หน้าร้อนใคร ๆ ก็ไปเที่ยวทะเล เที่ยวน้ำตก แต่จริง ๆ แล้วก็สามารถไปเยือนภูเขาได้เหมือนกัน เพราะแต่ละฤดูกาลก็มีความงามที่แตกต่างกันออกไป เหมือนกับที่ คุณม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จะพาเราไปค้นหาเสน่ห์ของขุนเขาในหน้าร้อนที่จังหวัดเชียงราย ณ ภูชี้ฟ้า ดอยผาตั้ง และดอยช้าง ซึ่งงดงามไม่แพ้ฤดูไหน ๆ เอาเป็นว่าใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวหน้าร้อนแบบคนไม่เยอะมาก...ก็ตามไปชมกันเลยค่ะ
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางบนเส้นทางสายธรรมชาติในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
ลำน้ำน่านที่ไหลผ่าน จ.อุตรดิตถ์ ยามนี้แห้งขอด ผู้คนจำนวนไม่น้อยมาคลายร้อนและเล่นน้ำกันอย่างสนุก
หากเป็นในเมืองกรุงกิจกรรมคลายร้อนก็คงเป็นการเดินเล่นในห้าง บางทีการได้ยืนมองวัยรุ่นเหล่านั้นกับสังคมวิถีชีวิตที่แตกต่างในแบบเรียบง่าย คงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นในการเดินทางที่สอดคล้องกับห้วงเวลาของฤดูกาลนี้
ผมเริ่มบทบันทึกการเดินทางฉบับนี้ที่แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย เสียงร้องเพลงเริ่มต้นขึ้นเมื่อผมเริ่มเดินขึ้นภูชี้ฟ้า … "โพะ ออ แค เหราะ มา ฝะ..หยะ ฮะ เธอ ต๊ะ กิน...ผะ มี วิ ตะ มี...ม่าย ต้อ กิ เคาะ แพ" เด็กน้อยชาวเขาสองคนยืนร้องเพลงนี้ เพื่อแลกกับความเมตตา
มันเป็นก้าวย่างแรกที่ทำให้ผมรู้สึกอะไรบางอย่าง ชีวิตกับธรรมชาติ ชีวิตกับความอยู่รอดเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ชีวิตในมุมเล็ก ๆ มุมหนึ่งของการหารายได้อย่างสุจริตท่ามกลางขุนเขาที่ยิ่งใหญ่
ภูชี้ฟ้าในยามนี้ดูแห้งแล้ง ไร้นักท่องเที่ยว หญ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม แต่ความยิ่งใหญ่มิได้เปลี่ยนแปลงไป
ในวันที่อากาศเป็นใจ ท้องฟ้าสดใส ไร้หมอกควัน กับวันที่ผู้คนแออัดยัดเยียดกันในฤดูหนาว ถ้าต้องการความสงบ ปล่อยให้ธรรมชาติหมุนรอบตัวเรา ผมคงเลือกอย่างแรกเสียมากกว่า
แสงแดดสาดส่องในยามบ่ายแต่หาได้ร้อนไม่ เบื้องล่างคือประเทศเพื่อนบ้านที่มองลงไปเห็นหมู่บ้านจำนวนหนึ่ง มีเส้นถนนตัดผ่านแลเห็นเป็นสาย ๆ ดูตื่นตาตื่นใจทีเดียว
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินผ่านผมขึ้นไปยืนอยู่ยอดดอยสองคน และก็มีเพียงสองคนแค่นั้นจริง ๆ ตลอดเวลาที่ผมอยู่บน "ภูชี้ฟ้า" อะเมซิ่งไทยแลนด์ ที่นี่สวยและเงียบมาก ผมคิดแทนให้เสร็จสรรพ
สามครั้งของผมกับการมาเยือนที่นี่ ในห้วงเวลาที่ไม่ได้สวยและดีที่สุดทั้งสามครั้ง แต่ผมก็ประทับใจและหลงรักจนอยากมาเยือนบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม…
