้าวกันเลย !!!! ผมขับรถผ่านตัวเมืองเชียงดาวมานิดหน่อย ก่อนถึงปากทางเข้าถ้ำเชียงดาว มีร้านอาหารเลยแวะเข้าไปทานกัน เป็นร้านที่ร่มรื่นมาก ตกแต่งบรรยากาศคล้ายร้านในสวน และสามารถมองเห็นวิวภูเขาดอยหลวงเชียงดาว เห็นวิวทุ่งนาบรรยากาศดี ร่มรื่นมาก และเย็นสบายมาก ชื่อร้านว่า "สวนอาหารเสน่ห์ดอยหลวง" ปกติเรื่องการทานอาหาร เราไม่ค่อยได้อะไร สะดวกที่ไหนก็กินที่นั้น แต่ร้านนี้บังเอิญผ่านและมันก็ลงตัวมาก บรรยากาศดี อาหารอร่อย เราทานกันเบา ๆ กับเมนูตลอด 3 ปี ก็กินแบบนี้ ต้มยำทะเล ปลาทอดกระเทียม และอีกอย่าง และก็ส้มตำอีก 1 จาน ที่เป็นเมนูที่ขาดไม่ได้ จริง ๆ รายละเอียดพวกนี้เป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยเสมอ แต่แปลก ทุกครั้งที่เวลาเราได้นึกถึงมัน กลิ่นหอมบางอย่างก็ลอยเข้ามาเตะจมูก แล้วสัญชาตญาณของผมก็ค่อย ๆ เริ่มต้นขึ้น พร้อม ๆ กับความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง ที่อยู่ต่อหน้าต่อตากับการได้ทานอะไรอร่อยในเที่ยงวันนี้ !!!!
ถ้าเปรียบแรงบันดาลใจให้เหมือนกับความฝัน ถนนสายนี้คงเป็นถนนแห่งแรงบันดาลใจที่กำลังพาใครสักคนไปยังปลายทางแห่งฝัน และที่นี่ ก็คือ ดอยอ่างขางในตำนาน !! ผมกลับมาที่นี่อีกครั้ง ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง อย่างแรกเลยมันเป็นสถานที่ที่สวยงามมาก ๆ ในแบบที่ตาเรามองเห็น และอย่างที่สองมันเป็นสถานที่ที่ให้บรรยากาศในแบบที่ความทรงจำของเราจะไม่มีวันลืมมันได้เลย
ผมขับรถขึ้นดอยอ่างขาง ทาง อ.ไชยปราการ เส้นทางนี้สั้นแต่ชันมาก ระยะทางราว 20 กิโลเมตร เป็นช่วงที่ต้องรักษาสัมพันธ์ของเบรกและคันเร่งกับเส้นทางขึ้นเขาที่สูงและชันไม่แพ้ที่ไหน ? ตอนที่ขับผ่านเส้นทางเดิม ๆ ของถนนสายนี้ ก็ทำให้นึกถึงเรื่องราวที่เคยผ่านเข้ามา และตอนที่ผ่านมาก็ทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ บรรยากาศที่ทำให้ความสุขหรือความเศร้าที่ได้บังเอิญเดินทางมาพบกันในเวลานั้น มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่บางทีต้องใช้เวลา และบางทีมันก็เป็นเวลาที่เราอาจไม่แน่ใจว่าอันไหน คือ ความจริง และสิ่งใด คือ ความฝัน และถ้าวันหนึ่งที่ความจริงเหมือนความฝัน แล้วให้ความฝันนั้นเข้าใกล้ความจริงมากที่สุด มันคงเป็นจุดเริ่มต้นบางอย่างที่ทำให้เราได้มาพบกัน อย่างน้อยก็อีกครั้ง...ไม่ว่าเราจะเคยพบกันมาก่อน หรือไม่เคยก็ตาม
จริง ๆ เราวางแผนกันไว้แค่ 3 วัน 2 คืน สำหรับการท่องเที่ยวที่แม่ฮ่องสอน ผมเลยวางแผนเส้นทางนั้นซะเต็มที่เลย ส่วนดอยอ่างขางถือว่าเป็น...ของขวัญพิเศษ และมันก็พิเศษสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เช้านี้แตกต่างจากจากเช้า 3 วันที่ผ่านมา เพราะลมแรงมาก แรงจนต้องรู้สึกเผื่อใจว่าทะเลหมอกเช้าวันสุดท้ายคงไม่ได้เห็น ผมขับรถไปที่จุดแรกที่ฐานปฏิบัติการ แต่หมอกก็ฟุ้งจนมองไม่เห็นอะไรเลย วิ่งกลับมาที่ไร่ชา 2000 ก็มีรั้วปิดห้ามเข้า เลยมุ่งหน้าไปไร่สตรอว์เบอร์รี ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ผมใช้เวลานิ่ง ๆ ที่นี่อยู่พักใหญ่ เพื่อรอดูการกลับมาของบางสิ่งที่ยังคงทำให้ผมได้รัก ได้รู้สึกดีและผูกพัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก็ตาม...
ผมกลับเข้ามาในสถานีเกษตรหลวงอีกครั้ง มาเก็บบรรยากาศที่ทำให้หลายคนได้รอและรอ เพื่อเหตุของผลอะไรบางอย่าง มันเป็นที่มาของความรู้สึกต่าง ๆ มากมาย ที่จะบอกว่ามัน คือ ความทรงจำตอนสุดท้าย... ดอยอ่างขาง
ความทรงจำตอนสุดท้ายที่ทำให้ความบังเอิญได้บังเอิญมารู้จักกัน และรู้สึกดีต่อกันจนผูกพันกัน และถ้าวันหนึ่งที่เราไม่ได้รู้จักกัน ไม่ได้พบกัน และไม่ได้ผูกพันกัน มันจะเป็นเหตุของผลที่เราลืมไม่ลงเลย
มีความทรงจำหลาย ๆ อย่างที่บอกว่าต้นทางที่เคยเป็นจุดเริ่มต้นก็สำคัญไม่แพ้กัน ไม่แพ้แม้กระทั่งระหว่างทางที่เราได้พบเห็น ประสบการณ์ในสิ่งที่เราได้เห็นมันยิ่งใหญ่มาก...มากจนบอกไม่ถูกว่ามันแค่ไหน ขนาดเท่าไหร่ มากเกินกว่าที่มันจะอยู่ในรูปภาพไม่กี่ใบ และมากเกินกว่าที่จะบอกด้วยคำไม่กี่คำ
::::: เหมือนฝันไป >> แม่เมย-ดอยแม่อูคอ-แม่ฮ่องสอน-ปาย-ห้วยน้ำดัง-ดอยอ่างขาง 22-26 พฤศจิกายน 2556 :::::
www.facebook.com/chanomworld
pantip.com/profile/569090
>>>>>>Sincerely yours<<<<<<
Chanomworld< 23-26 November 2013>