แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสแกนดิเนเวีย โซนท่องเที่ยวสวยตระการตาของฝั่งยุโรปเหนือ อิ่มเอมไปกับเมืองสวย ๆ น่ารัก ๆ บรรยากาศคลาสสิก พร้อมกับธรรมชาติสุดอลังการ
แสกนดิเนเวีย เป็นหนึ่งในเส้นทางเป้าหมายของนักเดินทางทั่วโลก ด้วยในโซนนี้มี
แหล่งท่องเที่ยวสวยตระการตาไว้รอมากมาย ทั้งที่เที่ยวทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ เพียงแค่เที่ยวในหนึ่งประเทศของโซนนี้ก็ฟินแล้ว แต่จะฟินยิ่งกว่าหากได้เที่ยวครบทั้งคาบสมุทร ซึ่งประเทศหลัก ๆ ในกลุ่มสแกนดิเนเวียจะมีอยู่ 3 ประเทศ คือ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก วันนี้เราก็เลยรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวเด่น ๆ ของโซนสแกนดิเนเวียมายั่วน้ำลายกันสักหน่อย เผื่อใครกำลังหาทริปเที่ยวต่างประเทศปัง ๆ อาจจะสะดุดใจกับเส้นทางนี้ เริ่มด้วย...
1. เมืองสตอกโฮล์ม (Stockholm)
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวสวีเดน ก็มักจะเริ่มต้นกันที่เมืองสตอกโฮล์ม ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองใหญ่ แต่สตอกโฮล์มก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการผสมผสานระหว่างความทันสมัยและความเป็นเมืองเก่าให้เข้ากันได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเท่ เก่ ชิค ด้วยกลิ่นอายของงานศิลปะและสถาปัตยกรรมเจ๋ง ๆ ที่อยู่รายล้อมรอบเมือง ประกอบกับวิถีชีวิตสุดเรียบง่ายของผู้คน การให้เกียรติ ให้เสรีภาพ และความเท่าเทียมกัน ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก
ถ้าถามว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนในสตอกโฮล์มที่ไม่ควรพลาด แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือ สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งมีมากเกือบ 100 สถานี โดยแต่ละสถานีจะมีผลงานศิลปะของศิลปินชื่อดังมากมาย สถานีที่น่าสนใจ อาทิ Stadion, Radhuset Station, T-Centralen Station เป็นต้น ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวสตอกโฮล์มที่ไม่ควรพลาดอื่น ๆ อาทิ Vasa Museum, Skansen, The Royal Palace, Drottningholm Palace, Fotografiska, The City Hall, Royal National City Park, Ostermalm, Ericsson Globe, Grona Lund, Djurgarden, Stockholm Archipelago, Stockholm Cathedral เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
visitstockholm.com
ภาพจาก Martyn Jandula / Shutterstock.com
2. Gamla Stan
Gamla Stan เป็นเขตเมืองเก่าของสตอกโฮล์ม เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่รายล้อมไปด้วยผืนน้ำรอบด้าน เป็นที่ตั้งของพระราชวังโบราณ (The Royal Palace) ที่มีการสร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 พร้อมด้วยบ้านเรือนเก่าแก่สีสันสดใส ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบสวีเดนในช่วงศตวรรษที่ 13 โดยที่บ้านเรือนเหล่านี้จะมีตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ให้เดินทอดน่องชมร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหารเล็ก ๆ ในหน้าหนาวก็จะมีการจัดตลาดคริสต์มาสด้วย
3. ปราสาทคาลมาร์ (Kalmar Castle)
ปราสาทคาลมาร์ ตั้งอยู่ริมทะเลบอลติกในเมืองคาลมาร์ (Kalmar) สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 มีลักษณะเป็นป้อมปราการและปราสาทหินสไตล์เรเนซองส์ ด้านในตกแต่งอย่างสวยงามคลาสสิก มีห้องต่าง ๆ มากมาย ซึ่งบางจุดก็จำลองให้เห็นถึงสภาพของการใช้งานในสมัยก่อนด้วย ทั้งนี้ ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์ของการกินอาหารในปราสาทสวยแห่งนี้ ก็มีร้านอาหารและคาเฟ่ไว้รองรับด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
