พาเที่ยวอุบลราชธานี เมืองดอกบัวงามที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามมากมาย ทั้งทางธรรมชาติ วัดเก่าแก่ และวิถีชุมชนที่น่าสนใจ
การได้ออกเดินทางท่องเที่ยว เสพธรรมชาติสวย ๆ เพลิดเพลินกับทัศนียภาพสองข้างทาง คือกิจกรรมที่หลายคนเลือกในการพักผ่อนหรือฮีลใจตัวเอง วันนี้เราเลยหยิบเอาอีกหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวฝั่งอีสานใต้ กับทริปตะลอน ที่เที่ยวอุบลราชธานี ฉบับปี 2567 จากการชักชวนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำเที่ยวโดย ททท.สำนักงานอุบลราชธานี โดยเริ่มกันที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี ไปสักการะ ศาลหลักเมืองอุบลราชธานี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ขอพรเสริมสิริมงคลและให้การเดินทางราบรื่น ก่อนจะไปเยือน …
1. วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง
วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอุบลราชธานีที่มีฐานะเป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่บนถนนสรรพสิทธิ์ อำเภอเมืองอุบลราชธานี ห่างจากทุ่งศรีเมืองประมาณ 2 กิโลเมตร เดิมชื่อ วัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ หรือมักเรียกกันว่า วัดป่าใหญ่ ภายในวัดกว้างขวาง บรรยากาศคึกคักเพราะมีพุทธศาสนิกชนมากหน้าหลายตาเดินทางเข้า-ออกพระวิหารหลังใหญ่ ที่หลังคาถูกประดับด้วยกระเบื้องเคลือบมุกงดงาม เพื่อไปสักการะปูชนียวัตถุที่สำคัญก็คือ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง พระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะศิลปะแบบลาว หน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตร สูงจากเรือนแท่นถึงเปลวพระโมลี 5 เมตร ก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทอง นิยมไปไหว้ขอพรในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่การงาน เสริมบารมี และมีอำนาจวาสนา
คำบูชาพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
ตั้งนะโม 3 จบ
อิเมหิ นานาสักกาเรหิ อภิปูชิเตหิ ฑีฆายุโก
โหมิ อโรโค สุขโต
สิทธิกัจจัง สิทธิกัมมัง ปิยัง มะมะ ประสิทธิลาโภ ชโย โหตุ สัพพะทา
อินทะพุทธะรูปัง อภิปาเลตุ มัง นะโมพุทธายะ
ศรีสวัสดีเจริญสุข สารพัดทุกข์ให้เหือดหาย ลาโภอย่าขาดสาย นิรันตะรัง ประสิทธิเม
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ กายวาจาจิตประสิทธิเม
นอกจากนี้ภายใน วัดมหาวนาราม พระอารามหลวง ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น พระประธานในพระอุโบสถ และท้าวเวสสุวรรณ เป็นต้น รวมถึงช่วงวันเข้าพรรษาจะมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นแหล่งเรียนรู้การทำเทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์ ในงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี หากไปช่วงเวลาดังกล่าวสามารถไปชมกันได้
2. วัดศรีประดู่
