สตูล จังหวัดมากเสน่ห์ที่มีธรรมชาติงดงาม รวมถึงวิถีชีวิตผู้คนที่เป็นเอกลักษณ์ ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่หลายคนมักหลบไปชาร์จแบต เติมพลังใจให้กับตัวเอง และหากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวสตูลก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทะเล น้ำตก ถ้ำ พิพิธภัณฑ์ หรือชุมชนที่มีอัตลักษณ์งดงาม แต่วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ตะลอนทัวร์ไปดื่มด่ำกับท้องทะเลสวย ๆ ในจังหวัดสตูล ที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ไปดูกันว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง
1. เกาะตะรุเตา
เกาะสวยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ซึ่งนอกจากจะมีธรรมชาติงดงามแล้ว ยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของการเมืองไทย รวมถึงเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในอุทยาน และเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยาน บริเวณทางด้านทิศใต้ห่างจากเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เพียงแค่ 4.8 กิโลเมตรเท่านั้น บนเกาะมีจุดท่องเที่ยวมากมาย เช่น อ่าวพันเตมะละกา, อ่าวตะโละวาว, อ่าวสน, ถ้ำจระเข้, จุดชมวิวผาโต๊ะบู, อ่าวตะโละอุดัง, อ่าวเมาะและ และน้ำตกลูดู เป็นต้น โดยมีบ้านพักอุทยานและจุดกางเต็นท์บริการ
- อุทยานแห่งชาติตะรุเตา รวมมาทั้งประวัติ ที่พัก และการเดินทาง
2. เกาะหลีเป๊ะ
เกาะชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของไทย สำหรับ “เกาะหลีเป๊ะ” ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา มีพื้นที่เพียงแค่ราว ๆ 3 กิโลเมตร แต่มีความสวยงามอันดับต้น ๆ ของท้องทะเลอันดามัน เพราะหาดทรายขาวสะอาด เนียนละเอียด น้ำทะเลใสแจ๋ว มองเห็นแนวปะการังใต้ทะเลได้ลึกหลายเมตร บนเกาะมี 4 หาด ได้แก่ หาดพัทยา, หาดซันไรท์, หาดคาร์มา และหาดซันเซ็ท แต่ละหาดมีบรรยากาศและความสวยงามที่แตกต่างกันไป อีกทั้งยังครบครันทั้งที่พัก ร้านค้า และร้านอาหาร ทั้งนี้ ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการเที่ยวคือเดือนพฤศจิกายน-เมษายน แต่ใช่ว่าหน้าฝนจะเที่ยวหลีเป๊ะไม่ได้ ดีเสียอีก เพราะที่พักจะมีราคาถูกลง และหากยังไม่มีมรสุมมากมาย นักท่องเที่ยวก็ยังสามารถดำน้ำดูปะการังสวย ๆ ได้เช่นกัน (ควรเช็กสภาพอากาศก่อนเดินทาง)
- 15 เรื่องน่ารู้ก่อนเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ รู้ไว้จะได้เที่ยวเพลิน ๆ
3. เกาะไข่
เกาะกลางทะเลอันดามันมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม นั่นคือ "ซุ้มประตูหิน" ขนาดสูงใหญ่สามารถเดินลอดได้ โดยมีความเชื่อว่าหนุ่มสาวที่ได้ลอดผ่านซุ้มประตูหินนี้จะได้แต่งงานกัน ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ของทุกปี จังหวัดสตูลก็จะจัดให้มีการจดทะเบียนสมรสให้กับคู่บ่าวสาว ณ บริเวณซุ้มเกาะไข่อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีชายหาดที่สวยงาม สะอาดเหมือนสีของเปลือกไข่ น้ำทะเลใส อีกทั้งยังเป็นเกาะที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศ เพราะบริเวณชายหาดของเกาะมักจะมีเต่าทะเลชอบขึ้นมาวางไข่เสมอ โดยทางอุทยานไม่อนุญาตให้พักแรมบนเกาะ