kalmarslott.se
4. เมืองวิสบี (Visby)
เมืองวิสบี เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ Gotland ในทะเลบอลติก ได้รับการจดบันทึกให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1995 ด้วยเป็นเมืองเก่าของชาวไวกิ้งที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมต่าง ๆ และรูปแบบเมืองโบราณไว้ได้อย่างสมบูรณ์ บ้านเรือนต่าง ๆ มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยยุคกลาง สร้างเป็นหลังเล็ก ๆ บางหลังสร้างด้วยอิฐ-ปูน บ้างหลังสร้างด้วยไม้ มีตรอกเล็ก ๆ ให้เดินลัดเลาะเที่ยวชม เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของที่นี่ ก็คือ กำแพงหินยาวล้อมรอบเมือง ยาวประมาณ 3.4 กิโลเมตรเลยทีเดียว ช่วงเวลาที่น่าท่องเที่ยวของที่นี่จะอยู่ในช่วงหน้าร้อน ดอกไม้จะบานสะพรั่ง ท้องฟ้าสดใส อากาสเย็นสบาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
visbysweden.com
5. Oresund Bridge
สะพานที่ทอดข้ามระหว่างช่องแคบเออเรซุนด์ (Oresund) เชื่อมระหว่างเมืองโคเปญเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก กับเมืองมาลโม (Malmo) ประเทศสวีเดน มีระยะทางทั้งหมดราว ๆ 16 กิโลเมตร โดยที่ 8 กิโลเมตรนั้นเป็นสะพานเหนือท้องทะเลมาจากทางฝั่งประเทศสวีเดนมาถึงยังเกาะกลางทะเล คือ เกาะ Peberholm บวกกับอีก 4 กิโลเมตรบนเกาะ Peberholm และอีกราว ๆ 4 กิโลเมตร ซึ่งเป็นอุโมงค์ลอดใต้ทะเลไปยังทางฝั่งเมืองโคเปญเฮเกน
6. ICEHOTEL
โรงแรมน้ำแข็ง ที่ตั้งอยู่ในเมือง Jukkasjarvi ทางเหนือของประเทศสวีเดน นักท่องเที่ยวจะได้ประสบการณ์ในการพักผ่อนในโรงแรมที่สร้างจากน้ำแข็งทั้งหมด แต่ละห้องก็มีการออกแบบที่สวยงามแตกต่างกันออกไป มีการแกะสลักน้ำแข็งและตกแต่งสวยงามอลังการจนแทบไม่อยาจะเชื่อว่าจะสร้างมาจากน้ำแข็ง โรงแรมแห่งนี้จะสร้างขึ้นใหม่ทุกปีในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
icehotel.com
ภาพจาก Viktorishy / Shutterstock.com
7. Liseberg
ตั้งอยู่ในเมืองโกเธนเบิร์ก (Gothenburg) เป็นสวนสนุกยอดนิยมในโซนสแกนดิเนเวีย สร้างมาตั้งแต่ปี 1923 ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องเล่นสนุก ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสไลเดอร์และเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวนานาชนิด แต่ก็ยังมีเครื่องเล่นที่เหมาะกับเด็ก ๆ ที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ด้วย ที่นี่จึงเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เที่ยวกันได้ทั้งครอบครัว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
liseberg.com
ภาพจาก Mikhail Markovskiy / Shutterstock.com
8. Smogen
Smogen หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ทางฝั่งตะวันตกของประเทศสวีเดน ติดกับชายฝั่งทะเลเหนือ มีประชากรเพียงแค่ราว ๆ 1,300 คนเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีความน่าสนใจ ก็คือ บ้านเรือนที่ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือริมชายฝั่ง ซึ่งมีรูปทรงเหมือนกันทุกหลัง และทาสีสันสดใสสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งภายในตัวหมู่บ้านก็ยังมีบ้านเรือนสวย ๆ ร้านอาหาร ร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้ไปชิลอีกด้วย