วัดที่ชาวบ้านดู่ร่วมแรงร่วมใจสร้างขึ้น ตั้งอยู่บนถนนสรรพสิทธิ์ อำเภอเมืองอุบลราชธานี ไม่ไกลจากวัดมหาวนาราม พระอารามหลวง โดยสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 เดิมตั้งเป็นสำนักสงฆ์ชื่อว่า ศรีประดู่ทรงธรรม ต่อมาได้ประกาศให้เป็นวัดเมื่อปี พ.ศ. 2518 และเปลี่ยนเป็นชื่อ วัดศรีประดู่ ก่อนจะได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2519 ภายในบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ สิ่งที่โดดเด่นของที่นี่คือ ศาลาการเปรียญ ที่เป็นงานสถาปัตยกรรมผสมระหว่างจีน ยุโรป และความเชื่อของพราหมณ์ ภายในตกแต่งด้วยงานจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม
ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งเรียนรู้ชุมชนคนทำเทียน ในงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างวัดกับชุมชนได้เป็นอย่างดี ช่วงที่มีการจัดงานสามารถไปชมความงดงามและร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ทำเทียน หรือแกะเทียนออกจากพิมพ์ เป็นต้น ทั้งนี้ วัดศรีประดู่ ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทติดพิมพ์ขนาดใหญ่ ในการประกวดต้นเทียนพรรษา งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2567
3. วัดพระธาตุหนองบัว
วัดสวยที่ตั้งอยู่บนถนนธรรมวิถี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี ไม่ไกลจากสวนสาธารณะหนองบัว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2498 สถาปัตยกรรมโดดเด่นที่เรามองเห็นแต่ไกลก็คือ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ หรือ พระธาตุหนองบัว โดยสร้างขึ้นปี พ.ศ. 2500 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนา โดยได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย มีประตูทางเข้าทั้ง 4 ด้าน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ จะเห็นได้ว่าอลังการและงดงามมาก ๆ ด้วยฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 17 เมตร สูง 56 เมตร แถมรอบองค์พระธาตุเป็นกำแพงแก้วทั้ง 4 มุม ประดิษฐานพระเจดีย์ขนาดเล็ก ภายในเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์
ใกล้กันมีรูปปั้นพญานาคราชสีรุ้ง 2 องค์ คือ ท่านปู่กริชกรกตนาคราช และ ท่านย่ากลีบมณีเกตุนาคิณี ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณด้านหน้าของพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ให้ได้กราบไหว้ขอพร ขอโชคลาภ บอกเลยว่าตลอดทั้งวันกลิ่นธูปควันเทียนไม่จาง บ่งบอกได้ถึงศรัทธาของผู้คนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ วัดพระธาตุหนองบัว ยังได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทแกะสลักขนาดใหญ่ ในการประกวดต้นเทียนพรรษา งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2567 อีกด้วย หากมีโอกาสอย่าพลาดไปชมความวิจิตรตระการตากันนะ
4. วัดผาสุการาม
วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในอำเภอวารินชำราบ เดิมเรียกว่า วัดบ้านดง ต่อมาปี พ.ศ. 2507 ได้เปลี่ยนชื่อใหม่มาเป็น วัดผาสุการาม และได้รับพระราชทานเป็นวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2510 ภายใน วัดผาสุการาม มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้สักการบูชา คือ พระเจ้าใหญ่พุทธไสยาสน์ พระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่มีพระพุทธลักษณะงดงาม ทรงไสยาสน์อยู่บนแท่นดอกบัวความยาว 18 เมตร กว้าง 3.50 เมตร สูง 1.08 เมตร ขนาดองค์จากยอดพระเกศถึงพื้นพระบาทยาว 17 เมตร สูงจากพระแท่นถึงยอดพระเกศ 3.70 เมตร ชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่กราบไหว้ของชาวอำเภอวารินชำราบ
