สหรัฐฯ ปรับค่าธรรมเนียมวีซ่าใหม่ ก่อนเที่ยววางแผนให้ดี

รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมเก็บค่าธรรมเนียมขอวีซ่าอเมริกาเพิ่มอีก 250 ดอลลาร์ หรือประมาณ 8,000 บาท ดันยอดรวมพุ่งแตะ 14,000 บาท/คน คาดเริ่มบังคับใช้ 1 ตุลาคม 2568

ในปี 2568 รัฐบาลสหรัฐอเมริกากำลังเตรียมปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า เหล่านี้ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับการขอวีซ่าพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับใครที่มีแผนจะเดินทางไปอเมริกา ควรเตรียมตัวและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่พลาดข้อมูลสำคัญที่จะส่งผลต่อการขอวีซ่า สำหรับรายละเอียดจะเป็นอย่างไร เรามีมาอัปเดตเพื่อให้คุณเตรียมพร้อมได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

วีซ่าอเมริกา 2025

วีซ่าเมริกา ค่าธรรมเนียมขอวีซ่า

รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศอะไรเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมวีซ่าบ้าง

ข้อมูลจากเว็บไซต์ cntraveler.com กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมชื่อ “Visa Integrity Fee” อีก 250 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,000 บาท) สำหรับผู้ที่ขอวีซ่าชั่วคราวทุกประเภท เช่น วีซ่าท่องเที่ยว (B1/B2), วีซ่าธุรกิจ, วีซ่านักเรียน และวีซ่าทำงาน โดยค่าธรรมเนียมนี้จะบวกเพิ่มจากค่าธรรมเนียมปกติที่ 185 ดอลลาร์ รวมเป็นกว่า 435 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 14,000 บาท

ค่าธรรมเนียมนี้บังคับใช้เมื่อไหร่

แม้ยังไม่มีประกาศวันเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ของสหรัฐฯ

ทำไมสหรัฐฯ ต้องเพิ่มค่าธรรมเนียม

ค่าธรรมเนียม Visa Integrity Fee เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมาย “One Big Beautiful Bill Act” ที่ลงนามโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อเพิ่มรายได้สำหรับการบริหารจัดการระบบวีซ่าและการควบคุมผู้อพยพผิดกฎหมาย รวมถึงรักษาความปลอดภัยชายแดน โดยรายได้จากค่าธรรมเนียมนี้จะถูกนำส่งเข้ากระทรวงการคลังสหรัฐฯ เพื่อใช้ในงานด้านความมั่นคงและการบริหารจัดการผู้อพยพ

วีซ่าเมริกา ค่าธรรมเนียมขอวีซ่า

ส่งผลกระทบอย่างไรต่อนักท่องเที่ยวไทย

นักท่องเที่ยวไทยที่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวหรือธุรกิจ (B1/B2) จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรวมประมาณ 435 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 14,000 บาท) ซึ่งสูงกว่าค่าธรรมเนียมปกติมาก อาจส่งผลให้การเดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและอาจทำให้นักท่องเที่ยวชะลอหรือเปลี่ยนแผนเดินทางได้

ใครบ้างที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมนี้

พลเมืองจาก 42 ประเทศในโครงการ Visa Waiver Program เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และประเทศยุโรปส่วนใหญ่ จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนี้

มีวิธีขอคืนค่าธรรมเนียมนี้ได้ไหม

กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ อาจพิจารณาคืนเงินค่าธรรมเนียม Visa Integrity Fee ให้กับผู้ที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขวีซ่าอย่างครบถ้วน เช่น เดินทางออกจากสหรัฐฯ ตามกำหนดเวลาวีซ่า หรือเปลี่ยนสถานะเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรอย่างถูกกฎหมาย แต่รายละเอียดและขั้นตอนยังไม่ชัดเจน ควรติดตามข่าวสารจากสถานทูตอย่างใกล้ชิด

รายละเอียดสำหรับค่าธรรมเนียมรวมทั้งหมดสำหรับวีซ่า B1/B2

สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว/ธุรกิจ (B1/B2) ค่าธรรมเนียมหลักที่ต้องจ่ายประกอบด้วย

  • ค่าธรรมเนียมยื่นคำร้องวีซ่าเดิม 185 ดอลลาร์

  • ค่าธรรมเนียม Visa Integrity Fee 250 ดอลลาร์

  • ค่าธรรมเนียมแบบฟอร์ม I-94 สำหรับการเข้าประเทศ 24 ดอลลาร์

  • ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ESTA หรือ EVUS 13-30 ดอลลาร์

รวมทั้งหมดประมาณ 470 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป

วีซ่าเมริกา ค่าธรรมเนียมขอวีซ่า

เตรียมตัวอย่างไรเมื่อขอวีซ่าสหรัฐฯ หลังขึ้นค่าธรรมเนียมนี้

ควรวางแผนล่วงหน้าและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เพื่อเพิ่มโอกาสได้รับวีซ่า และควรติดตามข้อมูลล่าสุดจากสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อรับทราบรายละเอียดค่าธรรมเนียมและขั้นตอนการชำระเงิน รวมถึงตรวจสอบเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การขอคืนเงินหากปฏิบัติตามข้อกำหนดของวีซ่า

