เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวลังกาวี
ประเทศมาเลเซีย
เกาะลังกาวี ตั้งอยู่ที่ไหน
ที่มาของชื่อเกาะลังกาวี
ตำนานของเกาะลังกาวี
เกาะลังกาวี ตามตำนานกล่าวขานว่าเป็นเกาะต้องคำสาป ย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน บุตรสาวของพ่อค้าจากเกาะภูเก็ตชื่อ มะห์สุหรี (บ้างก็เรียก มัสสุหรี) เป็นเด็กจิตใจดี เป็นที่รักของคนทั่วไป ได้แต่งงานกับองค์รัชทายาทเจ้าชายวันดารุส ผู้ครองเกาะลังกาวี มีโอรสด้วยกัน 1 พระองค์ นามว่า วันฮาเกม ต่อมาพระนางมะห์สุหรีถูกพระมารดาขององค์รัชทายาทกล่าวหาว่าคบชู้ตอนพระสวามีออกไปทำศึกสงคราม พระนางจึงถูกตัดสินประหารชีวิต ก่อนตายได้อธิษฐานว่าหากตนบริสุทธิ์ขอให้เลือดไหลออกมาเป็นสีขาว พร้อมสาปแช่งให้ผู้คนบนเกาะลังกาวีประสบแต่ความทุกข์ยากตลอด 7 ชั่วอายุคน ครั้นเมื่อเพชฌฆาตแทงกริช สายโลหิตของมะห์สุหรีก็พวยพุ่งเป็นสีขาวดังคำสัตย์ก่อนสิ้นใจ เมื่อองค์รัชทายาทพระสวามีของพระนางมะห์สุหรีเสด็จกลับมา และทรงทราบเรื่องภรรยาผู้เป็นที่รักตายจากไปก็ทรงโศกเศร้าเป็นอย่างมาก ทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติแล้วหอบโอรสกลับไปยังจังหวัดภูเก็ต บ้านเกิดของพระนางมะห์สุหรี แล้วอาศัยอยู่ที่นั่นจนช่วงสุดท้ายของชีวิต
ทางด้านพระมารดาขององค์รัชทายาท เมื่อสิ้นพระชนม์ พระศพก็ไม่สามารถฝังที่ใดบนเกาะลังกาวีได้เลย ฝังที่ใดทรายก็จะดันร่างขึ้นมาเสมอ จนต้องกลับไปทำพิธีบนบานที่สุสานพระนางมะห์สุหรี จึงสามารถนำพระศพไปฝังไว้บริเวณหาดทรายได้ แต่สีของหาดทรายกลายเป็นสีดำในทันทีเมื่อร่างถูกฝังลงไปอย่างที่ปรากฏหาดทรายสีดำในปัจจุบัน
เมื่อครั้งที่ไทรบุรีเป็นส่วนหนึ่งราชอาณาจักรสยาม เกาะลังกาวี เป็นตำบลหนึ่งของมณฑลไทรบุรี ชื่อตำบลเกาะลังกอวี ภายหลังลังกอวีพ้นจากการเป็นส่วนหนึ่งของสยาม โดยได้ตกเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมอังกฤษเช่นเดียวกับไทรบุรี (เกดะห์) ครั้นเมื่อรับเอกราชแล้ว ลังกาวีก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของรัฐเกดะห์อยู่
สำหรับสุสานของพระนางมะห์สุหรีนั้น ปัจจุบันตั้งอยู่บนเกาะลังกาวี สร้างด้วยหินอ่อนและจารึกภาษามาเลเซียและภาษาอังกฤษ ซึ่งมีข้อความว่า มะห์สุหรี ผู้รับเคราะห์กรรมจากการทรยศหักหลังและความอิจฉาริษยา จนถูกตัดสินให้ถึงแก่ความตาย เมื่อศักราชอิสลาม 1235 หรือคริสต์ศักราช 1819 พุทธศักราช 2362 นางสิ้นชีวิตลงพร้อมกับคำสาปแช่งที่แห่งนี้ว่า จะไม่เกิดสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองบนเกาะแห่งนี้เป็นเวลา 7 ชั่วอายุคน นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเกาะลังกาวีก็กลายเป็นดินแดนที่เงียบเหงา ผู้คนอยู่กันอย่างไม่มีความสุข ตั้งแต่ พ.ศ. 2362 กินเวลา 181 ปี เป็นอาถรรพ์ครอบคลุมมาถึง 7 ชั่วอายุคน จนกลายเป็นที่มาของการตามหาทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมะห์สุหรี เพื่อไปถอนคำสาป
ต่อมาในปี พ.ศ. 2529 มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย (ในขณะนั้น) ได้ริเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงเกาะลังกาวีที่เชื่อว่ามีคำสาปของพระนางมะห์สุหรี โดยพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและรีสอร์ต โดยเขาได้มีส่วนช่วยในการออกแบบและวางแผนอาคารบนเกาะ และได้นำ ศิรินทรา ยายี สตรีชาวไทยที่สืบเชื้อสายทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมะห์สุหรี มาถอนคำสาป โดยหลังจากการถอนคำสาปในครั้งนั้น ทำให้เกาะลังกาวีเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ประกอบกับทางรัฐบาลมาเลเซียได้ใช้งบประมาณมหาศาลในการฟื้นคืนชีพเกาะลังกาวี จนกลายเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเกาะลังกาวี
ลังกาวี เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซีย เป็นสวรรค์ในภูมิภาคเขตร้อนที่มีความสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจและชายหาดที่สะอาด ภายในเกาะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายเป็นจุดหมายที่ต้องไปเยือน เช่น
- เคเบิลคาร์ลังกาวี (Langkawi Cable Car) : กระเช้าลอยฟ้าของเกาะลังกาวี เส้นทางสุดสวยสำหรับคนไม่กลัวความสูงที่จะได้สัมผัสกับทิวทัศน์อันงดงามของเกาะลังกาวีแบบ 360 องศา โดยกระเช้าเส้นทางนี้แบ่งเป็น 3 สถานี คือ สถานีเชิงเขา (Base Station) สถานีกลางทาง (Middle Station) และสถานียอดเขา (Top Station) บางช่วงจะมีการขึงเส้นเคเบิลเหล็กกล้ายาวถึง 950 เมตรไว้ระหว่างหอคอยสองต้น ทำให้เคเบิลคาร์ลังกาวีกลายเป็นหนึ่งในกระเช้าที่มีเคเบิลเส้นเดี่ยวยาวที่สุดในโลก นอกจากนี้ระหว่างสถานีกลางทางและสถานียอดเขา รถกระเช้าจะต้องเพิ่มระดับองศาความชันขึ้นไปตามหน้าผาที่มีความชันมากถึง 42 องศา จึงกลายเป็นรถกระเช้าที่มีความชันมากที่สุดในโลกไปโดยปริยาย รถกระเช้าสุดล้ำสายนี้ใช้เวลาก่อสร้างเร็วอย่างเหลือเชื่อแค่ 16 เดือน และเปิดใช้เป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2002 การเดินทางจากสถานีเชิงเขาถึงยอดเขาระยะทางยาว 2.2 กิโลเมตร ต้องใช้เวลานานถึง 15 นาที นักท่องเที่ยวจะได้เต็มอิ่มกับวิวมุมสูงแบบ Bird Eyes View ที่อลังการมาก เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนจะได้พบกับ สะพานลังกาวีสกาย
- สะพานลังกาวีสกาย (Langkawi Sky Bridge) : สะพานทางเดินข้ามเขาที่สูงและยาวที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนยอดเขา Machinchang ในเกาะลังกาวี สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2004 ตัวสะพานตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเหนือพื้นดิน 100 เมตร โดยมีโครงเสาเดี่ยวตรงกลางสะพานสูง 82 เมตร เป็นตัวยึดระหว่างสะพานกับพื้นด้านล่าง ลักษณะของสะพานยังเป็นรูปโค้งคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว เชื่อมยอดเขาสูง 700 เมตร 2 ลูกเข้าด้วยกัน โดยสะพานยักษ์นี้ยาวถึง 82 เมตร รับน้ำหนักได้ 250 คนในครั้งเดียว ทำให้สามารถมองเห็นวิวทั้งป่าสวยและน้ำทะเลสีเขียวเข้มในมุมมอง 360 องศา
- สกายวอล์กรังนกอินทรี (Eagle’s Nest SkyWalk) : แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา Gunung Machinchang ที่ระดับความสูง 650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล โดยจำลองหัวนกอินทรีที่มองลงมา เป็นสกายวอล์กทางเดินลอยฟ้ายาวที่สุดในโลก มีโครงสร้างเป็นแพลตฟอร์มกระจกยื่นอิสระสูง 38 เมตร ซึ่งครั้งหนึ่งสามารถรองรับได้ประมาณ 300 คน หรือเทียบเท่ากับน้ำหนัก 21 ตัน โดยสกายวอล์กแห่งนี้เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2567 และมีค่าเข้าชม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ eaglesnestskywalk.com
-
