พาไปทำความรู้จักกับประเทศเอสโตเนีย (Estonia) ประเทศจิ๋วแต่แจ๋ว พลังสำคัญของยุโรป เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ มากมาย นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จัก บรรยากาศจึงยังคงงดงาม มีความเป็นเมืองเก่าแก่และน่าท่องเที่ยวสูงมาก
ถ้าถามว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีในยุโรป เชื่อว่าคงมีน้อยคนนักที่จะเอ่ยชื่อประเทศเอสโตเนีย แต่เราอยากจะบอกว่าประเทศนี้เป็นประเทศที่เล็กพริกขี้หนูมาก ๆ เพราะนอกจากจะแอบซ่อนแหล่งท่องเที่ยวดี ๆ ไว้มากมายแล้ว ก็ยังจะก้าวไปสู่ประเทศที่มีความทันสมัยอยู่แนวหน้าของโลกในไม่ช้านี้แล้วด้วย ดังที่มีการประกาศจากทางรัฐบาลของเอสโตเนียที่จะให้ประชาชนชาวเอสโตเนียสามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะฟรีทั่วประเทศ งั้นเราจะพาไปรู้จักประเทศนี้กันหน่อยดีกว่า เอสโตเนียตั้งอยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงเป็นสวรรค์ย่อม ๆ ของยุโรป ไปดูกันเลย
พอบอกว่าเอสโตเนียอยู่ในยุโรป หลายคนก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมาทันที ว่าประเทศแห่งนี้มีอยู่ในยุโรปด้วยหรือ เพราะไม่คุ้นชื่อเอาเสียเลย แล้วมันอยู่ส่วนไหนของยุโรปกันนะ มา ๆ มากางแผนที่โลกดูกัน ถ้าดูจากแผนที่โดยรวมของยุโรป ให้มองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของยุโรปเลยนะ ใกล้ ๆ กับทะเลบอลติก เหนือขึ้นไปจากประเทศลัตเวีย เราก็จะเจอกับประเทศเอสโตเนีย
เอสโตเนีย เป็นประเทศเล็ก ๆ มีขนาดพื้นที่โดยรวมแค่ประมาณ 45,227 ตารางกิโลเมตร (17,462 ตารางไมล์) ทางทิศเหนือจะติดกับอ่าวฟินแลนด์ ทิศตะวันตกติดกับทะเลบอลติก ทิศใต้ติดกับปะเทศลัตเวีย ส่วนทางทิศตะวันออกก็ติดกับประเทศรัสเซียนั่นเอง มีเมืองหลวงคือ เมืองทาลลินน์ (Tallinn)
เอสโตเนียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและน่าสนใจมากแห่งหนึ่งของโลก ด้วยทำเลที่ตั้งนั้นคาบเกี่ยวกับประเทศมหาอำนาจทั้งสิ้น ในอดีตเอสโตเนียจึงถูกครอบครองโดยหลายกลุ่มชาติมหาอำนาจ แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เอสโตเนียก็ได้รับการเป็นประเทศเอกราช และได้เข้าร่วมกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือและสหภาพยุโรป
และด้วยความที่เอสโตเนียผ่านร้อนผ่านหนาวมากับหลายชนชาติ ทำให้ประเทศแห่งนี้ถูกหล่อหลอมขึ้นจากหลาย ๆ วัฒนธรรม จนกลายเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น บ้านเมืองและผู้คนก็น่ารัก บอกได้เลยว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปเลยทีเดียว
ประเทศเอสโตเนีย เป็นประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุดในประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป โดยมีประชากรอยู่เพียงแค่ราว ๆ 1,251,581 คนเท่านั้น ร้อยละ 54.1 ของคนเอสโตเนียจะไม่นับถือศาสนา ส่วนศาสนาที่มีประชากรนับถือมากที่สุด คือ ศาสนาคริสต์ นิกายออร์ทอดอกซ์ คิดเป็นร้อยละ 16.2 ของประชากรทั้งหมด คนเอสโตเนียส่วนใหญ่จะพูดภาษาเอสโตเนียน ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับภาษาฟินแลนด์ และก็ยังมีประชากรบางส่วนที่พูดภาษารัสเซียและยูเครน
หลายคนที่ไปเที่ยวเอสโตเนีย อาจจะสังเกตว่าคนเอสโตเนียไม่ค่อยยิ้มแย้ม พูดน้อย นั่นก็เป็นเพราะว่าสภาพอากาศของประเทศเอสโตเนียนั้นค่อนข้างหนาว แต่ถ้าได้ทำความรู้จักกับคนเอสโตเนียให้ลึกขึ้น ก็จะรู้เลยว่าคนเอสโตเนียนั้นมีอัธยาศัยที่ดีมาก อบอุ่น และน่ารักกับนักท่องเที่ยวเสมอ
