ที่เที่ยวสตูล 2 วัน 1 คืน ไม่ลงเกาะ เข้าสวนจำปาดะ ล่องเรือดูนก-ลอดถ้ำ เดินข้ามกาลเวลา

          พาเที่ยวสตูล 2 วัน 1 คืน แบบไม่ลงเกาะ ได้เพลิดเพลินกับที่เที่ยวหลากหลาย พ่วงกิจกรรมสนุก ๆ ทั้งเข้าสวนจำปาดะ ชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ นั่งเรือดูนก-ลอดถ้ำ ศึกษาธรณีวิทยา เพนต์ผ้าบาติก และเดินข้ามกาลเวลา 
          สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์ … คำขวัญสตูลที่บ่งบอกถึงความโดดเด่นของจังหวัดได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากเอ่ยถึงที่เที่ยวสตูล หลายคนคงนึกถึงภาพของทะเลสวย ๆ อย่าง เกาะหลีเป๊ะ เกาะตะรุเตา เกาะไข่ และหมู่เกาะอาดัง-ราวี เป็นต้น แต่จริง ๆ ที่เที่ยวสตูลแบบไม่ออกเกาะยังมีอีกมาก วันนี้เราเลยจะมาแนะนำอีกหนึ่งโปรแกรมเที่ยวสตูล 2 วัน 1 คืน กับ 7 ที่เที่ยว 4 ที่กิน ทั้งในตัวเมืองและอำเภอต่าง ๆ จากการชักชวนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำเที่ยวโดย ททท.สำนักงานสตูล บอกเลยว่าตามรอยไปเช็กอินกันได้ง่าย ๆ 
ที่เที่ยวสตูล 2 วัน 1 คืน

ที่เที่ยวสตูล วันที่ 1

เข้าสวนชิมจำปาดะ ชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ นั่งเรือดูนกชิล ๆ  

          เริ่มต้นทริปด้วยการไปชม สวนกะแหม สวนจำปาดะพันธุ์ขวัญสตูล ณ บ้านสะพานเคียน ตำบลควนโดน อำเภอควนโดน เพราะเป็นผลไม้ประจำจังหวัด และเป็นผลไม้ GI (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) จากสวนยาง 2 ไร่ครึ่ง ถูกผันแปรไปเป็นสวนจำปาดะกว่า 40 ต้น ใช้เวลาบ่มเพาะนานหลายปีถึงจะออกผลผลิตให้ได้ชิมกัน ซึ่งจำปาดะจะออกผลปีละครั้ง ช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ใกล้ ๆ กันยังมีต้นจำปาดะเก่าแก่ให้ชมด้วย
ที่เที่ยวสตูล 2 วัน 1 คืน

          ทันทีที่ก้าวเข้าไปใกล้ ๆ กับต้นจำปาดะ ที่รายล้อมด้วยผลรูปทรงกระบอก ถูกห่อหุ้มด้วยใบมะพร้าวเพื่อกันแมลงและทำให้ผลมีผิวที่สวย จะได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์โชยมาเรื่อย ๆ บังวิวัฒน์ และ กะแหม เจ้าของสวน ชี้ชวนให้เราดูผลผลิตต้นโน้นต้นนี่ ก่อนที่จะใช้มีดผ่าผลจำปาดะให้ได้ชิมกันสด ๆ ความรู้สึกแรกคือกลิ่นหอม เมื่อได้ลิ้มลองจะรับรู้ถึงรสชาติหวาน เนื้อแน่นหนา ไม่เละ ไม่เป็นใย กินได้เพลิน ๆ ซึ่งจำปาดะสามารถกินได้ทั้งแบบสดและชุบแป้งทอด นั่นแน่ ! อยากลองชิมจำปาดะใช่ไหมล่ะ สามารถสั่งซื้อได้ที่ช่องทางออนไลน์ มีให้เลือกทั้งแบบเป็นลูกและแช่แข็ง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 08-3193-0057

