ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ที่เที่ยวหน้าฝนที่ใครหลายคนตามหา กับความสวยงามของป่าเขาอันเขียวขจี ท่ามกลางไอหมอกอันขาวโพลนชวนให้หลงใหล
เอ่ยถึงดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย ภาพความงดงามของ "ดอยอินทนนท์" จังหวัดเชียงใหม่ คงผุดขึ้นมาในความคิดของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะฤดูหนาวที่เย็นจับใจ มีทะเลหมอกขาวโพลนให้ชมเชย ทั้งที่จริง ๆ แล้วความตระการตาของดอยอินทนนท์นั้นสามารถพบเห็นได้ทุกช่วงฤดูกาล ไม่เว้นแม้แต่ฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำและเขียวขจี วันนี้เราเลยจะชวนเพื่อน ๆ ที่กำลังมองหาที่เที่ยวหน้าฝน ด้วยการตามบันทึกการเดินทางของ คุณ tamrong สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซึ่งมีโอกาสไปเที่ยวดอยอินทนนท์ พร้อมนอนบ้านพักสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ รับลมเย็น ๆ ชมวิวสวย ๆ จิบกาแฟหอม ๆ ชิมอาหารอร่อย ในราคาเบา ๆ นั่นแน่ ! เริ่มอยากไปเที่ยวกับเราแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็อย่ารอช้า ไปเที่ยวกันเลยจ้า
อากาศในเมืองเชียงใหม่ มันร้อนจัดอ่ะครับ เลยอยากไปหาที่เย็น ๆ นอนอ่านหนังสือ เดินถ่ายรูปเล่น เห็นน้ากระท่อมชาวไร่ พาน้า ๆ พลพรรคเลนส์มือหมุนไปนอนมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แล้วบอกว่าสนุกดี ผมก็เลยลองไปพักมั่งครับ ตามสโลแกนที่เค้าโปรโมทเอาไว้ว่า "เที่ยวสุขใจ ในสวนของพ่อ" ที่พักอยู่ในสถานีเกษตรหลวง ดอยอินทนนท์เลยครับ
ค่าใช้จ่าย
ค่าบ้านพัก สิริภูมิ B โซนน้ำตก เตียงเดี่ยว คืนละ 1,100 บาท พร้อมบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า (ราคาหน้าโลว์)
เสริมที่นอน 1 ที่ สำหรับลูกชาย 450 บาท
ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ คนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท
ค่าน้ำมันจากเชียงใหม่ไปดอยอินทนนท์
วิธีการจอง
ฤดูนี้ห้องว่างเพียบ walk in เข้าไปได้เลย แต่ถ้าอยากจองก็ติดต่อโครงการหลวง โทรศัพท์ 053 286 770 ต่อ 14 ได้เลยครับ เป็นที่พักของหน่วยงานราชการคงไม่เข้าข่ายโฆษณานะครับ
หาคนมานั่งเฝ้าร้านแทน เก็บข้าว เก็บของ เก็บกล้อง เก็บเลนส์ แล้วก็ไปเลยครับ ทริปนี้พกเลนส์ไป 4 ตัว มีกล้อง SONY A7 แปะสติ๊กเกอร์ Contax ส่วนเลนส์ nikon ais 24/2, canon LTM 50/1.4, Sony10-18mm f4 และ Olympus 135/3.5 ขนไปให้ครบ ๆ ทุกค่ายเลย
