การท่องเที่ยวไปพร้อมกับการช้อปปิ้งมันสามารถสร้างความสุขให้กับการเดินทางได้อย่างดีเยี่ยม แต่จะให้ดีที่สุดต้องไปเดินตลาดท้องถิ่นของในเมืองนั้น เพราะนอกจากจะได้จับจ่ายซื้อสินค้าของที่ระลึกแบบพื้นเมืองแท้แล้ว ยังได้ลิ้มชิมรสชาติของอาหารพื้นเมือง รวมทั้งวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นอีกด้วย Rachel Lee ทีมงานของเว็บไซต์ professor.buzz ได้นำเสนอตลาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุด 10 แห่งทั่วโลก และก็ต้องยิ้มกันหน้าบาน เพราะตลาดจตุจักรติดอันดับกับเขาด้วย ส่วนที่เหลือนั้นจะมีที่ไหนบ้างไปชมกันเลย
1. ตลาดจตุจักร กรุงเทพฯ ประเทศไทย
เป็นที่รู้กันดีว่าตลาดจตุจักรนั้นเป็นแหล่งรวมสินค้ามากมาย หลากหลายประเภท ที่สำคัญมีทั้งการซื้อขายแบบปลีกและส่ง ซึ่งราคานั้นไม่ได้แพงมากมายอีกด้วย ร้านค้าส่วนใหญ่เป็นร้านของผู้ผลิตสินค้าเอง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าเหล่านั้นส่งตรงถึงมือผู้บริโภคแน่นอน ร้านค้าในจตุจักรมีมากกว่า 15,000 ร้าน ไม่ว่าคุณต้องการหาอะไร ตลาดแห่งนี้มีให้คุณทุกอย่าง มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาช้อปปิ้งที่นี่วันละไม่ต่ำกว่า 200,000 คน ตลาดจตุจักรจะเปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ บางร้านจะเปิดขายส่งตั้งแต่กลางคืนวันศุกร์ เราคนไทยแท้ ๆ แบบนี้ต้องไม่พลาด
2. ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ตลาดแกรนด์บาซาร์ เป็นหนึ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีช่องทางเดินมากมายถึง 60 ช่อง และร้านค้า มากกว่า 5,000 ร้าน ในแต่ละวันมีผู้เข้าเยี่ยมชมประมาณ 200,000-400,000 คน เป็นที่รู้กันดีว่าตลาดแห่งนี้คือศูนย์รวมของเครื่องประดับเพชรพลอย ทองคำ เครื่องหนัง งานเซรามิกทำมือ พรม งานเย็บปักถักร้อย งานฝีมือประเภทต่าง ๆ เครื่องเทศ และร้านขายของเก่า มีการแบ่งแยกโซนตามประเภทของสินค้าอย่างชัดเจน ซึ่งลักษณะสถาปัตยกรรมของตัวอาคารก็สวยงามตามสไตล์แบบตุรกีอีกด้วย เปิดวันจันทร์-วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ขอขอบคุณข้อมูลจาก grandbazaaristanbul.org)
3. ตลาดกลางคืนซือหลิน (Shilin Night Market) ไทเป ประเทศไต้หวัน
ภาพจาก Ronnie Chua/Shutterstock.com
ตลาดกลางคืนซือหลินเป็นตลาดที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวไทเปได้ดีที่สุด เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าอุปโภคบริโภคมากมาย มีร้านค้ามากกว่า 600 ร้าน สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็คือร้านอาหารรถเข็นที่ขายตั้งแต่อาหารทานเล่นไปจนถึงอาหารมื้อหลัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นเมือง เรื่องรสชาตินั้นต้องขอบอกว่าแซบมาก ๆ ถูกปากคนไทยอย่างเราแน่นอน เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00-24.00 น. (ขอขอบคุณข้อมูลจาก travel.taipei)
4. ตลาด Chandni Chowk เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย
เป็นตลาดที่เก่าแก่และยุ่งวุ่นวายมากที่สุดในเมืองนิวเดลี ด้วยเป็นแหล่งศูนย์รวมของสินค้าพื้นเมือง เป็นตลาดที่อยู่ยงคงกระพันมายาวนานมากกว่า 3 ศตวรรษ คุณสามารถซื้อของเก่าและของฝากได้จากตลาดแห่งนี้ โดยเฉพาะสินค้าจำพวกไข่มุก ทองคำ เงิน เครื่องประดับทุกชนิด หัวน้ำหอมกลิ่นกุหลาบ เครื่องเทศ ที่สำคัญถ้าอยากแปลงกายเป็นหนุ่มสาวอินเดียแบบเต็มยศก็สามารถไปเลือกซื้อผ้าส่าหรีกันได้ที่นี่ มีสีสันและลวดลายให้เลือกมากมาย ตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือการแพทย์ ยาแผนโบราณ ก็มีในตลาด Chandni Chowk เช่นกัน (ขอขอบคุณข้อมูลจาก delhitourism.gov.in และ shopkhoj.com)
5. ตลาดแคมเดน (Camden Lock Market) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ย่านการค้าของศิลปินแห่งกรุงลอนดอน สัมผัสความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาผ่านสินค้าในตลาดแคมเดน ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมสินค้าเก๋ไก๋มากมาย คุณจะได้ช้อปปิ้งอย่างสุขใจไปกับบรรยากาศร้านค้าที่ตกแต่งอย่างสวยงามสไตล์คลาสสิก ยิ่งไปกว่านั้นอาหารพื้นเมืองจากร้านค้ารถเข็นในแบบฉบับชาวลอนดอนยังมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์จนคุณต้องติดใจ ตลาดแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวชมไม่ต่ำกว่าวันละ 100,000 คน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งลอนดอน หากไม่ได้ไปเที่ยวชมตลาดแห่งนี้ก็เหมือนกับยังไม่ได้สัมผัสกับลอนดอนอย่างแท้จริง เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. (ขอขอบคุณข้อมูลจาก camdenlockmarket.com)
6. ตลาดย่าน Jemaa El Fnaa เมืองมาราเกช ประเทศโมร็อกโก
ตลาด Jemaa El Fnaa จะมีชีวิตขึ้นมาในยามค่ำคืน นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นจะออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าในตลาดแห่งนี้มากมายเสียจนแทบจะไม่มีที่ยืน เพราะเป็นแหล่งรวมสินค้าอุปโภค บริโภคที่สำคัญของเมืองมาราเกช มีทั้งผลไม้สด ผัดสด อาหารสด อาหารแห้ง ของคาว ของหวาน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นของพื้นเมืองทั้งสิ้น มีการแสดงอันเลื่องลือ คือ การแสดงของหมองู ช่างภาพมักจะแสดงน้ำใจด้วยการบริจาคเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นการแลกกับภาพของการแสดงสุดน่าทึ่ง นอกจากนี้ก็ยังมีการแสดงเปิดหมวกอีกหลากหลายประเภท ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมาก (ขอขอบคุณข้อมูลจาก morocco.com)
7. ตลาด Rialto เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
ตลาด Rialto เป็นตลาดเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 เป็นศูนย์กลางแห่งการค้าที่สำคัญของเมืองเวนิส สถานที่ที่ทำให้ชาวเมืองเวนิสและพ่อค้าเจ้าของผลิตภัณฑ์ได้พบปะซื้อขายสินค้า แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน มีสินค้ามากมายหลากหลายชนิด โดยเฉพาะอาหารสด ด้วยความที่ตลาดตั้งอยู่ติดกับ Grand Canal จึงเป็นแหล่งขายปลาสดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเวนิส เปิดในช่วงเช้าระหว่างวันจันทร์-วันเสาร์ แต่สำหรับตลาดปลาจะปิดวันจันทร์ นักท่องเที่ยวควรไปถึงยังตลาดในช่วงเช้า เพราะช่วงสายจะเหลือเพียงแค่ร้านขายผลไม้ ผักสด เท่านั้น แต่บริเวณโดยรอบ ๆ ตลาดมีร้านขายสินค้าเกี่ยวกับอาหารเปิดบริการ อาทิ ร้านขายไวน์ น้ำมัน พาสต้า เป็นต้น (ขอขอบคุณข้อมูลจาก italyheaven.co.uk)