9. เมืองออสโล (Oslo)
เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เติบโตเร็วมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทั้งเศรษฐกิจ การเงิน การศึกษา และการท่องเที่ยวที่สำคัญของนอร์เวย์ นั่นจึงทำให้ที่นี่มีค่าครองชีพแพงระยับ เอกลักษณ์ของที่นี่คือเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมทั้งเก่าและใหม่สวยงามมากมาย นักท่องเที่ยวที่ชอบงานศิลปะจะต้องหลงรักที่นี่อย่างแน่นอน เพราะภายในเมืองออสโลจะเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ และโรงละคร นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและคลับบาร์ให้ได้เลือกนั่งพักผ่อนกันชิล ๆ เพียบ
สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในออสโล เช่น Viking Ship Museum, The National Museum, Royal Palace, Holmenkollen Ski Jump and Museum, Oslo Cathedral, Natural History Museum & Botanical Gardens, Akershus Fortress และ Vigeland Sculpture Park เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
visitoslo.com/en
ภาพจาก Anna Jedynak / Shutterstock.com
10. เมืองทรอมโซ (Tromso)
เมืองยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวมักไปตามล่าหาแสงเหนือ เพราะตั้งอยู่ใกล้กับเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล นอกจากปรากฏการณ์แสงเหนือแล้ว เมืองนี้ก็ยังมีเสน่ห์อันน่าหลงใหล ด้วยเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางเหนือของประเทศนอร์เวย์ รายล้อมไปด้วยขุนเขาสีขาวกว้างใหญ่ บ้านเมืองเงียบสงบ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ในช่วงซัมเมอร์บรรยากาศก็ชิล มีเกาะแก่งให้ไปเดินเล่นและทำกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
visittromso.no
11. นอร์ธ เคป (North Cape)
ตั้งอยู่ที่ทางด้านเหนือสุดของเกาะมาเกโรยา (Mageroya) ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่เหนือสุดของประเทศนอร์เวย์ด้วยเช่นกัน มีลักษณะเป็นปลายแหลมอยู่บนหน้าผาสูงประมาณ 307 เมตรจากระดับน้ำทะเล ด้านล่างคือท้องทะเลแบเร็นตส์ (Barents Sea) สุดกว้างใหญ่ จากตำแห่งที่ตั้งของนอร์ธ เคป ทำให้ที่นี่สามารถชมปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ตลอดช่วงฤดูร้อน สถานที่แห่งนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเสด็จเยี่ยมเยือนเมื่อปี พ.ศ. 2450 ซึ่งมีนิทรรศการเกี่ยวกับพระองค์จัดแสดงอยู่ด้วย
12. โทรลล์ทุงกา (Trolltunga)
สถานที่ท่องเที่ยวแนวผจญภัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีลักษณะเป็นชะง่อนหินยื่นออกไปกลางอากาศสูงเหนือจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,100 เมตร จึงดูน่าหวาดเสียวสุด ๆ แต่กระนั้นนักท่องเที่ยวก็ยังชื่นชอบ เพราะจากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ของขุนเขาและทะเลสาบ Ringedalsvatnet ที่อยู่เบื้องล่างได้อย่างอลังการมาก ๆ เส้นทางนี้จะสามารถเดินขึ้นไปเที่ยวได้ในช่วงระหว่างกลางเดือนมิถุนายน-กลางเดือนกันยายน ใช้เวลาประมาณ 10-12 ชั่วโมง ระยะทางไป-กลับประมาณ 23 กิโลเมตร เหมาะกับสายลุย
13. ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord)
ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง Stranda Municipality ทางด้านตะวันตกของประเทศนอร์เวย์ มีลักษณะเป็นหุบเขาสูงชันซึ่งเกิดจากการัดเซาะของสายน้ำ บริเวณบนภูเขาก็เต็มไปด้วยป่าไม้เขียวขจีอุดมสมบูรณ์ บางจุดก็มีน้ำตกไหลจากหน้าผาลงสู่แม่น้ำเบื้องล่างด้วย นักท่องเที่ยวนิยมที่จะล่องเรือชมวิวกันในช่วงหน้าร้อน
14. เมืองบรีเก็น (Bryggen)
เมืองท่าเก่าแก่อีกแห่งของประเทศนอร์เวย์ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกใกล้กับทะเลเหนือและทะเลนอร์วีเจียน โดดเด่นด้วยท่าเรือที่มีบ้านเรือนเป็นอาคารไม้แบบโบราณตั้งเรียงรายตลอดชายฝั่งประมาณ 50-60 หลัง มีสีสันสดใสสวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ บางหลังก็ดัดแปลงมาเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และร้านกาแฟ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งทอดอารมณ์ชิล ๆ นอกจากบริเวณท่าเรือแล้ว ในตัวหมู่บ้านก็น่าเดินท่องเที่ยว บรรยากาศสวยงามดรแมนติกเช่นกัน ทั้งนี้เมืองบรีเก็นได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1979 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
visitbergen.com
15. หมู่บ้านชาวประมง Reine
หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ บนเกาะ Lofoten ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอลังการ ภาพของบ้านเรือนสไตล์สแกนดิเนเวียนสีแดงตั้งอยู่ริมชายฝั่ง โดยมีข้างหลังเป็นภูเขาหิมะสูงใหญ่ ได้กลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของนอร์เวย์ไปแล้ว นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาเห็นภาพดังกล่าวด้วยตาตัวเองแล้ว ก็ยังจะได้มาสัมผัสกับวิถีชีวิตชาวประมงทางฝั่งยุโรปเหนือด้วย
ภาพจาก Joerg Steber / Shutterstock.com
16. Urnes Stave Church
สถานที่ท่องเที่ยวของนอร์เวย์ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก สร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงระหว่างศตวรรษที่ 12-13 เป็นโบสถ์ไม้สีดำสไตล์สแกนดิเนเวีย มีหลังคาซ้อนกัน 3 ชั้น มีโดมอยู่ยอดบนสุด ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ Lustrafjorden ในเมือง Luster ทางฝั่งตะวันตกของประเทศ
17. เมืองโคเปนเฮเกน (Copenhagen)
เมืองโคเปนเฮเกน เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของประเทศ ติดกับช่องแคบเออเรซุนด์ (Oresund) ใกล้กับประเทศสวีเดน ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองหลวง แต่ก็ไม่ได้วุ่นวาย ยังคงมีมุมสงบให้ได้เดินเล่นพักผ่อนเพียบ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยงานสถาปัตยกรรมเก๋ ๆ และงานศิลปะที่น่าสนใจมากมาย ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวโคเปนเฮเกนจะต้องลองขี่จักรยานชมเมืองกันสักครั้ง เพราะที่นี่มีการจัดสรรพื้นที่ถนนเพื่อคนปั่นจักรยานโดยเฉพาะ ทำให้กลายเป็นเมืองจักรยานอันดับ 1 ของโลกเลยล่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดในโคเปนเฮเกน เช่น Christiansborg Palace, Tivoli Gardens, City Hall, Royal Danish Library, National Museum of Denmark, Nyhavn Harbor, The Round Tower, Amalienborg Castle, Rosenborg Palace, Kastellet, The Little Mermaid, Stroget, Louisiana Museum of Modern Art, Frederiksborg Castle และ ARKEN Museum of Modern Art เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ visitcopenhagen.com
18. ย่านท่าเรือ Nyhavn เมืองโคเปนเฮเกน
Nyhavn ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำภายในเมืองโคเปนเฮเกน เป็นย่านกินเที่ยวที่สำคัญของเมืองมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 โดดเด่นด้วยบ้านเรือนสไตล์สแกนดิเนเวียนเก่าแก่สีสันสดใส ซึ่งตั้งเรียงรายอยู่ริมน้ำ มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟให้บริการมากมาย ชาวเมืองมักจะนัดมาเจอมากินข้าวกันในย่านนี้ โดยเฉพาะหน้าร้อนที่บรรยากาศจะคึกคัก อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การนั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ชมวิวสังสรรค์กับเพื่อนร่วมเดินทาง
19. เมืองออฮุส (Aarhus)
เมืองออฮุส ตั้งอยู่ริมอ่าวออร์ฮุสทางฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรจัตแลนด์ เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศเดนมาร์ก ซึ่งได้ผสมผสานระหว่างความเก่าและความทันสมัยให้เข้ากันได้อย่างลงตัว ภายในเมืองเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมช่วงตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 10 มากมาย มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติให้เที่ยวไม่น้อยไปกว่าเมืองโคเปนเฮเกนเลยล่ะ
ที่เที่ยวออฮุสที่น่าสนใจ เช่น Den Gamle By - The Old Town Museum, ARoS Aarhus Kunstmuseum, The New Moesgard Museum, Aarhus Cathedral, Moesgaard Museum, The Concert Hall Aarhus, The Viking Museum, The Infinite Bridge, Salling ROOFTOP, DOKK1 และ Salling ROOFTOP เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
visitaarhus.com
ภาพจาก Lars Meinel / Shutterstock.com
20. เมืองไรบ์ (Ribe)
เมืองเล็ก ๆ ริมฝั่งทะเลเหนือ ทางด้านตะวันตกของประเทศเดนมาร์ก เป็นเมืองเก่าแก่ของชาวไวกิ้งที่มีบรรยากาศสวยงามน่าท่องเที่ยว โดยสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ของบ้านเรือนยังคงเป็นสไตล์แบบสมัยศตวรรษที่ 8 ผู้คนใจดี และมีประชากรไม่มาก การเดินเที่ยวที่นี่จึงมีความเป็นส่วนตัว นักท่องเที่ยวจะได้เดินชมเมืองไปบนถนนที่ปูด้วยหินทั่วทั้งเมือง มีร้านอาหาร ร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้แวะนั่งพักผ่อน และยังมีพิพิธภัณฑ์และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมให้ได้เที่ยวชมด้วย
ที่เที่ยวไรบ์ที่น่าสนใจ เช่น Ribe Ild Town, Ribe Viking Museum, Ribe Cathedral, Jacob A. Riis Museum, Wadden Sea Centre, Ribe Kunstmuseum เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ visitribe.com
21. สคาเกน (Skagen)
เป็นอีกเมืองที่น่าสนใจของเดนมาร์ก ตั้งอยู่เหนือสุดของคาบสมุทรจัตแลนด์ เป็นจุดที่ทะเลสแกเกอร์แรก (Skagerrak) และทะเลคัตเทกัต (Kattegat) มาบรรจบกัน เป็นเมืองที่มีชายฝั่งทะเลสวยงาม มีหาดทรายกว้างขาวสะอาดตายื่นไปในทะเลกว้างใหญ่ มีสัญลักษณ์สำคัญคือ รสบัสสีแดงที่จอดอยู่ปลายแหลมสุดของหาด ที่ใกล้ ๆ กัน ก็มี Grenen Kunstmuseum และ Skagen Gray Lighthouse ให้ได้เข้าเที่ยวชม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
visitnordjylland.com
นอกจากนี้แต่ละประเทศก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรออยู่อีกมากมาย ให้เที่ยวกันทั้งเดือนก็อาจจะยังเก็บไม่หมดเลยล่ะ ใครมีวันลาพักร้อนเยอะ ๆ ไหน ๆ ไปเที่ยวโซนนั้นแล้ว ก็เก็บให้หมดไปเลยนะ :)
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
visitstockholm.com, kungligaslotten.se, kalmarslott.se, visbysweden.com, liseberg.com, icehotel.com, visitoslo.com/en, visitnorway.com, visitcopenhagen.com