สหรัฐอเมริกา เตรียมออกมาตรการให้นักท่องเที่ยววางเงินประกันวีซ่า

         ข้อมูลจากเว็บไซต์ reuters.com รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเตรียมออกมาตรการใหม่ภายใต้นโยบายด้านการตรวจคนเข้าเมืองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยจะกำหนดให้ชาวต่างชาติที่ยื่นขอวีซ่าธุรกิจหรือวีซ่าท่องเที่ยว ต้องวางเงินประกัน (Visa Bond) สูงสุดถึง 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 500,000 บาท เพื่อควบคุมปัญหาผู้พำนักเกินระยะเวลาวีซ่าที่กำหนด

         มาตรการนี้จะเริ่มมีผลในวันที่ 20 สิงหาคม และอยู่ในระยะทดลองเป็นเวลา 1 ปี โดยให้อำนาจเจ้าหน้าที่กงสุลใช้ดุลพินิจเรียกเก็บเงินประกันจากผู้ขอวีซ่าที่มาจาก "ประเทศกลุ่มเสี่ยง" ซึ่งจะพิจารณาจากเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น

  • อัตราการอยู่เกินกำหนดวีซ่าที่สูง

  • ระบบคัดกรองผู้เดินทางที่ไม่รัดกุม

  • ประเทศที่มีโครงการให้สัญชาติผ่านการลงทุนโดยไม่ต้องพำนักอาศัย

         วงเงินประกันจะถูกกำหนดไว้ที่ 5,000 / 10,000 / 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่คาดว่าจะเรียกเก็บขั้นต่ำ 10,000 ดอลลาร์ และจะคืนเงินเต็มจำนวน หากผู้เดินทางปฏิบัติตามเงื่อนไขวีซ่าและเดินทางออกจากสหรัฐฯ ตามกำหนด
         ทั้งนี้ ในประกาศของรัฐบาลยังไม่ได้ระบุรายชื่อประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว แต่จะมีการเผยแพร่รายชื่อทางออนไลน์อย่างน้อย 15 วัน ก่อนเริ่มบังคับใช้จริง

เพิ่มค่าธรรมเนียมวีซ่าอเมริกากับวางเงินประกันวีซ่า ต่างกันอย่างไร

         ทั้งสองประเด็นเกี่ยวข้องกับการขอวีซ่าสหรัฐฯ แต่เป็นมาตรการคนละประเภทและมีวัตถุประสงค์ต่างกัน โดยสามารถสรุปความแตกต่างได้ดังนี้
ค่าธรรมเนียมวีซ่าเพิ่ม
  • เป็นการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าสหรัฐฯ ทั่วไป เช่น วีซ่าท่องเที่ยว (B1/B2), วีซ่าธุรกิจ ฯลฯ

  • จากเดิมประมาณ 160 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มเป็น 410 ดอลลาร์ (ประมาณ 14,000 บาท)

  • เป็นการปรับอัตราค่าธรรมเนียม สำหรับผู้ขอวีซ่าทุกคนในกลุ่มที่ระบุ

  • ไม่มีการคืนเงิน ไม่ว่าได้รับวีซ่าหรือไม่

  • คาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568

มาตรการวางเงินประกันวีซ่า
  • เป็นข้อเสนอหรือมาตรการเฉพาะกลุ่ม ที่เรียกว่า Visa Bond Pilot Program

  • มีเป้าหมายเพื่อลดปัญหาการอยู่เกินวีซ่าของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจากประเทศที่มีอัตราการละเมิดสูง

  • ต้องวางเงินประกัน (Security Bond) ซึ่งอาจสูงถึง 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 500,000 บาท)

  • เงินนี้จะได้คืน หากผู้เดินทางปฏิบัติตามเงื่อนไขวีซ่าและออกจากสหรัฐฯ ตามเวลาที่กำหนด

  • ไม่ใช่ทุกคนจะถูกเรียกเก็บ เป็นมาตรการเฉพาะบางประเทศ / บางกรณี

  • ยังอยู่ในขั้นเตรียมบังคับใช้ และมีความเป็นไปได้ว่าจะเริ่มในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ใครมีแผนขอวีซ่าสหรัฐฯ ควรเตรียมพร้อมรับมือกับค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น เพื่อวางแผนการเดินทางและงบประมาณได้อย่างรอบคอบมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ^ ^

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

บทความ วีซ่าสหรัฐ เที่ยวสหรัฐ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สหรัฐฯ ปรับค่าธรรมเนียมวีซ่าใหม่ ก่อนเที่ยววางแผนให้ดี อัปเดตล่าสุด 7 สิงหาคม 2568 เวลา 11:41:19 7,296 อ่าน
TOP
x close