x close

หลงใหล เกาะตาชัย แต่อย่าสนุกจนลืมรักษา

เกาะตาชัย

หลงใหล "เกาะตาชัย" อย่าสนุกจนลืมรักษา (ไทยโพสต์)


สรณะ รายงาน

          ช่วงหน้าร้อนอย่างนี้ หัวใจหลายคนนึกถึงทะเลและการผจญภัยไปเกาะต่าง ๆ หากพูดถึงเกาะที่ถูกนึกถึงและใครหลายคนต้องการไปมากที่สุด คงไม่พ้น "เกาะตาชัย" เกาะเล็ก ๆ ในท้องทะเลอันดามัน อยู่ในเขตน่านน้ำของจังหวัดพังงา และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันนั่นเอง แม้จะเป็นที่รู้จักไม่นาน แต่เกาะตาชัยก็มาแรงแซงโค้งสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลแห่งอื่น ๆ ด้วยความสวยใสของน้ำทะเลสีฟ้าสด หาดทรายอันงามละเอียด ทำให้ผู้ที่มาเยือนต่างประทับใจ ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยมาก็ใฝ่ฝันว่าจะต้องมาเยือนสักครั้งหนึ่งให้ได้

          มีคนถามกันว่าเกาะตาชัยไปอย่างไร ? ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไปไม่ยาก แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องมีเวลา มีเงิน และหัวใจสีเขียว เป็นเข็มทิศนำทาง เพราะเกาะแห่งนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากฝั่งราว 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งโดยเรือสปีดโบ๊ท ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที เกาะมีขนาดเล็ก ถ้านักท่องเที่ยวแห่ไปเที่ยวจำนวนมากพร้อม ๆ กันอาจเกิดความคับคั่งได้ และหากไม่ช่วยกันดูแลจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจัดการขยะ ซึ่งต้องใช้วิธีขนย้ายไปที่ฝั่ง รวมทั้งการสร้างมลพิษในรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดจากคนอีกมากมาย

เกาะตาชัย

          การเดินทางไปเกาะตาชัยมีหลายวิธี ขึ้นกับกำลังทรัพย์ของแต่ละคน ที่สะดวกสุด คือ ขึ้นเครื่องไปลงที่ภูเก็ต หรือใครชอบเดินทางโดยรถบัสหรือรถส่วนตัวก็อาจเลือกไปค้างที่ภูเก็ต หรือที่เขาหลัก จังหวัดพังงา ก็ได้ โดยจะมีบริษัททัวร์ให้บริการพร้อมกับมีรถตู้ไปคอยรับจากที่พักมายังท่าเรือทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นท่าเรือที่จะไปเกาะตาชัยและเกาะสิมิลัน

          สำหรับราคาค่าบริการนั้นใกล้เคียงกัน ในรูปแบบวันเดย์ทริป ตกประมาณ 2,500-3,000 บาทต่อคน โดยมีอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ต์ให้บริการ เรือจะออกจากท่าเรือทับละมุ เวลา 9 โมงตรงทุกวัน เมื่อถึงที่หมายจะให้ดำน้ำ 2 จุด คือ เกาะตาชัยด้านเหนือและใต้ ก่อนมาทานข้าวเที่ยงบนเกาะ โดยให้เวลาพักผ่อนบนเกาะถึง 15.00 น. จึงกลับฝั่ง เกาะแห่งนี้ยังไม่อนุญาตให้นอนค้างคืน ระหว่างการนั่งเรืออาจจะเริ่มเบื่อ ๆ หน่อย เพราะใช้เวลานาน อีกทั้งบางรายต้องพบอาการเมาเรือ จึงควรต้องเตรียมตัวให้ดีด้วยการกินยาดักเอาไว้ นอกจากนี้ ใครผิวบอบบางก็ควรทาครีมกันแดดป้องกันเอาไว้เช่นกัน เพราะที่นั่นแดดแรงมาก เมื่อไปถึงที่หมาย เราพบจุดเด่นของเกาะตาชัยนั้นสมคำร่ำลือจริง ๆ เพราะได้พบหาดทรายขาวละเอียดราวกับแป้ง น้ำใสราวกระจก พบเห็นสัตว์นานาชนิด เช่น ปลาหลากหลายสีสัน  รวมทั้งปูไก่ พระเอกของเกาะ