4. เกาะอาดัง
5. เกาะราวี
เกาะที่มีหาดทรายเงียบสงบ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเกาะตะรุเตาและเกาะอาดัง เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ ต.ต. 6 (หาดทรายขาว) บนเกาะมีหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใส และบรรยากาศเงียบสงบ รวมถึงมีปะการังให้ดำน้ำชมรอบ ๆ ชายหาดด้วย
6. เกาะรอกลอย
เกาะสวยที่ได้ฉายาว่า “ทะเลหยกแห่งน่านน้ำตะรุเตา” เพราะมีหาดทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีมรกต ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เป็นเกาะเล็ก ๆ เงียบสงบ มีทัศนียภาพอันสวยงาม และมีแนวปะการังที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์อยู่ในระดับปานกลาง แต่มีข้อควรระวัง คือแนวปะการังในบริเวณนี้อยู่ใกล้ผิวน้ำมาก (ระดับความลึกจากผิวน้ำถึงพื้นทะเลเพียงแค่ 2-3 เมตร) อีกทั้งยังมีเม่นทะเลอาศัยอยู่เยอะ หากไม่ระมัดระวังอาจจะไปโดนหนามเม่นทะเล หรือขูดกับแนวปะการังทำให้ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาได้
7. เกาะหินงาม
แหล่งท่องเที่ยวขนาดเล็กทางทิศใต้ของเกาะอาดัง ที่มีความโดดเด่นบริเวณชายหาดที่เต็มไปด้วยหินสีดำกลมเกลี้ยง ซึ่งมีลวดลายสวยงาม ขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไป เมื่อโดนคลื่นซัดก้อนหินจะมีความมันวาว ส่วนบริเวณกลางเกาะจะมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้สีเขียว อีกทั้งยังมีความเชื่อเล่ากันว่าหินทุกก้อนมีคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา หากใครนำติดตัวไปจะเกิดหายนะ
8. เกาะหินซ้อน
เกาะหินเล็ก ๆ มีความสวยงามตรงที่ก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งซ้อนกัน 2 ก้อน โดยที่ไม่ล้มลงมา และรอบ ๆ เกาะยังเต็มไปด้วยปะการังอ่อนและปะการังแข็ง สามารถดำน้ำตื้นสัมผัสความงามได้ แต่ต้องระมัดระวังเพราะกระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยว
9. เกาะจาบัง
กองหินพ้นน้ำที่ตั้งอยู่ระหว่างเกาะอาดังและเกาะราวี หรือที่เรียกกันว่า “ร่องน้ำจาบัง” รอบ ๆ บริเวณถูกปกคลุมไปด้วยปะการังอ่อนสีชมพู สีม่วง สีแดง ไล่น้ำหนักอ่อนแก่อย่างสวยงาม เหมาะสำหรับการดำน้ำลึกและการดำน้ำตื้น
10. เกาะยาง
เกาะสวยที่เงียบสงบ ตั้งอยู่ถัดจากเกาะหินงามขึ้นมาทางเหนือ มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใส และมีปลาสวยงาม บริเวณรอบ ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยปะการังแข็ง เช่น ปะการังเขากวาง ปะการังผักกาด และปะการังรูปโต๊ะ เป็นต้น เหมาะสำหรับการดำน้ำตื้น
11. หมู่เกาะบุโหลน
12. เกาะลิดี
เกาะที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 2 เกาะ คือ เกาะลิดีใหญ่ และเกาะลิดีน้อย และมีเกาะเล็ก ๆ เสมือนบริวารตั้งอยู่ใกล้เคียงอีก 3-4 เกาะ บนเกาะมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ ทั้งหาดทราย, ป่าไม้บนภูเขา และป่าชายเลน มีหน้าผาและถ้ำเป็นที่อาศัยของนกนางแอ่น หาดทรายขาว และมีเวิ้งอ่าวยื่นเข้าไปในเกาะ เหมาะสำหรับเล่นน้ำทะเล รวมทั้งโขดหินที่มีรูปร่างประหลาดตามริมหาด และเมื่อน้ำลดสามารถเดินเที่ยวลัดเลาะไปตามชายหาดและเขาหินเล็ก ๆ ได้
