13 สถานที่ท่องเที่ยวสุดครีเอท ควรค่าแก่การไปเยือน

         ในยุคแห่งการสื่อสารที่ไร้พรมแดนแบบนี้ เทคโนโลยีต่าง ๆ ช่วยย่อโลกใบนี้ให้เล็กลงได้อย่างเหลือเชื่อ คนที่อยู่คนละฟากซีกโลกก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างง่ายดาย การเดินทางไปมาหาสู่กันก็มีค่าใช้จ่ายที่น้อยลงด้วยระบบการขนส่งที่ทันสมัย นั่นจึงทำให้มนุษย์มีการออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งปี 2015 นี้ก็เป็นปีที่เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่ต้องการออกไปเปิดโลกกว้าง หาประสบการณ์ใหม่ ๆ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นใหม่มากมายทั่วโลก ซึ่งเว็บไซต์ lifegooroo ได้เสาะหาและรวบรวม สถานที่ที่กำลังจะมาดึงดูดให้เราไปสัมผัสกันในปี 2015 ไปดูกันดีกว่าว่าแต่ละที่จะมีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน

1. พิพิธภัณฑ์ BioMuseo ปานามาซิตี้ ประเทศปานามา


         พิพิธภัณฑ์รูปร่างแปลกตาสีสันฉูดฉาดบนพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร แห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีเลยทีเดียว BioMuseo คือพิพิธภัณฑ์ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของประเทศปานาดา \'Bridge of Life\' หรือสะพานแห่งชีวิต เป็นคอนเซ็ปต์ที่แสดงตัวตนของพิพิธภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 8 โซนด้วยกัน และในแต่ละโซนจะแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศปานามา ที่เป็นเสมือนสะพานเชื่อมต่อระหว่างทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาใต้ อยู่ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและแอตแลนติก เป็นบริเวณที่พืชพันธุ์และสัตว์หลากหลายชนิดจะปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสภาวะของธรรมชาติอีกฝั่งหนึ่ง จึงเป็นจุดที่มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ของโลกอย่างมาก อาคารแห่งนี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกสุดเก๋า Frank Gehry สถาปนิกที่มีผลงานระดับโลกมากมาย อาทิ เดอะ ดิสนีย์ คอนเสิร์ต ฮอลล์ (The Disney Concert Hall) โปรเจคท์ The Experience Music พิพิธภัณฑ์ The Guggenheim Museum Bilbao เป็นต้น

2. ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ Observation Wheel ฮ่องกง


         ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณ Pier No.9 และ Pier No.10 ใกล้กับ Central Harbourfont ของเกาะฮ่องกง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ในปี 2015 เราไปต้องไปเยี่ยมเยือนกันให้ได้ ชิงช้าแห่งนี้มีความสูง60 เมตร บนพื้นที่ 9,620 ตารางเมตร มีทั้งหมด 42 ห้องโดยสาร ซึ่งแต่ละห้องจะบรรจุคนได้ 8-10 คน เมื่อขึ้นไปยังด้านบนจะสามารถมองเห็นเกาะฮ่องกงได้แบบ 360 องศา โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่จะได้เห็นบรรยากาศที่งดงามของการแสดงแสงสีในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

         เปิดทำการตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. ค่าโดยสารประมาณ HK100 สำหรับผู้ใหญ่ และ HK70 สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ผู้อาวุโสและเด็กนักเรียน อยู่ใกล้เมืองไทยแค่นิดเดียวเอง ปีนี้อย่าให้พลาดเด็ดขาด

3. พิพิธภัณฑ์ The Smithwick’s Experience เมือง  Kilkenny ประเทศไอร์แลนด์

         ถ้าหากคุณพบว่าตัวเองยืนอยู่ในแผ่นดินไอร์แลนด์แล้วก็ต้องไปพลาดการเยี่ยมชม The Smithwick’s Experience เพราะคุณจะสามารถเรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของเบียร์พื้นเมือง Smithwick\'s  ผ่านการจัดแสดงโดยโฮโลแกรม และเทคโนโลยีสุดทันสมัย ลิ้มรสเบียร์ที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ในบรรยากาศสุดขลังของโรงเบียร์ที่เก่าที่สุดของประเทศไอร์แลนด์

4. พิพิธภัณฑ์พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ (The King Richard III Visitor Center) เมือง Leicester ประเทศอังกฤษ


         พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ จัดแสดงถึงพระราชประวัติของพระองค์ โดยตั้งอยู่บริเวณกับที่พระองค์สวรรคตในปี 2012 ซึ่งใช้เทคโนโลยีสุดทันสมัยเพื่อการแสดงถึงเรื่องราวของพระองค์รวมไปถึงผลงานต่าง ๆ ทั้งหมด ใครที่มีโอกาสไปเยือนเมือง Leicester ก็สามารถไปเยี่ยมชมกันได้ ค่าเข้าชม 7.95 ยูโร สำหรับผู้ใหญ่ และ 4.75 ยูโร สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี

5. อาคาร Dubai Frame เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

         เป็นเจ้าพ่อแห่งความอลังการจริง ๆ สำหรับเมืองดูไบ ที่จะทำการเปิดตัวอาคาร Dubai Frame ในปลายปี 2015 นี้ โครงสร้างของอาคารมีลักษณะเหมือนกับกรอบรูปขนาดยักษ์ มีความสูง 150 เมตร และกว้าง 93 เมตร ตั้งสูงเด่นอยู่บริเวณ Zabeel Park ด้านบนสุดเป็นทางเดินกระจกและเป็นจุดที่ดีที่สุดที่จะสามารถมองเห็นทั้งเมืองดูไบเก่าและใหม่ได้อย่างชัดเจน ลิฟต์แก้วจะอยู่บริเวณทั้ง 2 ด้านของอาคาร ค่าก่อสร้างก็ไม่เท่าไรหรอก แค่ 33 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่านั้นเอง

6. เรือดำน้ำ The Yellow Submarine ประเทศอาร์เจนตินา


         มาสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบใหม่กันดีกว่าด้วยการโดยสารเรือดำน้ำสีเหลืองที่เมือง Puerto Piramides ประเทศอาร์เจนตินา เพื่อการออกตามล่าหาน้องวาฬสุดน่ารัก ในฤดูกาลของการชมวาฬเรือดำน้ำลำนี้จะพาเราไปชมปลาวาฬได้อย่างใกล้ชิดโดยไม่ไปรบกวนการดำเนินชีวิตของพวกมัน และถ้าใครพลาดฤดูกาลชมวาฬก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะสิงโตทะเลรอเราอยู่ และเรือดำน้ำลำนี้ก็จะเป็นสารถีพาเราไปได้เช่นกัน

7. พิพิธภัณฑ์ The Broad Museum เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา


         กำลังไล่เปิดตัวกันมาติด ๆ กับพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย The Broad Museum ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลอสแอนเจลิส บนเนื้อที่กว่า 120,000 ตารางฟุต ใช้งบประมาณการก่อสร้างมากถึง 140 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อตั้งโดยเศรษฐีใจบุญ Eli Broad และ Edythe Broad ออกแบบโดย Diller Scofidio + Renfro และจะทำการเปิดในวันที่ 20 กันยายนนี้ ภายในจัดแสดงผลงานศิลปะมากกว่า 2,000 ชิ้น ที่นี่จะกลายเป็นสวรรค์ของคนรักศิลปะอย่างแน่นอน

8. สวนสนุกและศูนย์รวมความบันเทิง Eternity Passage กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน


         สวนสนุกแห่งใหม่อยู่ใกล้กับกุรงปักกิ่งแห่งนี้ ออกแบบโดย California firm IdeAttack ให้มีกลิ่นอายความเป็นศิลปะจีนดั้งเดิม สามารถบอกเล่าเรื่องราววัฒนธรรมของประเทศจีนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวบรวมความสนุกจากเครื่องเล่นสุดทันสมัย นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมแห่งความบันเทิง ร้านค้ามากมายให้ได้เดินช้อปปิ้ง และโรงแรมที่พักที่แสนสะดวกสบายไว้รองรับ รวมทุกอย่างในที่เดียวอย่างครบวงจร

9. เกาะ Funtasy ประเทศสิงคโปร์


         สวนสนุกที่เป็นมิตรกับธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนเนื้อที่ 328 ไร่ ห่างจากเกาะเซนโตซาเพียง 16 กิโลเมตร และจากเกาะสิงคโปร์ประมาณ 20 นาทีเท่านั้น โดยผู้เข้าชมจะได้เพลิดเพลินไปกับสวนน้ำขนาดใหญ่ ชายหาด กีฬาหลากหลายประเภท พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ความสงบเงียบของธรรมชาติ วิลล่าทุกหลังถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและกลมกลืนไปกับธรรมชาติ อีกทั้งยังจำกัดจำนวนไม่ให้มีมากเกินไปด้วย


10. คอนเสิร์ต ฮอลล์ The Philharmonie กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส


         ยิ่งใหญ่อลังการสำหรับคอนเสิร์ตฮอลล์ขนาด 2,400 ที่นั่ง ออกแบบโดย Jean Nouvel มีการก่อสร้างมาอย่างยาวนานและได้เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา โดยมี Orchestre de Paris ทำการแสดงอย่างยิ่งใหญ่ในวันดังกล่าว นอกจากสถานที่แห่งนี้จะเป็นพื้นที่ของการแสดงคอนเสิร์ตต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ พื้นที่การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับดนตรีอีกด้วย

11. The Goods Line เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย


         พื้นที่แห่งการเชื่อมต่อระหว่างสถานที่สำคัญของเมืองซิดนีย์ ตั้งอยู่ศูนย์กลางเมืองที่จะทำให้การคมนาคม สถานที่ท่องเที่ยว สถาบันการศึกษา องค์กรที่สำคัญสามารถเข้าถึงกันได้ง่ายขึ้น ทางเดินเท้าที่จะเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น สวนหย่อมเล็ก ๆ แห่งนี้ได้สร้างขึ้นโดยรัฐบาลมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ชาวเมืองของเขาได้มีพื้นที่ในการพักผ่อนหย่อนใจและมีความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ใครมีแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวซิดนีย์ ก็อย่าลืมไปอัพเดทความเจ๋งของ The Goods Line มาฝากกันด้วยนะ

12. One World Observatory นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา


         One World Observatory ได้รอมอบประสบการณ์ที่สุดเหนือขอบฟ้าให้กับนิวยอร์กเกอร์และนักท่องเที่ยว บนความสูงที่ชั้น 100-102 ของตึกที่สูงที่สุดในฝั่งตะวันตก เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในพื้นที่ 120,000 ตารางฟุต ด้วยมุมมองพาโรนามาของมหานครนิวยอร์กที่งดงามซึ่งโอบล้อมไปด้วยแม่น้ำ สำหรับใครที่ต้องการที่จะได้ประสบการณ์ใหม่  ๆ ของมหานครระดับโลกแห่งนี้สามารถจองบัตรเข้าชมกันได้แล้วที่ https://oneworldobservatory.com/groups/ โดยเสียค่าเข้าชม 32 เหรียญสหรัฐ สำหรับผู้ใหญ่ 30 เหรียญสหรัฐ สำหรับผู้อาวุโส และ 26 เหรียญ สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี

13. พิพิธภัณฑ์ Museum of Tomorrow รัฐรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล


         ในปี 2015 เป็นยุครุ่งเรืองของงานสถาปัตยกรรมจริง ๆ เพราะมีงานการก่อสร้างอาคารที่น่าสนใจกำลังจะเปิดตัวในปีนี้มากมาย และพิพิธภัณฑ์ Museum of Tomorrow ก็เป็นหนึ่งในนั้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อจัดแสดงงานวิทยาศาสตร์และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในอนาคต ผู้เข้าชมจะได้เรียนรู้ความเป็นไปที่กำลังจะเกิดในอนาคตกับโลกที่เราอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวต่าง ๆ ในอีก 50 ปีข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงของความหลากหลายทางชีวภาพ สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป เป็นต้น อาคารแห่งโลกอนาคตแห่งนี้ออกโดย Santiago Calatrava สถาปนิกชาวสเปน เขาทำให้มันเป็นอาคารที่ระบายความร้อนได้ดีและใช้พลังงานไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์ ซึ่งตัวอาคารได้ยื่นออกมาในอ่าว Guanabara เป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่คนรุ่นใหม่ไม่ควรพลาด

         แต่ละสถานที่ก็มีความอลังการ แนวคิดและความน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป ใครชอบแบบไหนก็เตรียมตัววางแผนการเดินทางไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อให้ทุกการออกผจญภัยโลกกว้างเป็นไปแบบสมบูรณ์ที่สุด