นาขั้นบันได ที่เชียงใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งความสวยงามทางธรรมชาติที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาค้นหาเสน่ห์ ภาพของนาข้าวสีเขียวที่ลัดเลาะตามไหล่เขาหรือเนินสูง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามในช่วงฤดูฝนและปลายฝนต้นหนาว เหมาะกับการมาสัมผัสบรรยากาศดี ๆ เป็นที่สุด เช่นเดียวกับ คุณสองขาสะพายกล้อง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้มีโอกาสแอ่วเหนือขึ้นไปชมความสวยงามของทุ่งนาสีเขียวที่เชียงใหม่มาแล้ว และก็เป็นจริงตามคาด วิวของนาข้าวที่เชียงใหม่ จัดได้ว่าสวยงามระดับขั้นเทพ จะสวยงามมากน้อยแค่ไหน ไม่รอช้า...ตามไปดูด้วยกันเลย
สวัสดีครับวันนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปแอ่วเชียงใหม่กันครับ จะพาไปดูทุ่งนาสวย ๆ ทางภาคเหนือกัน อาจจะผิดช่วงเวลากันสักนิด แต่ก็ลงไว้เผื่อเป็นไกด์นำทางสำหรับคนที่วางแผนจะไปเที่ยวกันในปีนี้ เป็นครั้งแรกของผมที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่ ผมเดินทางช่วงปลายเดือนสิงหาคมเมื่อปีที่แล้ว (2558) เป้าหมายที่จะพุ่งชนของผมทริปนี้คือนาขั้นบันได อำเภอแม่แจ่ม แล้วค่อยกลับเข้าเชียงใหม่ กะจะไปเดินทอดน่องบนถนนคนเดินที่ตัวเมืองเชียงใหม่สักหน่อย
กระทู้นี้เป็นกระทู้พาเที่ยวแบบบ้าน ๆ สไตล์ผมนะครับ อะไรที่ดีน่าประทับใจ อะไรที่ไม่ดี ไม่น่าประทับใจผมก็จะบอกเล่าไปตามความรู้สึกของผม ผมไม่ได้มีเจตนาและผลประโยชน์ใด ๆ กับการรีวิวพาเที่ยวครั้งนี้ทั้งสิ้นนะครับ
ป.ล. ภาพเยอะหน่อย สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง ข้อความยาวหน่อย ถูกบ้าง ผิดบ้าง ขออภัยไว้ด้วยนะครับ
ฝากสองกระทู้ก่อนหน้านี้ด้วยนะครับ
เพชรบูรณ์เมืองในสายหมอก : pantip.com/topic/34066746
ตะลอนทริป สามวันสองคืน สามเมืองสามทะเล เยือนเมืองจันท์ ท่องเกาะแสมสาร ตะลุยเขาแหลมหญ้า : pantip.com/topic/34158290
+++พูดคุยทักทายกันได้ที่นี่นะครับ+++
เฟซบุ๊ก yuttana.pichanchai
เริ่มเลยนะครับ ผมออกเดินทางจากจังหวัดนครราชสีมาด้วยรถ VIP ของบริษัท นครชัยแอร์ รถออกสองทุ่มถึงเชียงใหม่แปดโมงเช้าพอดี เรียกว่านั่งจนรากงอกเลยทีเดียว 555 ลงรถที่ขนส่งเชียงใหม่ ล้างหน้าล้างตาแล้วต่อรถแดง (30 บาท) เพื่อที่จะไปต่อรถที่ประตูเมืองเชียงใหม่ไปยังอำเภอจอมทอง (34 บาท) แล้วค่อยต่อรถจากจอมทองไปแม่แจ่ม (70 บาท) อีกทีหนึ่งครับ เดินทางมาถึงจอมทองตั้งใจว่าจะแวะไหว้พระที่จอมทองก่อน