คาถาสวดบูชาพระเจ้าใหญ่พุทธไสยาสน์
ตั้งนะโม 3 จบ
ยัสสานุสสะระเณนาปิ อันตะลิกเขปิ ปาณิโน
ปะติฎฐะมะธิ คัจฉันติ ภูมิยัง วิยะ สัพพะทา
สัพพูปัททะวะชาลัมหา ยักขะโจราทิ สัมภะวา
คะณะนานะ จะมุตตานัง ปะริตตันตัม ภะณามะ เหฯ
ทั้งนี้ ในช่วงวันเข้าพรรษาจะมีชาวบ้านมาร่วมแรงร่วมใจกันทำต้นเทียนพรรษาเข้าประกวดในงานประเพณีแห่เทียนพรรษาประจำปี ที่นี่จึงเป็นชุมชนคนทำเทียนที่เราได้เรียนรู้การทำต้นเทียนพรรษาประเภทแกะสลัก ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นตอนสุดท้าย
5. เส้นทางเดินชมธรรมชาติ เขื่อนสิรินธร
จุดเช็กอินวิวสวยในตำบลนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย อำเภอสิรินธร กับเส้นทางเดินชมธรรมชาติ (Nature Walkway) ณ เขื่อนสิรินธร ที่อยู่ในความดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับเส้นทางเดินความยาว 415 เมตร พาเราลัดเลาะไปตามต้นไม้นานาพรรณ มีลักษณะคล้ายกังหันลม ที่ตรงกลางจะเป็นวงกลมและมีแฉกพื้นกระจกใสยื่นออกไปอยู่หลายจุด สามารถชมวิวเขื่อนได้สุดลูกหูลูกตา รวมถึงแผงโซลาเซลล์ลอยน้ำขนาดใหญ่ ที่แผ่กระจายเป็นบริเวณกว้างของพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินไม่ควรพลาดนะ
6. วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
หนึ่งในแลนด์มาร์กของอำเภอสิรินธร สำหรับ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือที่เรียกกันว่า วัดเรืองแสง หรือ วัดภูพร้าว ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ก่อนถึงด่านพรมแดนช่องเม็กเพียง 3 กิโลเมตร ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกล โดยเป็นทั้งสถานที่ปฏิบัติธรรมที่บรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่
ไฮไลต์ที่ทำให้ใคร ๆ ก็อยากมาเยือนที่นี่สักครั้งก็คือ ชมงานประติมากรรมนูนต่ำรูปต้นกัลปพฤกษ์ ที่จะเรืองแสงเป็นสีเขียวอยู่บนผนังด้านหลังอุโบสถ มีต้นแบบมาจากวัดเชียงทอง หลวงพระบาง สปป.ลาว ภายในมีองค์พระพุทธชินราชเป็นองค์พระประธาน พุทธลักษณะงดงามยิ่ง ช่วงเวลาที่เหมาะในการชมต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงคือตั้งแต่เวลา 18.00-20.00 น. หรือช่วงหัวค่ำยามที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปสักพักใหญ่
7. น้ำตกแสงจันทร์
ภาพของสายน้ำหลั่งไหลตกลงรูหินขนาดใหญ่ที่ถูกรังสรรค์โดยธรรมชาติ คือแวบแรกที่พบเห็นเมื่อมาเยือน น้ำตกแสงจันทร์ หรือ น้ำตกลอดรู (น้ำตกลงรู) น้ำตกขนาดกะทัดรัดที่เกิดจากลำห้วยเล็ก ๆ บนลานหิน ไหลลอดผ่านหน้าผาหินที่มีลักษณะเป็นรูลงสู่แอ่งด้านล่าง ซึ่งแต่ละฤดูความงามก็จะแตกต่างกันไป ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนของจังหวัดอุบลราชธานีที่ไม่ควรพลาด ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งนาเมือง ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติผาแต้มประมาณ 40 กิโลเมตร