          หลังจากเล่นน้ำดูปะการังน้ำตื้นแล้ว เราก็ไปเดินเล่นในบริเวณเกาะ และมีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อุทยานเกาะสิมิลัน ที่รับผิดชอบเกาะตาชัย ซึ่งกำลังเก็บขยะอยู่ พร้อมสอบถามถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขณะนี้มีจำนวนมาก ว่ามีผลกระทบอะไรกับเกาะสวยแห่งนี้หรือไม่ พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า เนื่องจากมีคนมาเที่ยวมาก จึงต้องปิดเกาะช่วงเดือนพฤษภาคมไปถึงเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้ธรรมชาติรักษาตัว ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยว หากมากเกินไปนั้นย่อมทำให้เกิดปัญหาแน่นอน เพราะพื้นที่เกาะมีขนาดเล็ก ความยาวประมาณ 700 เมตร ทำให้คนเบียดเสียดแออัดกันมาก

          "สิ่งที่ตามมา คือ เรื่องขยะ แม้เราจะจัดการโดยการนำใส่ถุงดำแล้วขนใส่เรือมาทิ้งบนฝั่ง บางส่วนก็ขอความร่วมมือจากเรือของบริษัททัวร์ให้ความร่วมมือช่วยกันนำขยะขึ้นฝั่งไปทิ้ง แต่บางครั้งก็ยังมีตกค้างหลงเหลืออยู่เป็นอันตรายแก่ธรรมชาติ" พี่เจ้าหน้าที่บอก

เกาะตาชัย

          "จะเห็นได้ชัดเจน คือ "ปูไก่" ปูน้ำจืดขนาดใหญ่ ส่งเสียงร้องคล้ายไก่ ที่ชอบอาศัยอยู่ตามธารน้ำ ปูเหล่านี้จะออกมาเดินอาบแดดกันถึงชายหาด แต่เมื่อนักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาเยือนที่เกาะมากขึ้น ปูไก่ก็จะถอยร่นเข้าสู่ชายป่าซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย เพราะเจอมลพิษทางเสียงของนักท่องเที่ยวที่เข้ามา บางคนขาดข้อมูล คึกคะนอง หรือกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เอาไม้ไปแหย่บ้าง จับใส่ถุงถ่ายรูปบ้าง เป็นการรบกวนธรรมชาติโดยตรง แม้จะพยายามอบรมไกด์และบริษัทให้ทราบแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีพฤติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้น"

          พี่เจ้าหน้าที่ยังบอกอีกว่า หากเป็นไปได้ อยากฝากบอกกับนักท่องเที่ยวที่มาเกาะตาชัยว่า เมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็ขอให้ทำตามคำแนะนำของไกด์และเจ้าหน้าที่ ร่วมกันดูแลธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน

เกาะตาชัย

          ฟังพี่เจ้าหน้าที่พูดแล้วเราเองก็อดคิดต่อไม่ได้ว่า เดี๋ยวนี้ความคิดของคนรุ่นใหม่กับสถานที่ท่องเที่ยวนั้นต้องเปลี่ยนไปแล้ว การท่องเที่ยวต้องเป็นไปเพื่อการรักษา เพื่อเก็บไว้ให้คนอื่นชื่นชม ความคิดเช่นนี้เป็นเรื่องสากล เป็นแนวคิดแบบกรีนที่ผู้คนทั่วโลกต่างยอมรับ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ได้ทำการรณรงค์เผยแพร่จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ 7 Greens  ซึ่งทุกคนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสามารถนำมาปฏิบัติตามเพื่อรักษาสภาวะทางการท่องเที่ยวให้ยั่งยืนได้หมด ที่สำคัญดูเหมือนว่าใครที่ท่องเที่ยวแล้วมีพฤติกรรมแบบทำลายนั้น ย่อมเป็นที่รังเกียจ และไม่ได้รับการต้อนรับจากคนอื่นอีกด้วย สรุปว่า...แม้การท่องเที่ยวเกาะตาชัยจะสิ้นสุดในเวลาสั้น ๆ เพียง 1 วัน แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่งได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง

เกาะตาชัย

          สำหรับใครที่พักเขาหลักหรือตัวเมืองพังงา ความสนุกยังไม่หมด ขอแนะนำให้ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงาต่อไปในวันรุ่งขึ้น ทั้งนี้ มีท่าเรือท่องเที่ยวให้บริการหลายแห่ง แต่เราเลือกท่าเรืออุทยานอ่าวพังงา ที่นั่นมีไกด์คอยอธิบายข้อมูลต่าง ๆ และแนะนำให้รู้ว่าเกาะไหนชื่ออะไร ความเป็นมาเป็นอย่างไร พร้อมตอบคำถามแก่นักท่องเที่ยวที่ช่างสงสัย

          จุดแรกที่เห็นคือ "เขาหมาจู" อยู่ระหว่างทางผ่านที่จะไปยังเกาะปันหยี เป็นภูเขาหิน มีลักษณะคล้ายรูปสุนัขกำลังหมอบ เห็นส่วนหัว ลำตัว และหาง จากนั้นก็ไปนั่งเรือยางบริเวณถ้ำลอด โดยเราเป็นคนนั่งและมีคนพายที่ชำนาญมาก โดยจะลอดถ้ำใหญ่ถ้ำเล็กถ้ำน้อยนับสิบถ้ำ ยอมรับเลยว่าธรรมชาติได้สร้างสิ่งที่สวยงามมาก ได้พบหินปูนรูปร่างแปลกตาสวยงามยิ่งนัก บางจุดเป็นสถานที่ต่ำมาก ต้องนอนแนบกับเรือโดยมีหินอยู่ปลายจมูก

พังงา

          หลังจากได้ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างจุใจ ก็นั่งเรือไปที่เขาพิงกัน เพื่อไปชมเขาตะปู หรือ "เกาะเจมส์ บอนด์" ที่โด่งดังระดับโลก เพราะภาพยนตร์เรื่องเจมส์ บอนด์ เคยมาถ่ายทำเอาไว้นานมาแล้ว ถัดไปคือ "เขาพิงกัน" เป็นภูเขาที่มีลักษณะพิเศษแปลกตาแตกต่างจากภูเขาอื่นใดทั้งสิ้น เป็นภูเขาสองลูกที่แนบยึดติดกัน เป็นแนวเส้นตรงจากยอดเขาสู่ตีนเขา ผู้คนที่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมเขาพิงกันต่างพากันสันนิษฐานว่า ในอดีตกาลคาดว่าจะเป็นภูเขาลูกเดียวกัน แต่ได้ถูกฟ้าผ่าจนแยกภูเขาดังกล่าวออกเป็นสองลูกที่แนบชิดติดกันหรือพิงกัน หรืออาจเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ภูเขาดังกล่าวเกิดรอยร้าวหรือปริแยกเป็นสองส่วนมีลักษณะคล้ายถูกของมีคมตัดเป็นเส้นตรงจากยอดเขาสู่ตีนเขา แต่ยังไม่ได้ถูกแยกออกจากกัน กลับถูกปล่อยให้ยังคงแนบชิดติดกัน จนถูกเรียกว่า เขาพิงกัน


          จากนั้นนั่งเรือย้อนกลับไป เกาะปันหยี เกาะเล็ก ๆ ที่โด่งดังจากโฆษณาชุดหนึ่ง ที่มีทีมฟุตบอลบนเกาะกลางน้ำ เกาะแห่งนี้มีบ้านเรือน 300 หลังคา มีประชากรประมาณ 4,000 คน สามารถเข้าไปศึกษาและสัมผัสชีวิตของคนที่นี่ได้

          หลังจากดื่มด่ำความมหัศจรรย์ดังที่กล่าวมา ก็รู้สึกว่าเราโชคดีที่เกิดบนแผ่นดินไทยที่ร่ำรวยไปด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมที่งดงาม ซึ่งเราทุกคนจะต้องช่วยกันรักษา เพื่อให้สิ่งเหล่านี้อยู่กับประเทศเราตลอดไป สรุปว่าอยากให้ทุกคนได้ไปเที่ยว สัมผัสความงามของเมืองไทยด้วยกัน และใครอยากไปแต่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามข้อมูลได้ที่ ททท. โทร. 1672




ขอขอบคุณข้อมูลจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หลงใหล เกาะตาชัย แต่อย่าสนุกจนลืมรักษา อัปเดตล่าสุด 18 พฤศจิกายน 2558 เวลา 15:51:16 2,871 อ่าน
TOP