เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
โดยปกติแล้วสะพานลอยฟ้านั้นมีหน้าที่เพียงเป็นทางเดินเชื่อมระหว่างอาคาร เพื่อที่ผู้คนจะได้สามารถเดินไปอีกตึกหนึ่งได้อย่างสะดวกสบาย และไม่ต้องตากแดดหรือเปียกฝน แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีสถาปนิกหัวแหลมออกแบบสะพานลอยฟ้าซะสวยงามแปลกตา บางแห่งกลายเป็นแลนด์มาร์กไปเลยทีเดียว ดังนั้น กระปุกท่องเที่ยวจึงนำสะพานลอยฟ้าที่มีคุณค่าทางศิลปะ ซึ่งการันตีความครีเอทจาก theworldgeography.com มาให้ชมกันค่ะ
1. Marina Bay Sands Skybridge, ประเทศสิงคโปร์
shutterstock / tristan tan
นับว่าเป็นสะพานลอยฟ้าที่แปลกตามากทีเดียว เพราะว่ามีรูปทรงคล้ายกับเรือและวางพาดอยู่บนหลังคาของโรงแรมหรูถึง 3 หลังด้วยกัน สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2009 มีพื้นที่ 2.5 เอเคอร์ พื้นที่บนสะพานถูกใช้เป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีความกว้าง 146 เมตร ตั้งอยู่เหนือพื้นดิน 191 เมตร และยังถูกจัดให้เป็นสระว่ายน้ำที่ยาวที่สุดในโลก บรรจุน้ำได้ถึง 1,412 ลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ ยังมีภัตตาคาร ร้านขายช็อกโกแลต มีการประดับตกแต่งด้วยต้นไม้ สวนหย่อมเขียวขจี เพิ่มความรู้สึกสดชื่นเสมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นประเทศสิงคโปร์ได้ทั่วทุกมุมเลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นหายห่วง วิศวกรที่สร้างตึกนี้ขึ้นมายืนยันว่าแม้ว่าตึกจะถูกสร้างมานานแล้ว และเพิ่งสร้างสะพานลอยฟ้าเพิ่มเข้าไปก็ตาม แต่โครงสร้างตึกนั้นแข็งแรงมากพอที่จะรองรับน้ำหนักไหว และไม่พังทลายลงมาแน่นอน ทั้งนี้ การบริการทุกอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นจะสงวนสำหรับแขกที่เข้าพักที่โรงแรมเท่านั้น2. Skybridges of Bahrain World Trade Center, ประเทศบาห์เรน
shutterstock / Orhan Cam
เป็นสะพานลอยฟ้า 3 สะพานที่เชื่อมทางเดินระหว่างตึก Bahrain World Trade Center (BWTC) และมีจุดเด่นอยู่ที่กังหันลมขนาดยักษ์ใหญ่ซึ่งถูกติดตั้งอยู่บริเวณกลางสะพาน กังหันลม เหล่านั้นมีหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในตึก และสามารถลดค่าไฟลงไป 1.1-1.3 กิกะวัตต์ต่อปีเลยทีเดียว สำหรับตึก BWTC นั้นเป็นตึกแฝด มีความสูง 250 เมตร ประกอบไปด้วย 50 ชั้น ซึ่งเป็นศูนย์กลางการดำเนินกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการเงินของประเทศบาห์เรน นอกจากนี้ โครงสร้างตึกยังออกแบบมาเพื่อให้สามารถรับลมจากอ่าวเปอร์เซียได้เป็นอย่างดี จึงทำให้กังหันลม ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย และเนื่องจากรูปทรงของตึกที่แปลกและสะดุดตา จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปตึกนี้เป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นแลนด์มาร์กไปโดยปริยาย
3. Skybridges of Linked Hybrid, ประเทศจีน
ภาพจาก luxury-insider.com
เป็นสะพานทางเดินที่เชื่อมอาคาร Linked Hybrid เข้าด้วยกันทั้งหมด โดยตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง และด้วยความใหญ่โตอลังการของอาคารจึงต้องใช้เวลาสร้างทั้งหมดนานถึง 6 ปี (ตั้งแต่ ค.ศ. 2003-2009) ส่วนความน่าสนใจของสะพานแห่งนี้ คือ เป็นสะพานทางเดินที่เชื่อมระหว่าง 8 อาคาร ที่ตั้งรายล้อมเป็นวง สำหรับภายในอาคารประกอบไปด้วยอพาร์ทเม้นท์มากกว่า 750 ห้อง แหล่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับผู้อยู่อาศัย เช่น ร้านอาหาร ฟิตเนส รวมถึงโรมแรมและโรงเรียน ปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยประมาณ 2,500 คน ขณะที่ตัวอาคารเองก็ถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีกำแพงที่ระบายความร้อนได้ดี ทำให้อากาศเย็นสบายและประหยัดค่าไฟด้วย
4. Bridge of Aspirations, ประเทศอังกฤษ