          จากนั้นเราได้เดินทางไปยัง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สตูล (คฤหาสน์กูเด็น) ถนนสตูลธานี ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล เพื่อไปชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจังหวัด โดยมี พี่นวรัตน์ ปาละวัน เจ้าหน้าที่ คอยพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง ที่นี่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2445 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดย พระยาภูมินารถภักดี หรือ ตวนกูบาฮารุดดินบินตำมะหงง (ชื่อเดิม กูเด็น บินกูแมะ) เจ้าเมืองสตูลในสมัยนั้น เพื่อเป็นบ้านพักรับรองแขกเมือง และรับเสด็จรัชกาลที่ 5 ในครั้งเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ แต่ไม่ได้เสด็จฯ มาประทับ จึงใช้เป็นบ้านพักเจ้าเมืองและศาลาว่าการเมืองสตูล กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 

          อาคารก่ออิฐถือปูนสองชั้น สีเขียวอ่อน ลักษณะสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโคโลเนียล (ชิโน-โปรตุกีส) ผสมศิลปะไทย จีน และอิสลาม ภาพของนิทรรศการแสดงประวัติศาสตร์เมืองสตูล วิถีชีวิตของชาวสตูลในด้านต่าง ๆ ทั้งประเพณี การละเล่น การทำมาหากิน ข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงเรื่องราวอัตชีวประวัติของพระยาภูมินารถภักดี ค่อย ๆ พาเราย้อนวันวานไปในสมัยนั้นแบบไม่รู้ตัว เผลออีกทีขาก็ก้าวลงบันได พร้อมพนมมือขอบคุณเรียบร้อยแล้ว 

          ไปเที่ยวสตูลอย่าลืมปักหมุด พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สตูล ไว้นะ สามารถเที่ยวชมได้ทุกวันพุธ-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 09.00-16.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Satun National Museum : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สตูล  
          ก่อนที่จะจบทริปวันแรกด้วยการล่องเรือชมนกอินทรี กินซีฟู้ด ณ ชุมชนท่องเที่ยวสุไหงตำมะลัง ตำบลตำมะลัง อำเภอเมืองสตูล เราลงเรือกันที่ท่าเรือตำมะลัง โดยเรือค่อย ๆ พาเราลัดเลาะไปยังคลองตะเมียง ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านสองฟากฝั่ง ธรรมชาติริมฝั่งป่าโกงกาง และเลี้ยวกลับไปยังอ่าวตำมะลัง ระหว่างทางจะมีนกอินทรีและเหยี่ยวนับร้อยออกมาอวดโฉมให้ได้ชมกัน สร้างความตื่นตาตื่นใจไม่น้อย 

          เรือพาเราล่องชมวิว พร้อมกินอาหารพื้นเมืองรสเด็ด โดยเฉพาะอาหารทะเลสด ๆ เคล้าบรรยากาศของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ โบกมือลาลับ ราว ๆ 2 ชั่วโมง ก่อนจะกลับมาส่งเรายังท่าเรือตำมะลังเช่นเดิม เป็นกิจกรรม One Day Trip ที่อิ่มเอมใจกับทั้งธรรมชาติสวย ๆ และอาหารดี ๆ หากสนใจไปเที่ยวสามารถเลือกเวลาได้ว่าจะไปช่วงเช้าหรือเย็น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พี่สุรินทร์ หลงกูนัน โทรศัพท์ 08-0242-6632

ที่เที่ยวสตูล วันที่ 2 

นั่งเรือลอดถ้ำ ศึกษาธรณีวิทยา เพนต์ผ้าบาติก และเดินข้ามกาลเวลา

          ทริปวันที่ 2 ขอชวนทุกคนไปผจญภัยสักเล็กน้อย กับการเที่ยวชม ถ้ำเล สเตโกดอน ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า (ฉบับครึ่งทาง เพราะหากเต็มโปรแกรมจะมีทั้งชมเมืองเก่า ชม-ชิมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและอาหารพื้นบ้าน) จุดเริ่มต้นของวันจะอยู่ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหว้า เพราะเราต้องนั่งรถไม้แดงทุ่งหว้าสุดคลาสสิก ที่จะพาเราเคลื่อนพลไปยังจุดลงเรือพาย (นั่งได้ 1-2 คน) ซึ่งการเข้าชมถ้ำจะต้องคำนึงถึงสภาวะการขึ้น-ลงของน้ำทะเลและสภาพภูมิอากาศเป็นหลัก (จะไม่รับนักท่องเที่ยวในช่วงที่สภาพอากาศไม่เหมาะสม) เพราะเป็นถ้ำธารลอด มีระดับน้ำขึ้น-ลงตามระดับน้ำทะเลที่แตกต่างกันทุกวัน