8. ตลาด Temple Street Night Market ฮ่องกง
ถ้าได้ไปเที่ยวฮ่องกงแล้วอยากได้ของฝากที่สามารถสื่อถึงฮ่องกงได้อย่างชัดเจนต้องไม่พลาดตลาดกลางคืน Temple Street Night Market โดยร้านค้าต่าง ๆ จะเริ่มการค้าขายกันหลังจากพระอาทิตย์เริ่มตกดิน สินค้ามีหลากหลายประเภทตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ของที่ระลึก สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ของเก่า หยก ฯลฯ พร้อมทั้งอาหารพื้นเมืองที่มีให้เลือกลิ้มรสกันตั้งแต่หัวตลาดยันท้ายตลาด ในบรรยากาศที่มีกลิ่นอายแบบฮ่องกง (ขอขอบคุณข้อมูลจาก discoverhongkong.com)
9. ตลาด Queen Victoria เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
ตลาด Queen Victoria คือแหล่งรวบรวมสินค้าจากพื้นเมืองของชาวออสซี่โดยแท้ ซึ่งมีทั้งผัก ผลไม้ ของสด ของแห้ง ของที่ระลึก เครื่องสำอางค์ เสื้อผ้า ฯลฯ รวมไว้อยู่ที่นี่ แบ่งออกเป็นโซนอย่างชัดเจน อาทิ โซนผลิตภัณฑ์จากนม โซนเนื้อสัตว์ โซนผลไม้และผัก โซนสินค้าออแกนิกส์ โซนร้านอาหารพื้นเมือง เป็นต้น ซึ่งตลาดแห่งนี้ยังส่งเสริมลดการใช้ถุงพลาสติกอีกด้วย มีกิจกรรมที่สนับสนุนการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น การรีไซเคิลผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ การกำจัดของเสียอย่างถูกวิธี ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ เป็นต้น ตลาด Queen Victoria เปิดทุกวันอังคาร วันพฤหัสบดี-วันอาทิตย์ หยุด 2 วัน คือวันจันทร์และวันพุธ ตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. (ขอขอบคุณข้อมูลจาก qvm.com)
10. ตลาด St. Lawrence เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา
ตลาด St. Lawrence Market ได้รับคัดเลือกจาก National Geographic ให้เป็นตลาดสดที่ดีที่สุดในโลก เพราะเป็นแหล่งขายสินค้าคุณภาพและใหญ่ที่สุดแห่งเมืองโตรอนโต อีกทั้งยังมีสถาปัตยกรรมที่คลาสสิก ก่อขึ้นด้วยอิฐแดง สวยงาม โดดเด่นอยู่กลางเมืองโตรอนโต ตลาดแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ โซนใต้ ประกอบไปด้วยร้านค้า 120 ร้าน ที่ขายผักผลไม้ เนื้อสัตว์ ปลา ขนมปัง และผลิตภัณฑ์จากนม ในชั้น 2 ของส่วนนี้เป็นแกลเลอรีและสถานที่แสดงผลงานเกี่ยวกับเมืองโตรอนโต, โซนทางเหนือ เป็นตลาดสดวันเสาร์สำหรับเกษตรกร ซึ่งในส่วนนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1803 และดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน มีสินค้ามากมายโดยเฉพาะสินค้าตามฤดูกาลของทางใต้ของเมืองออนแทริโอ สำหรับวันธรรมดานั้นพื้นที่ส่วนนี้เปิดให้เช่าสำหรับการแสดงสินค้าต่าง ๆ และโซน St. Lawrence ฮอลล์ เป็นส่วนของสำนักงานของตลาด (ขอขอบคุณข้อมูลจาก stlawrencemarket.com)
การเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ สิ่งที่จะทำให้เข้าถึงวิถีชีวิตของคนเมืองนั้น ๆ ได้มากที่สุด ก็คือ การเดินชมตลาดท้องถิ่น ไม่ว่าทริปครั้งต่อไปในเมืองจุดหมายปลายทางของคุณนั้นจะมีตลาด 1 ใน 10 แห่งนี้หรือไม่ แต่ก็ไม่ควรมองข้ามตลาดของเมืองนั้น เพราะมันจะคือเสน่ห์ที่แท้จริงของเดินทางที่คุณจะได้รับเลยทีเดียว