โดยรูหินดังกล่าวเกิดจากการถูกน้ำกัดเซาะ เนื่องจากทรายทนต่อการถูกกัดกร่อนน้อย การกำเนิดของน้ำตกจึงเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ลงตัวของหินทรายและสายน้ำ หากเดินทางมาชมในช่วงเที่ยงวัน เวลาที่แสงอาทิตย์ลอดผ่านช่องพอดีจะมองเห็นสายน้ำตกและละอองน้ำที่กระทบแสงอาทิตย์สวยเหมือนแสงของพระจันทร์เลยทีเดียว ลองไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองกันนะ
8. ผาโสก
อ่างจากุซซี่ธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เขตตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม โดย ผาโสก จะเป็นลานหินทรายที่ถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นร่องและแอ่งน้ำลึก สามารถลงแช่น้ำได้ แต่อาจจะหวาดเสียวเล็กน้อย บริเวณนี้มองเห็นวิวผืนป่าทางฝั่ง สปป.ลาว และแม่น้ำโขงที่คั่นกลางระหว่าง 2 พรมแดนได้อย่างสวยงาม
โดยการขึ้นไปเที่ยวยังผาโสกต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติผาแต้มก่อน ด้วยเส้นทางที่ขึ้นไปด้านบนค่อนข้างโหด ควรเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือจ้างรถท้องถิ่นที่ชำนาญเส้นทางไปน่าจะดีกว่า อีกทั้งระยะทางเพียง 7 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินทางถึงประมาณ 40-50 นาที บอกเลยว่านักผจญภัยสายลุยไม่ควรพลาด
9. เสาเฉลียง
ประติมากรรมทางธรรมชาติที่ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ก่อนถึงผาแต้มประมาณ 2 กิโลเมตร เกิดจากกระบวนการผุกร่อนที่เกิดขึ้นในชั้นหินเป็นเวลาหลายร้อยปี ซึ่งเมื่อกาลเวลาผ่าน กระแสน้ำ สายลม และแสงแดด จะค่อย ๆ กัดกร่อนลงลึกและขยายรอยแยกให้ใหญ่ขึ้น พัดพาเอาหินที่มีความคงทนน้อยกว่าออกไป เหลือไว้แต่เสาหินที่แข็งแกร่งให้เราเห็นในปัจจุบัน ด้วยรูปทรงที่แปลกตา มีลักษณะเป็นแท่งหินตั้งขนาดใหญ่ ความสูงประมาณ 20 เมตร รับน้ำหนักหินก้อนใหญ่ทรงแบนรูปทรงคล้ายดอกเห็ด หรือตามแต่จะจินตนาการได้เลย ใกล้ ๆ กันจะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ "แมกไม้ สายธาร ลานหินแตก" ให้ได้เที่ยวชมกันด้วย เดินชิล ๆ ชมธรรมชาติเพลิน ๆ
10. ผาแต้ม
ผาแต้ม ที่เที่ยวอุบลราชธานี ที่มีเรื่องราวของธรณีวิทยาและประวัติศาสตร์อันน่าสนใจ เป็นแหล่งที่พบภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์อายุราว 3,000-4,000 ปี ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม ตะวันออกสุดเขตประเทศไทย สถานที่ท่องเที่ยวที่เห็นดวงตะวันขึ้นและตกก่อนใครในสยาม อีกทั้งยังเป็นจุดชมทิวทัศน์แม่น้ำโขงไหลคดเคี้ยวผ่านถนนหนทางและบ้านเรือนริมสองฟากฝั่งไทย-สปป.ลาว โดยคำว่า แต้ม เป็นภาษาถิ่นดั้งเดิม หมายถึง รอยวาด ระบาย ประทับ หรือทำด้วยประการใด ๆ โดยใช้สีให้ปรากฏเป็นรูปภาพ เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ
สำหรับกลุ่มภาพเขียนกระจายอยู่ตามแนวเพิงผาทั้งสิ้น 4 กลุ่ม อยู่บริเวณหน้าผาหิน สามารถเดินชมความสวยงามทางธรรมชาติได้โดยรอบ มีระยะทาง 3-4 กิโลเมตร บางช่วงจะมีรอยต่อของหมวดหินภูพานและหมวดหินเสาขัวให้ได้ชมด้วย
- ภาพเขียนสีกลุ่มที่ 1 ผาขาม : จะพบภาพปลาขนาดใหญ่-เล็ก 4 ตัว ภาพช้าง 1 เชือก รูปโครงร่างสัตว์สี่เท้า 1 ตัว และลายเส้นทึบเขียนทับบนรูปตัวสัตว์เหล่านี้ตลอดแนว เป็นเส้นตั้งและเส้นเฉียง บางตอนก็เป็นเส้นนอนมาต่อกับเส้นแนวตั้ง เป็นต้น