เป็นสะพานลอยฟ้าเชื่อมระหว่างโรงเรียนสอนบัลเลต์ (Royal Ballet School) และสถานที่เปิดแสดงโอเปร่า (Royal Opera House) ซึ่งตั้งอยู่บนถนน Floral มันถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2002 สำหรับความงดงามอันโดดเด่นของสะพานแห่งนี้ คือ มีรูปทรงคล้ายหีบเพลง 6 เหลี่ยมที่มีลักษณะเหมือนถูกบิดเป็นเกลียว เมื่อเข้าไปชมภายในสะพานจะเห็นว่าเป็นทางเดินลาดเอียง เนื่องจากระดับความสูงของฝั่งทั้งสองไม่เท่ากันนั่นเอง ส่วนวัตถุประสงค์สำคัญของสะพานทางเดินแห่งนี้ คือ ใช้เป็นทางเดินสำหรับนักเต้นบัลเลต์ที่ต้องไปแสดงที่ Royal Opera House แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าภายในสะพานทางเดินแห่งนี้ไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม มีแต่นักเรียนที่โรงเรียนบัลเลต์เท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ส่วนคนอื่นสามารถชื่นชมความงามแบบที่แปลกตาได้แต่เพียงภายนอกเท่านั้น
5. Petronas Twin Towers Skybridge, ประเทศมาเลเซีย
shutterstock / Roadworks
ตึกแฝดเปโตรนาสตั้งอยู่ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ และมีความสูงถึง 452 เมตร จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก ส่วนภายในเป็นสำนักงานของบริษัทพลังงานและน้ำมันที่รัฐบาลถือหุ้นอยู่ แต่นอกจากจะเป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลกแล้วยังมีสะพานลอยฟ้าเชื่อมระหว่างตึกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยสะพานอยู่สูงจากพื้นดิน 170 เมตร และมีความยาว 58 เมตร ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมเพียงวันละ 1,000 คนเท่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ 2 แพ็กเกจ คือ เข้าชมเฉพาะวิวบนสะพานลอยฟ้า หรือไปเยี่ยมชมชั้นอื่น ๆ ในตึกก็ได้ ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เพราะว่าถูกสร้างโดยโครงเหล็กที่แข็งแรง สามารถต้านทานแรงลมได้อย่างสบาย ๆ
6. Kingdom Centre Skybridge, ประเทศซาอุดีอาระเบีย
shutterstock / Fedor Selivanov
นอกจากเป็นตึกที่สูงเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศแล้ว ยังเป็นตึกที่สูงที่สุดของโลกอันดับ 3 อีกด้วย ตึกนี้มีทั้งหมด 99 ชั้น และมีความสูงถึง 302.3 เมตร สิ่งที่น่าสนใจ คือ มีสะพานลอยฟ้าเชื่อมระหว่างยอดตึกที่มีลักษณะเป็นแฉก 2 แฉกเข้าด้วยกัน เนื่องจากเป็นอาคารที่สูงมากจึงกลายเป็นจุดชมวิวยอดนิยม เพราะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองริยาดได้ครอบคลุมทั้งเมือง สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมสามารถขึ้นลิฟต์ไปยังสะพานลอยฟ้าในเวลาเพียงนาทีกว่า ๆ เท่านั้นเอง
7. Davenport Skybridge, ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นสะพานลอยฟ้าที่ตั้งสง่าอยู่ที่รัฐไอโอวา มีความสูง 15.5 เมตร และมีความยาว 175 เมตร มันถูกสร้างขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นหลัก ซึ่งเป็นโปรเจคท์หนึ่งในการปรับปรุงภูมิทัศน์ของเมือง Davenport สำหรับจุดเด่นของสะพานลอยฟ้าแห่งนี้ คือ หัวสะพานที่ออกแบบเป็นทรงหัวเป็ด ซึ่งเป็นจุดชมวิวบริเวณแม่น้ำมิสซิสซิปปี ภายในตกแต่งด้วยจอ LED จำนวน 228 จอ และหลอดไฟที่เปลี่ยนสีได้ถึง 8,036 หลอด เมื่อมีงานเทศกาลอะไรก็ตามสีของหลอดไฟจะถูกเปลี่ยนไปตามเทศกาลนั้น ๆ เช่น ช่วงวันคริสต์มาสหลอดไฟจะส่องแสงสีเขียว สีแดง ฯลฯ
8. Enron Skybridge, ประเทศสหรัฐอเมริกา
สะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมือง Houston นับว่าเป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเทกซัส จึงไม่แปลกที่จะมีสิ่งก่อสร้างสวยงามแปลกตา สำหรับความโดดเด่นของสะพาน คือ มีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายขนมโดนัท เชื่อมทางเดินระหว่าง 3 อาคาร ภายในมีที่จอดรถขนาดใหญ่สามารถรองรับรถได้ถึง 1,300 คัน มีภัตตาคารหรูและโรงแรม Hyatt Regency
9. Bridge of Sighs ประเทศอิตาลี
10. Circular Pedestrian Bridge, ประเทศจีน
สะพานลอยฟ้าทั้ง 10 แห่ง ที่นำมาให้ชมกันนั้น ล้วนแล้วแต่เกิดมาจากจินตนาการของมนุษย์ทั้งสิ้น ซึ่งแต่ละแบบก็มีเสน่ห์และความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป จนสามารถดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้มากมาย จากสะพานลอยฟ้าธรรมดา ๆ กลายเป็นแลนด์มาร์กที่ผู้คนเดินทางมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ถ้ามีโอกาสก็ลองไปชมงานศิลปะเหล่านี้ด้วยตาตัวเองสักครั้งก็คุ้มค่าแล้วค่ะ
หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 16.32 น. วันที่ 16 ก.ย. 2556