13. เกาะเขาใหญ่
เกาะหินปูนกลางทะเล ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และอยู่ห่างจากท่าเรือปากบารา เพียงแค่ 3-5 กิโลเมตรเท่านั้น ความพิเศษคือเวลาที่น้ำลดจะสามารถลอดช่องหินเข้าไปชมความสวยงามของ "ปราสาทหินพันยอด" สิ่งอัศจรรย์สุดอันซีนที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นจากการกัดเซาะหินของน้ำฝน จนกลายเป็นแท่งหินแหลมรูปร่างสวยงามแปลกตาคล้ายกับบนปราสาทในเทพนิยาย อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ธรณีวิทยา มีการพบฟอสซิลอายุมากกว่า 480 ล้านปี ชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียงและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงสนับสนุนการท่องเที่ยวให้เป็นไปในลักษณะเชิงอนุรักษ์ ปัจจุบันเกาะเขาใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีโลกสตูล โดยองค์การยูเนสโก (Satun UNESCO Global Geopark) ถือว่าเป็นแหล่งธรณีวิทยาแห่งแรกของเมืองไทยที่ก้าวไปสู่แหล่งธรณีวิทยาโลก
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรากำหนดให้มีการปิดเกาะเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว และหลีกเลี่ยงอันตรายจากคลื่นลมแรง ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม - 15 ตุลาคม ของทุกปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ปราสาทหินพันยอด การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก จังหวัดสตูล
- เกาะเขาใหญ่ สตูล ชมความงามปราสาทหินพันยอดกลางทะเล
14. หมู่เกาะสาหร่าย
หมู่เกาะที่ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือเจ๊ะบิลัง อำเภอเมืองสตูล ประมาณ 12 กิโลเมตร มีเรือโดยสารไปที่เกาะสาหร่ายใหญ่ตลอดทั้งวัน หากใครที่ชอบบรรยากาศเงียบสงบของหมู่บ้านริมทะเล ต้องไม่พลาดที่จะมาเยือนที่นี่ เพราะบนเกาะมีเฉพาะชาวบ้านซึ่งเป็นชาวมุสลิมอาศัยอยู่เท่านั้น ยังไม่มีสิ่งบันเทิงใด ๆ มากนัก เหมาะแก่การพักผ่อน อีกทั้งยังสามารถชมพะยูน ซึ่งเป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ได้บนเกาะแห่งนี้
15. สันหลังมังกรตันหยงโป
สถานที่ท่องเที่ยวอันซีนของจังหวัดสตูล ตั้งอยู่กลางทะเลอันดามัน ถึงจะไม่ใช่เกาะโดยตรงแต่จะไปเยี่ยมชมได้เฉพาะยามน้ำลงเท่านั้น โดยต้องขึ้นเรือจากท่าเรือบ้านบากันเคย ตำบลตันหยงโป มีบ้านชุมชนบากันเคยนำเรือหางยาวมาคอยให้บริการทุกวัน ใช้เวลาเดินทางเพียง 20-30 นาที จุดเด่นคือในช่วงที่น้ำลดจะเห็นน้ำแยกออกจากกันทั้งสองฝั่ง บริเวณสันทรายจะเป็นเปลือกหอยเล็ก ๆ นับล้านล้านตัวที่ถูกคลื่นซัดมาทับถมกันเป็นระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร พอสะท้อนกับแสงแดดจึงกลายเป็นสีเหลืองทองสวยงามราวเกล็ดมังกร
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
satun.mots.go.th, park.dnp.go.th, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล Tarutao National Park, thai.tourismthailand.org, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา-Mu ko phetra national park,
thai.tourismthailand.org, park.dnp.go.th, satun.go.th