ห่างออกไปอีกราวยี่สิบกิโลเมตร เมื่อลงมาจากภูชี้ฟ้าผมกำลังกลับไปเยือนที่นี่อีกครั้ง...ครั้งแรกกับดอยผาตั้งในฤดูฝน แต่ครั้งนี้ตอนนี้เป็นฤดูร้อน
ขุนเขาสลับซับซ้อนค่อย ๆ ย้อนรอยความทรงจำ วันนั้นในฤดูฝนกับการมาเยือนดอยผาตั้งครั้งแรกที่ทุกอย่างเขียวสดชื่น แต่วันนี้ในฤดูร้อนไร้การเพาะปลูกพืชไร่ ขุนเขาแห้งโล้น เป็นความสวยงามที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แสงที่รอดผ่านปุยเมฆ สาดเป็นสาย ส่องกระทบภูผา เผยให้เห็นทิวเขาลดหลั่นอลังการบนความสูงเสียดฟ้า ยี่สิบกิโลเมตรจากภูชี้ฟ้าสู่ดอยผาตั้ง ทุก ๆ อย่างเต็มไปด้วยขุนเขา
ดอยผาตั้ง จ.เชียงราย ในวันนี้ ก็ยังคงไร้ผู้คนไม่ต่างจากที่แรก ยามเย็นที่น่าจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาบ้าง เวลานี้มีแค่เพียงความเงียบเหงากับอุณหภูมิที่เริ่มจะหนาวลง
ฤดูหนาวมาเชยชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ฤดูฝนมาสัมผัสไอหมอกและความสดชื่น แล้วฤดูร้อนมาเพื่อ...
ช่องเขาขาดบนดอยผาตั้งจุดถ่ายรูปอีกจุดหนึ่งที่งดงาม กับนางแบบที่เพิ่งรู้จักกันบนนี้ และผมก็เชื่อว่าเธอก็มาเพื่อสิ่งนี้ สิ่งที่เธอกำลังแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ฝั่งนี้ที่เรายืน คือ สยาม อีกฝั่งหากมองออกไป คือ ประเทศลาว อาณาเขตที่ธรรมชาติอันสวยงามขีดกั้นพรมแดน
เมื่อยืนมองออกไปจากช่องเขาขาด เราจะเห็นป่าไม้ที่ดูอุดมสมบูรณ์ของเพื่อนบ้าน
ต้นไม้ที่ดูหนาแน่น อาจจะดูหนาตากว่าบ้านเราด้วยซ้ำ ดูแล้วก็ทำให้รู้สึกสบายตา สดชื่น และมีความสุข
ครั้งก่อนในฤดูฝนที่ผมมาเยือน สายหมอกที่ในวันนั้นฟุ้งกระจายจนมองอะไรไม่เห็น ไม่เห็นทิวเขา ไม่เห็นป่าไม้ กับครั้งนี้ที่อากาศสดใส มองไปทางใดก็ดูสดชื่น...สวยงาม
ดวงตะวันกำลังจะลาลับบนดอยผาตั้ง แสงอบอุ่นสีทองที่กำลังสาดส่อง มันเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำและน่าประทับใจ
จากจุดเริ่มต้นในการเดินราวกิโลเมตรกว่า ๆ ไต่ระดับเรียบไปตามความสูงของขุนเขา มองออกไปจะเห็นถนนที่ดูคดเคี้ยวอย่างเด่นชัด รวมไปถึงร้านค้า รีสอร์ทต่าง ๆ
แม้จะเป็นฤดูร้อนแต่อากาศก็ไม่ได้ร้อน ยามเย็นแบบนี้อากาศดูหนาวเย็นลงไปเรื่อย ๆ ด้วยซ้ำ
แสงสุดท้ายค่อย ๆ จากไป ทุกอย่างดูสงบเงียบ ไม่เว้นแม้แต่ความคิดภายในจิตใจ
ทุ่งนาจังหวัดเชียงรายในยามฤดูร้อนแบบนี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้เพาะปลูก แต่ก็มีบางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยที่นาข้าวเขียวขจี
หลังสายฝนหยุดโปรยปราย สายหมอกก็เริ่มต้นทำงาน ฤดูกาลนี้หาได้ไร้ซึ่งสายหมอกไม่
เถียงนาที่วันนี้ยังดูเงียบเหงา สายฝนในวันข้างหน้าของการเริ่มต้นเพาะปลูก จะทำให้เถียงนากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