แต่รถจอมทองไปแม่แจ่มกำลังจะออกพอดีก็เลยคว้ากระเป๋ากระโดดขึ้นรถเลยครับ คุณลุงใจดีมากให้ผมนั่งหน้าผมเลยได้โอกาสสอบถามเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวกับคุณลุง ซึ่งคุณลุงก็ให้ข้อมูลโดยไม่รำคาญผมเลยสักนิด ระหว่างทางก็ชมนก ชมไม้ ชมวิวไปเรื่อยครับ ถึงโค้งจะเยอะแต่คุณลุงขับรถใจเย็นมาก ๆ ครับ ไว้ใจได้เรื่องความปลอดภัย ถ้าเป็นผมเจอโค้งแบบนี้คงซิ่งกระจาย 555
ผมมาถึงแม่แจ่มประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ คุณลุงยังใจดีพาผมไปเช่ามอเตอร์ไซค์โดยไม่คิดค่ารถเพิ่มแต่อย่างใด กราบขอบคุณอีกครั้งครับผม ผมเช่ามอเตอร์ไซค์สองวัน (วันละ 300 บาท ไม่รวมน้ำมัน) เพื่อเอามาเป็นคู่หูเดินทาง ได้คู่หูแล้วก็เดินทางไปบ้านพักเพื่อเอาสัมภาระไปเก็บก่อนเดินทางตะลุยทุ่งนา ผมพักที่มนต์เมืองแจ่ม ที่พักอยู่ไกลจากตัวเมืองแม่แจ่มพอสมควร แต่ที่เลือกที่นี่เพราะถูกใจวิวหน้าบ้านครับ...^_^
เช้า ๆ ที่ขนส่งเชียงใหม่ครับ ล้างหน้าล้างตากันที่นี่
รถแดงเชียงใหม่นั่งชิล ๆ รอรถออก
ประตูเมืองเชียงใหม่ครับ ป้ายคาราบาวแดงเด่นมากกกกกกกกก
ท่ารถไปจอมทองครับ
ระหว่างทางเจอเจ้าตัวนี้มานั่งตากฝน...ตาแบ๊วมากอะ
ในที่สุดก็มาถึงแม่แจ่มครับ คันนี้คู่หูของผมในทริปนี้
วิวหน้าที่พักครับ มนต์เมืองแจ่มในวันที่ฟ้าครึ้ม ๆ
มองเห็นตัวเมืองไกล ๆ
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยคุณแม่ของคุณแป๊บ เจ้าของบ้านพัก ก็ได้แนะนำให้ผมจ้างไกด์เพื่อพาเที่ยวในราคา 300 บาทต่อคน จริง ๆ ราคานี้ก็ไม่แพงครับ แต่ผมเลือกที่จะลุยเองมากกว่าถึงจะแอบหวั่น ๆ ในใจอยู่เล็ก ๆ ก็ตาม ผมออกเดินทางสู่ป่าบงเปียง นาขั้นบันไดที่ขึ้นชื่อของประเทศไทย ทั้งเรื่องความสวยงามและความลำบากในการเดินทาง แต่คนอย่างผมกลัวซะที่ไหน 555 สองข้างทางของที่นี่จะเต็มไปด้วยทุ่งนา ไร่ข้าวโพด (เยอะมาก ๆ) และฟักทอง ที่ปลูกอยู่เต็มพื้นที่จนแทบจะไม่พื้นที่ว่างเลย เรียกว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มค่ามาก ๆ ครับ ตรงไหนสวยตรงไหนน่าสนใจผมก็จอดรถถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ เส้นทางเป็นถนนลาดยางสองเลน ขับง่ายสบาย ๆ เจ้าคลิก 125 เลยลุยได้สบาย ๆ