ประเทศเอสโตเนียกำลังจะเป็นประเทศแรกของโลกที่ให้ประชาชนได้ใช้บริการขนส่งสาธารณะฟรีทั่วประเทศ โดยนโยบายดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ซึ่งต่อยอดมาจากเมืองทาลลินน์ ที่ให้ประชาชนได้ใช้ขนส่งสาธารณะฟรีมาตั้งแต่ปี 2013 โดยนโยบายนี้จัดทำขึ้นก็เพื่อแก้ปัญหารถติด เป็นการลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน และเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนด้วย งบประมาณที่สนับสนุนตรงนี้ก็มาจากภาษีประชาชนนั่นเอง คุณภาพชีวิตดีสุด ๆ ไปเลย
รัฐบาลเอสโตเนีย เป็นอีกรัฐบาลที่น่าจับตามองมากที่สุดในโลก ด้วยการที่ปรับเปลี่ยนให้สังคมของเอสโตเนียเข้าสู่โลกแห่งดิจิทัลมากขึ้น โดยการนำข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่ระบบออนไลน์ และเริ่มให้ประชาชนได้ใช้บริการผ่านระบบออนไลน์อย่างก้วางขวาง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก ก็สามารถดำเนินการต่าง ๆ กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของเอสโตเนียได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างผลงานของ E-Estonia อาทิ การเปิดบริษัททางออนไลน์ ไม่ต้องมายื่นเอกสารที่ประเทศเอสโตเนีย, การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านออนไลน์ 99%, การเลือกตั้งออนไลน์ (i-Voting), การจ่ายเงินค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ผ่านมือถือ เป็นต้น
- เงินเอสโตเนีย จะใช้สกุลเงินยูโร โดย 1 ยูโร = 35.90 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2567)
- เวลาของประเทศเอสโตเนียนั้นถ้าในช่วงฤดูร้อน เวลาจะช้ากว่ากรุงเทพฯ 4 ชั่วโมง และถ้าเป็นฤดูหนาวก็จะมีการทดเวลา เวลาก็จะช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง
- ระบบไฟฟ้ามาตรฐานของประเทสเอสโตเนียจะอยู่ที่ 230 โวลต์ 50 เฮิรตซ์ ปลั๊กทั่วไปที่ใช้จะเป็นประเภท F มีลักษณะเป็นขากลม 2 ขา กับเต้าเสียบขากลม 2 รู มีคลิปกราวนด์อยู่ที่เต้าเสียบทั้งด้านบนและด้านล่าง
- สภาพอากาศโดยรวมของประเทสเอสโตเนียนั้นจะเป็นแบบชายทะเล เฉอะแฉะ หน้าหนาวจะหนาวปานกลาง แต่หน้าร้อนจะเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยของทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 5 องศาเซลเซียส เดือนที่หนาวที่สุด คือ เดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ -5.7 องศาเซลเซียส เดือนที่ร้อนที่สุด คือ เดือนกรกฎาคม อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 16.4 องศาเซลเซียส ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการท่องเที่ยวเอสโตเนียก็จะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน-สิงหาคม
- นักท่องเที่ยวสามารถใช้ Wi-Fi ฟรีจากที่พัก หรือร้านกาแฟได้ แต่ถ้าอยากใช้งานอินเทอร์เน็ตตลอดการท่องเที่ยวอยู่ที่เอสโตเนีย แนะนำให้ซื้อซิมโทรศัพท์ท้องถิ่น ราคาไม่แพง
อาหารเอสโตเนียจะได้รับอิทธิพลมาจากทางฝั่งยุโรปเหนือและรัสเซียค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นก็จะมีการเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์สด้วย ประเภทอาหารก็จะเน้นเนื้อสัตว์และแป้ง อาหารเอสโตเนียที่น่าลิ้มลอง อาทิ Aspic, Rye Bread, Kali, Semla, Kalev Chocolate, Smoked Sprats และเบียร์ท้องถิ่น เป็นต้น