แต่ Olympus OM 135/3.5 ไม่ค่อยได้ใช้ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วยครับ
กะจะไปถ่าย Macro ถ่ายแมลง ถ่ายเห็ด เต็มที่เลยครับ ขนไปทั้งเลนส์ wide normal Tele ND CPL เอาไปเพียบ ลืมอย่างเดียว คือ ลืมเลนส์ MACRO ไว้บ้านอ่ะครับ เนื่องจากรีบเก็บของจัด เลยอดถ่าย macro เลย เหอ ๆ
ทั้งนี้ ใต้รูปบางรูปจะมีเทคนิคและวิธีการถ่าย ความคิดตอนถ่ายว่าตอนถ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ บรรยายเอาไว้นะครับ
สาย ๆ ของวันเสาร์ 31/5/2014 ลูกเลิกเรียนพิเศษก็ไปรับลูก แล้วก็ขับรถออกไปเลยครับ ออกสิบโมงกว่า ๆ ถึงสถานีเกษตรหลวง กลางดอยอินทนนท์ ตอนเที่ยงกว่า ๆ ขับรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ราว ๆ สองชั่วโมงกว่า ๆ ครับ ฝนก็ตกพรำ ๆ ชุ่มฉ่ำ ๆ ตลอดทั้งทาง อากาศบนนู้นไม่ร้อนครับ ตอนผมไปถึงก็ราว ๆ 23 องศา เพราะฝนตก เปิดน้ำล้างมือน้ำเย็นเฉียบยังกับน้ำในตู้เย็น ถ้าแดดออกจัด ๆ ก็คง 20 ปลาย ๆ เกือบ ๆ 30 องศา
38 เส้นทางความสุข โครงการหลวง แหม...ถ้ามีเวลาจะตระเวนไปนอนให้ครบเลย
เช็กอินเข้าบ้านพัก B4 อยู่โซนหน้าทางเข้าน้ำตกเลยครับ บ้านยังดูใหม่ ๆ สะอาดสะอ้าน ที่นอนตึงเปรี๊ยะ ครับ
มีระเบียงเล็ก ๆ ให้จิบกาแฟ ฟังเสียงลำธารที่อยู่หน้าบ้านด้วยครับ
รูปนี้โฟกัสที่ตัวดอกกุหลาบ เปิด f2 เพื่อให้มันชัดแต่ตรงดอกกุหลาบ ส่วนอื่น ๆ พยายามจะให้ละลายไปให้หมด จะได้เน้นดอกกุหลาบเด่น ๆ
หน้าบ้านเป็นลำธารที่ไหลลงมาจากน้ำตกสิริภูมิ มีฝายหรือเขื่อนเล็ก ๆ ผมก็เรียกไม่ถูก นอนฟังเสียงน้ำทั้งคืนอ่ะครับ เพลินไปเลย
บ้านที่ผมพักติดกับสวนเฟิร์น ทางเข้าน้ำตกสิริภูมิเลยครับ เดินไปสัก 300 เมตร ก็ถึงตัวน้ำตกด้านล่างละครับ ส่วนน้ำตกด้านบนอยู่บนดอยปู้น
คุณแฟนอ่านหนังสือ คุณลูกเล่น iPad เด็กสมัยนี้มันขาด iPad ไม่ได้เลย เดินสำรวจบริเวณรอบ ๆ บ้านพักก่อนครับ เค้าปลูกดอกไม้ไว้เต็มเลย เดินถ่ายรูปดอกไม้ก็เพลินละ เปิด f2 เบลอหลัง เน้น subject อย่างเดียวเลยครับ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย
เดินไปได้นิดเดียว ฝนลงโครมลงมาอ่ะครับ โชคดีที่เค้าทำศาลาพักผ่อน หลบแดด หลบฝน เอาไว้ทุก 100 เมตร จนถึงน้ำตกเลย ก็เลยเข้าไปหลบฝนในศาลา
คุณลูกชายตัวดีก็บอกว่ามันไม่มีอะไรทำอ่ะพ่อ ขอควัก iPad มาเล่นเกมรอนะ เหตุสุดวิสัย เหอ ๆ จำยอม
ตัวน้ำตกสิริภูมิ อยู่บนดอยปู้นอ่ะครับ ที่เดินไปถึง คือ น้ำตกที่ไหลลงมาด้านล่าง
ร้านอาหารของสถานีเกษตรหลวงก็อยู่แถว ๆ บ้านพักนั่นแหละครับ เมนูโดยรวมก็ร้อยกว่า ๆ ถ้าเป็นเมนูหรูหน่อย เช่น ปลาเทราท์ ปลาเสตอร์เจียน หรือกุ้งแดง ก็ราคาแรงกว่าหน่อย สัก 300-400 บาท สั่งมา 4 อย่าง กินกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก แทบไม่หมดครับ
ถ่ายรูปในร้านอาหารที่แสงน้อย ๆ ก็เหมือนเดิมครับ เปิดรูรับแสงกว้างสุด ให้แสงเข้าเยอะ ๆ iso auto ปล่อยกล้อง ให้มันดันความไวแสงของมันเอง สั่งไปไม่นานอาหารก็ยกออกมาแล้ว เป็ดอบกาแฟ มีกลิ่นเมล็ดกาแฟอยู่รำไร ๆ เนื้อเป็ดนุ่ม ๆ เปื่อย ๆ ชุ่ม ๆ อร่อยนักแล
เนื้อผัดพริกไทยดำ พริกหวานสด ๆ กรอบ ๆ เลยครับ แต่เนื้อเหนียวไปนิดนึง
เทมปุระผักกับกุ้ง อันนี้ของคุณลูก บรอกโคลี เห็ดหอมสด เห็ดออเรนจิ แครอท แตงกวา และกุ้งชุบแป้งโกกิแล้วทอดกรอบเป็นผักสีทอง หมดเรียบ
แกงเลียงของคุณแม่ ผักสดมาก ๆ ครับ เพราะสวนผักก็อยู่ข้าง ๆ ร้านอาหารนี่เอง กะปิเข้ม ๆ ออกข้นไปนิด
โดยรวมแล้วอร่อยครับ บรรยากาศดี อากาศเย็นเหมือนเปิดแอร์ กินข้าวคลุกเคล้าบรรยากาศ อิ่มจุกเลย 4 เมนู ค่าเสียหายห้าร้อยกว่า ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ถือว่าไม่แพงเลยครับ
เสร็จแล้วก็กลับบ้านนอนอ่านหนังสือต่อครับ กลางคืนแปลงดอกไม้ที่เค้าปลูกไว้บนดอย เปิดไฟกันสว่างเลยครับ สวยดีแต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้
รูปนี้เย็นย่ำพระอาทิตย์ตกไปแล้ว แสงจะหมดแล้วครับ แต่ไม่ได้ใช้ขาตั้งเพราะเพิ่งกลับมาจากกินข้าว เลยเปิดรูรับแสงกว้างสุด โฟกัสไปที่ตัวบ้าน แล้วกล้องก็ดัน iso auto ไปให้ที่ 6400 อ่ะครับ ภาพเลยไม่สั่น
นอนหลับไปด้วยความสุขสบาย อุณหภูมิราว ๆ 20 องศาเซลเซียส เย็นกว่าเปิดแอร์อยู่ที่บ้านพอสมควรครับ และแล้วก็ตื่นมาด้วยความสดชื่น ถึงเวลาอาหารเช้า เป็นบุฟเฟ่ต์ครับ จุดเด่น คือ สลัด ผักสดและหวานมาก ๆ ครับ กรุบกรับ ๆ เลย ขนมปังมี ข้าวผัดมี ยำไข่เค็ม ผัดผักก็มีครับ อร่อยทุกอย่าง
กินอิ่มแล้วก็ไปแอ่วยอดดอยครับ
แหม...ฤดูฝนมีรถกระผมจอดอยู่คันเดียวอ่ะครับ ตอนฤดูหนาวนี่จอดกันจนล้นออกมา
ยอดดอยเป็นของเราคนเดียวเลย ทุกทีต้องเข้าคิวกันถ่ายรูป แต่ตอนนี้ไม่มีใครสักคน
แวะตลาดชาวเขา ซื้อผัก ซื้อสตรอว์เบอร์รีปลายฤดูแล้วก็กลับบ้านพักไปล้างหน้าล้างตาอีกรอบ
ขอบคุณครับ ที่รับชมกระทู้มาจนจบครับผม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ tamrong สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Tamrong MF