แต่ความหรรษาเพิ่งจะเริ่มขึ้นเมื่อเริ่มเข้าสู่บ้านตีนผานาขั้นบันได อีกจุดที่สวยงามเลยจอดเก็บภาพอีกชุดใหญ่ และเพิ่งสังเกตว่าวันนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวกรุ๊ปอื่นเลยนอกจากกรุ๊ปผม ชมความงามที่บ้านตีนผาเสร็จผมก็ลุยขึ้นบ้านป่าบงเปียง ด้วยเส้นทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อโคลนและน้ำที่ไหลลงมาจากตีนเขา โหดจริงฮะ ผมล่ะสงสารเจ้าคลิก 125 จริง ๆ ขับลุยขึ้นมาได้สักพักความโชคร้ายก็มาเยือน เพราะฝนกำลังใกล้เข้ามาทุกที ผมเลยรีบควบรถขึ้นมาจนถึงนาขั้นบันไดป่าบงเปียง ผมรีบจอดรถคว้ากล้องมาถ่ายภาพกดได้ไม่ถึงสิบภาพฝนที่อยู่ไกล ๆ ก็มาเล่นงานผมซะแล้ว ผมทำได้แค่วิ่งหากระต๊อบหลบฝน ทั้งลมทั้งฝนตกลงมาแบบไม่สงสารผมเลย กว่าฝนจะหยุดพระอาทิตย์ก็ลาลับไปแล้ว เลยทำได้แค่เก็บภาพอีกไม่กี่ภาพแล้วจึงขี่รถกลับ ในป่าน่ากลัวนะครับ พระอาทิตย์ตกปุ๊บฟ้ามืดปั๊บ ในป่ายิ่งวังเวงเป็นสองเท่าเพราะไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง และห่างไกลจากผู้คน จะขี่รถเร็วมากก็ไม่ได้เพราะถนนบนนี้โหดมาก ๆ แต่ก็กลับมาถึงที่พักได้อย่างปลอดภัย แอบมีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ ก่อนนอน....ทำเอาผมหลับฝันดีเลย...^_^
ทุ่งนาระหว่างทางครับ
เจออะไรเขียว ๆ ก็จอดถ่ายครับไม่เร่งรีบ อีกจุดก่อนถึงบ้านตีนผา อดใจจอดรถถ่ายภาพไม่ไหวเลยกดมาสักหน่อย อิอิ
เพลินจริง ๆ ครับ
บ้านตีนผาครับ เส้นทางเริ่มโหดร้ายแต่เห็นวิวแล้วคุ้มครับผม
ในที่สุดก็ผ่านความยากลำบากขึ้นมาถึงจนได้สวยจริง ๆ ครับ แต่ฝนมาแล้วเลยถ่ายได้ไม่กี่ภาพฝนตกซะแล้วครับ...Y_Y
ลมแรงพัดมาแป๊บเดียวฝนถึงตัวเลยครับ
ภาพสุดท้ายก่อนโดนฝนถล่ม หอบกล้องหลบฝนแทบไม่ทัน ไปหลบอยู่ในกระต๊อบของใครก็ไม่รู้ 55
หลังจากฝนหยุดก็มืดแล้วเลยเก็บภาพอีกนิดหน่อยเท่าที่พอจะทำได้ เพราะยังต้องแว้นผ่านความมืดกลับลงไปที่แม่แจ่มอีก ที่สำคัญฝนที่เพิ่งตกลงมาคงทำให้เส้นทางโหดร้ายขึ้นมาอีกหลายเท่า Y_Y
ฝากไว้ก่อนนะบ้านป่าบงเปียงมีโอกาสเราคงได้พบกันใหม่...เป็นที่หลักที่ต้องการมาถ่ายแต่ดันได้รูปน้อยที่สุดซะงั้น...Y_Y
เซอร์ไพรส์เล็ก ๆ กับเค้กวันเกิดน่ารัก ๆ แสนอร่อยขอบคุณครับผม...^_^
ต่อกันในเช้าวันใหม่วันนี้ตั้งใจว่าจะขึ้นป่าบงเปียงอีกรอบ แต่ท้องฟ้าช่างหม่นหมองมองขึ้นไปแล้วคงเจอฝนอีกแน่ ๆ จึงเปลี่ยนแผนไปเป็นไปเก็บนาขั้นบันไดที่บ้านกองกาน แล้วจะลงไปเก็บนาขั้นบันไดที่แม่กลางหลวงแทน
ก่อนเดินทางกองทัพต้องเดินด้วยท้อง หลังจากสอบถามกับคนพื้นที่แล้วจึงมุ่งตรงไปที่ร้านนี้ครับ ร้านแม่จันทร์ เป็นร้านอาหารพื้นบ้านร้านเล็ก ๆ ราคาประหยัดมาก ๆ ครับแถมอร่อยด้วย ใครไปเที่ยวแม่แจ่มอย่าลืมไปลองชิมนะครับห้ามพลาดเด็ดขาด แถมยังได้คำแนะนำจุดชมวิวสวย ๆ และวัดที่มีประวัติยาวนาน คนที่นี่น่ารักนะครับ อัธยาศัยดีมาก ๆ น่าอยู่มาก ๆ ครับ แต่ผมก็แอบคิดไม่ได้ว่าถ้านักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือนที่นี่มาก ๆ วิถีชีวิตของคนที่นี่จะเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไปเยอะหรือเปล่า เหมือนกับครั้งแรกที่ผมได้ไปเยือนภูทับเบิกที่มีแต่ไร่กะหล่ำปลีสุดลูกหูลูกตา และธรรมชาติที่ทุกคนอยากสัมผัส แต่ให้หลังเพียงสามปีภูทับเบิกที่ผมเคยไปเยือนก็กลายเป็นแค่ความทรงจำ เพราะปัจจุบันมันได้กลายเป็นภูเขารีสอร์ทไปเสียแล้ว
นอกเรื่องไปไกล 555 ดึงกลับเข้ามาที่แม่แจ่มต่อ หลังจากอิ่มแล้วผมก็ขี่รถขึ้นไปชมวิวที่สามารถมองลงมาเห็นแม่แจ่มได้ทั้งเมืองแล้ว ลงมาไหว้พระที่วัดพุทธเอ้น ซึ้งมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ผุดขึ้นมาตลอดทั้งปี ชาวแม่แจ่มล้วนใช้ดื่มกิน ผมเลยถือโอกาสซดไปอึกใหญ่ ๆ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลังจากไหว้พระเสร็จผมก็ซิ่งไปที่นาขั้นบันไดบ้านกองกาน ที่นี่เพิ่งจะดำต้นกล้าได้ไม่นานแต่ก็ยังถือว่าสวยงามอยู่ดี ถ่ายภาพที่นี่เสร็จผมก็แว้นจากแม่แจ่มลงมาที่แม่กลางหลวง ซึ่งไกลพอสมควร ระหว่างทางเจอทั้งฝน ทั้งหมอก ทั้งอากาศที่หนาวเย็น แต่ก็สนุกนะครับ สำหรับผมที่แม่กลางหลวงเจอแก๊งน้องหมา น้องหมาที่นี่สุขภาพจิตดีมาก ผมสังเกตทั้งที่แม่กลางหลวงและที่แม่แจ่มมันเป็นมิตรกับผู้คน ไม่เห่า ไม่ไล่กัด ไม่เหมือนหมาในเมืองที่พร้อมจะกัดตูดเราตลอดเวลา 555
ถ่ายรูปที่แม่กลางหลวงเสร็จผมก็แว้นกลับแม่แจ่ม จะบอกว่าหนาวจนหน้าชา กลับมาทันแสงเย็นที่แม่แจ่มพอดี เลยได้เก็บแสงเย็นที่มนต์เมืองแจ่มพอดี พูดถึงที่พักสักนิดครับมนต์เมืองแจ่ม เป็นบ้านพักที่เงียบสงบ วิวสวย และคุณแม่ของคุณแป๊บ เจ้าของที่พัก ดูแลเราเป็นอย่างดี ที่พักสะอาดน่าอยู่ครับ จะติก็แค่ถ้าเปลี่ยนอาหารเช้าจากมาม่าคัพเป็นข้าวต้มหมูคงจะดีมิใช่น้อย คืนนี้อาบน้ำเสร็จก็ขี่รถออกมาหาอะไรอร่อย ๆ กินก่อนนอน เป็นอีกร้านที่แนะนำครับ เฮือนม่านมุก อาหารอร่อย เพลงเพราะ บรรยากาศดี เจ้าของร้านอัธยาศัยดี ราคาไม่แพง
ทุ่งนาระหว่างทางจากที่พักเข้าตัวเมืองแม่แจ่มครับ สวยดีเลยเก็บมาฝากกัน
วิวเมืองแม่แจ่มจากมุมสูงครับ...^_^
วัดพุทธเอ้นระหว่างทางไปทุ่งนาครับสงบร่มเย็นมาก ๆ
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีน้ำผุดขึ้นมาตลอดทั้งปี
ต่อกันที่นาขั้นบันไดบ้านกองกานเลยนะครับ
ทริปนี้ใช้ nikon 35 f 1.8G Dx sigma 15-30 เลนส์เก่ากล้องฟิล์ม แล้วก็ nikon 70-200 ครับ
หลังจากถ่ายภาพที่บ้านกองกานเสร็จแล้วผมก็แว้นลงมาที่แม่กลางหลวง อยากจะบอกว่าระหว่างทางอากาศดีมาก และหนาวมากเช่นกัน หน้าชาเลยทีเดียวครับ