จากเชียงรายมุ่งหน้าไปทาง อ.แม่สรวย เส้นทางสู่เชียงใหม่ เขื่อนแม่สรวย เขื่อนขนาดใหญ่ที่ผมเคยได้รับรู้ถึงความสวยงามอยู่บ่อย ๆ ในโลกอินเทอร์เน็ต และวันนี้ผมก็ได้มาสัมผัสความสวยงามในโลกของความเป็นจริง
ในวันนี้น้ำในเขื่อนดูน้อยพอสมควร สวนทางกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ค่อนข้างเยอะ
ที่นี่มีร้านอาหารริมเขื่อน มีที่พักและมุมสวย ๆ ให้ได้พักผ่อนถ่ายรูปเยอะทีเดียว
หากเทียบกับเขื่อนอื่น ๆ ก็ยังดูจะเล็กกว่ายกตัวอย่างเช่นเขื่อนแก่งกระจาน สำหรับการพักผ่อนของใครหลาย ๆ คนอาจแตกต่างกันไป แต่สำหรับผมแล้วนั้น ผมชอบที่จะนั่งมองขุนเขา สายน้ำ แล้วปล่อยความรู้สึกไปกับมัน เขื่อนแม่สรวยคงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในการพักผ่อนเมื่อได้มาเยี่ยมเยือนเมืองเชียงราย
เส้นทางจากเขื่อนแม่สรวยมุ่งหน้าสู่ดอยช้างระยะทางราวยี่สิบกว่ากิโลเมตร สองข้างทางคือความสูงชันและความสวยงามของขุนเขา
ดอยช้างกับครั้งแรกที่ผมได้มาสัมผัส ดินแดนที่ได้เอ่ยนามก็นึกถึงเรื่องราวของกาแฟชั้นเลิศ
ย่างก้าวแรกที่เข้ามาสู่ดอยช้างตลอดเส้นทางที่ไต่ระดับความสูงชัน มีความรู้สึกเหมือนเดินทางบนสายเมืองน่านประมาณนั้น คงเพราะความสูงชัน คดเคี้ยว และความยิ่งใหญ่ของขุนเขา
หมู่บ้านที่ปลูกสร้างกันตามความลาดเอียงของภูเขา ยังไม่แปลกใจเท่ากับจำนวนประชากรที่ดูจะเยอะพอสมควร
ความน่าสนใจที่ผมคิดว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าวิวทิวทัศน์เลย คือ การได้เดินแบบเนิบ ๆ ดูวิถีชีวิตของชาวบ้านและผู้คน
ส่วนใหญ่ผู้คนที่นี่ยังใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างให้สอดคล้องกับการต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่โดยภาพรวมผมคิดว่าดินแดนแห่งนี้ยังมีมนต์เสน่ห์ไม่น้อยทีเดียว
เส้นทางจากดอยช้างลงสู่เชียงรายผ่านเส้นทางลงค่อนข้างลาดชัน สองข้างทางเต็มไปด้วยทิวสนที่ดูงดงาม
เวลาของความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ เวลาของฤดูกาลที่ไม่ได้ดีที่สุดสำหรับขุนเขา สายหมอก ก็คงจะผ่านไปอีกไม่นาน
หลังลงมาจากดอยช้างก็ลัดเลาะผ่านป่าสน ผ่านอ่างเก็บน้ำห้วยส้าน วันนี้มีผู้คนมาคลายร้อนเล่นน้ำกันเยอะทีเดียว แต่ก็มีมุมที่สงบเงียบ ลาก่อนขุนเขาในฤดูร้อนที่ทำให้หายคิดถึง
"วัฏจักรหมุนเวียน ผลิบาน และเหี่ยวเฉา แต่ความทรงจำมิเคยสูญหาย" ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านบันทึกการเดินทางในชุดนี้ ขอบคุณทุก ๆ การเยี่ยมชม แล้วพบกันใหม่ในโอกาสต่อไป สวัสดีครับ
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางบนเส้นทางสายธรรมชาติในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL