7 เรื่องห้ามพลาด ถ้าอยาก "ถึง" บาหลี (Lisa Guru)
บาหลี มีอะไรดี ๆ หลากหลาย ทั้งในแง่ศิลปวัฒนธรรมและการผจญภัย และนี่คือกิจกรรม 7 อย่างที่คุณต้องทำ และจะทำให้คุณได้รู้จักกับบาหลีได้อย่างหลากหลายอย่างแท้จริง
ถ้าจะพูดถึงหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเอเชีย คงไม่มีใครปฏิเสธความโด่งดังของเกาะแสนสวยอย่าง "บาหลี" ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันงดงาม ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายชายทะเล ขุนเขาเขียวขจี และศิลปวัฒนธรรมอันมีเอกลัษณ์ หรือเสน่ห์ดึงดูดใหม่ของสปาสไตล์บาหลี ซึ่งมีทรีตเมนท์เฉพาะตัวในแบบของบาหลีที่หาไม่ได้จากที่อื่น (เหมือนการนวดแบบไทย ๆ ที่ใคร ๆ กำลังติดใจไปทั่วโลกเหมือนกัน !) นี่ยังไม่นับกิจกรรมอันหลากหลายที่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินจนแทบจะไม่อยากกลับบ้าน ฉะนั้น ถ้าจะมาให้ "ถึง" บาหลีจริง ๆ แล้ว นี่คือ 7 สิ่งที่ว่ากันว่าต้องทำ !
เที่ยววัดฮินดู
บาหลี ได้รับอิทธิพลทางศาสนาพุทธก่อนที่จะถูกครอบงำโดยฮินดูในเวลาต่อมา และเป็นแหล่งที่มีวัดฮินดูมากมายนับหมื่นแห่ง เนื่องจากแทบทุกหมู่บ้านในบาหลีจะมีวัดอย่างน้อยที่สุด 3 วัด วัดขึ้นชื่อของบาหลีที่ควรไปเที่ยวชมมีหลายแห่ง เช่น ทานาล็อต (Tanah Lot) วัดนี้ตั้งอยู่บนทำเลอันแสนสวยงามในเขตชายฝั่งทาบานัน (Tabanan) สร้างบนโขดหินที่เข้าถึงได้แต่เพียงเมื่อน้ำลง ช่วงพระอาทิตย์ตกเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดแก่การไปเยือน เพราะเป็นช่วงเวลาที่สวยงามอย่างมาก ปูระ อูลุน ดานู บราตัน (Pura Ulun Danu Bratan) ก็เป็นวัดพุทธ-ฮินดูที่สร้างในศตวรรษที่ 17 อุทิศให้แก่เทพีแห่งน้ำและท้องทะเล สร้างอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบ ส่วน พูรา ลูฮูร์ บาตูคารู (Pura Luhur Batukaru) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเบดูกัล (Bedugul) สร้างขึ้นในคริสต์-ศตวรรษที่ 11 และเป็นหนึ่งใน 6 วัดทีี่มีผู้คนมากราบไหว้บูชามากที่สุดของบาหลี และเบซาคีห์ (Besakih) ซึ่งอยู่บนไหล่เขา Mount Agung ก็เป็นแหล่งที่มีวัดฮินดูอยู่รวมกันทั้งหมดถึง 30 วัดทีเดียว
ชมพระอาทิตย์ตกดินที่หาดคูตะ
คูตะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของบาหลี ที่นี่เป็นด่านแรกที่ต้อนรับชาวต่างชาติที่มาเยือนบาหลีตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 จนกระทั่งเริ่มมาเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักเล่นกระดานโต้คลื่น และเหล่าบุปผาชนในช่วงปี ค.ศ. 1960 และจากนั้นก็เป็นย่านที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันมากที่สุด ชายหาดของที่นี่เหมาะแก่การเล่นกระดานโต้คลื่นเป็นที่สุด และที่โด่งดังที่สุดอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ความสวยงามของบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกดินริมชายหาดคูตะ ซึ่งทุกคนไม่ควรพลาดชม หลังจากนั้นแล้วอาจจะเริงราตรีต่ออีกสักหน่อย เพราะย่านนี้เป็นย่านที่มีสถานที่เที่ยวกลางคืนเด็ด ๆ ดัง ๆ มากที่สุด แถมตอนกลางวันก็ยังมีร้านรวงให้ช้อปปิ้งมากมาย ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อของบาหลีแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
สัมผัสบาหลีทางอากาศหรือบนอานฮาร์เลย์
นอกจากการเที่ยวแบบธรรมดาแล้ว บาหลียังมีการท่องเที่ยวในมุมมองแปลกใหม่ที่ผู้รักการผจญภัยต้องไม่พลาด เช่น การนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมวิว ซึ่งจะทำให้ได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงามของบาหลีอย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นทุ่งนาข้าวแบบขั้นบันไดที่ทุกคนคุ้นตา วัด ภูเขาไฟ และชายหาดอันสวยงาม หรือการขี่มอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์เดวิดสัน ที่มีให้เช่าหลายรุ่น และการขับขี่รถเอทีวีชมธรรมชาติในป่าและท้องทุ่งนา
ดูรายละเอียดได้ที่ baliharleydavidsontours.com สำหรับการชมบาหลีทางอากาศสามารถดูรายละเอียดได้ที่ airbali.com หรือ balisupertickets.net ค่าตั๋วสำหรับทัวร์ 30 นาที คนละ 375 USD หรือไพรเวตทัวร์ 1,400 USD ต่อเที่ยว
ขึ้นภูเขาไฟ
นอกจากชายหาดอันสวยงาม บาหลียังเต็มไปด้วยขุนเขาเขียวขจีและภูเขาไฟ ทั้งที่ดับแล้วและยังคุกรุ่นอยู่ อย่างเช่น บาตูร์ (Batur) ซึ่งมีทั้งทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของบาหลีและภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น หรือเบดูกัล (Bedugul) ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟ กูนุง บาตู-คารู (Gunung Batukaru) ซึ่งมีระดับความสูง 2,276 เมตร และเป็นแหล่งที่พักตากอากาศของนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสงบ มีทะเลสาบที่สงบเงียบและปกคลุมด้วยม่านหมอก อย่าลืมหาโอกาสไปสัมผัสกลิ่นอายภูเขาไฟดูสักครั้ง
นอกจากชายหาดอันสวยงาม บาหลียังเต็มไปด้วยขุนเขาเขียวขจีและภูเขาไฟ ทั้งที่ดับแล้วและยังคุกรุ่นอยู่ อย่างเช่น บาตูร์ (Batur) ซึ่งมีทั้งทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของบาหลีและภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น หรือเบดูกัล (Bedugul) ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟ กูนุง บาตู-คารู (Gunung Batukaru) ซึ่งมีระดับความสูง 2,276 เมตร และเป็นแหล่งที่พักตากอากาศของนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสงบ มีทะเลสาบที่สงบเงียบและปกคลุมด้วยม่านหมอก อย่าลืมหาโอกาสไปสัมผัสกลิ่นอายภูเขาไฟดูสักครั้ง
ชมการร่ายรำสไตล์บาหลี
หนึ่งในศิลปวัฒนธรรมอันโดดเด่นของบาหลี ก็คือ การร่ายรำ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการร่ายรำเพื่อบูชาเทพเจ้า และปัจจุบันก็ยังมีการรักษาวัฒนธรรมการร่ายรำเช่นนี้เอาไว้ในหลาย ๆ แห่ง เช่นเดียวกับที่สามารถหาชมได้ตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป ที่น่าสนใจ ได้แก่ การเต้นระบำไฟ หรือ Sanghyang เพื่อขับไล่ปิศาจ และการเต้นบารอง (Barong Dance) หรือการเต้นสิงโตสไตล์บาหลี
หนึ่งในศิลปวัฒนธรรมอันโดดเด่นของบาหลี ก็คือ การร่ายรำ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการร่ายรำเพื่อบูชาเทพเจ้า และปัจจุบันก็ยังมีการรักษาวัฒนธรรมการร่ายรำเช่นนี้เอาไว้ในหลาย ๆ แห่ง เช่นเดียวกับที่สามารถหาชมได้ตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป ที่น่าสนใจ ได้แก่ การเต้นระบำไฟ หรือ Sanghyang เพื่อขับไล่ปิศาจ และการเต้นบารอง (Barong Dance) หรือการเต้นสิงโตสไตล์บาหลี