ที่เที่ยวสตูล 2 วัน 1 คืน

          แต่เดิมถ้ำชื่อว่า ถ้ำวังกล้วย ก่อนเปลี่ยนตามการค้นพบฟอสซิลช้างสเตโกดอน ช้างดึกดำบรรพ์อายุเก่าแก่ ที่แรกและแห่งเดียวในพื้นที่ภาคใต้ เป็นถ้ำในเทือกเขาหินปูน ภายในคดเคี้ยวคล้ายอุโมงค์ใต้ภูเขา การเที่ยวชมเราจะต้องพายเรือเลาะลอดไปตามระยะทางจากปากถ้ำถึงทางออกไปสู่ป่าชายเลนอีกด้าน ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง โดยเรือแต่ละลำจะมีฝีพายคอยทำหน้าที่เป็นไกด์ให้ข้อมูลต่าง ๆ ทั้งสวมเสื้อชูชีพ หมวกกันกระแทก และไฟฉายคาดหัว เมื่อเรียบร้อยก็พร้อมผ่านความมืดมิดเข้าไปภายในถ้ำที่มีลักษณะคดเคี้ยวไป-มา ขนาดความกว้างประมาณ 10-30 เมตร มีเพดานถ้ำสูงประมาณ 10-20 เมตร ระหว่างทางเราจะพบกับหินงอก หินย้อย รูปทรงสวยแปลกตาแล้วแต่จินตนาการ ทั้งหัวใจช้าง ปีกนางฟ้า นิ้วชี้ทางออก 

          ที่สำคัญครั้งนี้เราโชคดีได้เจอกับ ปูเขาหินปูนทุ่งหว้า ปูชนิดใหม่ที่ค้นพบในพื้นที่อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ลักษณะขายาว กระดองสีแดงสด จับปิ้ง ท้อง และขา มีสีแดง เป็นปูน้ำจืดที่สวยงามชนิดหนึ่ง อาศัยบนผนังหินปูนและเพดานถ้ำสูง ๆ พบเห็นเพียงไม่กี่ตัว เรียกได้ว่าโชคดีมาก ๆ แถมก่อนจะถึงหัวใจที่ปลายอุโมงค์ ช่วงน้ำลดเรายังเห็นฟอสซิลด้วยตาตัวเองด้วยนะ อ๊ะ ๆ การเดินทางยังไม่จบ เมื่อลอดถ้ำออกมาเรียบร้อย เราจะต้องนั่งเรือไปตามเส้นทางป่าโกงกางอีกประมาณ 10-15 นาที เพื่อไปยังท่าเรือ และขึ้นรถสองแถวไม้คนเดิม หอบเอาความตื่นเต้นและความประทับใจกลับไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหว้าอีกครั้ง 

          ถ้ำเล สเตโกดอน สามารถเที่ยวได้ทั้งปี ความสวยงามก็แตกต่างกันไป เช่น ช่วงหน้าฝนก็จะมีน้ำตกในถ้ำ พอหน้าแล้ง หินงอก หินย้อย ก็จะเป็นประกายเพชร แต่ช่วงเวลาแนะนำคือเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ โดยจะมีบริการเรือ 40 ลำ รองรับวันละไม่เกิน 80 คน/กรุ๊ป ที่สำคัญควรโทรศัพท์จองคิวหรือสอบถามเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 1-2 วัน โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 08-0110-7060 หรือ เฟซบุ๊ก ถ้ำเล สเตโกดอน อ้อ แนะนำนิดหนึ่งว่าควรเตรียมเสื้อผ้าให้พร้อมสำหรับการเปียกน้ำด้วยนะ เพราะการนั่งเรืออาจมีการเปียกน้ำได้ และบางช่วงเป็นโขดหินแคบต้องยกเรือข้ามด้วย

          เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปชม พิพิธภัณฑ์อุทยานธรณีโลกสตูล และ พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน นำทีมให้ความรู้โดย คุณทรงภพ วารินสะอาด รองผู้อำนวยการอุทยานธรณีโลกสตูล และปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหว้า ที่บอกเล่าความเป็นมาเป็นไปต่าง ๆ ทั้งห้องนิทรรศการที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับช้างไทย ประวัติศาสตร์ กลุ่มชาติพันธุ์ วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นในจังหวัดสตูล ห้องจัดแสดงซากช้างดึกดำบรรพ์ที่พบในถ้ำเล สเตโกดอน และซากดึกดำบรรพ์อื่น ๆ เรียกว่าเดินชมเดินฟังกันเพลิน ๆ ก็ได้เวลาทำกิจกรรมต่อไปแล้ว

          กิจกรรมต่อมาที่เราแนะนำคือ การเที่ยวชมและเวิร์กช็อป ณ กลุ่มปันหยาบาติก บ้านปากละงู ตำบลละงู อำเภอละงู จากภูมิปัญญาชาวบ้านที่ถูกส่งต่อผ่านลายผ้า ก่อเกิดเป็นลวดลายบาติกโบราณ และยังเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด ทั้งยังถูกแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นผืนผ้า เสื้อ ผ้าพันคอ ผ้าเช็ดหน้า และหมวก เป็นต้น แถมเรายังได้สนุกกับขั้นตอนวิธีการทำผ้าบาติก การเขียนลายต่าง ๆ ด้วยตัวเอง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Punya Batik เลย

          สำหรับ กลุ่มปันหยาบาติก มีเทคนิคในการย้อมผ้าบาติกแตกต่างจากที่อื่น เพราะใช้วัสดุท้องถิ่นจากธรรมชาติ เช่น ดิน แร่ธาตุ ใบไม้ เปลือกไม้ เป็นต้น มารังสรรค์ให้เกิดเป็นเฉดสีต่าง ๆ และมีการออกแบบวาดลวดลายให้สอดคล้องกับเรื่องราวทางธรณีวิทยาของอุทยานธรณีโลกสตูล ประยุกต์เอาภาพจำลองสภาพแวดล้อมทะเลโบราณในยุคออร์โดวิเชียนมาทำเป็นลายผ้า โดยมีนอติลอยด์ ไทรโลไบต์ และแอมโมไนต์ เป็นตัวเอก เรียกได้ว่ามีความโดดเด่นและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์มากขึ้นด้วย

          ก่อนปิดทริปด้วยการไปเยือน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู ไปเดินตามเส้นทางสะพานข้ามกาลเวลา เลาะเลียบทะเลตามริมผาสูงใหญ่ เพื่อชมความงามของ เขตข้ามกาลเวลา เขาโต๊ะหงาย เราเดินเรื่อย ๆ ระหว่างทางจะมีกิมมิกเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ารัก ๆ ให้ได้แชะภาพ ก่อนที่เราจะเดินทางถึง เขตข้ามกาลเวลา ซึ่งเป็นแหล่งธรณีวิทยาหินปูนสีเทายุคออร์โดวิเชียน ตัดกับหินทรายสีแดงยุคแคมเบรียนที่ถูกแรงการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกยกตัวขึ้นมาซ้อนทับกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่หาชมได้ยากมากในปัจจุบัน 

