ที่เที่ยวเดือนตุลาคม 2567 อำลาสายฝน ต้อนรับลมหนาว ความสวยงามรอยต่อของฤดูกาล

          เดือนตุลาคม 2567 เที่ยวไหนดี ? แนะนำที่เที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ยลธรรมชาติสวยงาม และงานประเพณีสำคัญจากทั่วไทย
         เดือนตุลาคม เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ของประเทศไทย อากาศเริ่มเย็นลงและธรรมชาติเขียวขจีจากฝนที่เพิ่งผ่านพ้นไป ทำให้เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับทั้งภูเขา น้ำตก และทะเลได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการชมทะเลหมอกที่ภาคเหนือ การสัมผัสธรรมชาติและความสงบของเกาะแก่งในภาคใต้ หรืองานเทศกาลประเพณีท้องถิ่นต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในหลายจังหวัด ทั้งเทศกาลถือศีลกินผัก (กินเจ 2567) เทศกาลออกพรรษา 2567 และเทศกาลต่าง ๆ ในช่วงวันออกพรรษา สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเดือนตุลาคม เรามีตัวอย่าง ที่เที่ยวเดือนตุลาคม 2567 มาฝากกัน

ที่เที่ยวเดือนตุลาคม 2567

มัดรวมเทศกาลและประเพณีเดือนตุลาคม 2567

เทศกาลกินเจ 2567

           ในปี 2567 เทศกาลกินเจตรงกับวันที่ 3-11 ตุลาคม รวมเป็นเวลา 9 วัน หลายที่ในหลายจังหวัดจะมีการจัดงานเทศกาลกินเจ พร้อมทั้งมีกิจกรรมออกร้านอาหารเจมากมาย โดยเฉพาะในย่านเยาวราช กรุงเทพฯ หรือตามต่างจังหวัด เช่น นครสวรรค์ ภูเก็ต หรือสงขลา
เทศกาลกินเจ 2567

ภาพจาก : Quality Stock Arts / Shutterstock.com

เทศกาลออกพรรษา 2567

           วันออกพรรษา ถือเป็นวันสิ้นสุดการจำพรรษา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันที่พ้นจากข้อกำหนดทางพระวินัยในช่วงฤดูฝนนั่นเอง โดยวันออกพรรษา 2567 ตรงกับวันที่ 17 ตุลาคม หลายวัดในประเทศไทยก็มีการจัดงานบุญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญตักบาตรเทโว การเทศน์มหาชาติ และประเพณีถวายผ้ากฐินทาน เป็นต้น
เทศกาลออกพรรษา 2567

          นอกจากประเพณีตักบาตรเทโวแล้ว ในช่วงวันออกพรรษายังมีงานประเพณีต่าง ๆ อีกมากมาย แต่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
 

งานออกพรรษา 2567 ทั่วไทย เที่ยวและได้บุญแบบอิ่มใจ

สถานที่ท่องเที่ยวเดือนตุลาคม 2567

1. วัดเสาธงทอง จังหวัดนนทบุรี

           ชวนไหว้พระใกล้กรุงเทพฯ สักการะพระประธานเก่าแก่ปางมารวิชัยของนนทบุรี วัดเสาธงทอง เดิมชื่อว่า วัดสวนหมาก เพราะมีต้นหมากขึ้นอยู่โดยรอบ เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยคนมอญที่มาอาศัยอยู่ในช่วงกรุงศรีอยุธยา และเรียกวัดนี้ว่า เพี๊ยะอะล้าด ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น วัดเสาธงทอง ในช่วงปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพราะมีการสร้างเสาหงส์หลายต้นเรียงรายอยู่หน้าวัด แต่ปัจจุบันได้มีการรื้อถอนออกไปแล้ว จุดเด่นของวัดนี้คือ เจดีย์เก่าแก่เป็นศิลปะสมัยอยุธยา ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีเจดีย์องค์เล็กเป็นเจดีย์ บริวารโดยรอบอีก 2 ชั้น ด้านข้างโบสถ์มีเจดีย์องค์ใหญ่อีก 2 องค์ นอกจากนี้ยังมีต้นยางใหญ่อายุ 200 ปี ตั้งอยู่ด้านหน้าโบสถ์ และข้าง ๆ กันยังมีศาลสองกุมารผมจุก ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้าน ขอโชคขอลาภอะไรก็ได้สมดังความปรารถนา จนมีคนเอาน้ำแดงมาถวายเป็นประจำ
เจดีย์เก่าแก่ วัดเสาธงทอง จังหวัดนนทบุรี

2. สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี

           กระแสไวรัลของเจ้า หมูเด้ง ยังคงไม่สร่างซา ยิ่งดีดเด้งก็ยิ่งโด่งดัง มีผู้คนแห่แหนกันไปดูความเด้งดึ๋งของเจ้าก้อนอย่างล้นหลาม จนล่าสุดทำรายได้เข้าสวนสัตว์เปิดเขาเขียวถล่มทลาย สำหรับสวนสัตว์เปิดเขาเขียวนั้นตั้งอยู่ที่ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ และมีสัตว์ในความดูแลกว่า 300 ชนิด มากถึง 3,000 ตัว ทั้งสัตว์ในไทยและจากต่างประเทศ โดยมีภารกิจสำคัญทั้งอนุรักษ์ วิจัย และขยายพันธุ์ รวมถึงให้การศึกษาในทุกระดับ การบริหารพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ และกิจกรรมต่าง ๆ ด้วย ที่สำคัญสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพราะที่นี่มี Night Safari อีกต่างหาก
หมูเด้ง กับแม่โจน่า ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ชลบุรี

ภาพจาก : Chaiwat Subprasom / Shutterstock.com

3. จุดชมวิวกิ่วงวงช้าง จังหวัดกำแพงเพชร

            เมื่อพูดถึงน้ำตกชื่อดังในจังหวัดกำแพงเพชร หลายคนก็มักจะนึกถึง น้ำตกคลองลาน ที่อุทยานแห่งชาติคลองลาน แต่รู้หรือไม่ว่าที่อุทยานแห่งนี้ยังมีอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวน้ำตกคลองลานได้เต็มสายตา นั่นคือ จุดชมวิวกิ่วงวงช้าง ส่วนหนึ่งของเส้นทางเดินป่าเขาหัวช้าง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
จุดชมวิวกิ่วงวงช้าง อุทยานแห่งชาติคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร

          ช่วงที่ 1 เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่จะนำไปสู่จุดชมทิวทัศน์กิ่วงวงช้าง มีระยะทางประมาณ 735 เมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ตลอดเส้นทางค่อนข้างลาดชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะ 100 เมตร สู่บริเวณยอดปลายงวงช้าง ก่อนจะลาดลงสู่บริเวณกิ่วงวงช้าง ซึ่งเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ขึ้นและตกในจุดเดียวกัน และยังเป็นจุดชมความสวยงามของน้ำตกคลองลานในอีกมุมมองหนึ่ง

         ช่วงที่ 2 เป็นเส้นทางเดินป่าไปยังยอดเขาหัวช้าง มีระยะทางต่อจากช่วงแรกประมาณ 700 เมตร โดยต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง ทั้งนี้ เส้นทางนี้ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว เพราะบางระยะเป็นทางเดินขึ้นตามสันเขา เสี่ยงที่จะพลัดตกลงมา ห้ามเดินออกนอกเส้นทางโดยเด็ดขาด และหากต้องการขึ้นชมในช่วงเวลาแสงน้อยในตอนเช้ามืดหรือพลบค่ำ ควรประสานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเพื่อความปลอดภัย

4. น้ำตกผาร่มเย็น จังหวัดอุทัยธานี

           น้ำตกผาร่มเย็น ตั้งอยู่ที่บ้านใหม่ร่มเย็น อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี สายน้ำสีขาวที่ทิ้งตัวลงมาจากป่าทึบสู่เบื้องล่างคือภาพความงดงามจากธรรมชาติที่สามารถดื่มด่ำได้จากริมถนน ซึ่งความชุ่มฉ่ำของน้ำตกผาร่มเย็นแห่งนี้เกิดจากสายน้ำที่ไหลลงมาเป็นม่านบาง ๆ ดูคล้ายฝนโปรยลงมา ตามหน้าผาดินเขียวครึ้มด้วยมอสส์เฟิร์นที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นท่ามกลางผืนป่าบริสุทธิ์ให้ความสดชื่น การเดินทางไปยังน้ำตกผาร่มเย็น ให้ตั้งต้นที่บ้านใหม่ร่มเย็น ขับรถเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นจะถึงจุดจอดรถ และให้เดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงน้ำตก แนะนำให้ไปเป็นหมู่คณะ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ให้มีคนนำทางพาเข้าไป เพราะระหว่างทางค่อนข้างเปลี่ยวและเดินทางลำบากเล็กน้อย ควรมีผู้เชี่ยวชาญคอยนำทาง
น้ำตกผาร่มเย็น จังหวัดอุทัยธานี

5. น้ำตกตาดดาว จังหวัดสุโขทัย

           น้ำตกตาดดาว ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามขนาดใหญ่ สูง 70 เมตร ไหลลงมาจากโขดหินสูง สายน้ำกระเซ็นสะท้อนแสงแดดระยิบระยับคล้ายประกายดาว มีต้นน้ำเกิดจากลำห้วยแม่ท่าแพไหลตกลงมาจากหน้าผากว้างในลักษณะ 2 สาย มีแอ่งน้ำขนาดเล็กด้านหน้าลงเล่นได้ ตลอดเส้นทางการเดินทางสามารถเดินชมสภาพป่าธรรมชาติอื่น ๆ ได้อีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวขาลุยที่อยากจะบุกป่าฝ่าดงไปสัมผัสให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง ต้องเดินเท้าเข้าไปเป็นระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร ใช้เวลารวมไป-กลับประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งระหว่างทางต้องเดินข้ามลำธาร เลาะไหล่เขา ผ่านป่าเบญจพรรณที่มีความอุดมสมบูรณ์
น้ำตกตาดดาว จังหวัดสุโขทัย

          นอกจากการเดินป่าเที่ยวชมน้ำตกตาดดาวแล้ว ที่อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น น้ำตกห้วยทรายขาว ถ้ำธาราวสันต์ ชมหินงอก-หินย้อย ผาซ่อนกิ๊ก จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น วังมัจฉา หรือจะมานอนบ้านพัก กางเต็นท์นอนริมห้วย เข้าค่ายพักแรมก็ได้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่สะดวกเดินป่าก็สามารถแวะชมวิวและเล่นน้ำได้ที่น้ำตกตาดเดือน ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้กัน

6. น้ำตกตาดปลากั้ง จังหวัดพิษณุโลก

           น้ำตกตาดปลากั้ง ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำจวง หมู่ 13 ตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ชาวไทยภูเขาเผ่าม้งในหมู่บ้านค้นพบว่าซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขาสลับซับซ้อน แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติดิบ ๆ เดิม ๆ ติดกับ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยง-ภูทอง มีต้นน้ำจากป่าเขาในบ้านน้ำจวงและบ้านน้ำคับไหลรินผ่านหน้าผาชั้นหินลดหลั่นกันลงมา เกิดเป็นสายน้ำที่มีมากกว่า 7 สาย ไฮไลต์ของน้ำตกแห่งนี้คือมีน้ำตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่สวยที่สุดคงหนีไม่พ้นช่วงหน้าฝน ที่ถ้าไปในช่วงเช้า ยามที่น้ำไหลลงมากระทบกับแอ่งน้ำจนเกิดเป็นละอองกระทบกับแสงแดดในยามเช้า ก็อาจจะโชคดีได้เห็นรุ้งกินน้ำด้วย
น้ำตกตาดปลากั้ง จังหวัดพิษณุโลก

          การเดินทางไปยังน้ำตกตาดปลากั้ง บอกเลยว่าโดนใจสายแอดเวนเจอร์อย่างแน่นอน เพราะต้องเดินทางด้วยรถปิกอัพยกสูง หรือรถมอเตอร์ไซค์วิบากเท่านั้น เนื่องจากเส้นทางสัญจรเป็นทางดิน ลื่นและชัน โดยขับออกจากหมู่บ้านน้ำจวงใช้เวลาเพียง 5 นาที ก็จะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยง-ภูทอง จากนั้นเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 15 นาที ผ่านป่าเข้าไปอีกนิดหน่อยก็เจอกับความงดงามอลังการของน้ำตกตาดปลากั้งแล้ว

7. เทศกาลโคมแสนดวงลำพูน จังหวัดลำพูน

          เทศกาลโคมแสนดวง เมืองลำพูน เป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร วัดเก่าแก่คู่จังหวัดลำพูน มีอายุมากกว่าพันปี เป็นการประดับประดาโคมไฟหลากสีสันนับแสนดวงในช่วงปลายปี ใกล้เทศกาลลอยกระทง หรือเทศกาลยี่เป็ง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุเจ้าหริภุญชัย และถวายเพื่อสักการะพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งเมืองลำพูน ตามความเชื่อของชาวล้านนา โดยในปี 2567 จังหวัดลำพูนได้เชิญชวนผู้คนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยว สวมชุดพื้นเมืองไปแขวนโคมสไตล์ตะตอนยอน ในงานเทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูน ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน - 15 พฤศจิกายน 2565 ณ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร และอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี เมืองลำพูน
เทศกาลโคมแสนดวงลำพูน จังหวัดลำพูน

กำหนดการงานเทศกาลโคมแสนดวงลำพูน จังหวัดลำพูน

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน

8. วัดพุทธบาทสุทธาวาส (วัดพระบาทปู่ผาแดง) จังหวัดลำปาง

           วัดพุทธบาทสุทธาวาส ตั้งอยู่ที่หมู่ 7 บ้านทุ่งทอง ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เดิมมีชื่อว่า วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ (วัดพระบาทปู่ผาแดง) หรืออีกชื่อที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า ดอยปู่ยักษ์ (ดอยพระบาทปู่ผาแดง) อยู่ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท มีทัศนียภาพที่งดงาม ภายในวัดมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าจารึกไว้บนแผ่นหินขนาดใหญ่ วัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ด้านล่าง เป็นที่พักของพระสงฆ์ มีศาลาสวดมนต์ อุโบสถ เจดีย์องค์ใหญ่ที่ภายในประดิษฐานพระประธาน 4 ทิศ ศาลาชมวิว และเรือนพักรับรอง เป็นต้น ส่วนด้านบน มีเจดีย์เล็ก ๆ สีขาวหลายองค์ตั้งเรียงรายอยู่บนยอดเขา และยังสามารถชมทัศนียภาพของเมืองแจ้ห่มและบริเวณโดยรอบได้ สำหรับการเดินทางขึ้นไปนมัสการเจดีย์ด้านบนจะต้องนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อของชาวบ้านเท่านั้น เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างลาดชัน จากนั้นจะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกประมาณ 800 เมตร
วัดพุทธบาทสุทธาวาส (วัดพระบาทปู่ผาแดง) จังหวัดลำปาง

9. วัดอรัญญวาส จังหวัดเชียงใหม่

           วัดอรัญญวาส หรือ วัดบ้านปง ตั้งอยู่ที่บ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยคำว่า ปง หมายถึง ที่ริมฝั่งน้ำหรือที่ลุ่มน้ำขัง ซึ่งบริเวณนี้จะมีลักษณะเป็นแอ่งหรือปลักรอบริมน้ำ ทำให้มีเกลือแร่ที่สัตว์ต่าง ๆ มาหากินนั่นเอง วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยพระครูบาจินนา เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2386 มีไฮไลต์ที่ขึ้นชื่อเป็น Unseen คือ พระธาตุเจดีย์ศรีเมืองปง โลหะปราสาทแห่งที่ 2 ของไทย และแห่งที่ 4 ของโลก อีกทั้งยังเป็นโลหะปราสาทล้านนาหลังแรกของโลกด้วย เป็นปราสาทที่ตกแต่งด้วยสีขาวตัดกับสีของโลหะดูสวยงามอลังการ ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 15 ปี​ ภายในเจดีย์ยังมีพระบรม​สา​รี​ริก​ธาตุ​ให้ผู้คนสามารถเข้าไปกราบไหว้ได้
พระธาตุเจดีย์ศรีเมืองปง วัดอรัญญวาส จังหวัดเชียงใหม่

10. วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง จังหวัดเลย

           สมเด็จภูเรือมิ่งเมือง ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย เดิมมีชื่อว่า วัดพระกริ่งปวเรศ เป็นวัดสวยตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลแห่งขุนเขา ที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีพระราชทานเงินซื้อที่ดินสำหรับสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมา มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างประยุกต์ แต่ยังคงความวิจิตรงดงามและเข้ากับธรรมชาติโดยรอบได้เป็นอย่างดี ไฮไลต์คือโบสถ์วิหารที่สร้างขึ้นจากไม้สักทั้งหลัง ประกอบกับงานประติมากรรมแกะสลักไม้ที่มีความวิจิตรในทุกส่วน ด้านในเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธเจ้าไภสัชยาคุรุไวฑูรยประภาจอมแพทย์ (พระกริ่งปวเรศ) ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อีกทั้งยังมีพระนอนแกะสลักจากหินหยกจากเมียนมา รวมถึงรูปปั้นพญานาคที่แกะสลักจากหินแม่น้ำโขงอยู่บนหัวบันไดหน้าโบสถ์ด้วย
วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง จังหวัดเลย

11. จุดชมวิวหนองสมอ จังหวัดขอนแก่น

           จุดชมวิวหนองสมอ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลโนนคอม อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่มีวิวภูผาม่านทอดยาวตัดกับท้องฟ้าสีทองของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน ถือเป็นจุดสุดท้ายที่หลายคนเลือกปักหมุดของการเที่ยวภูผาม่านก่อนตะวันจะลับขอบฟ้าเสมอ โดย หนองสมอ เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถชมวิวภูผาม่านได้อย่างสวยงาม บางช่วงเวลาก็จะได้พบกับทุ่งหญ้าที่ออกดอกสีขาวบานเต็มทุ่ง ถ่ายรูปสวย ๆ กับวิวภูม่านผาที่ตั้งตระหง่านเป็นแบ็กกราวนด์ นอกจากนี้ยังมีสะพานไม้ทอดตัวยาวลงไปในน้ำ เรียกว่าหนองสมอ เป็นพื้นที่ที่หลายคนเลือกจะมาพักผ่อน อีกทั้งยังเป็นแหล่งจับสัตว์น้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนในพื้นที่มาอย่างช้านาน
จุดชมวิวหนองสมอ จังหวัดขอนแก่น

12. อ่างเก็บน้ำจรเข้มาก จังหวัดบุรีรัมย์

           อ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านบัว ตำบลเสม็ด และตำบลสะแกโพรง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ มีพื้นที่ขนาด 3,876 ไร่ เป็นชลประทานที่เก็บน้ำขนาดใหญ่ของจังหวัด นอกจากจะเป็นที่เก็บน้ำและคอยกระจายน้ำเข้าสู่แหล่งชุมชนในบริเวณนั้นแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยนกนานาชนิด รวมถึงนกกระเรียนพันธ์ุไทยที่หาดูได้ในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถูกยกเป็นสัญลักษณ์สำคัญจนมีการปั้นรูปปั้นนกกระเรียนอีกด้วย
รูปปั้นนกกระเรียนพันธ์ไทย หน้าอ่างเก็บน้ำจรเข้มาก จังหวัดบุรีรัมย์

ภาพจาก : Kittipong Chararoj / Shutterstock.com

           ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงดงามทางธรรมชาติ เนื่องจากบรรยากาศอันร่มรื่นจากต้นไม้จำนวนมาก จึงเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมไปนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจตอนกลางวัน คล้ายสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยออกซิเจนจากต้นไม้ และลมเย็นสบายจากห้วยจรเข้มากที่พัดเอาความเย็นมาปะทะกาย โดยช่วงเวลาที่ผู้คนนิยมไปมากที่สุดคือประมาณ 4-5 โมงเย็น ที่แสงอาทิตย์กำลังสวย ถ่ายรูปออกมาได้ฟีลราวกับอยู่ต่างประเทศเลยทีเดียว นอกจากนี้ในช่วงเย็นไปจนถึงค่ำ ประมาณ 16.00-21.00 น. ของวันศุกร์-อาทิตย์ จะมีถนนคนเดินที่ขนเอาสินค้าของกินมากมาย รวมถึงสินค้าของดี OTOP จากชุมชนที่นำมาขายสร้างรายต่อชุมชน บริเวณที่ตั้งตลาดกว้างขวางจนสามารถเดินจับจ่ายได้อย่างจุใจเลย

13. พิพิธภัณฑ์ปลาหิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

           พิพิธภัณฑ์ปลาหิน ตั้งอยู่ที่ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกิดจากแรงบันดาลใจของ นายกิตติ สินอุดม อดีตไต้ก๋งเรือที่ผูกพันกับปลาและสัตว์น้ำทะเลมาช้านาน จึงได้คิดค้นและทดลองนำก้อนหินมาแกะสลักเป็นรูปปลาและสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ จัดอย่างเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะของท้องทะเล เพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้และร่วมกันอนุรักษ์ปลาในท้องทะเลที่ถูกคุกคามจากการทำประมงอย่างผิดกฎหมาย และให้เห็นตัวอย่างปลาทะเลที่สูญพันธุ์และกำลังจะสูญพันธุ์ โดยภายในพิพิธภัณฑ์ปลาหินจะมีการจัดแสดงปลาหินไว้ทั่วบริเวณ แบ่งจัดวางเป็นกลุ่ม ๆ เช่น กลุ่มปลาน้ำจืด กลุ่มปลาทะเล กลุ่มปลาเล็กปลาน้อยตามปะการัง และสัตว์น้ำทะเลอื่น ๆ เช่น กุ้ง หอย ปู ม้าน้ำ หมึก กุ้งมังกร แมงดาทะเล ปลากระเบน กบ จระเข้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางทะเลจากกลุ่มแม่บ้านบางน้ำจืดด้วย
พิพิธภัณฑ์ปลาหิน ดอนสัก สุราษฎร์ธานี