สนุกกับบาหลี สลิงช็อต (Bali Sling Shot)
ทุกวันนี้เรารู้จักการละเล่นเสี่ยงตายจากนิวซีแลนด์อย่างบันจี้จัมพ์กันดี และสามารถหาเล่นได้แทบจะทุกแห่งในโลก รวมทั้งในบาหลีด้วย แต่ที่นับเป็นเอกลักษณ์ของบาหลีจริง ๆ ก็คือ "บาหลี สลิง ช็อต" ซึ่งเป็นบันจี้จัมพ์แบบกลับหัวกลับหางกัน นั่นก็คือ ในขณะที่บันจี้จัมพ์เป็นการดิ่งลงพื้นโลก บาหลี สลิง ช็อต จะยิงคุณซึ่งอยู่ในกระสวยทรงกลมขึ้นไปในอากาศสูงถึง 45 เมตร (ประมาณตึก 15 ชั้น) โดยเครื่องยิงที่ดูเหมือนกับหนังสติ๊ก ว่ากันว่านี่เป็นประสบการณ์แสนระทึกที่เพียงแค่ได้ไปดูก็สนุกแล้ว
ทุกวันนี้เรารู้จักการละเล่นเสี่ยงตายจากนิวซีแลนด์อย่างบันจี้จัมพ์กันดี และสามารถหาเล่นได้แทบจะทุกแห่งในโลก รวมทั้งในบาหลีด้วย แต่ที่นับเป็นเอกลักษณ์ของบาหลีจริง ๆ ก็คือ "บาหลี สลิง ช็อต" ซึ่งเป็นบันจี้จัมพ์แบบกลับหัวกลับหางกัน นั่นก็คือ ในขณะที่บันจี้จัมพ์เป็นการดิ่งลงพื้นโลก บาหลี สลิง ช็อต จะยิงคุณซึ่งอยู่ในกระสวยทรงกลมขึ้นไปในอากาศสูงถึง 45 เมตร (ประมาณตึก 15 ชั้น) โดยเครื่องยิงที่ดูเหมือนกับหนังสติ๊ก ว่ากันว่านี่เป็นประสบการณ์แสนระทึกที่เพียงแค่ได้ไปดูก็สนุกแล้ว
เข้าสปา
สปาของบาหลีโด่งดังด้วยทรีตเมนท์ที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ที่ต้องลอง ก็คือ MandiLulur การนวดแผนโบราณที่ถ่ายทอดมาจากพระราชวังในชวา เริ่มด้วยการนวดตัวก่อนจะขัดตัวด้วยแป้งข้าวเจ้าผสมกับสมุนไพรนานาชนิด เช่น ไม้จันทน์ ดอกมะลิ และขมิ้น เพื่อเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จบด้วยการมาส์กผิวด้วยโยเกิร์ตเย็น ๆ ส่วน Bali Boreh ก็เป็นการนวดที่ช่วยป้องกันโรคหวัด และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรงขึ้น ตามด้วยการขัดตัวด้วย Boreh ซึ่งมีส่วนผสมของไม้จันทน์ ขิง อบเชย ผักชี ลูกจันทน์ ที-ทรีออยล์ และแป้งข้าวเจ้า และจบด้วยการมาส์กผิวกายให้ผิวชุ่มชื้นด้วยแครอต และ Bali Kopi Lulur ที่นำเอากาแฟกลิ่นหอมกรุ่นมาใช้ร่วมกับการนวดเพื่อผ่อนคลาย
นอกจากนี้ ยังมีการมาส์กผิวกายด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น แตงกวา ลาเวนเดอร์ ดอกเก๊กฮวย และน้ำมันหอมระเหย ที่จะช่วยฟื้นคืนความกระปรี้กระเปร่าให้แก่ผิวที่ผจญกับแสงแดดมาทั้งวัน และช่วยเร่งให้มีการผลัดเซลล์ผิวใหม่อีกด้วย ถ้าตบท้ายรายการท่องเที่ยวและผจญภัยจนครบสูตร ด้วยการเข้าสปาอันแสนผ่อนคลายเช่นนี้ ก็คงจะเป็นการท่องเที่ยวอันแสนวิเศษจริง ๆ
เรื่องควรรู้
นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางไปบาหลีได้ 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า
ช่วงเดือนมีนาคม-กันยายนเป็นช่วงหน้าแล้ง ฝนน้อย อากาศไม่ชื้นมาก ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าเที่ยวที่สุดของบาหลี
ภาษาบาหะซาร์ เป็นภาษาประจำชาติ แต่ตามแหล่งท่องเที่ยวสามารถสื่อสารกันได้ด้วยภาษาอังกฤษ
เวลาเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
ระบบเงินตรา รูเปียห์ (Rp.) อัตราแลกเปลี่ยน1 US ดอลลาร์ = ประมาณ 257,400 Rp.
มีหลายสายการบินที่บินตรงไปยังบาหลี เช่น การบินไทยการูด้า แอร์ไลนส์ สิงคโปร์แอร์ไลนส์ และ Air Asia
กระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าที่บาหลี 220 โวลต์ 50 ไซเคิลปลั๊กที่ใช้เป็นรูกลม 2 ขา
หน่วยเงิน/อัตราแลกเปลี่ยน หน่วยเงินของบาหลีและอินโดนีเซียเป็นรูเปียห์ (Rupiah) 1,000 รูเปียห์ ประมาณ 2.74 บาท หากเดินทางออกไปตามหมู่บ้าน ควรแลกเงินรูเปียห์ออกไปให้พอเพียงที่จะใช้และควรแลกใบย่อยด้วย อย่างไรก็ดี ร้านขายของที่ระลึกในเขตกูต้า ชานูร์ และนูซาดูอา มักยอมรับเงินสหรัฐฯ บัตรเครดิตสามารถใช้ได้ตามร้านค้า โรงแรม และภัตตาคารในย่านแหล่งท่องเที่ยว
สปาของบาหลีโด่งดังด้วยทรีตเมนท์ที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ที่ต้องลอง ก็คือ MandiLulur การนวดแผนโบราณที่ถ่ายทอดมาจากพระราชวังในชวา เริ่มด้วยการนวดตัวก่อนจะขัดตัวด้วยแป้งข้าวเจ้าผสมกับสมุนไพรนานาชนิด เช่น ไม้จันทน์ ดอกมะลิ และขมิ้น เพื่อเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จบด้วยการมาส์กผิวด้วยโยเกิร์ตเย็น ๆ ส่วน Bali Boreh ก็เป็นการนวดที่ช่วยป้องกันโรคหวัด และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรงขึ้น ตามด้วยการขัดตัวด้วย Boreh ซึ่งมีส่วนผสมของไม้จันทน์ ขิง อบเชย ผักชี ลูกจันทน์ ที-ทรีออยล์ และแป้งข้าวเจ้า และจบด้วยการมาส์กผิวกายให้ผิวชุ่มชื้นด้วยแครอต และ Bali Kopi Lulur ที่นำเอากาแฟกลิ่นหอมกรุ่นมาใช้ร่วมกับการนวดเพื่อผ่อนคลาย
นอกจากนี้ ยังมีการมาส์กผิวกายด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น แตงกวา ลาเวนเดอร์ ดอกเก๊กฮวย และน้ำมันหอมระเหย ที่จะช่วยฟื้นคืนความกระปรี้กระเปร่าให้แก่ผิวที่ผจญกับแสงแดดมาทั้งวัน และช่วยเร่งให้มีการผลัดเซลล์ผิวใหม่อีกด้วย ถ้าตบท้ายรายการท่องเที่ยวและผจญภัยจนครบสูตร ด้วยการเข้าสปาอันแสนผ่อนคลายเช่นนี้ ก็คงจะเป็นการท่องเที่ยวอันแสนวิเศษจริง ๆ
เรื่องควรรู้
นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางไปบาหลีได้ 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า
ช่วงเดือนมีนาคม-กันยายนเป็นช่วงหน้าแล้ง ฝนน้อย อากาศไม่ชื้นมาก ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าเที่ยวที่สุดของบาหลี
ภาษาบาหะซาร์ เป็นภาษาประจำชาติ แต่ตามแหล่งท่องเที่ยวสามารถสื่อสารกันได้ด้วยภาษาอังกฤษ
เวลาเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
ระบบเงินตรา รูเปียห์ (Rp.) อัตราแลกเปลี่ยน1 US ดอลลาร์ = ประมาณ 257,400 Rp.
มีหลายสายการบินที่บินตรงไปยังบาหลี เช่น การบินไทยการูด้า แอร์ไลนส์ สิงคโปร์แอร์ไลนส์ และ Air Asia
กระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าที่บาหลี 220 โวลต์ 50 ไซเคิลปลั๊กที่ใช้เป็นรูกลม 2 ขา
หน่วยเงิน/อัตราแลกเปลี่ยน หน่วยเงินของบาหลีและอินโดนีเซียเป็นรูเปียห์ (Rupiah) 1,000 รูเปียห์ ประมาณ 2.74 บาท หากเดินทางออกไปตามหมู่บ้าน ควรแลกเงินรูเปียห์ออกไปให้พอเพียงที่จะใช้และควรแลกใบย่อยด้วย อย่างไรก็ดี ร้านขายของที่ระลึกในเขตกูต้า ชานูร์ และนูซาดูอา มักยอมรับเงินสหรัฐฯ บัตรเครดิตสามารถใช้ได้ตามร้านค้า โรงแรม และภัตตาคารในย่านแหล่งท่องเที่ยว