          บริเวณเขาโต๊ะหงายเคยเป็นทะเลโบราณของยุคออร์โดวิเชียน เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตมากมาย ย้อนอดีตไปได้ถึงประมาณ 470 ล้านปีก่อน เมื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ตายไป โครงร่างบางส่วนได้แข็งตัวกลายเป็นหิน หรือที่เรียกว่าซากดึกดำบรรพ์ เสมือนเป็นสมุดบันทึกหลักฐานเรื่องราวของโลกในอดีตกาล ตลอดบริเวณแนวเทือกเขาหินปูนแห่งนี้ หากสังเกตให้ดีจะพบซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์​ทะเลมากมายแทรกตัวอยู่ในเนื้อหินปูน จะมีอะไรบ้างลองไปค้นหากันดูนะ ^^ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา-Mu ko phetra national park  

ชวนชิมของกินสตูล อาหารคาวหวานมีมาเสิร์ฟให้พร้อม

  • Corner cafe ร้านอาหารและคาเฟ่ บรรยากาศร่มรื่น สบาย ๆ มีโซนให้เลือกนั่งหลากหลาย อาหารรสชาติจัดจ้าน มีทั้งคาวและหวาน เมนูแนะนำ เช่น แกงตอแมะห์ ไข่เจียวห่อหมกทะเล ปลาทอดยำสมุนไพร และผักเหลียงผัดไข่ เป็นต้น

    ที่ตั้ง : 292 หมู่ 10 ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.
    เฟซบุ๊ก : ร้านอาหาร Corner cafe'
ร้านอาหารสตูล

ร้านอาหารสตูล

ร้านอาหารสตูล

  • The Rice By Larnkao ร้านอาหารและคาเฟ่ที่แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มีสระน้ำอยู่กลางร้าน สร้างบรรยากาศสบายตา เลือกนั่งได้ทั้งโซนห้องแอร์และโซนรับลมเย็น ๆ ด้านนอก เมนูแนะนำ เช่น หมึกไข่ผัดหวาน ปลาทรายทอดคลุกขมิ้น แกงคั่วปูชะพลู หอยหลอดอบโหระพา และหอยท้ายเภาผัดฉ่า เป็นต้น 

    ที่ตั้ง : 113 หมู่ 6 ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.00-21.30 น.
    เฟซบุ๊ก : The Rice By Larnkao, Satun
ร้านอาหารสตูล

ร้านอาหารสตูล

ร้านอาหารสตูล

  • ดาวิด's ร้านกาแฟขนาดกะทัดรัดริมหาดปากบารา นั่งชมวิว จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ กันได้ เมนูแนะนำ เช่น กาแฟจำปาดะ นมจำปาดะ เอสเปรสโซโมจิโต้ ชาเย็น และลอดช่องสิงคโปร์น้ำตาลข้น เป็นต้น 

    ที่ตั้ง : ริมหาดปากบารา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล 
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.00-20.00 น.
ร้านอาหารสตูล

  • บาราโรตี ร้านอาหารเช้าพื้นบ้านจังหวัดสตูล ไม่ไกลจากท่าเรือปากบารา บรรยากาศสบาย ๆ เหมือนสภากาแฟขนาดย่อม เมนูแนะนำ เช่น ข้าวหมกไก่ ข้าวยำสมุนไพร ข้าวเหนียวไก่ทอด โรตีแกง โรตีมะตะบะ โรตีราดนม ชาชัก และอาหารตามสั่งต่าง ๆ 

    ที่ตั้ง : 936 หมู่ 2 ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 06.30 น. เป็นต้นไป
ร้านอาหารสตูล

          นี่คือทริป 2 วัน 1 คืน เที่ยวสตูลแบบไม่ลงเกาะ ได้ทั้งเที่ยวชมธรรมชาติ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ธรณีวิทยา และลิ้มลองอาหารพื้นบ้านต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมเที่ยวชิล ๆ ที่ไปตามรอยกันได้ ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานสตูล : TAT Satun Office

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ที่เที่ยวสตูล 2 วัน 1 คืน ไม่ลงเกาะ เข้าสวนจำปาดะ ล่องเรือดูนก-ลอดถ้ำ เดินข้ามกาลเวลา อัปเดตล่าสุด 19 กันยายน 2566 เวลา 08:01:49 41,451 อ่าน
TOP
x close