ภาพจาก : icosha / Shutterstock.com

14. วังเทพทาโร จังหวัดตรัง

          วังเทพทาโร ตั้งอยู่ที่ตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ก่อตั้งโดย นายจรูญ แก้วละเอียด ศิลปินพื้นบ้าน มีเนื้อที่กว่า 25 ไร่ แหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรและเป็นพื้นที่สำหรับปลูกต้นเทพทาโร ซึ่งเป็นพรรณไม้ท้องถิ่นหายากในภาคใต้ โดยเทพทาโรนั้นจะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ภาคใต้เรียกกันว่า จวง หรือ จวงหอม เป็นไม้มงคลที่สามารถนำมาใช้ทำประโยชน์ได้หลายส่วน อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมคล้ายการบูร สามารถนำมาใช้ปรุงอาหารและทำยาได้ ภายในวังเทพทาโรจะมีการตกแต่งรอบ ๆ โดยการนำไม้เทพทาโรมาดัดแปลงเป็นมังกรขนาดใหญ่และเล็ก รวมแล้วกว่า 89 ตัว นอกจากนี้ยังมีฐานเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การทำธูปหอมเทพทาโร จำหน่ายของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์โอทอปจากไม้เทพทาโรอีกด้วย
วังเทพทาโร จังหวัดตรัง

ภาพจาก : icosha / Shutterstock.com

15. บ่อน้ำร้อนเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง

          บ่อน้ำร้อนเขาชัยสน ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาชัยสน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง มีไฮไลต์คือ น้ำพุร้อนจากแอ่งติดเชิงเขาเขาชัยสน ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อุณหภูมิความร้อนอยู่ที่ 60 องศาเซลเซียส โดยชาวบ้านเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำร้อนศักดิ์สิทธิ์ สามารถช่วยบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บได้ ใกล้ ๆ กันยังมีธารน้ำเย็นใส ๆ ไหลจากถ้ำ อยู่ห่างจากถ้ำน้ำร้อนประมาณ 500 เมตร

          นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่ แบ่งเป็นบ่อแช่เท้า บ่อแช่มือ ที่เป็นพื้นที่สาธารณะใครก็สามารถลงแช่ได้ แต่ถ้าใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อยก็สามารถใช้บริการห้องอาบน้ำหรือบ่อแช่น้ำร้อน โดยจะมีทั้งแบบส่วนตัวและแบบครอบครัว หรือจะมานอนพักสักคืนที่นี่เขาก็มีบริการบ้านพักให้ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงบริการสปาแผนไทย นวดฝ่าเท้า นวดผ่อนคลาย และร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ระลึกให้เลือกซื้อ 

บ่อน้ำร้อนเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง

           การท่องเที่ยวในเดือนตุลาคม ไม่เพียงแต่ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่งดงาม แต่ยังสามารถเข้าร่วมงานประเพณีและเทศกาลท้องถิ่นที่จัดขึ้นทั่วประเทศได้อีกด้วย ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การพักผ่อนและผจญภัยไปกับความงามของประเทศไทยในช่วงปลายฝนต้นหนาวมาก ๆ เลย
 

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

บทความ สถานที่ท่องเที่ยว ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเกร็ด, เฟซบุ๊ก สวนสัตว์เปิดเขาเขียว Khao Kheow Open Zoo, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติคลองลาน - Khlong Lan National Park, เฟซบุ๊ก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุทัยธานี, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย Srisatchanalai National Park, เฟซบุ๊ก วิสาหกิจเกษตรยั่งยืนท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ บ้านน้ำจวง, เฟซบุ๊ก วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน, เฟซบุ๊ก วัดพุทธบาทสุทธาวาส อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง, เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานเชียงใหม่ - TAT Chiang Mai, เฟซบุ๊ก วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง ภูเรือ จังหวัดเลย, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน - Phuphaman National Park, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดบุรีรัมย์, เฟซบุ๊ก พิพิธภัณฑ์ปลาหิน, trangrover.com, สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ที่เที่ยวเดือนตุลาคม 2567 อำลาสายฝน ต้อนรับลมหนาว ความสวยงามรอยต่อของฤดูกาล อัปเดตล่าสุด 8 ตุลาคม 2567 เวลา 15:08:04 25,483 อ่าน
TOP
x close