แม้ว่าประเทศเอสโตเนียจะเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ก็มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมให้ได้เที่ยวชมครบถ้วน เมืองที่เป็นไฮไลท์และไม่ควรพลาดอย่างยิ่งก็คือ เมืองทาลลินน์ (Tallinn) เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนสวยงามมากมาย ยังคงได้เห็นวัฒนธรรมพื้นเมืองดั้งเดิม มีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟเล็ก ๆ บรรยากาศเงียบสงบให้นั่งพักผ่อนมากมาย เรียกได้ว่าทาลลินน์นั้นเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ เมืองตาร์ตู (Tartu), เมืองปาร์นู (Parnu), Lahemaa National Park, Narva Castle, Rakvere Castle, Viljandi, Toompea Hill และ Kumu Art Museum เป็นต้น
เอสโตเนียเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมโดดเด่น เพราะฉะนั้นสินค้าที่น่าซื้อติดไม้ติดมือกลับมาก็จะเป็นจำพวกสินค้าพื้นเมือง อาทิ เครื่องประดับพื้นเมือง, เสื้อไหมพรมลายพื้นเมือง, งานแฮนด์เมดท้องถิ่น, งานแกะสลักไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ก็จะมีช็อกโกแลต งานศิลปะ เนื้อหมูป่าและกวางแบบตากแห้ง เบียร์ท้องถิ่นให้เลือกซื้อกลับมาด้วย
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะไปเที่ยวเอสโตเนีย จำเป็นต้องขอวีซ่าเชงเก้น ถ้าตั้งใจไปเที่ยวประเทศเอสโตเนียเพียงแค่ประเทศเดียว ก็สามารถยื่นขอวีซ่าเชงเก้นได้ที่สถานทูตฟินแลนด์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ finland.or.th
ได้รู้จักกับประเทศเอสโตเนียกันมากขึ้นแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงจะหลงรักประเทศนี้อย่างแน่นอน บ้านเมืองก็สวยงาม ผู้คนก็น่ารัก มีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ให้ไปเยือนมากมาย ใครอยากหาที่เที่ยวต่างประเทศใหม่ ๆ ก็ลองแวะไปทักทายเอสโตเนียกันนะ :)
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก : europetouch.in.th, apecthai.org, weforum.org, e-estonia.com, visitestonia.com, schengenvisainfo.com, vm.ee และ finland.or.th
ประเทศเอสโตเนีย (Estonia)
เอสโตเนีย ส่วนหนึ่งของยุโรป
พอบอกว่าเอสโตเนียอยู่ในยุโรป หลายคนก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมาทันที ว่าประเทศแห่งนี้มีอยู่ในยุโรปด้วยหรือ เพราะไม่คุ้นชื่อเอาเสียเลย แล้วมันอยู่ส่วนไหนของยุโรปกันนะ มา ๆ มากางแผนที่โลกดูกัน ถ้าดูจากแผนที่โดยรวมของยุโรป ให้มองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของยุโรปเลยนะ ใกล้ ๆ กับทะเลบอลติก เหนือขึ้นไปจากประเทศลัตเวีย เราก็จะเจอกับประเทศเอสโตเนีย
เอสโตเนีย เป็นประเทศเล็ก ๆ มีขนาดพื้นที่โดยรวมแค่ประมาณ 45,227 ตารางกิโลเมตร (17,462 ตารางไมล์) ทางทิศเหนือจะติดกับอ่าวฟินแลนด์ ทิศตะวันตกติดกับทะเลบอลติก ทิศใต้ติดกับปะเทศลัตเวีย ส่วนทางทิศตะวันออกก็ติดกับประเทศรัสเซียนั่นเอง มีเมืองหลวงคือ เมืองทาลลินน์ (Tallinn)
เมืองแห่งประวัติศาสตร์
เอสโตเนียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและน่าสนใจมากแห่งหนึ่งของโลก ด้วยทำเลที่ตั้งนั้นคาบเกี่ยวกับประเทศมหาอำนาจทั้งสิ้น ในอดีตเอสโตเนียจึงถูกครอบครองโดยหลายกลุ่มชาติมหาอำนาจ แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เอสโตเนียก็ได้รับการเป็นประเทศเอกราช และได้เข้าร่วมกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือและสหภาพยุโรป
และด้วยความที่เอสโตเนียผ่านร้อนผ่านหนาวมากับหลายชนชาติ ทำให้ประเทศแห่งนี้ถูกหล่อหลอมขึ้นจากหลาย ๆ วัฒนธรรม จนกลายเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น บ้านเมืองและผู้คนก็น่ารัก บอกได้เลยว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปเลยทีเดียว
คนเอสโตเนียนิ่งเงียบ แต่ใจดี
ประเทศเอสโตเนีย เป็นประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุดในประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป โดยมีประชากรอยู่เพียงแค่ราว ๆ 1,251,581 คนเท่านั้น ร้อยละ 54.1 ของคนเอสโตเนียจะไม่นับถือศาสนา ส่วนศาสนาที่มีประชากรนับถือมากที่สุด คือ ศาสนาคริสต์ นิกายออร์ทอดอกซ์ คิดเป็นร้อยละ 16.2 ของประชากรทั้งหมด คนเอสโตเนียส่วนใหญ่จะพูดภาษาเอสโตเนียน ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับภาษาฟินแลนด์ และก็ยังมีประชากรบางส่วนที่พูดภาษารัสเซียและยูเครน
หลายคนที่ไปเที่ยวเอสโตเนีย อาจจะสังเกตว่าคนเอสโตเนียไม่ค่อยยิ้มแย้ม พูดน้อย นั่นก็เป็นเพราะว่าสภาพอากาศของประเทศเอสโตเนียนั้นค่อนข้างหนาว แต่ถ้าได้ทำความรู้จักกับคนเอสโตเนียให้ลึกขึ้น ก็จะรู้เลยว่าคนเอสโตเนียนั้นมีอัธยาศัยที่ดีมาก อบอุ่น และน่ารักกับนักท่องเที่ยวเสมอ
ภาพจาก Sun_Shine / Shutterstock.com
พลเมืองเอสโตเนียใช้ขนส่งสาธารณะฟรี
ประเทศเอสโตเนียกำลังจะเป็นประเทศแรกของโลกที่ให้ประชาชนได้ใช้บริการขนส่งสาธารณะฟรีทั่วประเทศ โดยนโยบายดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ซึ่งต่อยอดมาจากเมืองทาลลินน์ ที่ให้ประชาชนได้ใช้ขนส่งสาธารณะฟรีมาตั้งแต่ปี 2013 โดยนโยบายนี้จัดทำขึ้นก็เพื่อแก้ปัญหารถติด เป็นการลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน และเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนด้วย งบประมาณที่สนับสนุนตรงนี้ก็มาจากภาษีประชาชนนั่นเอง คุณภาพชีวิตดีสุด ๆ ไปเลย
ภาพจาก Maksimilian / Shutterstock.com
Estonia สู่ E-Estonia
รัฐบาลเอสโตเนีย เป็นอีกรัฐบาลที่น่าจับตามองมากที่สุดในโลก ด้วยการที่ปรับเปลี่ยนให้สังคมของเอสโตเนียเข้าสู่โลกแห่งดิจิทัลมากขึ้น โดยการนำข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่ระบบออนไลน์ และเริ่มให้ประชาชนได้ใช้บริการผ่านระบบออนไลน์อย่างก้วางขวาง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก ก็สามารถดำเนินการต่าง ๆ กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของเอสโตเนียได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างผลงานของ E-Estonia อาทิ การเปิดบริษัททางออนไลน์ ไม่ต้องมายื่นเอกสารที่ประเทศเอสโตเนีย, การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านออนไลน์ 99%, การเลือกตั้งออนไลน์ (i-Voting), การจ่ายเงินค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ผ่านมือถือ เป็นต้น
เกร็ดท่องเที่ยวเอสโตเนีย
- เงินเอสโตเนีย จะใช้สกุลเงินยูโร โดย 1 ยูโร = 35.90 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2567)
- เวลาของประเทศเอสโตเนียนั้นถ้าในช่วงฤดูร้อน เวลาจะช้ากว่ากรุงเทพฯ 4 ชั่วโมง และถ้าเป็นฤดูหนาวก็จะมีการทดเวลา เวลาก็จะช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง
- ระบบไฟฟ้ามาตรฐานของประเทสเอสโตเนียจะอยู่ที่ 230 โวลต์ 50 เฮิรตซ์ ปลั๊กทั่วไปที่ใช้จะเป็นประเภท F มีลักษณะเป็นขากลม 2 ขา กับเต้าเสียบขากลม 2 รู มีคลิปกราวนด์อยู่ที่เต้าเสียบทั้งด้านบนและด้านล่าง
- สภาพอากาศโดยรวมของประเทสเอสโตเนียนั้นจะเป็นแบบชายทะเล เฉอะแฉะ หน้าหนาวจะหนาวปานกลาง แต่หน้าร้อนจะเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยของทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 5 องศาเซลเซียส เดือนที่หนาวที่สุด คือ เดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ -5.7 องศาเซลเซียส เดือนที่ร้อนที่สุด คือ เดือนกรกฎาคม อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 16.4 องศาเซลเซียส ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการท่องเที่ยวเอสโตเนียก็จะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน-สิงหาคม
- นักท่องเที่ยวสามารถใช้ Wi-Fi ฟรีจากที่พัก หรือร้านกาแฟได้ แต่ถ้าอยากใช้งานอินเทอร์เน็ตตลอดการท่องเที่ยวอยู่ที่เอสโตเนีย แนะนำให้ซื้อซิมโทรศัพท์ท้องถิ่น ราคาไม่แพง
อาหารพื้นเมืองเอสโตเนีย
อาหารเอสโตเนียจะได้รับอิทธิพลมาจากทางฝั่งยุโรปเหนือและรัสเซียค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นก็จะมีการเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์สด้วย ประเภทอาหารก็จะเน้นเนื้อสัตว์และแป้ง อาหารเอสโตเนียที่น่าลิ้มลอง อาทิ Aspic, Rye Bread, Kali, Semla, Kalev Chocolate, Smoked Sprats และเบียร์ท้องถิ่น เป็นต้น
ภาพจาก trabantos / Shutterstock.com
สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด
แม้ว่าประเทศเอสโตเนียจะเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ก็มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมให้ได้เที่ยวชมครบถ้วน เมืองที่เป็นไฮไลท์และไม่ควรพลาดอย่างยิ่งก็คือ เมืองทาลลินน์ (Tallinn) เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนสวยงามมากมาย ยังคงได้เห็นวัฒนธรรมพื้นเมืองดั้งเดิม มีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟเล็ก ๆ บรรยากาศเงียบสงบให้นั่งพักผ่อนมากมาย เรียกได้ว่าทาลลินน์นั้นเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ เมืองตาร์ตู (Tartu), เมืองปาร์นู (Parnu), Lahemaa National Park, Narva Castle, Rakvere Castle, Viljandi, Toompea Hill และ Kumu Art Museum เป็นต้น
สินค้าและของฝากจากเอสโตเนีย
เอสโตเนียเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมโดดเด่น เพราะฉะนั้นสินค้าที่น่าซื้อติดไม้ติดมือกลับมาก็จะเป็นจำพวกสินค้าพื้นเมือง อาทิ เครื่องประดับพื้นเมือง, เสื้อไหมพรมลายพื้นเมือง, งานแฮนด์เมดท้องถิ่น, งานแกะสลักไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ก็จะมีช็อกโกแลต งานศิลปะ เนื้อหมูป่าและกวางแบบตากแห้ง เบียร์ท้องถิ่นให้เลือกซื้อกลับมาด้วย
คนไทยไปเที่ยวเอสโตเนียได้อย่างไร
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะไปเที่ยวเอสโตเนีย จำเป็นต้องขอวีซ่าเชงเก้น ถ้าตั้งใจไปเที่ยวประเทศเอสโตเนียเพียงแค่ประเทศเดียว ก็สามารถยื่นขอวีซ่าเชงเก้นได้ที่สถานทูตฟินแลนด์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ finland.or.th
ได้รู้จักกับประเทศเอสโตเนียกันมากขึ้นแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงจะหลงรักประเทศนี้อย่างแน่นอน บ้านเมืองก็สวยงาม ผู้คนก็น่ารัก มีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ให้ไปเยือนมากมาย ใครอยากหาที่เที่ยวต่างประเทศใหม่ ๆ ก็ลองแวะไปทักทายเอสโตเนียกันนะ :)
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง