One Bangkok
แลนด์มาร์กใหญ่ใจกลางกรุง
One Bangkok มีอะไรน่าเดินบ้าง ?
โครงการ One Bangkok ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่
-
โซนถนนวิทยุ : รวมถึงสวนสาธารณะ อาคารที่พักอาศัย Residential Tower และโรงแรมแบรนด์ดังอย่าง The Ritz-Carlton และ Luxuary Retail Street
-
โซนกลางโครงการ : มีโรงแรม 2 อาคาร ได้แก่ Andaz One Bangkok และ Upscale Lifestyle Hotel นอกจากนี้ยังมีอาคาร Signature Tower ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโครงการ
- โซนถนนพระราม 4 : ประกอบด้วยสวนสาธารณะ อาคารพักอาศัย และ Lifestyle Mall ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง 2 อาคารหลัก
The Storeys
ร้านค้าที่เป็นไฮไลต์เด่น ๆ ของ The Storeys
- STARBUCKS RESERVE สาขา One Bangkok ตั้งอยู่ที่ชั้น G และชั้น 1 โซนด้านหน้าติดกับทางเข้า The Storeys เป็นสาขาที่ 517 ในไทย ด้วยขนาดพื้นที่ 860 ตารางเมตร แบ่งเป็น 2 ชั้น และเป็น Flagship Store แห่งล่าสุดที่มาในคอนเซ็ปต์ Greener Store หรือร้านกาแฟสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในไทย ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดในด้านการอนุรักษ์น้ำ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลดขยะ และการใช้วัสดุอย่างรับผิดชอบ มีการนำนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนมาผสมผสานในการออกแบบ เช่น จุดรีไซเคิลขยะครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย ระบบการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากจะรักษ์โลกแล้วยังมีความพิเศษอีกมากมาย ทั้งการใช้เครื่อง OVISO แห่งที่ 3 ในไทย และมีเมนูขนมอบใหม่ตลอดด้วย
- JIM THOMPSON ตั้งอยู่ที่ชั้น G และชั้น 1 ใกล้กับ STARBUCKS RESERVE แบรนด์ผู้ผลิตผ้าไหมไทยเจ้าเก่าแก่ ที่มาเปิดสาขา Lifestyle Store แห่งแรกที่ One Bangkok ภายในมีหลากหลายโซนให้เลือกเดินช้อปภายใต้บรรยากาศที่ตกแต่งสวยงามด้วยผลิตภัณฑ์ผ้าจาก Jim Thompson Home Furnishings พร้อมด้วยดีเทลการออกแบบที่ประณีตเป็นเอกลักษณ์ในทุกมุมของสโตร์ นอกจากนี้ที่ชั้นบนยังมีโซน Jim’s Terrace จุดแฮงก์เอาต์แห่งใหม่ที่มาพร้อมหลากหลายเมนูอาหารไทยร่วมสมัยและเครื่องดื่มสุดพิเศษที่รังสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน รวมถึงโซน Silk Exhibition ที่จะพาแขกผู้มาเยือนเดินทางย้อนประวัติศาสตร์เส้นทางการยกระดับผ้าไหมไทยของแบรนด์จิม ทอมป์สัน สู่เวทีโลกด้วย
- Swatch แบรนด์นาฬิกายักษ์ใหญ่ ตั้งอยู่บนชั้น G และชั้น 1 เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในมีผลงานคอลเล็กชั่นต่าง ๆ ให้เลือกซื้อครบครัน และชั้นบนยังมีนาฬิกา Swatch รุ่นประวัติศาสตร์ที่หาชมได้ยากมาจัดแสดงเพื่อตอกย้ำถึงความสร้างสรรค์ที่ Swatch นำเสนอตลอดมาด้วย
-
โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ตั้งอยู่ที่ชั้น G ใกล้กับบันไดเลื่อนฝั่ง The Wireless House One Bangkok เป็นคาเฟ่โบราณอาหารเช้า ให้ทุกคนได้สัมผัสกลิ่นอายความคลาสสิกในบรรยากาศร้านที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก โรงหนังสกาลา โดดเด่นด้วยการตกแต่งผนังทั้งรูปภาพในอดีตและวอลเปเปอร์ลายต้นกำเนิดของเมล็ดกาแฟ ที่จับคู่สีตัดกันในส่วนของพื้นกระเบื้องให้ดูโดดเด่น แปลกตา พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารหลากเมนู
- Tempura Tendon Hannosuke Tokyo ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 เป็นร้านข้าวหน้าเทมปุระระดับพรีเมียมจากโตเกียว ที่ชูความโดดเด่นด้วยวัตถุดิบชั้นเยี่ยมอันหลากหลาย ราดด้วยซอสสูตรลับไม่เหมือนใครที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ได้มาเปิดเป็นสาขาที่ 49 ที่ One Bangkok และถือเป็นสาขาแรกในประเทศไทย มีเมนูแนะนำที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านคือ ข้าวหน้าเทมปุระเอโดะมาเอะ (Edomae Tendon) ซึ่งเป็นข้าวหน้าเทมปุระที่รวมวัตถุดิบชั้นเยี่ยม เช่น กุ้ง ปลาไหลอานาโกะ คาคิอาเกะ หอยเชลล์ ไข่ออนเซ็น และผักใบเขียว ราดด้วยซอสสูตรลับที่ทำให้รสชาติของข้าวหน้าเทมปุระมีความเป็นเอกลักษณ์
- Wolfgang’s Steakhouse by Wolfgang Zwiener ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 เป็นร้านสเต๊กเฮ้าส์ระดับไฮเอนด์ชื่อดังในนิวยอร์ก เปิดมานานกว่า 40 ปี ได้มาเปิดสาขาแรกในประเทศไทย ณ โครงการ วัน แบงค็อก (One Bangkok) เป็นสาขาอันดับที่ 40 ของโลก ในเดือนธันวาคม 2567 พร้อมเสิร์ฟเนื้อวัว USDA Prime Beef คุณภาพพรีเมียมจากสหรัฐอเมริกา โดยไม่ผ่านการแช่แข็ง เพื่อนำมาบ่มแห้ง (Dry-aging) ในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิพิเศษนานถึง 28 วัน ทำให้เนื้อมีความนุ่มและรสชาติเข้มข้นเป็นเอกลักษณ์ ก่อนจะนำไปปรุงด้วยอุณหภูมิที่สูงมากในเตาอบแบบพิเศษ เพื่อให้ได้เนื้อที่สุกพอดีและเนื้อด้านในที่ชุ่มฉ่ำ หรือถ้าใครสนใจเนื้อส่วนอื่น ๆ ที่นี่ก็มีให้บริการด้วยเช่นกัน
Parade
เป็นศูนย์การค้าหลักของ One Bangkok ตัวอาคารตกแต่งในสไตล์ลักซูรี่ หรูหรา ทันสมัย ภายในมีร้านค้าแบรนด์เนมชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น MUJI, LEVIS, SKECHERS, CROCS, สารพัดไทย ฯลฯ รวมไปถึง King Power City Boutique ร้านค้าที่รวมสินค้าปลอดอากร ร้านอาหารชั้นนำมากมาย รวมไปถึงซูเปอร์มาร์เกตที่รวมวัตถุดิบและสินค้าชั้นเลิศอย่าง MITSUKOSHI DEPACHIKA ด้วย
นอกจากร้านค้าแบรนด์เนมแล้ว ยังมีร้านอาหารที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น KFC, MOMO Paradise, โอ้กะจู๋, SWENSENS ฯลฯ และอาคารนี้ยังมี One Ultra Screen โรงภาพยนตร์ระดับเฟิสต์คลาสในเครือเมเจอร์ ที่ใช้เครื่องฉายหนังระบบเลเซอร์รุ่นสูงสุดด้วย
ในอาคารแห่งนี้ยังมี Parade Square พื้นที่สำหรับแสดงดนตรี ออกร้าน จัดบูธอีเวนต์ต่าง ๆ และมีทางเชื่อมต่อไปยัง MRT ลุมพินี ทางออก 1 ด้วย
ร้านค้าที่เป็นไฮไลต์เด่น ๆ ของ Parade
- Mitsukoshi Depachika Thailand ตั้งอยู่ที่ชั้น B1 เป็นเดปาจิกะขนานแท้แห่งแรกในไทย ส่งตรงจากแดนอาทิตย์อุทัย สำหรับใครที่งงว่า เดปาจิกะ คืออะไร ? ให้นึกถึงห้างสรรพสินค้าของญี่ปุ่น ชั้นใต้ดินจะเป็นพื้นที่ขายอาหารต่าง ๆ ซึ่งเรียกกันเล่น ๆ ว่า เดปาจิกะ เป็นการผสมคำว่า เดปาโต ซึ่งหมายถึงห้างสรรพสินค้า เข้ากับคำว่า จิกะ ซึ่งหมายถึงชั้นใต้ดิน หรือโซนอาหารชั้นใต้ดินในห้างญี่ปุ่นนั่นเอง ที่นี่จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า และซูเปอร์มาร์เกตสไตล์ญี่ปุ่น ให้ได้เลือกซื้อ เลือกช้อป และเลือกกินกันอย่างจุใจ โดยไม่ต้องบินไกลไปถึงญี่ปุ่นเลยทีเดียว
- MUJI ตั้งอยู่ที่ชั้น B1 นับเป็นสาขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 3,000 ตารางเมตร และมีสินค้าที่ตอบสนองการใช้ชีวิตครบหมวดหมู่รวมแล้วกว่า 5,000 รายการ นอกจากนี้ยังมีความพิเศษสำหรับ MUJI สาขา One Bangkok ที่แตกต่างจากสาขาอื่น ๆ เช่น
◇ Open MUJI หรือพื้นที่จำหน่ายสินค้าคอลเล็กชั่นใหม่ คอลเล็กชั่นพิเศษ และยังใช้จัดแสดงนิทรรศการ เวิร์กช็อป และกิจกรรมทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ
◇ โซน Grab & Go พื้นที่สะดวกซื้อ ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่เวลา 07.00 น. นำเสนอสินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟ เบเกอรี่ ทั้งแบบกึ่งสำเร็จรูปและแบบทำสดใหม่
◇ โซน Green & Outdoor Goods สินค้าต้นไม้หลากหลายประเภท ของประดับตกแต่งสวน และเฟอร์นิเจอร์แบบกลางแจ้ง
◇ โซน PET Products เอาใจคนรักสัตว์ด้วยสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน
◇ โซน Services ต่าง ๆ เช่น บริการปักผ้าและสกรีน ที่สามารถนำสินค้าของมูจิมาปักหรือสกรีนตัวอักษรและลวดลายการ์ตูน มีให้เลือกกว่า 200 ลาย รวมถึงลายพิเศษที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับสาขานี้
◇ โซน Community Market ตลาดนัดมูจิ เพื่อให้ร้านค้าท้องถิ่นสามารถเข้ามาจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นหลากหลาย
◇ โซน ReMUJI การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ด้วยการนำเสื้อผ้าใหม่ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานในคอลเล็กชั่นเก่าของมูจิ มาผ่านกระบวนการย้อมครามเพื่อนำกลับมาขายใหม่ Local Products ที่มีจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสาขานี้เท่านั้น
- Nitori ตั้งอยู่ที่ชั้น B1 เป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านจากญี่ปุ่น ด้วยปณิธาน “นิโตริ มอบความเป็นอยู่ที่ดีบนโลกใบนี้” ซึ่งตอนนี้มีสาขาทั่วโลกรวมกันถึง 1,033 สาขา และสาขา One Bangkok เป็นสาขาที่ 6 ของไทย เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยพื้นที่กว่า 2,655 ตารางเมตร ที่ขนเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่นมาให้เลือกอย่างจุใจ
- King Power City Boutique ตั้งอยู่ที่ชั้น 1-2 บนพื้นที่กว่า 5,248 ตารางเมตร นำเสนอประสบการณ์ช้อปปิ้งที่แตกต่าง ภายใต้แนวคิด “An Experiential Shopping Journey in the City” ด้วยดีไซน์โดดเด่นจากสตูดิโอระดับโลก Hayon Studio โดย Jaime Hayon ศิลปินและนักออกแบบชาวสเปน ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักออกแบบผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ 3 City ได้แก่ City of Revolution, City of Experience และ City of Happening คัดสรรแบรนด์ลักซูรี่และสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ มีทั้งสินค้าดิวตี้ฟรีและสินค้าซื้อแล้วรับกลับทันที เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งกลุ่มนักเดินทาง กลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติ พนักงานออฟฟิศ และกลุ่มผู้พักอาศัย
- Sarapad Thai ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 เป็นศูนย์รวมสินค้าสำหรับผู้หลงใหลในไลฟ์สไตล์ที่เฟ้นหาผลิตภัณฑ์คุณภาพ ผสานการออกแบบร่วมสมัยยิ่งใหญ่อลังการเป็นแห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 2,400 ตารางเมตร พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ชื่นชอบวิถีสไตล์ไทยในยุคปัจจุบัน และกำลังมองหาสินค้าไทยที่สะท้อนความเป็นไทยผ่านการออกแบบและตีความออกมาให้เป็นของที่มีอัตลักษณ์ไทยในมุมมองใหม่และใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ภายในเป็นการรวบรวมสิ่งของธรรมดาที่คนไทยคุ้นเคยในรูปแบบแปลกใหม่กว่า 20,000 ไอเทม สินค้าทุกชิ้นคือสื่อกลางสะท้อนถึงความเคารพ ความรัก และความผูกพันทางสังคมและวัฒนธรรม ล้วนได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน นอกจากนี้ยังมี ตรอกโชคดี เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่อยากให้มาเช็กอิน ลั่นชัตเตอร์กันกับจุดถ่ายรูปที่แสดงถึงบรรยากาศของความเป็นไทยที่เต็มไปด้วยสีสัน และนำเรื่องความเชื่อต่าง ๆ ของคนไทยมาตีความให้สนุกสนานสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของร้านสารพัดไทย
- Little Gaia ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 พื้นที่ส่งเสริมพัฒนาการและการเติบโตสำหรับเด็ก ๆ ออกแบบด้วยความเข้าใจและเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีชีวิตชีวา ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ เล่น และสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างเป็นประโยชน์
- Food Street ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 แหล่งรวมร้านอาหารระดับตำนานมาไว้ที่นี่ มีร้านดัง ๆ มากมาย เช่น ก๋วยจั๊บมิสเตอร์โจ, ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำเปลว นครปฐม, ข้าวแกงเฮียเพ้ง, ราดหน้า 40 ปี ศาลเจ้าพ่อเสือ, เอก ข้าวมันไก่ประตูน้ำ, นายอ้วนเสาชิงช้า และร้านอื่น ๆ อีกเพียบ มีทั้งโซนช้อปปิ้ง โซน Street Food ราคาเริ่มต้นหลักสิบ แถมซื้อง่ายจ่ายสะดวกด้วยตู้กดซื้ออาหาร จะแลกบัตรเงินสดก็ได้ หรือจะสแกนจ่ายผ่านแอปฯ ธนาคารเลยก็ดี มีที่นั่งตรงระเบียงชมวิวสวย ๆ เหมือนนั่งกินข้าวบน Rooftop เลย แต่ถ้ามาช่วงเที่ยงคนอาจจะเยอะนิดหน่อย เพราะที่นี่ถือเป็นศูนย์อาหารในดวงใจของเหล่าพนักงานออฟฟิศที่ทำงานในตึกสำนักงาน One Bangkok ด้วย
- Shabushi Ichiten ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 สำหรับ Shabushi เป็นแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน เปิดตัว Flagship Store ชาบูชิ อิชิเทน (Shabushi Ichiten) เป็นสาขาต้นแบบแห่งแรกที่ One Bangkok พร้อมสร้างสรรค์และส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือชั้น ผ่านแนวคิด “Good Taste Great Time Never End” หรือ “รสชาติความสุข...ไม่สิ้นสุด” ที่ครบครันและหลากหลาย ด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูง คัดสรรพิเศษ และความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นยอดนิยม ทั้งชาบู-ชาบู สุกี้หม้อไฟ และซูชิ ข้าวปั้นสารพัดหน้า รวมแล้วมากกว่า 100 รายการ พร้อมนำเสนอทางเลือกให้กับลูกค้า/ผู้ใช้บริการ ผ่านบริการแบบบุฟเฟต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการยิ่งขึ้น
- One Ultra Screens ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 และ 6 เป็นแบรนด์โรงภาพยนตร์ใหม่ที่จดทะเบียนการค้าโดยบริษัท ซีนีม่า วัน จำกัด ให้บริการโรงภาพยนตร์ระดับ Ultra Luxury ภายใต้แนวคิด “Exclusive Cinema Club” ที่หมายมั่นปั้นมือให้เป็นพื้นที่สังสรรค์ของคนรักหนังยุคดิจิทัล และมอบประสบการณ์การชมภาพยนตร์สไตล์เอ็กซ์คลูซีฟคลับอย่างเต็มรูปแบบ มีทั้งหมด 6 โรงภาพยนตร์ ประกอบด้วยโรงภาพยนตร์ปกติ 5 โรง และ VIP 1 โรง รวม 988 ที่นั่ง และมีจอภาพขนาดใหญ่ใช้ระบบฉายที่มีความคมชัดสูงสุดจากเทคโนโลยี Laser 4K พร้อมด้วยเก้าอี้แบบพรีเมียมทุกที่นั่ง
- Harborland ตั้งอยู่ที่ชั้น 6 เป็นสนามเด็กเล่นในร่มที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก บนพื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตร ออกแบบและตกแต่งภายใต้แนวคิดของป่าหิมพานต์ ที่ผสมผสานความงดงามและตำนานสัตว์มหัศจรรย์ในแบบไทย ๆ ภายใต้ชื่อธีม “Onederland” เชื่อมโยงระหว่างโลกมนุษย์และดินแดนแห่งเทพนิยาย ภายในมีเครื่องเล่นที่หลากหลาย ประกอบไปด้วยโซนย่อยต่าง ๆ ซึ่งแต่ละโซนเต็มไปด้วยเครื่องเล่นเสริมสร้างพัฒนาการที่เหมาะสำหรับเด็กทุกช่วงวัย เช่น Little Ville, Harbor Town, Kids Island และ Junior Jungle นอกจากนี้ยังมีโซน JumpZ และเร็ว ๆ นี้กับโซน Laser Battle, AdventureLand และสวนน้ำ Harbor Island ด้วย
One Bangkok Park
การเดินทางไป One Bangkok (วัน แบงค็อก)
สำหรับคนที่อยากไปเดินเล่นจับจ่ายซื้อของที่ One Bangkok (วัน แบงค็อก) สามารถเดินทางมาได้โดยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
-
นั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่ สถานีเพลินจิต ทางออก 2 แล้วนั่งรถ EV Shuttle Service ที่จะคอยบริการลูกค้าทุก ๆ 15 นาที (เริ่มตั้งแต่เวลา 07.00-24.00 น.) จุดรออยู่ตรงป้ายรถประจำทางหน้าตึกมหาทุน พลาซ่า ซึ่งสะดวกกับคนที่สัญจรเส้นถนนเพลินจิต เพราะเป็นประตูทางเข้าห้าง 2 ทั้งนี้ รถ EV Shuttle Service จะจอดรับ-ส่ง ทั้งหมด 2 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 ตึกเดอะสตอรี่ส์ (The Storeys) ถนนวิทยุ และจุดที่ 2 ตึกพาเหรด (Parade) ถนนพระราม 4
-
นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT มาลงที่ สถานีลุมพินี ทางออก 1 เชื่อมโดยตรงกับอาคาร One Bangkok (วัน แบงค็อก) ชั้น B1 Parade ซึ่งสะดวกกับคนที่ใช้รถสัญจรบนถนนพระราม 4 เป็นประตูทางเข้าห้าง 3
-
นั่งรถแท็กซี่ขึ้น-ลงได้ 2 จุด คือ จุด 1 ตรงตึกพาเหรด (Parade) ถนนพระราม 4 และจุด 2 ตรงตึกเดอะสตอรี่ส์ (The Storeys) ถนนวิทยุ (ตั้งแต่เวลา 10.00-24.00 น.)
-
เดินทางด้วยรถประจำทางที่จอดหน้าโครงการ One Bangkok (วัน แบงค็อก) ได้แก่ สาย 17, 50, 62, 76, 514, 2-2B, A3, 13, 22, 149 และ 205 (3-51)
One Bangkok (วัน แบงค็อก) ค่าจอดรถ
ใครที่เดินทางมาที่ยัง One Bangkok (วัน แบงค็อก) ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่จอดรถเลย เพราะโครงการนี้มีที่จอดรถทั้งฝั่งถนนวิทยุ และฝั่งถนนพระราม 4 ดังนี้
-
ฝั่งถนนวิทยุ : สามารถเข้าได้ทาง Main Entrance และ Entrance 2
-
ฝั่งถนนพระราม 4 : สามารถเข้าได้ทาง Entrance 3
-
ทางเชื่อมทางพิเศษเฉลิมมหานคร จากทางด่วนดินแดง - พระราม 9
ในส่วนของค่าจอดรถนั้น สามารถจอดฟรี 2 ชั่วโมงแรก และอัตราค่าบริการชั่วโมงต่อไป 30 บาท/ชั่วโมง 7 ชั่วโมงขึ้นไป 60 บาท/ชั่วโมง โดยสามารถตรวจสอบที่จอดรถได้ผ่านแอปพลิเคชัน One Bangkok
โครงการ One Bangkok (วัน แบงค็อก) เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ในย่านพระราม 4 - วิทยุ ที่น่าสนใจและตอบโจทย์คนกรุงแบบสุด ๆ เพราะเป็นแหล่งรวมของร้านค้าชั้นนำ ร้านอาหารแบรนด์ดังมากมาย และยังมีพื้นที่สีเขียวที่ให้ฟีลเหมือนได้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วย วันพักผ่อนหากใครยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ลองไปเดินเล่นที่โครงการ One Bangkok (วัน แบงค็อก) ได้นะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก One Bangkok หรือโทรศัพท์ 0 2483 5555
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ เที่ยวกรุงเทพฯ ที่เที่ยวกรุงเทพฯ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
+++ เที่ยวกรุงเทพฯ เดินเล่นย่านเก่า กินเที่ยวแบบจัดเต็ม
+++ 10 ที่เที่ยวในกรุงเทพฯ ธรรมชาติร่มรื่น สนุกชิลได้ทั้งวัน
+++ พาเพื่อนต่างชาติเที่ยวที่ไหนดี 20 ที่เที่ยวกรุงเทพฯ และใกล้เคียง อะเมซิ่ง ไทยแลนด์