- ภาพเขียนสีกลุ่มที่ 2 ผาแต้ม : จะพบภาพช้าง ภาพเต่า ภาพรอยฝ่ามือ ปลาบึก ปลากระเบน ตุ้ม (เครื่องมือจับปลา) เป็นต้น
- ภาพเขียนสีกลุ่มที่ 3 ผาหมอน : จะพบภาพกลุ่มสัตว์ วัว ควาย ภาพคนถืออาวุธคล้ายธนู อยู่ในทุ่งหญ้าหรือนาข้าว ภาพมือ และภาพลวดลายเรขาคณิต สะท้อนถึงการเป็นแหล่งชุมชนเกษตรกรรมเพาะปลูกข้าวเก่าแก่ของโลก
- ภาพเขียนสีกลุ่มที่ 4 ผาหมอนน้อย : จะพบภาพคนนุ่งกระโปรงยืนเท้าเอว ลักษณะการวาดแบบกิ่งไม้ ภาพสัญลักษณ์ ลวดลายเรขาคณิต และภาพฝ่ามือ กระจายอยู่ทั่วไป
สำหรับกลุ่มภาพเขียนที่ยาวและหลากหลายที่สุดคือ กลุ่มที่ 2 (ผาแต้ม) ยาวประมาณ 180 เมตร มีไม่น้อยกว่า 300 ภาพ ภาพที่เด่นจะเป็นภาพช้าง ภาพปลาบึก ภาพตุ้ม (เครื่องมือดักปลาทำจากไม้ไผ่สาน) ภาพสัตว์ป่า และภาพฝ่ามือ เป็นต้น ภาพเขียนเหล่านี้บอกเล่าถึงสิ่งที่เกี่ยวกับวิถีการดำเนินชีวิตและอารยธรรมของชุมชนลุ่มแม่น้ำโขงในยุคนั้น โดยได้จารึกไว้ที่ผาหินแห่งนี้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ชมและศึกษาหาความหมายที่น่าอัศจรรย์ของภาพเขียนแผ่นผาหินที่ชื่อว่า ผาแต้ม ทั้งนี้ ห้ามลงชมภาพเขียนสีหลังเวลา 17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติผาแต้ม Phataem National Park
11. วัดภูยอดรวย
ชวนไปสักการะพญางูใหญ่นาคราชองค์ดำ ณ วัดภูยอดรวย อำเภอศรีเมืองใหม่ วัดที่มีภูเขาล้อมรอบ บรรยากาศดี โดยต้องจอดรถไว้ด้านล่างและโดยสารรถของชาวบ้านขึ้นไปยังจุดไฮไลต์อย่างสถานที่ประดิษฐาน ปู่องค์ดำ หรือ พญางูใหญ่นาคราชองค์ดำ ที่สีดำสนิททั่วทั้งร่าง มี 5 เศียร ความยาว 40 เมตร อยู่ด้านล่างหน้าผาบริเวณถ้ำรอด ส่วนหางและส่วนหัวจะอยู่คนละฝั่งของทางเข้าและทางออกถ้ำ ส่วนลำตัวจะพาดผ่านไปกับผนังหิน มองดูแล้วเหมือนองค์พญานาคมีชีวิตจริง ๆ งดงามน่าเกรงขามมาก ๆ
คำบูชาปู่องค์ดำ
ตั้งนะโม 3 จบ
ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภังพญาองค์ดำ อะหัง วันทามิ
ข้าพเจ้าขอบูชาพญาองค์ดำ ด้วยเครื่องสักการะ ขอทรัพย์และลาภอันประเสริฐจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
นอกจากนี้ด้านล่างจะมีแอ่งน้ำขนาดเล็ก เชื่อกันว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่ถือเป็นแหล่งรวมคนที่มีความเชื่อและนับถือองค์พญานาคราช พากันเดินทางไปกราบไหว้ขอพรและประสบความสำเร็จกับคำกล่าวขอพรนั้น ๆ ใกล้ ๆ กันจะมีศาลาเปิดทรัพย์ ซึ่ง พระอาจารย์อุทัย อุตฺตโม เจ้าอาวาสวัดภูยอดรวย ท่านเมตตาเจิมหน้าผากและเขียนยันต์ใส่ฝ่ามือ เปิดโชครับทรัพย์และเสริมดวงรับโชคให้ด้วย (ความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณ) ทั้งนี้ บริเวณนี้จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ใด ๆ แนะนำให้เตรียมเงินสดติดตัวไปด้วย ทางวัดเปิดให้เข้าไหว้พญางูใหญ่นาคราชองค์ดำทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. (ห้ามเข้านอกเวลาโดยเด็ดขาด) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก วัดภูยอดรวย พระอาจารย์อุทัย อุตฺตโม
และนี่เป็นที่เที่ยวอุบลราชธานีเพียงไม่กี่แห่งที่เรานำมาฝากกัน เอาเป็นว่าหากมีโอกาสไปเยือนก็เลือกปักหมุดสักที่แล้วไปสัมผัสกับความงามเหล่านี้กันนะ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ ที่เที่ยวอุบลราชธานี ของกินอุบลราชธานี อื่น ๆ ที่น่าสนใจ