เขียวขจีจริง ๆ ครับ
สักพักมีแก๊งนี้วิ่งมาต้อนรับครับ...น่ารักมาก
ส่วนเจ้าตัวนี้นอนหลับสบายเลยคงกำลังฝันดี 555
วันนี้กลับมาเก็บแสงเย็นที่หน้าบ้านพักครับ ที่มนต์เมืองแจ่ม
แสงสุดท้ายของวันนี้ กับป้ายมนต์เมืองแจ่ม แต่ที่มองเห็นไกล ๆ คือดอยม่อนหมาก แม่แจ่ม ที่เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามอีกที่หนึ่งสักวันผมคงได้ไปเยือน
อาบน้ำเสร็จก็ขี่รถออกมาหาอะไรอร่อย ๆ กินก่อนนอน เป็นอีกร้านที่แนะนำครับ เฮือนม่านมุก อาหารอร่อย เพลงเพราะ บรรยากาศดี เจ้าของร้านอัธยาศัยดี ราคาไม่แพง
เช้าวันสุดท้ายของผมที่แม่แจ่ม เอากุญแจที่พักไปคืนแม่คุณแป๊บ คุณแม่ได้บอกกับผมว่าให้ขี่รถออกไปอีกด้านหนึ่งก็ได้ จะได้ไม่ต้องอ้อมไกล ผมเลยลองขี่ไปตามทางที่คุณแม่บอก ผมได้แต่ร้องเสียดายเพราะเมื่อวานถ้าผมรู้ว่ามีมุมนี้อยู่ใกล้ ๆ ที่พักผมคงได้ภาพแสงเย็นที่สวยมาก ๆ ก็เลยได้แต่ถ่ายเก็บมุมนี้เอาไว้ปลอบใจตัวเอง
ลาแล้วแม่แจ่ม สักวันเราคงได้พบกันอีก ได้แต่หวังว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนคงไม่ทำให้วิถีชีวิตของคนที่นี่ต้องเปลี่ยนไปนะครับ....^_^
โปรแกรมวันนี้กลับลงไปเชียงใหม่เช่ารถยนต์ (เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ผมเช่าวีออสในราคา 600 บาท/วัน) แล้วไปเที่ยวต่อที่ม่อนแจ่ม เพราะเพิ่งเห็นกระทู้รีวิวว่าช่วงนั้นดอกไม้กำลังบานสะพรั่งเต็มม่อน....แต่ว่าสิ่งที่ผมเจอทำเอาผมอึ้ง....แมนรับบ่ได๋...มันบ่ช่ายยยย...มันคือเป็นจังซี่...Y_Y ไม่มีอะไรครับคือไม่มีอะไรจริง ๆ ต้นไม้ดอกไม้ถูกถอนเรียบ ดูเหมือนว่าวันที่ผมไปม่อนแจ่มคงกำลังจะปรับปรุงแปลงดอกไม้ทั้งหมด นักท่องเที่ยวในวันนั้นต่างพากันบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ผมเดินเก็บภาพเท่าที่พอจะทำได้แล้วจึงกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ด้วยความผิดหวัง และต้องรีบมาหาที่พักเพราะยังไม่ได้จองที่พักไว้ กว่าจะได้ที่พักก็ปาไปเกือบทุ่มหนึ่ง ที่พักคืออินดี้เฮ้าส์ ^_^
ว่างเปล่า...Y_Y
แต่มีมุมนี้ครับที่น่าสนใจแต่นักท่องเที่ยวก็รอคิวเพื่อที่จะสัมผัสกับวิวของที่นี่
ได้นั่งทานอาหารชมวิวคงจะดีไม่น้อย
สุดท้ายกับเด็ก ๆ ชาวเขาน่ารัก ๆ และร้านของฝากของที่นี่ครับ
หลังจากได้ที่พักผมก็เอารถเข้าไปจอดแล้วอาบน้ำอาบท่า เพื่อจะไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินคงจะเพลินเหมือนที่เราดูในหนัง แต่มันผิดตั้งแต่เริ่มเดินทางไป ผมตั้งใจจอดรถไว้แล้วนั่งรถแดงไปเที่ยว พอโบกรถได้ แจ้งความจำนงกับคนขับไปว่าผมต้องการไปถนนคนเดินเชียงใหม่ ปรากฏว่าพี่คนขับเอาผมไปปล่อยไว้ที่ไนท์บาซาร์ซะงั้น Y-Y ด้วยความไม่รู้ผมเดินเล่นสักพักรู้สึกว่ามันไม่ใช่เลยถามคนที่นั่นว่าที่นี่ที่ไหน จึงถึงบางอ้อว่าไม่ใช่ถนนคนเดินแต่เป็นไนท์บาซาร์ ถ้าจะไปถนนคนเดินต้องเดินไปอีกสองกิโลเมตร ผมเลยถามพี่คนขับตุ๊กตุ๊กว่าไปไหมราคาเท่าไร พี่แกคงมองเหมือนผมเป็นคนรวยมาก บอกมาราคา 200 บาท ไม่คิดนานครับ ผมเลือกเดินเอาดีกว่าจะถูกคนพวกนี้ฉวยโอกาส เดิน ๆ ไปก็ไม่เหงาครับฝรั่งเดินกันเยอะแยะ และแล้วก็เดินจนถึงครับ ตระการตาไปด้วยสินค้ามากมายหลากหลาย แต่ที่หลากหลายกว่าสินค้าคือผู้คน ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าและนักท่องเที่ยวผมว่าคนต่างชาติเยอะกว่าคนไทยซะอีก
ผมเดินไปก็ถ่ายภาพเล่นไปแต่...มีแต่อีกแล้ว 555 ผมยกกล้องขึ้นกำลังจะกดถ่ายภาพแต่เจ๊เจ้าของร้านตะโกนเสียงดังด้วยความไม่พอใจว่าห้ามถ่ายภาพอันนี้เป็นงานแฮนด์เมด ห้ามถ่ายเดี๋ยวจะเอางานไปก๊อป งานของเจ๊ชิ้นละ 10-20 บาท ถ้าผมอยากก๊อปผมคงลงทุนซื้องานเจ๊มาก๊อปเลยดีกว่าไหม ผมมองหาป้ายห้ามถ่ายภาพแต่ก็ไม่เห็นมีป้ายห้ามอะไร ผมเลยไม่สนใจเดินเที่ยวต่อ แล้วผมก็โดนต่อว่าอีกสองร้านว่าห้ามถ่ายภาพ หลังจากนั้นผมแทบไม่กล้ายกกล้องขึ้นมาถ่ายเลย จะถ่ายร้านไหนต้องถามต้องขออนุญาตเจ้าของร้านก่อนทุกร้านไป แต่ยอมรับว่าที่นี่หลากหลายมาก ๆ ทั้งสินค้า ทั้งผู้คน กว่าจะเดินสุดทางก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
ขากลับนั่งรถแดงกลับเหมือนเดิม มีผู้ร่วมทางด้วยเป็นฝรั่งสองคน ฝรั่งบอกจะไปที่พักแต่คนขับพาไปปล่อยไว้หน้าวัด สองฝรั่งยืนทำหน้างง ๆ ว่าจะไปทางไหนต่อดี ผมเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเพราะผมเองก็โดนรถแดงเอาไปปล่อยไว้ก่อนที่จะถึงที่พักอีกสามซอยเหมือนกัน เดินจนขาลากเลยทีเดียว ปิดทริปวันนี้ด้วยความผิดหวังแทบจะทั้งวัน...*_*
เจ้าหมีเหลืองตัวใหญ่
ที่นี่ที่ไหน...โดนรถแดงเอามาปล่อย 555
หลังจากเดินจากไนท์บาซาร์มาจนถึงถนนคนเดิน ก็เล่นเก็บไปเรื่อยถ่ายภาพเท่าที่พอจะถ่ายได้ครับ คุณตาคุณยายคู่นี้น่ารักมากครับ
กระเป๋าน้องหมาน่ารัก ๆ
แก๊งนี้เจี๊ยวจ๊าวกันน่าดู
ชมภาพไปเพลิน ๆ นะครับ
เดิน ๆ มาก็สะดุดตากับร้านนี้ครับ ถ้าผมมีโอกาสก็อยากจะมีหน้าร้านเล็ก ๆ ขายโปสการ์ดจากภาพที่ถ่ายเองทำเองคงจะดีไม่น้อย (ถึงแม้ฝีมือจะยังไม่ถึงก็เถอะ 555)
เจ้าตัวนี้ตาแบ๊ว
แต่เจ้าตัวนี้ตาจะปิด
ภาพสุดท้ายของที่นี่ครับ สาวน้อยน่ารักแห่งถนนคนเดิน
เช้าวันสุดท้ายครับ วันนี้ผมตื่นเช้าเพราะที่อินดี้เฮ้าส์มีสิ่งพิเศษ คือที่นี่จะสามารถทำอาหารเช้าทานเองได้ มีน้ำ มีเครื่องดื่มไว้ให้คอยบริการตัวเอง ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้านเลยครับ หลังจากเช็กเอาท์ผมก็เดินทางขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ ที่นี่สวยมากครับ แต่นักท่องเที่ยวก็เยอะมาก ๆ มุมในใจที่คิดจะมาถ่ายภาพที่เคยเห็นทั้งในอินเทอร์เน็ตและในหนังสือต่าง ๆ คงได้แค่ฝัน เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมากจริง ๆ
หลังจากไหว้พระเสร็จผมก็เดินทางขึ้นไปเที่ยวต่อที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ที่นี่มีดอกไม้เมืองหนาวมากมาย รวมไปถึงกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ วันนี้ไม่ค่อยได้ถ่ายภาพสักเท่าไรครับ เน้นเดินชมเพลิน ๆ มากกว่า ผมปิดทริปที่นี่ก่อนจะเดินทางกลับนัดส่งรถที่ขนส่งเชียงใหม่ แล้วขึ้นรถกลับโคราชครับ
เป็นทริป 4 วัน 3 คืน ที่คุ้มค่า ได้สัมผัสทั้งความสมหวัง ความผิดหวัง ได้เรียนรู้วิถีชีวิตทั้งคนเมืองและคนในชนบท เสน่ห์ของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่ปลายทางเสมอไป แต่เสน่ห์ของการเดินทางเริ่มต้นตั้งแต่คุณตัดสินใจที่จะเดินทาง...^_^
กับข้าวทำเองครับ หมูยอชุบไข่ทอด
เครื่องดื่มก็บริการตัวเองครับ
อินดี้เฮ้าส์
จุดชมวิวชมเมืองเชียงใหม่ระหว่างทางขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพครับ ถ้ามาชมจุดนี้ยามค่ำคืนได้เห็นแสงไฟคงสวยน่าดู
ถึงแล้วครับ ไปไหว้พระกัน
ก่อนจากขอสักนิดกับสาวน้อยแก้มแดง...^_^
ปิดท้ายทริปของผมที่นี่ครับ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
+++ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ไม่ว่าจะเข้ามาดูภาพหรือว่าอ่านบทความด้วยก็ตาม อยากฝากสักนิดนะครับ กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่อยากจะเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเก่า ๆ หรือสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ อยากให้ช่วยกันดูแลรักษาเพื่อที่จะได้มีที่ท่องเที่ยวดี ๆ ธรรมชาติสวย ๆ เอาไว้เที่ยวกันได้นาน ๆ ครับ หากเราเข้าไปทำลายสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นคงสูญสิ้นและหมดไป ขอบคุณครับ+++
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสองขาสะพายกล้อง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก yuttana.pichanchai