Pantai Pasir Hitam หาดทรายดำ (Black Sand Beach) : หาดทรายที่มีความแปลกประหลาดไม่กี่แห่งของโลก โดยเนื้อทรายของหาดทรายดำนั้นมีความละเอียด แต่เม็ดทรายกลับเป็นสีดำ จึงทำให้หาดทรายดำแห่งนี้ไปพ้องกับตำนานของพระนางเลือดขาวพอดิบพอดี และว่ากันว่าหลังจากพระนางสิ้นพระชนม์ไปแล้ว หาดทรายจากสีขาวก็เปลี่ยนเป็นสีดำ โดยปัจจุบันหาดทรายดำแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ก็มีการกล่าวขานกันว่าหลังจากทำพิธีถอนคำสาปแล้วก็ทำให้เม็ดทรายสีดำเริ่มมีปริมาณลดลงกว่าแต่ก่อนมาก
- จัตุรัสนกอินทรี (Eagle Square) หรือ อนุสาวรีย์นกอินทรีย์ Dataran Lang : เป็นรูปปั้นนกอินทรีสีน้ำตาลแดงขนาดใหญ่ สูง 18 เมตร ในท่ากำลังจะสยายปีกโบยบินขึ้นไป ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะริมฝั่งทะเล ก่อนถึงท่าเรือ Jetty สัญลักษณ์ของลังกาวี และเป็นสิ่งที่แสดงที่มาของชื่อเกาะที่มาจากคำว่า เฮอลังกาวี แปลความได้ว่า นกอินทรีสีน้ำตาลแดง นับว่าเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชมความสวยงามของท้องทะเลเบื้องหน้าและมาถ่ายภาพกับประติมากรรมนกอินทรีตัวนี้
- สุสานพระนางมะห์สุหรี (Mahsuri's Tomb) : เป็นจุดที่มีความเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ฝังพระศพของพระนางมะห์สุหรี โดยภายในมีการจัดแสดงเรื่องราวของตำนานเรื่องนี้ให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจมาเข้าชมกัน โดยมีการจัดแสดงแบบจำลองเหตุการณ์ของตำนานเรื่องนี้ รวมทั้งมีการจำลองบ้านพักของพ่อแม่พระนางที่สร้างบริเวณจุดเดิมของบ้านหลังนี้อีกด้วย
- แกลเลอเรียเปอร์ดานา (Galeria Perdana) : เป็นสถานที่จัดแสดงของกำนัลจากนานาประเทศ สมัย ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีข้าวของแปลกตาและล้ำค่ามากมายจัดแสดงเอาไว้หลายห้อง ที่สะดุดตาอย่างมาก ได้แก่ บรรดารถโบราณ และรถแข่งเอฟวัน โดยทั้งหมดนั้นเป็นสมบัติของชาติเลยทีเดียว
- อุทยานธรรมชาติคิลิม (Kilim Karst Geoforest Park) : ได้ขึ้นทะเบียนยูเนสโกเป็นมรดกโลกแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติลังกาวี อีกหนึ่งสถานที่มหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของพืชและสัตว์หลากหลายชนิด รวมถึงชุมชนในท้องถิ่นที่อยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร ที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการท่องเที่ยวเชิงภูมิศาสตร์ที่ไม่ซ้ำกับที่อื่น ๆ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสธรรมชาติด้วยการนั่งเรือไปยังสถานที่ต่าง ๆ รอบสวน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ ด้วย
เกาะลังกาวี ไปช่วงไหนดี ?
การเดินทางไปเกาะลังกาวี จากประเทศไทย
(ปี 2019)
เกาะลังกาวี ในอดีตอาจจะเคยเป็นเกาะต้องคำสาปจากสตรีที่ถูกประหารด้วยความอยุติธรรม แต่หลังจากได้รับการถอนคำสาป ทำให้เกาะแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเรื่อย ๆ กลายเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซีย ถือเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวต่างประเทศที่อยู่ใกล้ประเทศไทยมาก น่าไปเที่ยวสุด ๆ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ เที่ยวลังกาวี เที่ยวมาเลเซียอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
+++ ฟินเว่อร์ ! เดินทอดน่อง ณ สะพานลังกาวีสกาย มาเลเซีย
+++ เที่ยวมาเลเซีย 10 สถานที่ท่องเที่ยวน่าไปในมาเลเซีย
+++ กรี๊ดหนักมาก ! รถไฟหาดใหญ่-สิงคโปร์ จ่ายแค่หลักร้อยเท่านั้น